ไอริส : นี่ฉันชอบเวลส์งั้นเหรอ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้วแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่เขามีคนนั้นอยู่แล้ว………
ดราม่า,รัก,ผู้ใหญ่,ไทย,วัยว้าวุ่น,มีลูก,หนี,ท้อง,แอบรัก,แอบชอบเพื่อน,เพื่อน,มาเฟีย,ติดหนี้,หว๊านหวาน,badfriend,20+,18+,พระเอกเลว,เพื่อนสนิท,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,โรมานซ์,โรแมนติก,นิยายรัก,นิยายชายหญิง,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“ไอ้คีย์ มึงไปส่งริสที จีน่าไม่ไหวกูต้องไปส่ง” เวลส์จัดแจงสิ่งต่างๆ ก่อนที่พยุงจีน่าแฟนเก่า เขาเดินออกไปหน้าผับเพื่อไปส่งนางที่ห้อง
“ก็เห็นๆ อยู่ว่าแสดง แต่ริสเมาจริง โง่เหลือเกินไอ้อีเวลส์” ยาหยีเอ่ยไล่หลังสองคนนั้นไป ก่อนที่จะหันมาดูฉันที่ยังนั่งอยู่บนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาคงเป็นห่วงกันมากสินะ
“มึงพวกกูไปส่งมึงเอง” ยาหยีเอ่ยก่อนที่อลันกับคีย์จะมาพยุงฉันขึ้นรถไป และไปส่งที่ห้อง
พอจัดแจงทุกอย่างแล้วฉันก็ได้แต่นอนคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ วันนี้ จนหัวใจเจ็บแปล๊บอีกมาอีกครั้งหนึ่ง น้ำใสค่อยๆ ไหลอาบแก้ม ฉันร้องไห้จนหลับไปในที่สุด
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันพยายามที่จะทำให้จิตใจเป็นปกติ เพราะวันนี้ฉันต้องไปคุยโปรเจคงานที่ฉันไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ครั้งที่แล้ว เพราะมันมีกระแสดีมากทางฝ่ายการตลาดเลยจะให้ทำคอนเทนต์เพิ่มยอดขาย และกระตุ้นการซื้อเพิ่มขึ้น
“แอ๊ดด” ฉันเอ่ยทักทายเลขาหน้าห้องก่อนจะเปิดประตูโดยไม่เคาะก่อน เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ
“!!!!!” แต่เมื่อเปิดเข้ามา ฉันก็ต้องชะงักฝีเท้าทันทีที่เปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ฉันเห็นคือตอนนี้เวลส์กับจีน่ากำลังกอดกันอยู่ ความพยายามที่ทำมาตั้งแต่เช้า มันได้พังลงทันที
“…..” เมื่อบุคคลภายในห้องรู้ถึงการเข้ามาของฉัน จึงได้ผละกอดออกจากกัน เวลส์เงียบแล้วเดินไปโต๊ะทำงานของตัวเอง จีน่าก็ลอยหน้าลอยตาไปนั่งที่โซฟารับแขก
นี่เขานิ่งได้ขนาดนี้เลยเหรอ เขาจะไม่เอ่ยปากเพื่ออธิบายกับฉันสักคำเลยงั้นสินะ ที่ผ่านมาฉันคิดและหวังไปเองฝ่ายเดียว ฉันกำมือแน่นก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ และก้าวเข้าไปนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเวลส์อย่างมั่นใจ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันจะคุยงานเธอไปรอข้างนอกก่อน” เวลส์มองหน้าฉันแปปนึงแล้วหันไปบอกจีน่าให้ไปข้างนอกเนื่องจากเป็นความลับของบริษัท
