ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รัก,วัยว้าวุ่น,อ่อย,นางเอกรุก,พระเอกเลว,หนี,mydoctor,นิยายรัก,นิยายชายหญิง,แอบรัก,คุณหนู,แค้น,ท้อง,ชาย-หญิง,หว๊านหวาน,โรแมนติก,18+,โรมานซ์,พี่หมอเย็นชา,เย็นชา,หมอ ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Part ไอรีน
“ป้าคะ ซักแห้งตัวนึงค่ะ” เมื่อฉันเดินลงมายังร้านซักแห้งภายในโรงพยาบาลที่มีไว้สำหรับญาติที่มานอนเฝ้า
“ได้จ๊ะ เดี๋ยวตอนเย็นๆ แวะเข้ามาเอานะจ๊ะแม่หนู” เสียงยายพูดจบฉันก็ก้มหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการรับรู้ก่อนจะหันหัวกลับไปยังห้องทำงานอีกครั้ง
แต่จริงๆ ก็ยังไม่มีห้องทำงานหรอกนั่งทำงานในห้องพี่คีตะนั่นแหละ ที่ฉันรีบก็เพราะต้องรับไปอ่านเอกสารที่เจ้าตัวสั่งฉันมาเมื่อเช้านั่นแหละ
“ก๊อกๆ ขออนุญาตคร้า” ฉันเคาะประตูสองสามครั้งแล้วรอให้คนข้างในอนุญาตก่อนจะเปิดประตูเข้าไปข้างใน
“พี่หมอไม่เครียดบ้างเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามออกไป พรางนั่งลงตรงหน้ากองเอกสาร พี่คีตะทำงานทั้งวันแถมทำงานหนักอีกด้วย ทนไปได้ไง
“ไม่ต้องพูดมาก อ่านเอกสารของเธอไป” ร่างหนาไม่ได้ตอบคำถามกลับมาแต่เป็นการสั่งให้คนตัวเล็กอย่าพึ่งกวนเขา ทั้งสองคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเอง
มีบ้างบางครั้งที่พี่หมอต้องออกไปตรวจคนไข้ ซึ่งเวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วที่ฉันก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้ จนทำให้ต้นคอฉันเริ่มปวดจี๊ดขึ้นมา
Part คีตะ
“ซี๊ด~” ในระหว่างที่ผมกำลังจะเซ็นเอกสารกองสุดท้าย หูก็ดันไปได้ยินเสียงซี๊ดปากของคนตัวเล็กเบาๆ พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าเธอใช้มือนวดคลึงบริเวณต้นคอ
ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเธอนั่งอ่านหนังสือมานานแล้วอีกอย่างคือนั่งอ่านบนโซฟากับโต๊ะต่ำๆ สงสัยจะปวดคอ ปวดหลังเข้าแล้ว
“ฮัลโล เข้ามาหาผมหน่อย” ผมตัดสินใจต่อสายหาเลขาที่อยู่หน้าห้องให้เข้ามาหาผม ไม่นานเลขาคนดังกล่าวก็เดินเข้ามา
“มีอะไรรึป่าวครับ” เมื่อเลขาหนุ่มเข้ามาก็พร้อมรับคำสั่งจากคนตัวสูงทันที ซึ่งคีตะมีทั้งเลขาฝ่ายบริหารและผู้ช่วยด้านการรักษาอย่างเมย์
“ฉันต้องการโต๊ะทำงานเพิ่มอีกหนึ่งโต๊ะ ให้เด็กคนนั้น เอามาวางไว้ตรงนี้” ผมสั่งเลขาพร้อมชี้นิ้วไปที่ตำแหน่งที่ต้องการวางโต๊ะ ซึ่งเป็นรูปตัวแอลเมื่อนำมาต่อกับโต๊ะของผม และตั้งอยู่ไม่ห่างนัก
“สวัสดีค่ะ” เลขาหันไปมองคนตัวเล็ก คนตัวเล็กที่ฟังบทสนทนาอยู่ก่อนแล้วจึงยิ้มและทักทายเลขาของผมอย่างเป็นมิตร
“โอเคครับ เดี๋ยวผมออกไปจัดการให้เดี๋ยวนี้” เมื่อเลขาชายของผมออกไป ผมก็กลับไปนั่งที่โต๊ะเพื่อเซ็นเอกสารต่อให้เสร็จ
“ขอบคุณนะคะพี่หมอ” เมื่อผมเซ็นเอกสารเสร็จกำลังจะเก็บให้เรียบร้อยก็ได้ยินเสียงหวานดังเข้ามากระทบหู พอหันไปสบตาเธอ เธอก็เอาแต่จ้องผมกลับมาอย่างไม่หวั่นเกรง
“เธอกลับได้แล้ว พรุ่งนี้อย่ามาสายล่ะ” ผมพูดกับคนตัวเล็กพรางเก็บของเข้าที่และหันไปหยิบเสื้อสูทบวกกับกุญแจเตรียมกลับบ้าน
“รับทราบค่ะ รีนจะรีบมาหาพี่หมอแต่เช้า” พอคนตัวเล็กพูดจบร่างหนาก็ส่ายหัวเบาๆ ให้กับความดื้อของเธอก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ปล่อยให้ร่างบางเก็บของและกลับไปเองตามปกติ
