"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี - บทที่ 2 ข้อตกลงของคนขี้แกล้ง โดย เห็ดสีน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL

รายละเอียด

"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

ผู้แต่ง

เห็ดสีน้ำเงิน

เรื่องย่อ

น้ำมนต์และคุณใสสามารมองเห็นวิญญาณได้เหมือนกัน ทว่าคุณใสนั้นไม่เคยกลัวสิ่งใด ต่างจากน้ำมนต์ที่หวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง ทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มีความสัมพันธ์กันแบบ คนหนึ่งแกล้ง และอีกคนถูกแกล้ง วันหนึ่งน้ำมนต์ถูกดวงวิญญาณจู่โจม คุณใสที่เข้ามาช่วยจึงยื่นข้อเสนอบางอย่างแลกกับความช่วยเหลือ
"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

สารบัญ

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 1 น้ำมนต์กับคุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 2 ข้อตกลงของคนขี้แกล้ง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 3 หลินซีผู้รู้เห็นทุกสิ่งอย่าง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 4 กลับบ้านด้วยกันเถอะ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 5 นอนด้วยคน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 6 ชอบฉันหรือเปล่า?,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 7 พี่ชายของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 8 ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองหน่อยสิ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 9 ควบคุมตัวเองไม่ได้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 10 คุณป้าของหลินซีเป็นสาววาย,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 11 พูด!!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 12 สารภาพ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 13 เพราะว่า...ชอบ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 14 ผีสาวในชุดนอนสีแดง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 15 เพศศึกษากับอาจารย์คุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 16 ความฝัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 17 ทดสอบหลังเรียน 1,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 18 ทดสอบหลังเรียน 2 ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 19 เหมือนถูกด่า,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 20 แฟนของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 21 ดูแลคนไข้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 22 หลังจากนั้นสามวัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 23 แม่รู้แม่เห็น,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 24 แค่ทำเงียบๆ ก็โอเคแล้ว,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 25 จ้องมาจ้องกลับ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 26 คำเตือนจากคุณลุงถือไม้กวาด,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 27 พนักงานปากแซ่บคนนั้นคือ...,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 28 มีคนอกหัก,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 29 ร้าวฉาน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 30 ฉันรู้อยู่แล้ว!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 31 หนี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 32 ภาพถ่ายของเรา

เนื้อหา

บทที่ 2 ข้อตกลงของคนขี้แกล้ง

น้ำมนต์ไม่กล้าเงยหน้า ขาทั้งสองข้างของเขาสั่น ไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจวิ่งหนีได้ คุณใสเคยบอกว่าอย่าทำตัวให้พวกผีรู้ว่าเรามองเห็น มองข้ามได้ก็มองข้าม ทำเหมือนพวกมันเป็นธาตุอากาศที่มีรูปร่าง ยิ่งเราให้ค่ากับมัน สิ่งนั้นจะยิ่งมีพลังและเข้าหาเรามากขึ้น ดังนั้นจงเมินสับปะรดพวกนั้นซะ!! (น้ำมนต์เกลียดสับปะรดที่สุด)

แค่พูดก็ง่ายสิ...กว่าสิบปีที่น้ำมนต์พยายามไม่สนใจพวกมัน แล้วดูสภาพเขาตอนนี้สิ แค่ดูก็รู้ว่าคำแนะนำของคุณใสใช้ไม่ได้ผล

ร่างไร้ใบหน้าหยุดลงห่างจากน้ำมนต์ไปเพียงหนึ่งช่วงแขน มันย่อตัวลง จ้องมองเด็กหนุ่มที่กำลังสั่นกลัว หูของน้ำมนต์ได้ยินเสียงครางเบาๆ จากลำคอที่ทะลุเป็นรู ผีตนนั้นเอื้อมมือออกมาเพื่อสัมผัสใบหน้าของน้ำมนต์

ก่อนที่อะไรจะแย่ไปมากกว่านั้น คุณใสก็เดินเข้ามาขวางตรงกลางระหว่างน้ำมนต์กับวิญญาณไร้หน้า เขาทำเป็นมองไม่เห็นวิญญาณตนนั้น ฉุดดึงน้ำมนต์ให้ลุกขึ้น

ร่างของน้ำมนต์เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว ไหลไปตามแรงดึงของคุณใส

