สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน
รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
My Roseสำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน
บทที่ ๒๘
แพรพรรณรายกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอในตอนที่เห็นเส้นสีแดงเส้นที่สองปรากฏขนานกันกับเส้นแรกในช่องสี่เหลี่ยม
กระนั้นหล่อนก็ยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตาเห็นแม้จะเป็นการทดสอบครั้งที่สาม และต้องการพิสูจน์อีกหลายครั้งจึงรีบก้าวขาออกจากร้านเสื้อของตนด้วยอาการร้อนรนปนความกระวนกระวายใจ เดินไปตามทางเท้าที่นำไปสู่ย่านร้านค้าเพื่อกว้านซื้ออุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์จากทุกชั้นที่วางขาย
แต่แล้วเสียงแตรจากรถสปอร์ตสีขาวที่ชะลอความเร็วเข้ามาเทียบไหล่ทางก็ทำให้หล่อนตาลุกทันทีที่หันหน้าไปมอง แม้ทำเป็นไม่สนใจ เจ้าของรถก็ยังเคลื่อนรถตามมา แถมยังเลื่อนกระจกลงแล้วส่งเสียงตะโกนบอกหล่อนว่า
“หงส์ คุณจะมาขึ้นรถด้วยตัวเองหรือจะให้ผมลงไปลากตัว!”
แพรพรรณรายเดือดจัด แต่จำต้องหันหลังกลับไปขึ้นรถของชายหนุ่มเพราะทนสายตาของคนละแวกนั้นไม่ได้ แต่พอปิดประตูหล่อนก็กระแทกเสียงใส่เขาทันที
“เป็นบ้าอะไรของคุณ!”
“เออ ผมจะเป็นบ้า!” สัญชัยกระแทกน้ำเสียงใส่อีกฝ่ายดังปานกัน “ก็เพราะคุณนั่นแหละ!”
แพรพรรณรายถลึงตาใส่ “มาโทษอะไรฉัน แล้วนี่คุณจะพาฉันไปไหน ฉันมีธุระต้องทำ!”
“ช่างธุระนั่นก่อนเถอะ เรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกันเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าที่เคลือบไปด้วยความขุ่นเคืองของชายหนุ่มเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าหล่อนไม่มีทางปฏิเสธ แพรพรรณรายจึงกำมือแน่น เงียบเสียงไปนั่งตัวแข็งตลอดทาง ทว่าในหัวนั้นกำลังปั่นป่วนเพราะการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆ เกิดขึ้นในร่างกาย
ปลายทางคือคอนโดมิเนียมหรู สถานพำนักอาศัยของคุณชายร่างแปลง และทันทีที่เครื่องยนต์ดับสนิท สัญชัยก็ลงจากรถเดินข้ามฝั่งมาเปิดประตู แล้วดึงตัวแพรพรรณรายให้รีบเดินตาม พลางส่ายหน้ามองรอบตัวราวกับกลัวอะไรบางอย่าง พอถึงห้องเขาก็รีบลงกลอนประตูแน่นหนา แล้วพุ่งไปปิดม่านหน้าต่างไม่อนุญาตให้แสงจากไฟในเมืองเล็ดลอดเข้ามา
“คุณเป็นอะไรของคุณ” อาการลนลานของเขาทำให้หล่อนวิตกตามไปด้วย
ชายหนุ่มเดินมากระแทกตัวลงบนโซฟา ชันศอกกับเข่าทั้งสอง ใช้สองมือสาวผมขึ้นแล้วก้มหน้าเหมือนคนอมทุกข์ “ไอ้จ้อย ไอ้จ้อยตายแล้ว”
หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วอึดใจ เพ่งมองความกลัดกลุ้มใจที่สร้างรอยย่นตรงหว่างคิ้วของเขาจนลึก “ไอ้จ้อย เด็กที่คุณหลอกใช้ทำงานให้นั่นน่ะหรือ”
“ใช่ แล้วผมก็เป็นคนสุดท้าย... เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับมัน”
“คุณหมายความว่าอย่างไร” แพรพรรณรายสังหรณ์ใจไม่ดี
“มันได้ยินผมคุยโทรศัพท์กับคุณ ผมเลยวิ่งตามมันไปแล้วจับตัวมันได้ที่ปลายสะพานปลา แต่มันดิ้นหลุดจากมือผม...” เขาเล่าเรื่องออกมาเป็นฉากๆ ราวกับพาหล่อนย้อนเวลากลับไปเป็นพยานรู้เห็นได้ “ผมคว้าชายเสื้อมันได้ทัน แต่ชายเสื้อมันขาด มันเลยดิ่งหัวจมทะเลหายไปใต้ท้องเรือ”
“มันเกิดริมทะเล ก็ต้องว่ายน้ำเป็นสิ”
“ผมก็คิดแบบนั้น... ” เสียงกลืนน้ำลายของชายหนุ่มดังในความมืดสลัว “เลยเฝ้ารอมันจนเรือลำนั้นออกหาปลา แต่มันก็ไม่โผล่ขึ้นมา แล้วก็มีคนไปเจอมันติดอวนเรือ เป็นศพตายไปแล้ว”
“มันจมน้ำตายไปเอง มันไม่ได้ตายเพราะคุณ แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าคุณอยู่กับมันคนสุดท้าย” แพรพรรณรายหามูลเหตุอื่นจูงใจให้เขาสงบลง
ไม่มีสัญญาณจากใบหน้าของสัญชัยที่สื่อให้หล่อนรู้ว่าเขาเห็นด้วยกับที่หล่อนพูด อาการหลุกหลิกในดวงตาสะท้อนแววความหวาดหวั่นออกมาให้เห็นชัดเจน
“ไอ้จ้อยมันมีสิ่งที่ตำรวจอาจสาวถึงผมได้”
หน้าอกของแพรพรรณรายสั่นสะท้าน ตัวเย็นวาบตั้งแต่สันหลังไล่ขึ้นมาจนถึงหนังศีรษะ
“ถะ... ถ้าอย่างนั้น คุณก็อย่าเพิ่งออกไปไหน หลบอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะหาทางช่วยได้” หญิงสาวแสร้งพูดเพื่อพาตัวเองออกจากห้องนี้ให้ได้ก่อน
“คุณจะช่วยผมอย่างไร ถ้าจะไปขอให้นายอิทธิฤทธิ์นั่นช่วยละก็อย่าหวัง เพราะดูท่าทางมันอยากกำจัดผมจะแย่ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่หาเรื่องให้ผมเป็นแพะรับผิดที่ไอ้ต้นกล้าถูกรถชนหรอก”
แพรพรรณรายเม้มปากแน่น ทั้งกลัวความระแวงของชายหนุ่มที่อาจผันแปรเป็นอาการวิตกจริต ทั้งกลัวว่าการตายของเด็กชายจะโยงใยมาสร้างความเดือดร้อนให้ตน รู้ดีว่าคนตรงหน้าต้องไม่ยอมปล่อยให้หล่อนลอยนวลคนเดียวแน่นอน แต่แล้วในวินาทีนั้นอาการเจ็บจี๊ดในช่องท้องคล้ายมีเข็มแหลมเล็กเสียบแทงก็เกิดขึ้นฉับพลัน ย้ำเตือนถึงสิ่งที่กำลังก่อร่างเป็นกงเกวียนกำเกวียนที่ทำร่วมกับผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่รู้ว่าจะหาทางหนีพ้นได้อย่างไร
