"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี - บทที่ 7 พี่ชายของหลินซี โดย เห็ดสีน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL

รายละเอียด

"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

ผู้แต่ง

เห็ดสีน้ำเงิน

เรื่องย่อ

น้ำมนต์และคุณใสสามารมองเห็นวิญญาณได้เหมือนกัน ทว่าคุณใสนั้นไม่เคยกลัวสิ่งใด ต่างจากน้ำมนต์ที่หวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง ทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มีความสัมพันธ์กันแบบ คนหนึ่งแกล้ง และอีกคนถูกแกล้ง วันหนึ่งน้ำมนต์ถูกดวงวิญญาณจู่โจม คุณใสที่เข้ามาช่วยจึงยื่นข้อเสนอบางอย่างแลกกับความช่วยเหลือ
"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

สารบัญ

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 1 น้ำมนต์กับคุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 2 ข้อตกลงของคนขี้แกล้ง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 3 หลินซีผู้รู้เห็นทุกสิ่งอย่าง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 4 กลับบ้านด้วยกันเถอะ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 5 นอนด้วยคน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 6 ชอบฉันหรือเปล่า?,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 7 พี่ชายของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 8 ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองหน่อยสิ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 9 ควบคุมตัวเองไม่ได้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 10 คุณป้าของหลินซีเป็นสาววาย,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 11 พูด!!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 12 สารภาพ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 13 เพราะว่า...ชอบ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 14 ผีสาวในชุดนอนสีแดง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 15 เพศศึกษากับอาจารย์คุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 16 ความฝัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 17 ทดสอบหลังเรียน 1,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 18 ทดสอบหลังเรียน 2 ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 19 เหมือนถูกด่า,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 20 แฟนของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 21 ดูแลคนไข้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 22 หลังจากนั้นสามวัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 23 แม่รู้แม่เห็น,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 24 แค่ทำเงียบๆ ก็โอเคแล้ว,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 25 จ้องมาจ้องกลับ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 26 คำเตือนจากคุณลุงถือไม้กวาด,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 27 พนักงานปากแซ่บคนนั้นคือ...,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 28 มีคนอกหัก,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 29 ร้าวฉาน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 30 ฉันรู้อยู่แล้ว!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 31 หนี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 32 ภาพถ่ายของเรา

เนื้อหา

บทที่ 7 พี่ชายของหลินซี

"ทะเลาะกันเหรอ?"

หลินซีเอ่ยถามขึ้นในที่สุด หลังจากที่เธอนั่งสังเกตพฤติกรรมน่าอึดอัดของเพื่อนทั้งสองมาสักพัก

เวลาได้ล่วงเลยมากว่าหนึ่งอาทิตย์ วันนี้พวกเขามารวมตัวกันเพื่อทำงานกลุ่มที่ได้รับมอบหมาย ทว่าทั้งคุณใสและน้ำมนต์เหมือนจะพูดคุยกันน้อยกว่าปกติ อีกทั้งไม่แผ่รังสีความรักสีชมพูเหมือนทุกที ที่ผิดสังเกตที่สุดคือคุณใสที่สงบปากสงบคำกว่าเดิมราวกับวิญญาณคนใบ้มาสิงร่าง

น้ำมนต์เหลือบมองชายหนุ่มข้างกายที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หลายวันมานี้เขาสัมผัสได้ถึงความห่างเหินที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน แม้คุณใสยังคอยปกป้องน้ำมนต์เป็นอย่างดีเช่นเคย แต่พฤติกรรมที่แสดงออกนั้น ทำให้คนรอบข้างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดไปตามๆ กัน

"เป็นอะไรหรือเปล่า?" น้ำมนต์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

"หือ? เปล่านี่" คุณใสลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย "ฉันไปซื้อขนมนะ จะเอาอะไรกันมั้ย"

"บลูฮาวายโซดา" หลินซีสั่งออเดอร์ทันที

น้ำมนต์ส่ายหน้า

"ยู เอาไร..." คุณใสหันไปทางญาติสนิทของตนที่กำลังวุ่นอยู่กับการตรวจคำผิด

"ไม่เอา นายไปเถอะ" ยูเรตอบโดยไม่หันมามอง

น้ำมนต์จ้องมองคุณใสกระทั่งร่างสูงเดินผ่านใต้ตึกคอนโดของหลินซีไป เขาไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้เลย ต้องเกิดอะไรขึ้นกับคุณใสอย่างแน่นอน หลังจากวันที่คุณใสไปนอนที่บ้านน้ำมนต์ เขาก็มีท่าทีแปลกไป

หรือเขาโดนผีหลอกจริงๆ?