"โอ๊ย หิวแล้วๆ ขอโทษที่ช้านะเจ้าเด็กน้อย"

คุณใสช้อนร่างของน้ำมนต์ขึ้น โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่กำลังเพ่งมองอย่างสนอกสนใจ

ในตอนนี้ แทนที่จะรู้สึกกลัว น้ำมนต์กลับรู้สึกร้อนไปทั้งตัว เขาไม่มีแรงจะดิ้นหนี จึงมุดหน้าลงกับอกของคุณใสแทน

หลินซีที่เห็นเหตุการณ์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าราบเรียบ

"นายจะไปห้องพยาบาลอยู่ไหม?"

คุณใสจ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"เธอเป็นใครฮะ?!"

"เพื่อนของน้ำมนต์ คนที่นายอุ้มอยู่นั่นน่ะ" หลินซีเอียงคอมองน้ำมนต์อย่างเป็นห่วง "ให้ช่วยไหม?"

"ไม่ต้อง!" คุณใสสวนกลับทันที "ฉันจัดการได้!"

น้ำมนต์พยายามจะอธิบาย แต่คุณใสก็หอบเอาร่างผอมบางเดินผ่านตัวหลินซีไปอย่างไม่ไยดี

ปกติคุณใสชอบทำตัวหยาบคายใส่ทุกคน ถึงเขาจะปากไม่ดี และชอบกลั่นแกล้งคนอื่นอยู่บ้าง แต่เขาไม่ใช่คนไม่ดี น้ำมนต์ไม่อยากให้เพื่อนใหม่เข้าใจพวกเขาทั้งสองผิดไปจึงพยายามจะขอโทษ

หลินซีพยักหน้าเข้าใจ เธอเหมือนจะไม่ถือสาคำพูดของคุณใส แม้เธอจะทำหน้านิ่งเฉยอยู่ตลอดเวลา แต่เธอก็มีการตัดสินใจที่เฉียบขาด มีเหตุผล และดูเป็นผู้ใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ

"ห้องพยาบาลอยู่ใต้ตึกบริหารติดกับโรงอาหารนะ เผื่อนายอยากรู้" หลินซีพูดทิ้งท้ายและโบกมือลา

คุณใสทำเสียงจิ๊จ๊ะเดินกระทืบเท้าไม่พอใจ แต่ก็ยังมุ่งตรงไปห้องพยาบาลตามทางที่หลินซีบอก

เจ้าหน้าที่ดูแลห้องพยาบาลเหมือนจะไปเข้าห้องน้ำ คุณใสเลยพาน้ำมนต์เข้าไปนั่งบนเตียงผู้ป่วยโดยพลการ

"ยัยคนนั้นเป็นใคร?" เมื่อประตูปิดลงคุณใสก็ยิงคำถามใส่น้ำมนต์ทันที

"อย่าว่าเพื่อนสิ" น้ำมนต์ติ แต่นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พอใจ

"นี่นายนอกใจฉันงั้นเหรอ? จะบอกว่าแค่วันเดียว ไม่สิ แค่ไม่กี่นาทีก็เป็นเพื่อนกันแล้ว งั้นฉันที่ตามแกล้งนายมาตั้งแต่เจ็ดขวบล่ะ เป็นอะไร?"

ใบหน้าของน้ำมนต์กลายเป็นสีแดง

"แล้วต้องนานแค่ไหนถึงจะเป็นเพื่อนได้เล่า อีกอย่างฉันไม่ได้...ไม่ได้..."

"ไม่ได้อะไร?"

ไม่ได้นอกใจเฟ้ย! (น้ำมนต์ไม่ได้กล่าวอีกเช่นเคย)

"ไม่รู้ๆ!"

