ไอริส : นี่ฉันชอบเวลส์งั้นเหรอ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้วแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่เขามีคนนั้นอยู่แล้ว………
ดราม่า,รัก,ผู้ใหญ่,ไทย,วัยว้าวุ่น,มีลูก,หนี,ท้อง,แอบรัก,แอบชอบเพื่อน,เพื่อน,มาเฟีย,ติดหนี้,หว๊านหวาน,badfriend,20+,18+,พระเอกเลว,เพื่อนสนิท,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,โรมานซ์,โรแมนติก,นิยายรัก,นิยายชายหญิง,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Part ไอริส
เวลา 10:24 น. ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ตึก ตึก ตึก” เสียงฝีเท้าดังอย่างต่อเนื่อง หญิงสาวร่างบางกับรองเท้าส้นเข็มสูงคู่ใจ กำลังเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าแบรนด์หรู
“กรี๊ดดดด” เสียงแฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ‘ไอริส’ นักแสดงหน้าใหม่ที่มีกระแสดังข้ามคืน หลังจากซีรี่ย์ที่เธอแสดงมันกำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ ทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ตอนนี้เธอกำลังเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าในฐานะ Brand Ambassador โดยมีการถ่ายรายการอยู่อีกด้วย
“เอาตัวนี้ค่ะ” ฉันชี้ไปที่เสื้อที่ฉันสนใจ พร้อมทั้งยื่นบัตรเครดิตไปให้พนักงานเพื่อนำไปจ่ายเงินค่าเสื้อผ้าที่ฉันจะซื้อ จากนั้นก็หันไปทักทายแฟนๆ ที่มาให้กำลังใจฉันอยู่ด้านนอกของร้าน ตอนนี้ฉันกำลังถ่ายทำรายการเพื่อ โปรโมทแบรนด์นี้อยู่
“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ” พนักงานพูดจบก็เดินที่ที่เคาท์เตอร์
“พี่คะๆ ขอลายเซ็นได้มั้ยคะ” เด็กสาววัยมหา’ลัย เอ่ยกับฉันด้วยความปลาบปลื้ม ฉันจึงส่งยิ้มกลับไปแล้วเซ็นลายเซ็นลงบนสมุดพกของเธอ
“หนูขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ” เด็กสาวพูดพร้อมชูโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“ได้ค่ะ” ฉันตอบตกลงและยิ้มกว้างใส่กล้อง ฉันทำแบบนี้กับแฟนคลับรอจนพนักงานร้านเสื้อเอาเสื้อมาให้ฉัน
“ขอบคุณที่ใช้บริการนะคะ” พนักงานเอ่ยเสียงหวาน และยื่นถุงเสื้อผ้าให้ฉัน
“ครั้งหน้าจะมาอุดหนุนใหม่นะคะ” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม พร้อมรับถุงเสื้อผ้ามาและโบกมือลาแฟนคลับที่อยู่หน้าร้านตอนนี้ ต่างคนต่างจับกล้องขึ้นมาถ่ายที่ฉัน เสียงชัตเตอร์ดังไม่หยุด
“คัท โอเคธรรมชาติมากครับ” เสียงผู้กำกับสั่งคัท ตอนนี้พวกเราก็ทำงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ทำการอำลาทุกคนและแฟนคลับ เพื่อเดินทางกลับไปพักที่คอนโดสุดหรูใจกลางเมือง