ปริมาณกาแฟในแก้วเซรามิกสีขาวสะอาดไม่ได้ลดระดับลงเลยตั้งแต่ถูกนำเข้ามาเสิร์ฟให้ผู้รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ เหตุเพราะชายหนุ่มยังไม่รู้สึกอยากดื่มจนกว่าจะได้คำตอบจากมิลเลอร์โฮลดิ้ง เจ้าของดวงตาเรียวจึงเอาแต่จับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอว่าสัญลักษณ์จดหมายอิเล็กทรอนิกส์จะปรากฏเมื่อใด แล้วยิ่งได้รู้ว่านายต้นกล้าแท้จริงนั้นเป็นใคร ก็ยิ่งเพิ่มความเครียดมากขึ้นเป็นทวีคูณ ช่างเป็นเสือซ่อนเขี้ยวได้มิดชิดแนบเนียน
แต่มีเหตุผลอะไรที่ชายคนนั้นต้องปกปิดตัวตนกัน ความสงสัยนี้ทำให้อิทธิฤทธิ์นึกย้อนถึงคำพูดของนายประชา ราวกับสองคนนี้เคยบาดหมางรุนแรงกันมาก่อน แต่ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันอยู่ในถ้ำของตน เพื่อรอจังหวะกระโจนใส่กัน
ทันใดนั้นก็มีสายเรียกเข้ากวนสมาธิให้เขาอารมณ์เสียชักสีหน้าใส่โทรศัพท์ แต่แล้วก็ต้องพ่นลมหายใจดังเมื่อเห็นว่าเจ้าของสายเรียกนั้นคือมารดาของตน
“ว่าไงครับแม่” อิทธิฤทธิ์กรอกเสียงทักทายอย่างเบื่อหน่าย
“ฉันโทร.มาถามแกเรื่องขายหุ้นคุณากรฯ สรุปว่านายเรมอนด์นั่นจะซื้อหรือเปล่า”
“เขาขอดูผลประกอบการย้อนหลังก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ ผมคิดว่าจะให้เวลาเขาพิจารณาสักอาทิตย์สองอาทิตย์ แล้วค่อยโทร.ไปถาม”
“ดูแกไม่ค่อยเดือดร้อนเลยนะที่กิจการของครอบครัวจะพินาศ”
“ผมก็ไม่ได้นั่งเฉยๆ นะครับ” คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน ตอบกลับเสียงขุ่น “ตอนนี้โครงการของคุณากรฯ ก็เดินหน้าไปมากแล้ว พอห้างสรรพสินค้าเปิดทำการราคาหุ้นก็จะพุ่งขึ้น”
“แต่กว่ายายโรสจะทำสำเร็จ ก็เลยเวลาคืนหนี้ของแอนเจลฟลายไปแล้ว!”
“ผมก็กำลังหาทางอื่นช่วยอยู่นี่ไง นายเรมอนด์บอกราคาซื้อหุ้นคุณากรฯ มาแล้ว แต่ตอนนี้ผมกำลังรอคำตอบจากมิลเลอร์โฮลดิ้งว่าเขายอมรอจนกว่าเราจะขายหุ้นได้หรือเปล่า”
“แกก็บอกเขาไปสิว่าหลังจากขายหุ้นคุณากรฯ ได้แล้ว เราจะจ่ายหนี้เขาทันที หรือถ้าให้ดีแกก็ขายนายเรมอนด์นั่นแพงหน่อย แล้วยกส่วนต่างให้มิลเลอร์โฮลดิ้งไปเลย เขาจะได้พอใจ”
อิทธิฤทธิ์ฟังแล้วถอนหายใจแรง แค่การแบกรับภาระจัดการหนี้สินของกิจการครอบครัวก็ยุ่งยากพอแล้ว ยังต้องคิดถึงอนาคตของแอนเจลฟลายว่าจะอยู่ยงคงกระพันต่อไปได้อีกสักเท่าไร
“บอกตามตรง ผมก็ไม่อยากขายหุ้นคุณากรฯ สักหุ้นเลยด้วยซ้ำไป เพราะตอนนี้เงินปันผลที่ได้ก็เหมือนหม้อข้าวของเรา ถ้าเราทุบหม้อข้าวแล้วก็เท่ากับแอนเจลฟลายจะไม่มีรายได้อื่นนอกจากขายตั๋วเครื่องบินที่มีบริษัทคู่แข่งผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด”