“ปึง!!” จีน่าทำหน้าไม่พอใจก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอก ตอนนี้ภายในห้องแห่งนี้เหลือเพียงเราสองคนที่เงียบสนิทไม่มีใครเอ่ยก่อน
“วันหลังเคาะประตูก่อน” เวลส์ที่เงียบอยู่นาน ก็เอ่ยเสียงเรียบขึ้นมา
“อืม” ฉันตอบกลับไปแบบนั้น ก่อนที่เราทั้งสองคนจะเริ่มคุยเรื่องงานกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เราคุยกันแล้วรู้สึกอึดอัดได้มากมายขนาดนี้
“งั้นก็ตกลงตามนี้” พอเราคุยงานเสร็จ ฉันก็เลือกที่จะเดินออกไปนอกห้องทันที
“ตึกๆๆ” พอฉันเดินออกไปหน้าห้อง จีน่าเธอก็ออกจากลิฟต์มาพอดี นางมองฉันนิ่งก่อนจะแสยะยิ้มใส่ฉัน ฉันจึงเมินนางและเดินสวนนางมา ฉันหันไปเห็นว่านางเดินเข้าออกห้องของเวลส์ได้สบายๆ
จีน่า มาแปปเดียวก็มีสิทธิพิเศษภายในตึกนี้แล้ว เวลส์ก็คงจะรักนางมาก ขนาดนางทำไว้เจ็บแสบขนาดนั้น เวลส์ยังทำเป็นมองข้ามได้ แล้วฉันยังจะหวังลมๆ แล้งๆ อะไรอยู่
“ขอโทษนะครับ มีอะไรให้ผมช่วยรึป่าว” ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็มีพนักงานชายหน้าตาดีเข้ามาทักฉัน
“อ...อ่อ ไม่มีค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันยิ้มตอบกลับอย่างสุภาพก่อนจะส่ายหน้าเชิงปฏิเสธ
“คุณ....ชื่ออะไรครับ”
“ไอริสค่ะ คุณ....” ฉันตอบเขาก่อนที่จะถามชื่อเขากลับ
“ผมแอลเจครับ” ฉันและเขา เราคุยกันอยู่หน้าห้องเวลส์ คนคนนี้ก็ดูจะแพรวพราวใช่ย่อย แต่ฉันก็ตอบกลับไปตามมายาท
“ปึก!” ประตูเปิดเสียงดังลั่น ฉันและแอลเจหันไปที่ต้นเสียงพร้อมกัน เวลส์เดินออกมาจากห้อง มองแอลเจหัวจรดเท้า เขาคงรู้สึกเหมือนฉัน ว่าอีตาแอลเจนี่ไว้ใจไม่ได้
“คุยอะไรกัน?” เวลส์ถามฉันเสียงเรียบ แต่สายตายังมองแอลเจอยู่ แอลเจพอเห็นเจ้านายก็ทำตัวสุภาพขึ้นอีกระดับทันที ต่างจากเมื่อกี้มาก
“แค่ทักทายกันตามปกติ บังเอิญเจอกันน่ะ” ฉันตอบไปตามความจริง เราบังเอิญเจอกันเมื่อครู่นี้
“ทักทายเสร็จก็กลับบ้านไปได้แล้ว ส่วนนายก็ไปทำงาน” พอเวลส์พูดจบแอลเจก็ก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินออกไปจากตรงนี้ทันที ฉันกำลังจะหมุนตัวกลับไปขึ้นลิฟต์
“พรีบ!” เวลส์รั้งแขนฉันไว้ก่อน
“อย่าไปยุ่งกับมัน” เวลส์มองตามหลังแอลเจ รอให้แอลเจเดินออกไปไกลมากพอที่จะไม่ได้ยินบทสนทนาของเรา และเวลส์ก็เอ่ยเตือนฉันทันที ฉันพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ
“ฉันดูออก ไม่ต้องห่วง” ฉันตอบกลับเวลส์ไปแบบนั้น ซึ่งฉันก็อยู่ในวงการฉันเจอพวกแบบนี้บ่อย ก็พอจะดูออกว่าใครเป็นคนแบบไหน
“อืม ก็ดีแล้ว” เวลส์พูดแค่นั้นก่อนจะปล่อยมือออกจากฉัน ฉันรู้สึกไม่อยากปล่อยเลยแฮะ