ทุกคนอาจจะคิดว่าฉันชีวิตน่าอิจฉา แต่นั่นก็แค่เบื้องหน้าเท่านั้น หลังกล้องชีวิตฉันแสนจะยากลำบากเลย แต่ก็มีเพื่อนที่สนิทที่สุดคอยซัพพอร์ตฉันเสมอ ตั้งแต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ‘เวลส์’ หนุ่มบ้านรวยนักธุรกิจชื่อดัง เราเรียนคณะบริหารด้วยกัน หลายคนอาจจะสงสัยว่าฉันจบบริหารมาแต่ทำไมฉันมาเป็นดารา
ย้อนไปเมื่อสมัยมหาวิทยาลัย ช่วงการรับปริญญา
“แชะ แชะ” เสียงกล้องกำลังถ่ายรูปบัณฑิตจบใหม่ ไอริสกับเวลส์ และกลุ่มเพื่อนๆ กำลังถ่ายรูปหน้าซุ้มถ่ายรูปที่น้องๆ จัดเตรียมไว้ให้ ในกลุ่มเพื่อนประกอบไปด้วย อลัน คีย์ ยาหยี ไอริส และเวลส์ โดยฉันกับเวลส์สนิทกันที่สุดในกลุ่มแล้ว เพราะมีแนวคิดเหมือนๆ กันเลยเข้ากันได้
“จบสักที” อลันหนุ่มตี๋พูดด้วยน้ำเสียงโล่งใจ
“กว่าจะจบเล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น” คีย์ หนุ่มลูกครึ่งประจำกลุ่มเอ่ยอย่างหยอกล้อ
“แล้วพวกเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่เนี่ย” ยาหยี สาวน้อยของพวกเราพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เพราะนางอ่อนไหวมาก ขี้แงสุดๆ เหมือนพวกเรากำลังช่วยกันเลี้ยงลูก ฮ่าๆๆ
ในขณะที่พวกเรากำลังพูดคุยถึงเรื่องอนาคตกันอยู่ ว่าจะอะไรยังไง
“ลูกสาว สะดวกคุยมั้ยเอ่ย” มีพี่สาวประเภทสองคนหนึ่งเดินมาสะกิดที่ไหล่ฉันอย่างเบามือ ฉันหันไปทำหน้างง แต่ก็ตอบรับอย่างมีมารยาท
“สะดวกค่ะ” ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว
“คือพี่เป็นแมวมองนะพี่มาดูเด็กนิเทศปีนี้ พี่เห็นเรามีเอกลักษณ์เข้าตา โดดเด่นมาก” ฉันตกใจและเขินเล็กน้อยที่โดนชมแบบนี้ เพื่อนๆ ก็ยิ้มแซวฉันกันใหญ่
“น้องสนใจไปเป็นนักแสดงสังกัดของพี่มั้ย?” ฉันดีใจมากเพราะฉันอยากดังมาตั้งนานแล้ว ทำไมอ่ะเหรอ เพราะอาชีพนี้มันได้เงินดีน่ะสิ และฉันก็ชอบมโนด้วยแหละว่าจะได้เจอดาราหล่อๆ อิอิ
“ตกลงค่ะ” เราก็คุยรายละเอียดคร่าวๆ ฉันคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบตกลงไป
หลังจากนั้นมาฉันก็เข้ากระบวนการนู่นนี่นั่น เยอะแยะมากมาย ออกอีเวนท์ ทำคอนเทนต์ และได้แสดงซีรี่ย์ ตอนแรกๆ ฉันไม่มีชื่อเสียงเท่าไหร่ ก็ได้เวลส์เพื่อนสนิทฉันนี่แหละที่คอยดันฉัน จ้างให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้โรงแรมนายนั่นบ่อยๆ ฉันเริ่มเป็นที่รู้จักมากมายในวงการบันเทิง จนฉันดังเป็นพลุแตกหลังจากเข้าวงการได้เพียงปีเดียว นี่แหละเส้นทางของฉันในสมัยก่อนเข้าวงการ
ปัจจุบัน ฉันมีงานเข้ามามากมาย ฉันเริ่มมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะเลย จนตอนนี้ฉันไม่มีคิวว่างเลย! ไม่มีเวลาได้พักผ่อน ตื่นไปทำงานแต่เช้า กลับบ้านก็ดึกดื่น ในทุกๆ วัน
เวลา 23:46 น. ณ คอนโดไอริส
“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง” ในระหว่างที่ร่างบางกำลังจะล้มตัวลงนอน เสียงข้อความเด้งเข้ามาในมือถือส่วนตัว เธอจึงหยิบมาดูปรากฏว่าคนที่ทักมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนสนิทฉันเอง เวลส์
