"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี - บทที่ 3 หลินซีผู้รู้เห็นทุกสิ่งอย่าง โดย เห็ดสีน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL

รายละเอียด

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี โดย เห็ดสีน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

ผู้แต่ง

เห็ดสีน้ำเงิน

เรื่องย่อ

น้ำมนต์และคุณใสสามารมองเห็นวิญญาณได้เหมือนกัน ทว่าคุณใสนั้นไม่เคยกลัวสิ่งใด ต่างจากน้ำมนต์ที่หวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง ทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มีความสัมพันธ์กันแบบ คนหนึ่งแกล้ง และอีกคนถูกแกล้ง วันหนึ่งน้ำมนต์ถูกดวงวิญญาณจู่โจม คุณใสที่เข้ามาช่วยจึงยื่นข้อเสนอบางอย่างแลกกับความช่วยเหลือ
"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

สารบัญ

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 1 น้ำมนต์กับคุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 2 ข้อตกลงของคนขี้แกล้ง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 3 หลินซีผู้รู้เห็นทุกสิ่งอย่าง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 4 กลับบ้านด้วยกันเถอะ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 5 นอนด้วยคน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 6 ชอบฉันหรือเปล่า?,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 7 พี่ชายของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 8 ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองหน่อยสิ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 9 ควบคุมตัวเองไม่ได้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 10 คุณป้าของหลินซีเป็นสาววาย,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 11 พูด!!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 12 สารภาพ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 13 เพราะว่า...ชอบ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 14 ผีสาวในชุดนอนสีแดง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 15 เพศศึกษากับอาจารย์คุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 16 ความฝัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 17 ทดสอบหลังเรียน 1,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 18 ทดสอบหลังเรียน 2 ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 19 เหมือนถูกด่า,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 20 แฟนของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 21 ดูแลคนไข้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 22 หลังจากนั้นสามวัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 23 แม่รู้แม่เห็น,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 24 แค่ทำเงียบๆ ก็โอเคแล้ว,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 25 จ้องมาจ้องกลับ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 26 คำเตือนจากคุณลุงถือไม้กวาด,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 27 พนักงานปากแซ่บคนนั้นคือ...,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 28 มีคนอกหัก,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 29 ร้าวฉาน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 30 ฉันรู้อยู่แล้ว!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 31 หนี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 32 ภาพถ่ายของเรา

เนื้อหา

บทที่ 3 หลินซีผู้รู้เห็นทุกสิ่งอย่าง

"ฉันจะเตือนอีกครั้งนะ พวกนายไม่ควรทำแบบนั้นที่มหาวิทยาลัย" หลินซีเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ "โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องเรียน"

"ทำไม?" คุณใสวางช้อนในมือเสียงดังตึง "ที่หน้าห้องก็ไม่เห็นมีติดว่าห้ามจูบกันซะหน่อย กล้องวงจรปิดอะไรนั่นก็ใช้ได้แค่ตรงทางเดินเท่านั้นแหละ แล้วพวกฉันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนด้วย..."

ฉันไงคนเดือดร้อนดูต้นทางให้

ใบหน้าราบเรียบของหลินซีเหมือนจะสื่อเช่นนั้น

"อย่างน้อย นายก็ควรถามความรู้สึกของน้ำมนต์บ้างไม่ใช่หรือไง?"

"น้ำมนต์ทำไม?" คุณใสดึงคนตัวเล็กที่ถูกกล่าวถึงมาไว้ในอ้อมกอดโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง "เจ้าตัวเล็กนี่ต้องให้ฉันคอยช่วย แตะนิดแตะหน่อยทำไมจะไม่ได้"

"คุกคามทางเพศ" หลินซีสรุป

ใช่...น้ำมนต์เห็นด้วย

"คุกคงคุกคามอะไร คงไม่คิดว่าฉันคุกคามนายอย่างที่ยัยนั่นพูดจริงๆ หรอกใช่ไหมหืม...?"

คุณใสบีบแก้มของน้ำมนต์เพื่อรีดเค้นเอาคำตอบ

"นอกจากคุกคามแล้วยังข่มขู่ด้วย"

ในขณะที่เพื่อนทั้งสองเขม่นใส่กันตาแทบถลน น้ำมนต์กลับต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะดิ้นให้หลุดจากมือปลาหมึกของคุณใส

เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่น้ำมนต์กับคุณใสทำข้อตกลงดังกล่าว แม้มันจะดูแปลกไปบ้าง แต่น้ำมนต์ก็พยายามจะคิดว่ามันเป็นเพียงหนึ่งในวิธีกลั่นแกล้งของคุณใส ถ้าถามว่าทำไมน้ำมนต์ไม่รู้จักขัดขืนหรือปฏิเสธ นั่นเพราะคุณใสเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา ทั้งสองสนิทกันไม่ต่างจากคนในครอบครัว

"ยังไง?" คุณใสจับใบหน้าของน้ำมนต์ให้หันมาสบตา

"ยังไงอะไรเหรอ?"