ความคิดตื้นเขินของน้ำมนต์ไม่มีทางเป็นไปได้ ดวงวิญญาณเร่ร่อนสองสามตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณใส

น้ำมนต์พยายามสลัดความคิดเพ้อเจ้อออกไปจากหัว และจดจ่อกับงานตรงหน้า ถ้าวันนี้เขาทำรายงานไม่เสร็จ พวกเขาทั้งกลุ่มจะได้เจอกับอะไรที่แย่ยิ่งกว่าการโดนผีหลอกเสียอีก

"ว่าแต่บังเอิญจังนะที่พวกเธอพักอยู่คอนโดเดียวกัน" น้ำมนต์พยายามหาเรื่องคุยเพื่อไม่ให้เพื่อนๆ เครียดจนเกินไป

"อื้ม หลินใจดีมากเลยล่ะ ช่วยดูแลฉันที่อยู่คนเดียวตั้งเยอะแน่ะ"

"ไม่เท่าไหร่หรอก" หลินซีภูมิใจที่ถูกชื่นชม "ยูก็เก่งนะ มาอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่มีรูมเมทหรือ?"

"ไม่อ่ะ ฉันชอบให้บ้านเป็นพื้นที่ส่วนตัวมากกว่า...เอ๊ะ หลินไม่ได้อยู่คนเดียวเหรอ?"

"ฉันอยู่กับพี่ชายไง ครั้งก่อนก็เคยพูดถึง"

"เอ๊ะ...แต่ฉันไม่เคยเห็นเธอกับพี่ชายอยู่ด้วยกันเลยนะ"

ยูเรหันมองน้ำมนต์ราวกับจะถามว่าพี่ชายของหลินซีเป็นคนเช่นไร ทว่าน้ำมนต์ก็ทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะตลอดครึ่งปีที่รู้จักกันมา เขาไม่เคยเห็นพี่ชายของหลินซีเลยสักครั้ง ดังนั้นน้ำมนต์จึงคิดว่าพี่ชายของหลินซีต้องเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง และไม่ชอบออกมาเพ่นพ่านข้างนอกเป็นแน่

"พี่ชายฉันชอบไปสิงตัวอยู่ที่ตึกแพทย์น่ะ บางทีก็ไม่กลับบ้าน"

ดวงตาของชายหนุ่มทั้งสองเป็นประกาย

"พี่เธอเป็นหมองั้นเหรอ ยอดเลย งี้เขาต้องเรียนเก่งมากแน่ๆ เลยใช่ไหม" ยูเรถามอย่างสนอกสนใจ

"ก็...คงงั้น" หลินซีตอบแบบขอไปที

ดูเหมือนความสัมพันธ์ของสองพี่น้องคู่นี้จะพิเศษกว่าที่คิด น้ำมนต์จึงเลือกที่จะหุบปาก ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

ไม่นานหลังจากนั้นยูเรก็ลุกขึ้น

"ฉันขอไปซื้อยาแก้ปวดแป๊บนะ เหมือนจะจ้องคอมมากไป รู้สึกปวดหัวหน่อยๆ"

ยูเรจากไปอีกคน เมื่อน้ำมนต์หันกลับมาก็พบหลินซีทำหน้ามึนงง

"อะไรเหรอ?"

"เปล่า ฉันแค่กำลังสงสัยว่าทำไมเขาไม่โทรสั่งให้คุณใสซื้อมา"

ก็จริง...

"อาจจะลืมก็ได้ล่ะมั้ง...ไม่ก็คงอยากลุกเดินบ้าง นั่งทำงานนานๆ คงปวดหลังแย่" น้ำมนต์คาดเดา

"คงงั้น...ว่าแต่เรื่องสถานที่ถ่ายภาพของกลุ่มเราจะเอายังไงดี"

เมื่อไม่กี่วันก่อนในคาบเรียนถ่ายภาพ อาจารย์ได้สั่งให้พวกเขาไปถ่ายภาพนอกสถานที่ตามฉลากที่จับได้ ซึ่งหัวข้อที่พวกเขาได้คือวิถีชีวิต น้ำมนต์ไม่ถนัดด้านการถ่ายรูปเสียเท่าไร อันที่จริงต้องบอกว่าเขาแทบไม่ถูกกับอุปกรณ์เฉพาะทางพวกนี้เอาเสียเลย บนโลกนี้มีเพียงดินสอ ปากกาและพู่กันเท่านั้นที่น้ำมนต์จับแล้วไม่เสียหาย

"ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้เท่าไหร่ หลินคิดสถานที่ดีๆ ออกบ้างไหม?"