คนตัวเล็กมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม เพื่อหลบซ่อนความเขินอายบนใบหน้า

คุณใสฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจ เด็กที่ถูกเขาแกล้งในวันนั้น บัดนี้ก็ยังคงถูกแกล้งอยู่เช่นเดิม ความเคยชินที่คุณใสหมั่นสั่งสมเหล่านั้นได้ฝังรากลึกลงในตัวน้ำมนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนั่น ทำให้คุณใสอดไม่ได้ที่จะโผเข้าไปกอด มุดหาใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน

ร่างเล็กพยายามดึงผ้าหนี แต่คุณใสก็รุดเข้ามาอย่างไม่ลดละ

หนีได้ก็หนีไป คุณใสไม่เคยเหนื่อยที่จะตามแกล้งนายตัวเล็กคนนี้อยู่แล้ว

คุณใสเลียริมฝีปาก มองเจ้าก้อนกลมกระเถิบหนีเหมือนซาลาเปาลูกโต มันทั้งดูนุ่มนิ่มและน่ากินเป็นที่สุด

ที่ผ่านมาเพราะนิสัยขี้กลัวของน้ำมนต์ ทำให้ไม่ว่าใครก็รุมรังแกเขาได้ ไม่เว้นแม้แต่พวกคนที่ตายไปแล้ว ผิดกับคุณใสที่ไม่เคยกลัวสิ่งใด พร้อมมีเรื่องไม่ว่ากับคนหรือผี ปากแซ่บที่สุดในซอย ใครก็ตามที่มาหาเรื่องน้ำมนต์ คุณใสก็พร้อมใส่เดี่ยวด้วยหมด

ด้วยศักยภาพนั้นคุณใสจึงตั้งตนเป็นผู้ปกป้องน้ำมนต์ และยังคงปฏิบัติหน้าที่นั้นตราบจนถึงทุกวันนี้

แต่แล้ว พอมองเจ้าก้อนผ้าห่มตรงหน้าพยายามขัดขืน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนเพิ่งออกตัวช่วยเหลือเอาไว้ ไม่เพียงไม่ได้รับคำขอบคุณ ยังโดนหลบหน้าเช่นนี้อีก นี่มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

คุณใสกระเถิบเข้าใกล้เจ้าก้อนผ้าห่ม เริ่มเปิดฉากการแสดงระดับที่ซูเปอร์สตาร์ยังต้องอาย

"ใช่สินะ ฉันมันทำอะไรก็ไม่เคยดี...คงเป็นได้แค่คนร้ายในสายตานายเสมอสินะ น่าน้อยใจชะมัด"

คุณใสหันหนี แสร้งทำหน้าเศร้าและเสียงสะอื้น

มันได้ผล คนในผ้าห่มค่อยๆ ชะเง้อมองร่างใหญ่ที่หันหลังให้อย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นว่าคนขี้แกล้งเงียบไปนานเกิน 3 นาที น้ำมนต์ก็เริ่มใจอ่อน ในที่สุดก็ติดกับความเจ้าเล่ห์ของคุณใสเข้าจนได้

"ฉันไม่ได้มองว่านายเป็นคนไม่ดีนะ" น้ำมนต์พยายามดึงแขนเสื้อของคุณใส

"อุตส่าห์ช่วย ก็เอาแต่ดุกันตลอด..." คุณใสตัดพ้อ

"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ"

"ทำดีกับฉันบ้างไม่ได้หรือไง?"

"รู้แล้วๆ ฉันจะทำดีด้วย...เลิกงอนได้แล้ว"

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าหนาๆ ของคุณใส

"ต้องไปกินข้าวกับฉันก่อน"

"ฉันกินข้าวกับนายประจำอยู่แล้วนี่" น้ำมนต์เอียงคอ

"งั้นป้อนข้าวด้วย" คุณใสยังไม่ยอมแพ้

"นายเป็นเด็กหรือไง?"

"นั่นไง!...ดุอีกแล้ว!" คุณใสโพล่งขึ้น หันไปทำหน้าง้องอนอีกครั้ง "หนหน้าจะปล่อยให้ผีพวกนั้นหิ้วไปซะเลย!"

"ไม่ๆ ไม่เอานะ!!" น้ำมนต์รีบดึงแขนของคุณใสเอาไว้ พลางส่ายศีรษะรัว ๆ "ถ้านายไม่ช่วย ฉันคงใช้ชีวิตแบบคนปกติไม่ได้แน่..."

"นี่มันเกินไปหรือเปล่า?" คุณใสกอดอกทำกระฟัดกระเฟียด "ใช้ฉันเป็นเครื่องไล่ผี เกาะติดจนแทบไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบ แล้วยังชอบดุฉันอีก ไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือไง?"