“เวลส์คะ” หลังจากที่ฉันคุยกับเวล์จบ จีน่าก็เดินออกมาจากห้องทำงานของเวลส์แล้วมาเกาะแขนแกร่งของร่างหนา เช่นเดิมคนตัวโตก็ไม่ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย
“ฉันไปก่อนนะ” ฉันพูดเสียงแข็งก่อนจะก้าวเข้าลิฟต์ไป เหอะกอดกันกลมขนาดนั้นไม่อายฟ้าอายดินกันบ้างรึไง ฉันบ่นในใจ ก่อนจะออกจากลิฟต์และเดินขึ้นรถตัวเองไปด้วยความรวดเร็ว
“ปึง!!” เสียงประตูรถดังสนั่นทั่วลานจอดรถ ฉันเห็นภาพที่บาดตาบาดใจพวกนั้นก็นึกย้อนไป ถ้าฉันรู้สึกตัวเร็วกว่านี้ ถ้าฉันบอกเขาเร็วกว่านี้ มันจะเป็นยังไง หรือที่จริงแล้วเราไม่ควรเจอกันตั้งแต่แรกเรื่องราวต่างๆ คงไม่เกิดขึ้น ฉันคงไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้
“.......” น้ำใสๆ ร่วงลงอาบแก้ม ไหลเป็นสายยาวไม่หยุดหย่อน
“ไม่!!” ฉันจะอ่อนแอไม่ได้ ฉันคิดได้ดังนั้นจึงรีบใช้มือทั้งสองข้างปาดน้ำตาออกจากหน้าทันที ตั้งสติและกำพวงมาลัยแน่น ก่อนที่จะขับรถออกจากที่นี่ทันที
ฉันขับมาที่บ้านของยาหยีเพื่อนรัก ฉันตั้งใจจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เจอมาให้มันฟังอย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องทุกข์ขนาดนี้ถ้าได้พูดคุย ระบายกับมัน
“เอี๊ยดดด” ฉันจอดรถและเดินลงไปกดออดหน้าบ้านมันทันที
“แกร๊ก!” เสียงประตูถูกเปิดโดยเจ้าบ้าน ฉันเห็นหน้ามันก็น้ำตาคลอเบ้าทันที ก็มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ หนิ
“ฮึกๆๆๆ” ในที่สุดมันก็ไหลมาอาบแก้มฉันอีกแล้ว ทั้งที่ฉันพยายามมาตลอดแล้วแท้ๆ ตอนนี้ฉันอ่อนไหวไปหมด
“มึงเป็นอะไร!” ยาหยีถามฉันด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนที่จะเข้ามากอดและลูบหลังปลอบฉัน ฉันปล่อยโฮออกมาทันที ฉันพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
“เข้าไปข้างในกันก่อน” ยาหยีพูดจบก็ปิดประตูบ้านและจูงมือฉันเข้าไปข้างในบ้าน พอก้าวเข้ามาในบ้านก็เห็นอลันกับคีย์กำลังนั่งเล่นเกมอยู่บนโซฟา
“ใครมาอะหยี” อลันเอ่ยถามทั้งที่ไม่เงยหน้าออกจากเกม ยาหยีเงียบไปนานพวกมันจึงเงยหน้าขึ้นมาดู ก็ทำหน้าตกใจฉันกันใหญ่ ไม่ตกใจสิแปลกก็หน้าของฉันเลอะน้ำตา แถมยังตาบวมขนาดนี้
“ท..ทำไม มึงเป็นไร ใครทำมึง!” พวกมันชะงัก ก่อนที่จะรีบทิ้งเกมแล้วเข้ามาหาฉันถามฉันไม่หยุด ฉันดีใจที่เพื่อนเป็นห่วงจนพูดอะไรไม่ออก ฉันได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา พวกมันสามคนกอดปลอบฉัน จนฉันตั้งสติได้แล้วก็หยุดร้องไห้ไปในที่สุด
“อะ ทีนี้เล่าได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น” พออารมณ์ของฉันคงที่พวกเราพากันมานั่งที่โซฟา ก่อนที่ยาหยีจะเอ่ยถาม อลันกับคีย์ก็ตั้งใจฟังอย่างเป็นห่วง