“ริส มึงว่างมั้ย กูมีเรื่องจะคุยด้วย” มันเรียกฉันสั้นๆ ว่า ริส ปกติเราก็จะคุยกันผ่านช่องทางต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง หลังจากเรียนจบมา
“มีไรอะ” ฉันตอบกลับไปด้วยความสงสัย และรอเจ้าตัวตอบกลับมา
“คือกูจะเปิดตัวคอนโดใหม่ มึงมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้หน่อย เอาคนอื่นมาไม่บูมเลยว่ะ” ฉันอ่านข้อความที่ส่งมาและคิดอยู่สักพัก ใจก็อยากช่วยเพื่อน แต่ก็ไม่ว่างเลย
“กูต้องคุยคิวกับผู้จัดการก่อนอะมึง” ฉันตอบกลับมันไปตามความจริง และกดเข้าแชตผู้จัดการส่วนตัวทันทีเพื่อไถ่ถามหาทางออก
“มึงไปบอกกองมึง กูสนับสนุนกองมึงแสนห้า กูยืมตัวมึง 2 วัน” ฉันเบิกตากว้างทันทีที่เห็นข้อความจากเวลส์
“ได้เลยเพื่อนรักกกก อยากได้วันไหนว่ามาเลยคร้า” ฉันกลับมาตอบกลับมันทันที มันทำแบบนี้ประจำแหละ จนคนในกองเข้าใจมันกันหมดแล้ว เลยเคลียร์วันให้มันไม่ยาก ฉันนี่ดีจริงๆ มีเพื่อนรวยขนาดนี้แถมดีกับฉันอีกด้วย สงสัยชาติที่แล้วทำบุญไว้เยอะ อิอิ
“ถ่าย จันทร์กับอังคารหน้า เดี๋ยวให้เลขาส่งรายละเอียดไปให้ในเมล” โอเคดีล ตอนนี้ฉันก็มีงานเพิ่มมาอีก 1 งาน รวยๆ เฮงๆ
“โอเค นอนละพรุ่งนี้กูเข้ากองเช้า” ฉันตกลงกับมันเสร็จก็เตรียมตัวจะนอนทันที ฉันต้องรีบตักตวงเวลานอนเอาไว้เยอะๆ เดี๋ยวขอบตาดำถ่ายงานไม่ได้อีกT-T
เช้าวันรุ่งขึ้นฉันมากองถ่ายซีรี่ย์เรื่องใหม่ ฉันก็ส่งรายละเอียดที่เลขาของเวลส์ส่งมาให้ฉันเมื่อคืนต่อให้ผู้จัดการส่วนตัวฉัน และเราก็คุยกับทางกองถ่ายเรียบร้อยตามที่วางแพลนไว้
วันถ่ายโปรดโมทคอนโดของเวลส์
เวลา 8:42 น. ณ คอนโดเปิดใหม่ของเวลส์
“ติ๊ง” เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นผู้บริหาร ฉันก็ออกจากลิฟต์เพื่อเดินตรงไปที่ห้องผู้บริหาร นั่นก็คือห้องเวลส์ทันที
“อ้าว สวัสดีค่ะคุณไอริส” เลขาส่วนตัวของนายนั่นเอ่ยทักฉัน พี่เขาชื่อ เมญ่า เราสนิทกันพอสมควรเพราะฉันมาที่นี่บ่อย
“สวัสดีค่ะ นายนั่นอยู่ในห้องมั้ย” ฉันถามถึงเพื่อนสนิทของฉันทันที เนื่องจากนี่ใกล้เวลาที่นัดกันไว้แล้ว ยังไม่ได้แต่งหน้าทำผมเลย
“อยู่ค่ะ คุณไอริสเข้าไปได้เลยค่ะ” พี่เมญ่าผายมือให้ฉันเข้าไปในห้อง ฉันก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อขอบคุณและเดินเข้าไปในห้องนายนั่นทันที
“ครืดด” เสียงประตูถูกเปิดออก ฉันเห็นเวลส์กำลังนั่งเซ็นเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าจริงจัง ฉันจึงเดินไปนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา
“พรึบ” อีเดนเซ็นเอกสารเสร็จก็ปิดเอกสารลง หันมามองทางฉันทันที
“กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าก่อนเข้าห้องเคาะประตูด้วย” เวลส์บอกฉันอย่างเบื่อหน่าย ปกติฉันมาก็เปิดเข้ามาเลยด้วยความเคยชิน