Part ไอรีน
“อ้าวมาแล้วเหรอจ๊ะแม่หนู” เมื่อฉันเดินเข้ามาในร้านซักแห้งป้าคนเมื่อเช้าก็เอ่ยทักฉันด้วยรอบยิ้มที่น่ารัก
“หนูมาเอาเสื้อให้คุณหมอค่ะ” ฉันพูดอย่างสุภาพ เมื่อเป็นดังนั้นป้าจึงหายไปในร้านและหยิบเสื้อของพี่หมอออกมายื่นให้ฉัน
“เหมาะสมกันดีนะ” ระหว่างที่ฉันกำลังจะจ่ายเงินค่าซักให้ป้า ป้าแกก็เอ่ยขึ้นมาสงสัยแกเห็นชื่อพี่หมอที่เสื้อ ทำให้ฉันอดดีใจไม่ได้ ก็มันแน่นอนอยู่แล้ว เหมาะสมกันที่สุด
“ขอบคุณค่ะ~” ฉันจ่ายเงินพร้อมยิ้มแป้นให้ป้า วันนี้ฉันรู้สึกว่าป้าสวยที่สุดเลย คิคิ เมื่อได้เสื้อมาแล้วฉันก็นำมาแขวนไว้ในกันลืม ก่อนจะตรงกลับบ้านไป
“บรื๊นน” รถยี่ห้อดังคันหรูเคลื่อนตัวออกไปพ้นเขตโรงพยาบาลอย่างมีความสุข แต่อีกฝั่งกลับมีสายตาอิจฉาริษยาที่กำลังยืนมองดูเธออยู่
เช้าวันรุ่งขึ้น
“เอี๊ยด!!” ฉันเข้ามาจอดรถที่ลานจอดรถของทางโรงพยาบาลที่เตรียมไว้ก่อนจะก้าวเข้าโรงพยาบาลสวยๆ และไม่ลืมหยิบเสื้อพี่หมอติดมือมาด้วย
“ติ๊ง!” เสียงลิฟต์ดังขึ้น ร่างบางก้าวเข้าไปและกดชั้นที่ต้องการ วันนี้เธออารมณ์ดีสุดๆ เพราะกำลังจะได้เจอหน้าพี่หมอคีตะ ที่ใครๆ ก็อยากได้ทั้งโรงพยาบาลรวมไปถึงนอกโรงพยาบาล
“ก๊อกๆ” ฉันเคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเข้าไปภายในห้อง พอเข้ามาก็ไม่เห็นมีใครอยู่ฉันจึงนำเอาเสื้อของพี่คีตะไปแขวนไว้
“?????” หลังจากแขวนเสื้อผ้าเสร็จสายตาก็ดันหันไปเห็นประตูบานหนึ่งที่มันซ่อนอยู่หลังห้องทำงาน ซึ่งเหมือนจะถูกใช้อยู่บ่อยพอตัว
“ก๊อกๆ” ฉันละสายตาออกจากประตูก่อนจะเดินไปเปิดประตูหน้าห้องให้กับคนข้างนอก
“เอกสารให้คุณหมอเซ็นครับ” เลขาหนุ่มคนเดิมหอบเอกสารเข้าไปวางบนโต๊ะของหมอคีตะก่อนจะเดินหายออกไป
“!!” แต่เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้เมื่อเห็นหน้าของเลขาพี่คีตะ ก็หันไปมองภายในห้อง ซึ่งตอนนี้ก็มีโต๊ะทำงานที่มีชื่อของฉันตั้งอยู่
“ว้าวว~~” ฉันเดินเข้าไปสำรวจ โต๊ะนี้ถูกวางไว้ใกล้โต๊ะของคนตัวโตแถมยังถูกออกแบบสวยงาม ถูกวางไปด้วยเครื่องมือที่จำเป็นหลายอย่าง
“น่ารักจัง คิคิ” ในระหว่างที่ฉันกำลังชื่นชมโต๊ะตัวเองอยู่นั้น เสียงทุ้มก็ดังเข้ามาภายในห้องพร้อมกับพี่หมอสุดหล่อของฉัน
“หมับ!! ขอบคุณนะคะ” ร่างบางดีใจจนเผลอวิ่งเข้าไปกอดแขนคนตัวโตทำให้คนตัวโตต้องหยุดฝีเท้าลงนิ่ง และมองเธอด้วยสายตาเบาๆ
“แฮร่~ ลืมตัวค่ะ” ฉันรีบปล่อยมือออกจากแขนของพี่หมอทันที เขาจึงเดินก้าวต่อไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” ฉันพูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหม่ พี่คีตะก็ทำเพียงหันมาดูเล็กน้อยก่อนจะหยิบเอกสารที่เลขาพึ่งเอามาวางไว้เมื่อกี้มาอ่านดู
“อ้อ ลืมบอก เสื้อของพี่หมอรีนแขวนไว้ตรงนั้นให้แล้วนะคะ” ฉันพูดจบก็ชี้ไปที่เสื้อของเขาที่ฉันเอาไปแขวนไว้
“ขอบใจ ตั้งใจ รีบอ่านให้จบ” พี่หมอหันไปดูตามนิ้วเรียวยาวก่อนจะสั่งร่างบางให้ตั้งใจอ่านเอกสารต่อ เขาก็เช่นกันที่ตั้งใจทานของตัวเองต่อ
“รับทราบค่ะ คนบ้างานแห่งปี” ฉันเอ่ยแซวคนตัวโตเล็กน้อย ส่งผลให้เขาส่งสายตาดุมาให้ฉัน ฉันเลยแกล้งไม่เห็นและทำงานต่อ
“........” เราสองคนต่างก็ทำงานกันมาหลายชั่วโมงจนตอนนี้เที่ยงแล้ว ฉันจึงเก็บเอกสารก่อนจะชวนพี่หมอไปกินข้าว ทว่า....
“เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนเลย ไปเคสด่วนก่อน” ฉันก็ต้องกลืนคำนั้นลงไปในลำคอ เข้าใจได้แหละว่ามันคืองานเดี๋ยวค่อยซื้อมาฝากแล้วกัน
“โอเคค่ะ” ฉันตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินและเดินออกไปโรงอาหารของโรงพยาบาล บอกเลยโรงอาหารที่นี่เหมือนยกร้านอาหารในโรงแรมดังเข้ามาเลยแหละ
ณ โรงอาหาร
“แกอิจฉาเนอะ ได้ทำงานใกล้หมอคีตะด้วยอะ” ฉันกำลังกินข้าวอยู่ก็ได้ยินเสียงซุบซิบพูดถึงเรื่องฉันกับพี่คีตะดังมาไม่ขาดสาย
“แกร๊ก!!” เมื่อฉันกินข้าวเสร็จก็เดินกลับเข้ามาในห้องทำงานดังเดิม ปรากฏว่าพี่หมอยังไม่กลับเข้ามาในห้องน่าจะมีผ่าตัด ฉันจึงวางกล่องข้างไว้บนโต๊ะเขา
“ห้องอะไรกันนะ” ฉันกลับไปสนใจประตูลับอีกครั้งซึ่งมันคาใจฉันมาตั้งแต่เช้าแต่ก็ไม่กล้าถาม ถึงถามออกไปก็ไม่รู้ว่าพี่คีตะจะยอมบอกรึป่าว
“แกร๊ก” ร่างบางตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดประตู พบว่ามันไม่ได้ล็อกอยู่ ขาเรียวค่อยๆ ก้าวเข้าไปภายในห้องอย่างระมัดระวัง
“ห้องนอนงั้นเหรอ” พอคนตัวเล็กเข้ามาภายในห้องก็พบเข้ากับเตียงนอนและเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ภายในห้องมีหน้าต่างที่มองลงไปยังข้างล่างได้ที่นี่ดูเงียบและสบายพอสมควร
“เอาไว้ตอนทำงานดึกงั้นเหรอ” ร่างบางบ่นกับตัวเองเบาๆ เมื่อรู้ว่าห้องลับนี้คือห้องนอนที่มีประตูเดียว
“ใช่ครับ!” แต่เสียงที่ดังต่อมาทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงยืนแข็งทื่อเมื่อถูกจับได้ว่าแอบเข้ามาในห้องนอนของคนตัวโต
“พรึ่บ!!” คนตัวโตผลักร่างหนาให้ล้มลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงนุ่มขนาดคิงไซส์ ก่อนจะตามเข้าไปคล่อมร่างบางติดๆ
“พ...พี่คีตะ” คนตัวเล็กพูดตะกุกตะกัก เพราะพี่หมอจอมเย็นชาที่เธอรู้จักทำกับเธอแบบนี้ ดวงใจน้อยๆ เต้นโครมครามอยู่ภายใน
“เข้ามาทำอะไรที่นี่” เสียงทุ้มก้มลงไปกระซิบกระซาบใกล้ใบหูร่างบางจนทำให้เธอขนลุกซู่ ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
“ค...คือว่า” ในระหว่างที่คนตัวเล็กกำลังหาคำแก้ตัว พี่หมอคีตะก็ใช้จมูกโด่งลากไล้ไปตามกรอบหน้าของร่างบาง
“ก๊อกๆๆ” เมื่อได้ยินเสียงของประตูที่ถูกเคาะอยู่ด้านหน้าทำให้พี่หมอต้องหยุดการกระทำลง ร่างบางรีบกอบโกยออกซิเจนเข้าปอด
“ลุกแล้วปิดห้องนี้ด้วย” เมื่อพูดจบร่างหนาก็เดินออกไปจากห้องนอนลับ ฉันจึงลุกและรีบเดินตามออกไปไม่ลืมที่จะปิดประตู
“เข้ามาได้” ฉันเดินลงไปนั่งโต๊ะทำงานด้วยใจที่เต้นโครมคราวไม่ยอมหยุด ลุคเมื่อกี้พี่หมอกร้าวใจมาก แบดบอยสุดๆ
“คีตะคะ!”