สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน
รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
My Roseสำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน
บทที่ ๓๑
‘หุ้นสี่สิบเปอร์เซนต์ของคุณากรพร็อพเพอตี้ที่นายอิทธิฤทธิ์ถือครองจะถูกโอนถ่ายเปลี่ยนไปเป็นของมิลเลอร์แทนการใช้หุ้นแอนเจลฟลายจดจำนอง’
เงื่อนไขสัญญาถูกอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยิ่งอ่านมากครั้งเท่าใด ก็ยิ่งสร้างความเดือดดาลใจจนอยากเผาสัญญาซื้อขายหุ้นของมิลเลอร์โฮลดิ้งให้มอดไหม้ให้กลายเป็นเถ้าธุลี แต่เพราะสัญญาฉบับนี้คือทางรอดของกิจการครอบครัว จึงต้องทนฝืนกัดฟันยอมรับทุกข้อตกลงที่เขียนตามความต้องการของอีกฝ่ายเพียงทางเดียว
นักธุรกิจหนุ่มจึงจรดปากกาตวัดลายเซ็นลงพื้นที่สีขาวเหนือเส้นทึบแทนคำยืนยันของการตัดสินใจครั้งสำคัญที่แม้ว่าจะช่วยฉุดแอนเจลฟลายขึ้นจากบ่อทรายดูดได้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเดินตัวลอยได้อย่างใจ เหตุเพราะขาอีกข้างยังจมอยู่ใต้ผืนทรายร้อนร่วมกับคุณากรพร็อพเพอตี้ที่เขาลากเข้ามาอยู่ในวังวนปัญหา และนับวันจะทวีความร้ายแรงกว่าของแอนเจลฟลายหลายเท่า ทั้งการจ้องขอเงินทุนคืนและฟ้องร้องค่าเสียหายจากนายเรมอนด์ ทั้งการเตรียมถูกโอนถ่ายหุ้นบางส่วนไปอยู่ในมือผู้ถือครองคนใหม่
แต่ตราบเท่าที่เขายังครองตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไม่ว่าใครก็อย่าได้หวังฮุบสิ่งที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอไปได้ ก็เพราะคุณากรพร็อพเพอตี้ไม่ต่างกับกวางสาวเนื้อหวานฉ่ำ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมสุนัขล่าเนื้ออย่างมิลเลอร์โฮลดิ้งถึงกระหายเนื้อกวางตัวนี้นัก และนี่เองที่เป็นเหตุผลอธิบายว่าทำไมเขาถึงไม่อยากปล่อยคุณากรพร็อพเพอตี้ให้หลุดรอดไปจากมือ เช่นเดียวกันกับรสสุคนธ์ที่เขาจะไม่ยอมให้ชายหน้าไหนมาคว้าหล่อนไปเชยชม
มีเสียงสายเรียกเข้าดังจากโทรศัพท์ อิทธิฤทธิ์จึงเก็บสัญญาสอดใส่ซองเตรียมส่งบริษัทคู่สัญญา แล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าด้วยความรู้สึกคร้านที่จะคุยสายกับใครตอนนี้ แต่ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคือคนสำคัญที่เขาพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวดอง
“ว่าไงครับคุณประชา มีอะไรให้ผมรับใช้” อิทธิฤทธิ์ทักทายก่อนด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้ฟังดูสดชื่น
“ผมต่างหากที่ยังเป็นฝ่ายรับใช้คุณ” ปลายทางหัวเราะในลำคอ แล้วตอบกลับน้ำเสียงที่ไม่ได้ฟังดูเป็นกันเองเกินไป “นี่ก็จะโทรมาบอกข่าวดีเกี่ยวกับแม่ยายคุณนั่นแหละ”
เป็นเรื่องที่อิทธิฤทธิ์คอยฟังความคืบหน้าอยู่เหมือนกัน จึงเงียบรอให้อีกฝ่ายเล่า