“ก็เผื่อมึงซุกเด็กไว้ไง กูจะได้จับได้ทัน” ฉันเอ่ยแซวด้วยความตลก แต่แอบลุ้นว่ามันจะตอบกลับมายังไง
“พูดเหมือนมึงเป็นเมียกูเลย” เวลส์พูดโดยไม่มองหน้าฉัน และกำลังเคลียร์ของบนโต๊ะ ม..เมียงั้นเหรอ บ้าฉันแค่แซวเล่นๆ เหอะ ไม่มีอะไรหรอก
“ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก” ไอ้หัวใจบ้า เต้นไรเนี่ย นี่เพื่อนมึงนะเว้ย คบกันมาตั้งหลายปีเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันน่าจะคิดมากไปเอง ฉันเถียงกับตัวเองอย่างลืมตัว
“อ้าว...เงียบเลย” เวลส์วางปากกาเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน
“!!!!!” ฉันสะดุ้งโหยง สะบัดความคิดออกจากหัวทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นเต็มความสูง แต่ด้วยความที่ใส่ส้นสูงมาเลยทำให้เสียหลักทำท่าจะล้มลง
“หมับ” เวลส์ นายนั่นมารับฉันไว้พอดี ตอนนี้ฉันอยู่ในอ้อมแขนเขา ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามัน อ...อย่าเต้นนะ ไอ้หัวใจบ้า
“ผลัก!!” ฉันผละออกจากอ้อมแขนมันทันทีก่อนที่จะมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น
“มึงเป็นอะไรเนี่ย” เวลส์ถามฉันเพราะน่าจะเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของฉัน ที่ตอนนี้มันควบคุมไม่อยู่
“ไม่มีไรก็แค่กำลังคิดเรื่องที่กองถ่ายอะ” ฉันก็แถไปเลยค่ะ
“ไปถ่ายได้ยัง มันสายแล้ว” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ฉันเองก็...ยังอธิบายไม่ได้ หลังจากนั้นฉันก็หันหลังขวับ แล้วเดินออกมายังที่สตูถ่ายภาพชั้น 2 ของตึกทันที
“เดี๋ยว” เวลส์ที่เดินตามฉันมาติดๆ ก็เอ่ยทักขึ้นมา
“ว่าไง” ฉันหันกลับไปตอบ เพราะทุกอย่างก็พร้อมแล้ว จะรออะไรอีก
“ฉันจะถ่ายด้วย” เวลส์พูดจบก็เดินไปห้องแต่งตัวที่อยู่ใกล้ๆ ทันที ฉันงงเป็นไก่ตาแตกเลยสิ หลังจากนั้นจึงถามทีมงาน จึงได้รู้ว่าจะได้ถ่ายพรีเซนเตอร์คู่กับนายนั่น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก (มั้ง) ฉันก็ไปเปลี่ยนชุด แต่งหน้าทำผมทันที
“ขยับเข้าไปใกล้ๆ กันหน่อยครับ” ตากล้องบอกให้เราสองคนขยับเข้าใกล้กันหน่อย ฉันก็ขยับเข้าไปใช้มือคล้องแขนมันไว้หลวมๆ
“โอเคครับ ได้ครับ เปลี่ยนเซตนะครับ” ตอนนี้เรากำลังโปรโมทภายในคอนโด เราเปลี่ยนเซตเสื้อผ้าเป็นชุดนอนที่บางเฉียบ
“นอนแล้ว เหมือนนอนอยู่บนขนนกสบายๆ เบาๆ นะครับ” ตอนนี้ฉันเก้ๆ กังๆ เพราะกลัวจะทำที่นอนยับ ยิ่งสีขาวด้วย
“พร้อมรึยังครับ” ทีมงานเอ่ยถาม เอ๊ะ! เร่งจังฉันกำลังรีบอยู่เนี่ย ฉันค่อยๆ คลานไปหาเวลส์บนเตียง
“พรึบ!!” นายนั่นดึงฉันไปนอนบนแขนแกร่งและกอดเอาไว้ใต้ผ้าห่ม ทันทีตอนนี้ฉันนอนแข็งเป็นหินทื่อ จู่ๆ จะมาทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้