"นายยังไม่ตอบเลย" คุณใสทวนคำถาม "ฉันไม่ได้คุกคามนายใช่ไหม?"

สายตาคาดคั้นของเพื่อนทั้งสองทำให้คนที่อยู่ตรงกลางถึงกับเหงื่อตก

"เออ...บางทีนายก็ดูคุกคามอยู่บ้าง" น้ำมนต์พูดตะกุกตะกัก

โดยเฉพาะเวลาที่คุณใสสอดลิ้นเข้ามา และลูบคลำไปทั่วโดยไม่จำเป็น

หลินซียิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ส่วนคุณใสก็ช็อกจนตัวแข็งทื่อเป็นหุ่นปูนปั้นไปเลย

ชายขี้งอนหันไปนั่งกอดเข่า ทำปากขมุบขมิบพึมพำตัดพ้ออยู่คนเดียว ท้ายที่สุดก็จบที่น้ำมนต์ต้องเอาอาหารไปง้อเหมือนทุกที

ในตอนนั้นเอง ร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร

"ทำไมทำหน้ายู่แบบนั้นล่ะ"

ชายผู้มาใหม่พูดกับคนที่กำลังงอน เขาสวมเสื้อคณะศิลปศาสตร์ เส้นผมสั้นเรียบตรงสีดำสนิท ทั้งดวงตา สันจมูกและริมฝีปาก ช่วยทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กมัธยม ต้น ท่าทางและการแต่งตัวเรียบร้อยทุกระเบียบนิ้ว ทำเอาน้ำมนต์ต้องก้มลงจัดเสื้อผ้าตัวเองที่ยับยู่ยี่หลังจากถูกคุณใสกอดรัดฟัดเหวี่ยง

ดวงตาของคุณใสเบิกกว้าง

"เอ้า!...ไอ้ยู! ไหนบอกลงเรียนภาควันอาทิตย์ไง?"

"อืม ตอนแรกก็คิดว่าเรียนแค่วันอาทิตย์มันจะดีอะนะ วันที่เหลือจะได้มีเวลาทำงาน สุดท้ายถึงได้รู้ว่าระยะเวลาเรียนแต่ละวิชาค่อนข้างเร็ว แป๊บๆ ก็สอบ คนหัวช้าอย่างฉันตามไม่ทัน...ก็เลยต้องขอย้ายกลับมาเรียนภาคปกติน่ะ"

"เฮ้ย! ดีเลย งั้นก็รวมกลุ่มกับพวกเราดิ แบบนี้ฉันจะได้มีพวกเพิ่มขึ้นหน่อย" คุณใสรีบดึงเพื่อนใหม่ให้นั่งลงข้างๆ ก่อนหันไปเขม่นใส่หลินซี

น้ำมนต์ได้แต่นั่งมองความสนิทสนมของเพื่อนสองคน แวบหนึ่งเขาเกือบจะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนนอกไปเสียแล้ว

"เอ่อ..." น้ำมนต์ดึงแขนเสื้อคุณใส "คนนี้คือ?"

"อ้อ ญาติฝั่งแม่ฉันน่ะ เป็นลูกชายของป้าฉันเอง ชื่อยูเร...เรียกไอ้ยูก็ได้"

ยูเรตีแขนคุณใสดังเพี้ยะ

"ยูก็พอไหม!...ไม่ต้องเติม ไอ้ มาด้วย!"

คุณใสหัวเราะชอบใจ

ที่ผ่านมาคุณใสไม่เคยพูดถึงยูเรมาก่อน น้ำมนต์จึงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อชายคนนี้ปรากฏตัว

หลังจากแนะนำตัวเพื่อนใหม่เรียบร้อยน้ำมนต์ก็สังเกตเห็นว่ากำลังจะหมดเวลาพักแล้ว

"เรารีบกินกันเถอะ จะได้รีบขึ้นเรียน"

ทุกคนพยักหน้ารับและสวาปามอาหารตรงหน้า มีเพียงคุณใสที่ยังคงนั่งกอดอกและทำเสียงฮึดฮัดออกหน้าออกตาราวกับต้องการให้คู่กรณีรับรู้ว่าตนกำลังไม่พอใจ

"รู้แล้วๆ นายเองก็รีบกินเถอะนะ" น้ำมนต์ตักข้าวป้อนคนขี้งอน ซึ่งคุณใสก็อ้าปากกินข้าวและเคี้ยวตุ้ยๆ พออกพอใจ

ยูเรที่เห็นพฤติกรรมของญาติถึงกับนั่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง

"เรื่องปกติของสองคนนี้แหละ" หลินซีอธิบาย "อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็ชินเอง"

ยูเรพยักหน้า ทว่าสายตายังคงจับจ้องน้ำมนต์และคุณใสที่ทำตัวแนบชิดติดกันจนแทบจะเกินสถานะเพื่อน