น้ำมนต์เถียงไม่ออก เขารู้ดีว่าสิ่งที่ตนเรียกร้องออกจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว อีกทั้งยังเป็นภาระให้คนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่าเรื่องที่คุณใสกล่าวหาว่าเขาเกาะติดคุณใสนั่นมันไม่ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริง คนที่ไม่ยอมให้น้ำมนต์ได้อยู่คนเดียวคือคุณใสต่างหาก ขนาดน้ำมนต์คุยกับหลินซี คุณใสยังพาลใส่เธอเลย...คิดดูสิ!

แม้อยากเถียงใจจะขาด แต่ส่วนหนึ่งที่คุณใสพูดมันก็เป็นความจริง ถ้าไม่มีคุณใสอยู่ น้ำมนต์คงถูกรบกวนจากคนตายจนไม่เป็นอันใช้ชีวิตกันพอดี

เมื่อคุณใสเห็นว่าอีกฝ่ายไม่โต้เถียง และเริ่มแสดงสีหน้ารู้สึกผิด เขาจึงถือโอกาสขอในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้

"แบบนี้ฉันต้องเรียกร้องรางวัลในการทำหน้าที่เครื่องรางบ้างแล้วมั้ย?"

"จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ นายอยากให้ฉันทำอะไร จะทำให้หมดเลย" น้ำมนต์พูดอย่างจริงจัง

คุณใสแสร้งทำเป็นคิดมาก

"มันออกจะยากอยู่นะ นายจะทำได้จริงหรือ?"

"ได้สิ ฉันทำได้!" น้ำมนต์พยักหน้ารัวๆ

ดูสิ ไม่ระวังตัวอีกแล้ว...คุณใสหงุดหงิดเล็กน้อยที่คนตัวเล็กยอมรับคำขอของผู้อื่นง่ายๆ โดยไม่ถามรายละเอียดให้ชัดเจน เพราะแบบนี้ถึงได้ถูกเอาเปรียบอยู่เสมอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งคุณใสเองก็รู้สึกพอใจที่ตนไม่ถูกปฏิเสธ...เป็นไปตามแผนเป๊ะ!

"งั้นหลับตาสิ" คุณใสเอ่ย

"ทะ ทำไมต้องหลับตาด้วย?" น้ำมนต์ถามอย่างระมัดระวัง

หลายต่อหลายครั้งที่คุณใสชอบสั่งให้น้ำมนต์หลับตา หลังจากนั้นคนตัวเล็กก็มักจะถูกแกล้งด้วยวิธีแผลงๆ นั่นทำให้น้ำมนต์ลังเลที่จะทำตาม

"แน่ะ! ไหนว่าทำได้ทุกอย่างไง แค่หลับตานายยัง...!"

"รู้แล้วๆ แค่หลับตาใช่มั้ยล่ะ!"

น้ำมนต์หลับตาลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

ปลายนิ้วของเขารู้สึกวูบวาบเมื่อต้องอยู่ในความมืด ยากจะควบคุมความคิด ได้แต่ต้องมโนเอาเองว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรในขณะที่มองไม่เห็น

คุณใสมองคิ้วของคนตรงหน้าขมวดเข้าหากันอย่างขบขัน แม้ร่างเล็กจะทำหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ ทว่าในสายตาคุณใส มันกลับยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า

"นายจะทำอะไร...อึ้ก!"

คำถามของน้ำมนต์ถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอ เมื่อคุณใสโน้มตัวเข้ามาประทับริมฝีปากของเขาเข้ากับน้ำมนต์

สัมผัสนุ่มนวลที่ริมฝีปากชัดเจนจนร่างเล็กถึงกับชาไปทั้งตัว

ดวงตาของน้ำมนต์เบิกกว้าง หัวสมองยุ่งเหยิงราวกับก้อนไหมพรม ใบหน้าของคุณใสอยู่ใกล้มากจนกลายเป็นภาพเบลอ น้ำมนต์ลืมที่จะขัดขืน ลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจ จนอีกฝ่ายผละออกช้าๆ

คุณใสยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าร่างเล็กไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธ

"จากนี้ไป ถ้าอยากให้ช่วย นายก็ต้องจุ๊บฉันก่อน เข้าใจ๊?"

"หา...?"

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมประหลาดๆ ของพวกเขาทั้งสองคนในรั้วมหาวิทยาลัย