“ชักช้า” เวลส์กระซิบบ่นฉันใกล้ใบหูของฉัน อึ๋ยย~ ขนลุก แต่ทำไมนายนี่ตัวหอมจัง....ไม่ได้ๆๆ ฉันคิดอะไรเนี่ย จากนั้นฉันใช้มือบิดไปที่เอวของเวลส์
“!!!!” เวลส์มองฉันตาเขียวปั๊ด และมองฉันอย่างดุๆ คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ ฉันแกล้งทำหน้าตาทะเล้นใส่เขา ทำไม่รู้ไม่เห็น
“แชะ แชะ” ตากล้องก็ทำหน้าที่ร่วมกับทีมงานจนตอนนี้เสร็จงานแล้ว เราต่างคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อพักผ่อนหย่อนกายจากการทำงาน
ส่วนงานอีกวัน ก็เป็นการถ่ายเดี่ยวเพราะไม่จำเป็นต้องถ่ายคู่เหมือนในห้องนอนตอนนี้ สามารถรีวิวเดี่ยวได้ ฉันและทีมงานก็ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง โดยมีตาเวลส์คอยยืนควบคุมหลังกล้อง
“เอาล่ะ ตอนนี้เราก็ถ่ายเซตสุดท้ายของงานนี้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จบงานแล้ว ขอขอบคุณนางแบบ และทีมงานทุกคนนะครับ” เวลส์กล่าวอย่างสุภาพ และสุขุม
“รูปจะปล่อยในอีก 2 วันนะครับ” ทีมงานแจ้ง เวลส์ก็พยังหน้ารับ เพื่อบอกว่ารับทราบแล้ว ก่อนที่จะเรียกทุกคนมารวมตัวกัน
“งานจบแล้ว ผมพอใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นขอเลี้ยงฉลองให้กับทุกๆ คนนะครับ” เมื่อเวลส์บอกว่าจะเลี้ยงทุกคน ทุกคนต่างก็ออกอาการดีใจออกหน้าออกตา
“งั้นเจอกันที่ร้าน 1 ทุ่มนะครับ วันปล่อยภาพโปรโมทคอนโด” เวลส์พูดจบก็หันมาหาฉันส่งสัญญาณว่าตัวเองจะกลับแล้วนะ ฉันจึงพยักหน้ารับรู้ และก็แยกย้ายกันกลับไปตามปกติ
19:13 น.
“มาแล้วคร้า” ฉันเอ่ยทักทุกคนทันทีที่มาถึง ตอนนี้เหลืออีตาเวลส์คนเดียวที่ยังมาไม่ถึง ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อส่งข้อความไปตาม เพราะทุกคนมารอแล้ว
“มาได้แล้วพ่อคุณ” ฉันส่งข้อความไปก็กดเข้าโซเชียลไปดูโพสต์ที่บริษัทลงโปรโมทไว้วันนี้
“หือออ เหมาะกันมาก”
“จิ้นๆๆๆๆๆ”
“ทั้งหล่อทั้งสวย อย่างกับกิ่งทองใบหยก”
ฉันอ่านคอมเม้นก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เพราะฉันได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ฉันกดบันทึกรูปลงเครื่องตัวเอง และไล่อ่านคอมเม้นไปเรื่อยๆ
“แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ น้องไอริส” พี่คนนึงหนึ่งในทีมงานเอ่ยแซวฉัน ฉันยิ้มรับอย่างสุภาพตอบกลับไป
“ตึก ตึก ตึก ครืด” เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้และเลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างๆ ฉัน ฉันจึงหันไปมอง นั่นคือเวลส์เอง เขาแต่งตัวแบดบอยมาก สาวๆ โต๊ะข้างๆ ก็แอบมองมาที่ตานั่นไม่หยุดหย่อน
“ขอโทษที่มาช้านะครับ ผมเคลียร์งานอยู่” เวลส์กล่าวทักทายคนในโต๊ะ ก่อนที่จะหันไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ มา