“หรือไม่แกก็จับแม่โรสแต่งงานกับแกให้ได้ไวๆ แกจะได้ฮุบคุณากรฯ มาเป็นของแกทั้งหมด”
“เรื่องนั้นผมทำแน่นอน แต่ตอนนี้เราต้องรู้ก่อนว่ามิลเลอร์โฮลดิ้งจะตัดสินอย่างไรกับการขอผ่อนผัน และถ้าเขาไม่ยอม ผมก็ต้องหาทางตกล่องปล่องชิ้นกับโรสให้เร็วที่สุด”
“แล้วแกจะทำอย่างไรให้แม่โรสยอมแต่งกับแก”
“ผมมีวิธีของผมก็แล้วกัน แม่อย่ากังวลนัก ถ้ามีอะไรคืบหน้า ผมจะบอกเอง” ชายหนุ่มกล่าวตัดรำคาญ แล้ววางสาย ก่อนยกนิ้วขึ้นนวดต้นคอคลายอาการเมื่อยล้า แต่ความเงียบที่เพิ่งได้ครอบครองไปไม่กี่นาทีก็ถูกรบกวนด้วยสายเรียกเข้าสายที่สอง
หากแต่เจ้าของหมายเลขคนนี้ไม่ได้สร้างความหงุดหงิดใจให้อย่างเคย ทั้งที่ก่อนหน้าเขามักจะเพิกเฉยไม่สนใจและเลี่ยงการติดต่อกับหญิงสาวเจ้าของเลขหมายมาสักพักใหญ่ แต่ความเครียดขึงที่ก่อตัวภายในร่างกาย เรียกร้องให้เขาอยากหาที่ระบายมันออกมา
“พี่อิท หงส์มีเรื่องสำคัญอยากพูดกับพี่” ปลายทางบอกความต้องการทันที
“มาหาพี่ที่คอนโดฯ คืนนี้” ด้วยรู้ว่าหล่อนจะไม่ปฏิเสธ คำทักทายทั่วไปจึงกลายเป็นคำเชิญชวน “พี่เองก็มีเรื่องอยากพูดกับหงส์... เยอะเลย”
แพรพรรณรายมาหาเขาถึงที่พักในเวลาไม่นานเหมือนทุกครั้งที่เรียกหา แต่คราวนี้ชายหนุ่มไม่ต้องการการพูดการจาหรือดื่มเหล้าย้อมใจกันก่อนเช่นทุกครั้ง เขาเปลื้องกายหล่อนแทบจะทันทีที่หย่อนตัวนั่งบนเตียง แล้วก็เหมือนเช่นทุกครั้งที่หล่อนยอมพลีกายของสาววัยสวยสะพรั่งให้เขาบำบัดความเครียดขึงของผู้ชาย
จนความปรารถนาสัมฤทธิ์ผลสมใจ อิทธิฤทธิ์ถึงได้ถอนตัวออกจากร่างบางที่หายใจหอบโยน หลังกอบโกยความอิ่มเอมจนเต็มคราบแล้วเขาก็ลุกจากโซฟาพาร่างผึ่งผายเปลือยเปล่าไปรินเหล้าดื่มที่เคาน์เตอร์บาร์ แล้วเปิดโน้ตบุ๊กเช็กกล่องจดหมายเข้าจากมิลเลอร์โฮลดิ้ง แต่ก็พบว่ามันว่างเปล่า
“บัดซบเอ๊ย”
อิทธิฤทธิ์สบถอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วรินเหล้าใส่แก้วอีกครั้งก่อนกระดกดื่มรวดเดียวหมด แต่พอเงยหน้าจากโน้ตบุ๊กก็เห็นแพรพรรณรายลุกขึ้นนั่งยกมือปิดปากส่งเสียงคล้ายคนกำลังจะอาเจียน ก่อนพรวดพราดวิ่งเข้าห้องน้ำ สักพักใหญ่ถึงเดินโซซัดโซเซออกมาทิ้งตัวนอนบนโซฟาอย่างคนหมดแรง ครั้นจะไม่ดูดำดูดีก็จะกลายเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ จึงลุกขึ้นไปหาไถ่ถามสภาพอาการ
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือไง”
แพรพรรณรายสูดลมหายใจเข้าลึก ปรือตามองยกมือขึ้นแตะหน้าผาก “พี่อิทพร้อมฟังเรื่องสำคัญของหงส์แล้วใช่ไหมคะ”