“ทางตำรวจยังไม่ติดใจสงสัย ส่วนหนึ่งก็เพราะเจ้านั่นให้ปากคำว่าอยากแก้แค้นคืน แต่มันก็เล่นได้สมบทบาท คงจะแค้นเจ้าต้นกล้าเป็นทุนเดิมจริงนั่นแหละ แต่รอบนี้เจตนาทำให้บาดเจ็บ ก็คงถูกลากคอเข้าเรือนจำตามที่ผมวางแผนไว้”
อิทธิฤทธิ์นึกชื่นชมแผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอันแสนแยบยล สมแล้วที่นายประชาได้เป็นใหญ่เป็นโตในวงการผู้มีอิทธิพล “คุณประชาแน่ใจหรือครับว่ามันจะราบรื่นเป็นไปตามที่คิด”
“อย่างน้อยก็ช่วยยืดเวลาให้เจ้าหน้าที่สับสนนานขึ้น แล้วถ้าหาพยานหลักฐานอะไรไม่ได้ สุดท้ายแพะก็จะเป็นแพะโดยถาวร”
“แต่อีกฝ่ายคือมิลเลอร์ เขาสามารถใช้เงินเร่งคดีได้”
นายประชาหัวเราะในลำคอ “อย่าลืมสิว่าเขาเองก็มีคดีติดตัว ถ้าเขาโหวกเหวกเรื่องนี้ ผมก็พร้อมจะตีโป่งประวัติไม่ดีของมันเหมือนกัน”
อิทธิฤทธิ์ได้รู้ถึงความหลังจากปากของนายประชาก่อนลงมือกระจายใบปลิวที่มีเนื้อความบอกถึงการใช้เงินอุดปากพยานรู้เห็นในเหตุการณ์ และการที่นายประชายอมให้ความร่วมมือช่วยกำจัดหนามของเขาด้วยความเต็มอกเต็มใจเกินคาด ก็เพราะมีโจทก์คนเดียวกันคือนายต้นกล้า
‘คนที่มันพยายามฆ่าคือลูกชายของผมเอง’
ด้วยเหตุผลร้ายแรงใดกันที่ทำให้ชายผู้เงียบขรึมถึงกับบันดาลโทสะจนพยายามฆ่าคนอื่นได้นั้น แต่นายประชาไม่มีทีท่าจะแพร่งพรายให้เขารู้ แต่เขาเองก็ไม่อยากเอาเรื่องวิวาทของคนอื่นมารกสมองอยู่แล้ว
“เอาเป็นว่า ผมยินดีกับความสำเร็จในธุรกิจของคุณประชาล่วงหน้าแล้วกันครับ”
“ก็เป็นเพราะได้รู้จักคุณนั่นแหละ ผมถึงได้ลูกน้องดีๆ มาทำงานด้วย” นายประชากล่าวด้วยเสียงยินดี แต่อิทธิฤทธิ์ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น อยากจะกล่าวคำลาเต็มแก่ ทว่าเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจึงต้องถือโทรศัพท์ค้างไว้
“พูดถึงลูกน้อง ผมว่าคุณน่าจะเตือนนายวิชัยนั่นบ้าง”
“มีอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“ไอ้ผมก็ไม่อยากยุ่งอะไรหรอก แต่เจ้าอ้วนนั่นชอบไปเมามายทำกร่างในคาราโอเกะ แถมยังติดหนี้บ่อนผมอีก ถ้าวันก่อนคุณโรสไม่มาไถ่หนี้ให้ถึงบ่อนละก็ ถึงจะเป็นคนของคุณ ผมก็จะซัดมันให้น่วมเป็นค่าดอกเบี้ย”
เรื่องนายประชาอยากซัดลูกน้องอ้วนจนน่วมไม่ได้สะกิดใจเขาเท่ากับรสสุคนธ์ไปทำอะไรที่บ่อน เขากล่าวคำลาแล้ววางสายเพื่อใช้สมองหาเหตุผล แต่ที่ดีกว่าการคาดเดาคือไปเอาคำตอบกับนายวิชัยเอง
ทว่าลูกน้องร่างท้วมไม่ได้ไปปรากฏตัวที่บ่อนหรือคาราโอเกะอีกเลย แต่กลับเปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นการเข้าออกสำนักงานแอนเจลฟลายบ่อยเกินควร จะด้วยมาติดต่อส่งเอกสารระหว่างคุณากรพร็อพเพอตี้ก็ใช่ที่ แม้จะได้ตำแหน่งใหม่ที่ถือสิทธิ์เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดเขาก็ตาม การไปๆ มาๆ แบบนี้สร้างพิรุธให้กับคนที่คอยจับจ้องหาความผิดปกติ