“ชนนนน~” หลังจากที่เครื่องดื่มมาครบหมดแล้วทุกคนก็ชนแก้วฉลองให้กับยอดขายที่พุ่งทะลุเป้า และความเป็นกระแสของเวลส์กับฉันที่ฉุดไม่อยู่ ทำให้หุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อึกๆๆ” ฉันดื่มหนักมากเนื่องจากห่างหายไปนาน จนตอนนี้เริ่มมึนๆ แล้วแหละ แต่ฉันก็ยังมีสตินะ หรือไม่มีกันนะ โอ๊ยย~ เวียนหัว
Part เวลส์
“ไหวมั้ย?” ผมถามใยตัวแสบเพื่อนของผม ที่ตอนนี้มันหน้าแดงแป๊ด และเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้ว มันดื่มไม่เก่งหรอกเพราะทำแต่งานจำไม่มีเวลาดื่มมากเท่าไร ก็เลยคออ่อนลงแบบนี้
“….” มันไม่ตอบและฟุบหน้าลงบนโต๊ะทันที เฮ้ออ ผมคงต้องหิ้วมันกลับอีกแล้วสินะ ผมหิ้วมันตั้งแต่ปี 1 จนตอนนี้โตแล้วผมก็ต้องหิ้วมันกลับอีกอยู่ดี
“ผมพาริสกลับก่อนนะทุกคน ลงบิลไว้เดี๋ยวผมจ่ายเอง” ผมหันไปบอกทีมงานก่อนจะหันไปบอกให้การ์ดไปเอารถมารับ และพยุงคนเมากลับห้อง
“กูไปอาบน้ำก่อน มึงนอนตรงนี้ห้ามไปไหน” ผมพาริสมาที่คอนโดผมและให้มันนอนในห้องนอนของผม ซึ่งไม่แปลกอะไร ผมเจอเหตุการณ์นี้บ่อยมาก
หลังจากผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็ล้มนอนบนเตียงข้างๆ มัน ไม่นานเราทั้งคู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
Part ไอริส
เช้าวันรุ่งขึ้นฉันเห็นมันนอนหลับก็แอบเผลอจ้องใบหน้าหล่อเหลาของมันอยู่พักนึง ก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปกองถ่าย ฉันมีตู้เสื้อผ้าขนาดย่อมอยู่ที่คอนโดมัน 1 ตู้ เพราะเราก็สนิทกันเกิ้นนน
13:24 น. ณ กองถ่ายซีรี่ย์
“มึงจะตามกูมาทำไมเนี่ย?” เวลส์ถามฉันอย่างสงสัย เราถ่ายซีรี่ย์ตั้งแต่เช้าตอนนี้บ่ายก็มีเวลาได้พักไม่นานเท่าไหร่ แต่มีแฟนคลับมาหาฉันก็ถามถึงอีตาเพื่อนคนนี้ของฉัน เหตุก็เกิดจากภาพคู่นั่นแหละ ฉันเลยส่งข้อความบังคับให้มันมาหาที่นี่
“ไม่มีไร แค่จะให้มาช่วยเอาใจแฟนคลับเฉยๆ” ฉันยิ้มแป้นก่อนจะลากมันมาหาแฟนคลับที่อยู่ข้างๆ กองถ่าย ก่อนที่มันจะตั้งตัว
“กรี๊ดด!!!” เสียงแฟนคลับดังมาแต่ไกล เราสองคนก็ให้สัมภาษณ์เล็กน้อย แจกลายเซ็น ฉันแอบเห็นคนมองฉันแปลกๆ แต่ก็ต้องละความสนใจ เพราะต้องคุยกับแฟนคลับต่อ จากนั้นก็กลับเข้ามาเตรียมตัวถ่ายฉากต่อไป
“ขอบใจมาก นายกลับไปทำงานได้”
“แค่นี้อะนะ โอเคเลยเพื่อนกู เคกลับละ บาย” เวลส์พยักหน้า ในขณะที่อีเดนกำลังจะเดินออกไปคนที่ฉันเห็นเมื่อกี้เดินเอาน้ำมาเสิร์ฟทีมงานคนอื่นๆ ทว่า....
“ซ่า!!” มันสาดมาที่หน้าของฉัน ทุกคนในกองต่างตกใจและหันมามองเรากันเป็นตาเดียว แต่แล้วเวลส์ก็เข้ามาบังไว้ทัน ทำให้นายนี่เปียกแต่ฉันก็แค่เปียกเล็กน้อย จะว่าไปนายนี่ก็เท่ใช้ได้เลยนะ......
“ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก” เสียงหัวใจฉันเต้นแรงอีกแล้ว ฉ...ฉันจะชอบเพื่อนสนิทตัวเองจริงๆ งั้นเหรอ ทั้งๆ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดอะไรแบบนี้แต่ทำไมจู่ๆ ฉันก็......