คาบเรียนเลคเชอร์เริ่มขึ้น

โชคดีของพวกเขา ที่น้ำมนต์สามารถยัดอาหารกลางวันเข้าปากคุณใสได้ทันเวลาพอดิบพอดี กลุ่มเพื่อนสี่คนจึงขึ้นห้องเรียนได้ตรงเวลา

พวกเขาพากันนั่งหืดหอบในห้องที่ว่างเปล่า มีเพียงเก้าอี้นั่งที่วางกระจัดกระจาย หน้าจอโปรเจคเตอร์ที่เปิดค้างเอาไว้และอุปกรณ์การสอนของอาจารย์ ทว่าไร้ซึ่งมนุษย์คนอื่นภายในห้อง

"นี่ ยัยคนฉลาด! ไหนเธอบอกว่าเราสายแล้วไง" คุณใสโวยวายเมื่อรู้ว่าถูกหลอก "ยังไม่เห็นมีใครมาเลยสักคน!"

"อาจารย์ก็มาแล้วไง เห็นไหม โปรเจคเตอร์เปิดอยู่"

คุณใสทำท่าเหมือนจะพุ่งไปหยุมหัวเพื่อนสาว น้ำมนต์จึงต้องห้ามศึกเอาไว้

"เอาเถอะๆ มาถึงก่อนก็ดีแล้วนะ"

คุณใสทำเสียงชิชะ ถึงกระนั้นก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี

สายตาของยูเรจ้องมองมายังน้ำมนต์และคุณใสอย่างสนอกสนใจ

"พวกนายสองคน ดูสนิทกันจังเลยนะ" ยูเรทักขึ้น ทำเอาสองคนที่ถูกพูดถึงหยุดชะงัก

คำพูดนั้นโดนใจคุณใสเป็นที่สุด เขาวาดแขนไปโอบรอบตัวน้ำมนต์ และดึงคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอดพร้อมฉีกยิ้มร่า

"ฉันกับหมอนี่มันเกินคำว่าสนิทไปแล้ว"

ถ้าไม่บังเอิญว่ากล้ามเนื้อแสดงความรู้สึกบนใบหน้าของหลินซีมันตายด้าน เธอคงได้เบะปากมองบนกับคำพูดของคุณใสไปแล้ว อย่าว่าแต่สนิทเลย การแสดงความรักแบบไม่อายฟ้าอายดินของสองคนนี้มักจะทำให้เธอกุมขมับอยู่เสมอ

น้ำมนต์พยายามดิ้นหนีจากแขนแกร่งของคุณใส ส่วนเจ้ามนุษย์ปลาหมึกก็เอาแต่หัวเราะชอบใจ

หลินซีอยู่กับสองคนนี้มาครึ่งปี เธอคุ้นชินกับการแสดงออกของเพื่อนทั้งสอง แต่เธอไม่คิดว่าคนมาใหม่อย่างยูเรจะรับพฤติกรรมเหล่านี้ได้ เธอจึงพยายามช่วยอธิบาย

ทว่าเมื่อหญิงสาวหันไป เธอกลับได้พบใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอ่อนๆ ของยูเร

"อย่างนี้นี่เอง..." ยูเรดูเหมือนจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเพื่อนสอนคนได้อย่างรวดเร็ว

หลินซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอตบบ่าเพื่อนใหม่ เพราะรู้ว่าหลังจากนี้เขาจะต้องเป็นหนึ่งในพยานรักของสองคนนั้นไม่ต่างจากเธอแล้ว

ความรู้สึกของเพื่อนทั้งสองค่อนข้างที่จะชัดเจน ในสายตาของหลินซี แม้คุณใสจะชอบกลั่นแกล้งน้ำมนต์ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ และความต้องการที่จะปกป้องของเขา ส่วนน้ำมนต์เองถึงแม้จะโดนแกล้ง แต่เขาไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจ กลับกันความเขินอายที่แสดงออกบนใบหน้านั้น ต่อให้มองลงมาจากชั้นบนสุดของตึกเรียน ก็ยังดูออกว่าพวกเขาสองคนมีความรู้สึกที่พิเศษต่อกัน

ไม่นานมานี้ น้ำมนต์เปิดใจเล่าเรื่องความสามารถพิเศษในการมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติของเขาให้เธอฟัง หลินซีไม่ค่อยเข้าใจปัญหาของน้ำมนต์เนื่องจากเธอไม่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง ถึงกระนั้นเธอก็ไม่คิดว่าเพื่อนของเธอโกหก เพราะทุกครั้งที่น้ำมนต์พบเจอสิ่งเหล่านั้น เขาจะแสดงอาการอย่างชัดเจน และคนเดียวที่สามารถช่วยเขาได้ก็คือคุณใส

ในเมื่อทั้งสองต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน มันก็เกิดคำถามขึ้นในหัวของเพื่อนสาวที่รู้เห็นทุกอย่างในมุมมองของบุคคลที่สามอย่างเธอว่า

"ทำไมพวกนายไม่คบกันซะทีนะ?"