ดวงตาเรียวหรี่แคบมอง หลังลืมเรื่องธุระสำคัญของหล่อนไปเสียสนิท และเขาเองก็ไม่นึกอยากถามถึง เพราะตั้งแต่ก้าวแรกที่หล่อนเหยียบย่ำเข้ามาในห้องพักสุดหรู เขาก็เข้าจู่โจมเล้าโลมจนหล่อนหลอมละลาย ยอมปล่อยกายปล่อยใจไปตามแรงปรารถนาอันเร่าร้อนรุนแรงของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“เรื่องอะไร” น้ำเสียงถามกลับเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย เขาเห็นแววความหวั่นเกรงในดวงตาของหญิงสาว
“พี่อิท...” แพรพรรณรายเอ่ยเสียงแผ่ว “พี่อิท... จะเป็นพ่อคนแล้วนะคะ”
“พ่อ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้น เปล่งคำพูดเสียงสูง “พี่น่ะหรือ”
หญิงสาวอาศัยความเงียบเป็นคำยืนยัน แต่ถึงหล่อนจะเปล่งคำพูดออกมาว่าใช่ เขาก็ไม่คิดตื่นเต้นดีใจ ในทางกลับกัน อิทธิฤทธิ์ไม่อยากได้ความวุ่นวายอื่นใดมาทับถมปัญหากิจการของครอบครัวที่ยังแก้ไขไม่จบไม่สิ้น
“ไปเอาออกซะ” เขาบอกหล่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พี่อิท... พี่อิทพูดจริงหรือคะ” เสียงสั่นเครือของแพรพรรณรายกับน้ำตารื้นไม่อาจกระทบจิตใจชายหนุ่มให้ไขว้เขว
“ไม่เอาน่าหงส์ เราคบกันแบบนี้ก็ดีพอแล้วไม่ใช่หรือ หงส์จะให้พี่ย้ำคำพูดเดิมไปถึงไหนว่าพี่จะแต่งงานกับโรส”
แพรพรรณรายเม้มปากเข้าหากันแน่น จ้องเขาด้วยดวงตาชื้นแต่แข็งกร้าว “โรสรู้เรื่องของเราสองคนแล้ว และต่อให้พี่พยายามอย่างไรโรสก็ไม่มีทางรักพี่ได้เหมือนหงส์”
“แต่โรสจะต้องไม่รู้เรื่องที่หงส์เพิ่งพ่นออกมา” อิทธิฤทธิ์เปล่งเสียงขรึม “ไม่อย่างนั้นวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะเจอกัน”
คำขาดที่เขายื่นไปคงทำให้แพรพรรณรายเข้าใจอะไรมากขึ้น หล่อนถึงหย่อนขาลงจากเตียงแล้วลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้นสวมใส่ ก่อนพาร่างปวกเปียกเดินตรงไปที่ประตูห้อง ไร้ท่าทีดื้อดึงอย่างเคย จนอิทธิฤทธิ์อดแปลกใจไม่ได้ แต่นั่นก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดในการจบปัญหา เพราะเขาจะใช้เวลาต่อจากนี้ในเฝ้ารอคำตอบจากมิลเลอร์โฮลดิ้ง
ทว่าเวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยงก็ไม่มีจดหมายใดจากบริษัทเจ้าหนี้สักฉบับ สร้างความอึดอัดใจให้กับชายหนุ่มจนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทร.ไปทวงคำตอบ แต่ยังไม่ทันได้กดหมายเลขที่ต้องการ สายเรียกเข้าจากบุคคลสำคัญที่คอยหนุนเรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับรสสุคนธ์ก็แทรกคิวมาก่อน