“เป็นอะไรรึเปล่า” มันจับไหล่ฉันและถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ทำไมหล่อได้ขนาดนี้ ดีอีกต่างหาก
“ม...ไม่เป็นอะไร” ฉันตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก นี่ฉันเขินมันงั้นเหรอ ไม่น่าหรอก ไม่ใช่หรอก
“ทำไมไม่โกรธเลยล่ะ?” มันปล่อยมือจากฉันแล้วก็หยิบทิชชูมาซับน้ำให้ฉัน ทำไมฉันไม่โกรธเหรอ ก็คงชินมั้ง ฉันโดนแบบนี้จนนับครั้งไม่ถ้วน
“ก็ไม่เป็นอะไรมากนี่ไง” ฉันเจอเรื่องแบบนี้จนเฉยชาไปแล้วเพราะเรียกร้องไปก็จะมีข่าวว่าทะเลาะกัน เกิดดราม่าอีก เห้อออ การเป็นดารามันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
“เธอโดนแบบนี้บ่อยเหรอ” เวลส์ถามอย่างจริงจังจนฉันรู้สึกกลัวเลยแหละ
“......” ฉันไม่กล้าตอบเพราะมันคงจะเป็นห่วงฉันและไปเอาคืนแน่ๆ แล้วก็จะกลายเป็นข่าวใหญ่ แต่คิดอีกมุมก็ดีเหมือนกันคนๆ นั้นจะได้มาแกล้งฉันอีก
“ก็ประมาณนั้น ไม่ต้องห่วงหรอกกูดูแลตัวเองได้” ฉันตอบไปอย่างไม่สนใจใยดีกับเรื่องนี้นัก เพราะฉันก็ให้พี่ผู้จัดการช่วยกันเรื่องพวกนี้อีกแรง
“จัดการได้มึงจะมาเป็นสภาพนี้ได้ไง! เดี๋ยวกูจัดการเอง!” เวลส์เอ่ยกับฉันก่อนที่จะบอกทุกคนให้มารวมตัวกันที่ที่เรายืนอยู่
“ต่อไปนี้ให้ทุกคนไปกระจายข่าวว่า ถ้าใครทำอะไรแบบนี้หรือที่จะทำให้ไอริสเดือดร้อนอีก ผมไม่ปล่อยไว้แน่” เวลส์ออกปากปกป้องฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกดีจังที่มีคนคอยปกป้องแบบนี้ มันอบอุ่นจนบอกไม่ถูก
“การ์ด! ไปจับตัวคนเมื่อกี้ที่สาดน้ำใส่ริสไปส่งตำรวจ!” เวลส์พูดเสียงดุ เพื่อให้ทุกคนในกองเห็นและก็เพื่อปกป้องฉันในวันข้างหน้า
“หวังว่าทุกคนจะไม่ลืม! แยกย้ายได้!” เวลส์กล่าวเตือนอีกครั้งกับทุกคนก่อนจะหันมาคุยกับฉันที่กำลังยืนมองเขาอย่างเหม่อลอย
“ขอบใจมากๆ เลยนะ” ฉันทำเสียงอ้อนมันที่ช่วยฉัน ต่อจากนี้ชีวิตฉันคงจะสงบไปอีกสักพักใหญ่ๆ เลยแหละ
“เพื่อนกูใครห้ามแตะทั้งนั้น ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ต่อไปนี้มีเรื่องอะไรมึงต้องบอกกูทุกเรื่อง เข้าใจมั้ย” มันสั่งฉัน ฉันจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย คำว่าเพื่อนทำไมไม่ชอบคำนี้จัง
“ดี งั้นกูกลับละ ดูแลตัวเองดีๆ” มันเอ่ยกล่าวบอกฉันและใช้มือลูบหัวฉันอย่างหมั่นเขี้ยว
“ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก” หัวใจฉันเต้นอีกแล้ว
“นี่มึงเขินไร?” เวลส์ถามฉันด้วยสีหน้าแปลกใจ ฉันก็ได้แต่ยิ้ม ฉันเริ่มจะชอบมันจริงๆ เข้าแล้วแหละ
“เอ๋อ กลับละ บาย” มันผลักหัวฉันเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป มันคงคิดว่าฉันแกล้งมันสินะ ถ้ามันรู้ว่านี่คือเรื่องจริงจะตกใจแค่ไหน มันจะตอบกลับว่ายังไง?
“เพล๊ง!!!”