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องต่างๆ ที่ฉันเจอมาในช่วงนี้ และสาเหตุที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ให้พวกมันฟังจนหมดเปลือก
“……..” หลังจากที่ฉันเล่าจบทุกคนต่างก็พากันเงียบ แต่ที่ฉันแปลกใจก็คือพวกมันไม่แปลกใจกับเรื่องที่ฉันพึ่งเล่าไปเมื่อกี้เลย
“คงสงสัยสินะว่าทำไมพวกกูไม่ตกใจ” คีย์ถามฉันด้วยสีหน้าเรียบ ฉันจึงพยังหน้าทันที ฉันแปลกใจมาก
“จริงๆ แล้ว พวกกูดูออกสักพักแล้วแหละ” ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจมาก ไม่คิดว่าพวกมันจะดูออก แต่ทำไมตางั่งเวลส์ถึงไม่รู้กันนะT-T
“ขนาดพวกมึงยังดูออก ทำไมตานั่นมันตาบอดรึไงถึงไม่รู้อะไรเลย!” ฉันโวยวายออกมาอย่างเอาแต่ใจ คิดแล้วก็แค้นใจ
“พวกกูอะ อยู่ข้างมึงนะเว้ย” ยาหยีเอ่ยปลอบฉันอีกรอบ ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่คบพวกมันเป็นเพื่อน
“กูว่าจีน่าไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศจริงๆ หรอก” อลันพูดออกมา ทำให้ทุกสายตามองไปที่มันคนเดียว
“ทำไมคิดแบบนั้นอะ”
“ก็กูเคยไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเด็กกู แต่บังเอิญเห็นจีน่าก็ไปเที่ยวกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้” ทุกคนอึ้งและฉันก็เล่าเรื่องที่จีน่าชอบมองจิกฉันเสริมเข้าไป
“งั้นทีนี้ไอ้เวลส์มันก็กำลังโดนจีน่าหรอกอะดิ” หลังจากที่ทุกคนรู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็นึกถึงเวลส์ที่ตอนนี้กำลังขลุกตัวอยู่กับจีน่าทั้งวันทั้งคืน ทุกคนต่างก็เป็นห่วงเวลส์
“ริส มึงต้องเอาเวลส์กลับมาไม่งั้นมันแย่แน่ๆ” ยาหยีหันมาบอกฉันด้วยสีหน้าจริงจัง เพื่อนทุกคนต่างเห็นด้วย
“ฉันทำไม่ได้หรอก” ฉันตอบกลับอย่างตัดพ้อ เขารักกันขนาดนั้น ฉันจะเข้าไปได้ยังไง
“แต่มึงต้องทำมึงยอมเห็นคนที่รัก ดิ่งลงเหวเหรอ” ฉันคิดหนักกับประโยคที่ยาหยีพูด ฉันไม่อยากให้เวลส์เป็นแบบนั้น แต่ก็มองไม่เห็นทางอยู่ดี
“…..”
“มึงต้องทำ เดี๋ยวพวกกูช่วยอย่างน้อยมึงก็ถือว่าช่วยเพื่อนที่เคยสนิทกับมึงมากที่สุด” คีย์เอ่ยกับฉันอย่างตั้งใจ
“ได้ฉันจะเอาเวลส์กลับมา เป็นไงเป็นกัน!” หลังจากที่ฉันคิดอยู่นานฉันก็ตอบรับแผนการนี้กับเพื่อนๆ ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่าง จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหนก็ต้องลองกันสักตั้ง
“ติ๊ง!” ในขณะที่ฉันกับเพื่อนๆ กำลังตกลงกัน ก็มีข้อความเด้งมาที่โทรศัพท์มือถือของฉัน ฉันจึงหยิบขึ้นมาอ่านพร้อมเพื่อนๆ
“สวัสดี ฉันจีน่าเอง”
“!!!!”