แล้วความสงสัยก็กระจ่างชัดในวันที่นายวิชัยย่างกรายเข้าไปในสำนักงานยามวิกาลโดยอ้างว่ามาเอาเอกสารตามคำสั่ง ซึ่งหากนายประชาไม่เตือนในวันก่อน อิทธิฤทธิ์คงไม่กำชับกับพนักงานรักษาความปลอดภัยให้เฝ้าคอยจับตามอง แต่เขาไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น รอจนกว่าเห็นนายวิชัยออกจากอาคารด้วยท่าที่ลุกลี้ลุกลนพร้อมกับแฟ้มเอกสารอันเป็นหลักฐานของการโจรกรรมข้อมูล ถึงค่อยออกไปแสดงความเป็นเจ้าของแฟ้มนั้นด้วยความเคืองขุ่นเต็มพิกัด
“คะ... คุณอิท” นายวิชัยหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มในตอนที่เห็นเขายืนสงบอยู่ข้างรถของตัวเอง
“เลี้ยงเสียข้าวสุก” ชายหนุ่มกล่าวเสียงกดต่ำ ก่อนก้าวขาไปกระชากคอเสื้อของคนทรยศเข้ามา จดจ้องด้วยดวงตาเดือดดาล
“ผะ... ผม... ผมขอโทษ อย่า... อย่าทำอะไรผมเลย” เนื้อตัวสั่นเทาเหมือนลูกสุนัขของนายวิชัยสร้างความสมเพชกับตัวเองยิ่งนัก
“คุณขอร้องไม่ให้ผมทำอะไรคุณ แล้วที่คุณกำลังทำกับโรสล่ะคืออะไร ไม่ใช่แทงข้างหลังผมอยู่หรือยังไง!” เจ้านายหนุ่มตะคอกใส่แล้วคว้าแฟ้มมาไว้ในมือ
“ผม... ผมแค่ทำตามคำสั่งคุณโรส”
“ไหนบอกว่าจะภักดี ถามหน่อยเถอะ โรสเขาจ่ายคุณหนักกว่าผมแค่ไหนกันเชียว”
นายวิชัยเม้มปากแน่น จ้องตาเขาไม่ถอย “ถ้าไม่นับค่าไถ่หนี้ที่ผมต้องทำงานใช้ คุณโรสเขาให้หลักประกันความปลอดภัยกับผม ถ้าผมยอมทำงานให้เธอ เธอจะช่วยให้ผมรอดจากการถูกปิดปาก”
อิทธิฤทธิ์แค่นหัวเราะ “อ้อ... นึกว่าเรื่องอะไร”
“คุณอิทก็รู้ใช่ไหมว่านายประชามันเก็บไอ้นั่นแล้ว และก็ยังจะตามเก็บพยานรู้เห็นที่เหลือ”
“รู้สิ แต่ที่คุณยังหัวโด่อยู่อย่างนี้ก็เพราะเป็นคนของผม นายประชาถึงได้ละเว้นไว้ แต่คุณมันตาขาว ก็สมแล้วที่ผมจะปล่อยให้เขาพาคุณไปเที่ยวเมืองผี!”
“ผม... ผมยังไม่อยากตาย” นายวิชัยร้องไห้คร่ำครวญเสียงหลง
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามคำสั่งครั้งสุดท้าย!”
“บอกผมมาเลย ผมยินดีทำตามทุกอย่าง”
อิทธิฤทธิ์เหยียดยิ้มเย็นยะเยือก “โทรศัพท์ไปบอกโรสว่าคุณจะเอาแฟ้มไปให้ที่สำนักงานชั่วคราวในไซต์งาน”
นายวิชัยตอบสนองตามบัญชา ต่อสายหาหญิงสาวแล้วกล่าวตามคำบอก เสร็จสรรพก็รอความเมตตา เจ้านายหนุ่ม เห็นแล้วก็นึกสมเพชในความรักตัวกลัวตายจนทำให้โยนบุญคุณที่หญิงสาวเคยช่วยไว้ และต่อให้เขายัดเงินใส่ปากเท่าไร คนที่เลี้ยงไม่เชื่องอย่างนายวิชัยก็คงได้แว้งกัดเข้าสักวัน
“อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”
สิ้นคำ อดีตลูกน้องร่างท้วมก็กุลีกุจอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในรถของตัวเอง แล้วขับออกไปราวกับกำลังหนีมหันตภัยครั้งใหญ่ แต่จะหนีพ้นหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่อิทธิฤทธิ์ต้องใส่ใจ ชายหนุ่มต่อสายหาพันธมิตรอีกครั้ง แล้วบอกกล่าวถึงการตัดหางปล่อยวัดคนทรยศ จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังไซต์งานพร้อมกับของฝากที่เป็นประวัติทางการเงินทั้งหมดของแอนเจลฟลาย
ก็ของที่มีค่ามากกว่าแหวนแต่งงานแบบนี้ จะไว้ใจคนอื่นเอาไปให้หล่อนได้อย่างไรกัน