“สวัสดีครับป้าปัท” อิทธิฤทธิ์ข่มเสียงหงุดหงิดไว้ภายในก่อนเปล่งคำทักทายเจ้าของหมายเลขเรียกเข้า
“ตอนนี้อิทสะดวกคุยหรือเปล่า ป้าอยากคุยกับอิทเรื่องนั้น” แม้อีกฝ่ายจะพูดเชิงเกรงใจ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงการบังคับในน้ำเสียง และเพราะรู้ว่าปลายทางหมายถึงเรื่องใด ชายหนุ่มจึงเริ่มเปิดเรื่องก่อนทันที
“ผมว่าป้าปัทอย่าเพิ่งกังวลไปดีกว่า ถ้าเคลื่อนไหวมาก ก็จะยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“แต่ป้าอยากยกภูเขาออกจากอก...” ปลายทางเงียบเสียงไปนานหลายนาทีกว่า กระทั่งเขาได้ยินเสียงถอนลมหายใจ ตามด้วยประโยคต่อมาที่สร้างความกดดันให้
“อิท... ที่ป้าทำไปก็เพราะอยากให้โรสทำงานใหญ่สำเร็จ แต่โรสก็ยังอ่อนประสบการณ์นัก ถ้าหากวันหนึ่งไม่มีลุงคุณากรหรือป้าแล้ว ก็คงมีแต่อิทที่ป้าไว้ใจให้คุมกิจการ โรสคือสิ่งมีค่าที่สุดทั้งหมดของป้ากับลุง อิทสัญญากับป้าได้ไหมว่าจะดูแลโรสให้ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าป้าเลย”
เขาเองก็ไม่อยากเอาภูเขาของใครมาทับอกตัวเองเช่นกัน ลำพังแค่เรื่องกิจการครอบครัวก็ปวดหัวมากพอแล้ว แต่ประโยคที่ตามมานั้นสร้างความหนักอึ้งให้กับจิตใจ หรือภูเขาที่นางปัทมาหมายถึงจะเป็นเรื่องของรสสุคนธ์ บุตรสาวคนเดียวที่ผู้เป็นมารดาไม่เคยวางใจให้เดินด้วยขาตัวเอง
“ผมจะทำให้ดีที่สุด”
เขากล่าวได้แค่นั้นก่อนขอตัดสายเพื่อเฝ้ารอความหวังสุดท้ายของกิจการครอบครัว แต่เมื่อมีข้อความใหม่เข้า แล้วผู้ส่งก็คือเจ้าหนี้ใหญ่ที่เขารอคอย หัวใจของอิทธิฤทธิ์ก็เต้นระรัว เปิดจดหมายอ่านด้วยความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ
ประโยคขึ้นต้นจดหมายสร้างความปรีดาให้หัวใจยิ่งเหมือนได้ดื่มน้ำอมฤต เพราะมิลเลอร์โฮลดิ้งจะต่อสัญญากู้ให้แก่แอนเจลฟลาย แต่เขาต้องยินยอมทำตามเงื่อนไขในข้อต่อไปนี้ แล้วในตอนที่กำลังไล่สายตาอ่านจนถึงเงื่อนไขข้อสุดท้ายที่ทำให้คิ้วเรียวขมวดชิดกัน ขบกรามจนขึ้นสันนูน
‘แอนเจลฟลายจะขายหุ้นคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ส่วนที่นายอิทธิฤทธิ์ถืออยู่ในราคาต่ำกว่าที่ยื่นขายต่อเรมอนด์แลนด์แทนการนำหุ้นของแอนเจลฟลายมาจำนองการันตีหนี้สูญ หรือมิเช่นนั้นนายอิทธิฤทธิ์จะต้องยอมรับและปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาเงินกู้พิเศษข้อสุดท้ายที่ผูกไว้กับมิลเลอร์โฮลดิ้งเพื่อนำเงินประกันชีวิตชดเชยหนี้ทั้งหมด’
“แสบนักนะ ทีเค มิลเลอร์!”