"ฉันคิดว่าเราน่าจะไปถ่ายแถวต่างจังหวัดนะ วิวธรรมชาติสวยดี แล้วถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย"

น้ำมนต์ก็อยากจะเห็นด้วยกับความคิดของหลินซีอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่าเขาเคยได้ยินเรื่องเล่าหลายๆ อย่างเกี่ยวกับพื้นที่ต่างจังหวัด ว่ามักจะมีเรื่องของความเชื่อ และเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับวิญญาณอยู่เยอะแยะมากมาย

"ไม่ชอบเหรอ?"

"ปะ เปล่า ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน" น้ำมนต์พยายามกดความกลัวของตัวเองเอาไว้ เขาไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวมารวมกับเรื่องงานจนกลายเป็นตัวถ่วงเพื่อน

ที่ด้านหลังห่างออกไปไม่ไกล มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้น ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเรียบร้อยกำลังบึ่งมาทางโต๊ะของน้ำมนต์ เขามีผิวขาวซีด ใบหน้าหล่อเหลาแบบลูกคนจีน แว่นตาของเขาสะท้อนแสงเมื่อเห็นหญิงสาวที่กำลังนั่งทำงานใต้ตึกคอนโด ชายหนุ่มไม่รีรอพุ่งตรงเข้ามาหาพร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ใบหน้าดูไม่พอใจ

ปึง!

ชายหนุ่มผู้มาเยือนวางมือลงบนโต๊ะไม้อย่างแรง ทำเอาสองคนที่นั่งอยู่สะดุ้งโหยง เมื่อหลินซีเงยหน้าขึ้นก็ถึงกับถอนหายใจ

"เมื่อเช้าเธอแอบไปหาธีร์อีกแล้วใช่ไหม?" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งน้ำเสียงเย็นชา ดูแล้วไม่ต่างจากหลินซีในช่วงแรกที่รู้จักกับน้ำมนต์เลย

"ฉันเปล่า..." หลินซีตอบโดยไม่แม้แต่จะสบตาอีกฝ่าย

"หลิน เธอจะคบกับใครก็ได้นะ แต่อย่าไปยุ่งกับหมอนั่นเลย" ชายหนุ่มรุดเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามหลินซี โดยเบียดให้น้ำมนต์กระเถิบออกไป

"ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย พี่จะให้ฉันตัดสินคนจากข่าวลือหรือไง แบบนั้นมันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรือ?"

เขาคือ พี่ชายของหลินซีนั่นเอง

"พวกฉันเรียนด้วยกัน มีหรือจะไม่รู้สันดาน...!"

"อย่าพูดหยาบ..." หลินซีเอ็ด ซึ่งพี่ชายของเธอก็ไม่ได้สนใจคำเตือนเสียเท่าไร แต่ส่งสายตาคาดคั้นไปหาน้องสาวแทน

"นี่...ฉันรู้ว่าพี่เป็นห่วง แต่ถ้าฉันเลือกผิดจริงๆ ฉันก็อยากจะเรียนรู้มันด้วยตัวเอง พี่ปกป้องฉันได้ไม่ตลอดหรอกนะซีซวน"

คำพูดของหลินซี ทั้งมุ่งมั่น และหนักแน่น พี่ชายของเธอจึงทำได้แค่ยอมแพ้

"ฉันไม่ชอบปลอบคนร้องไห้นะบอกไว้ก่อน"

"ฉันไม่เคยร้องไห้เสียหน่อย..."

"..."

"..."

ไม่ต้องบอกน้ำมนต์ก็เชื่อว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ทั้งหน้าตา นิสัย และบรรยากาศกดดันที่แผ่ออกมาจากทั้งคู่ทำเอาคนนอกอย่างน้ำมนต์รู้สึกเหมือนถูกห้อมล้อมด้วยภูเขาหิมะอันหนาวเหน็บ...

"เอ่อ...สวัสดีครับพี่ชายของหลินซี" น้ำมนต์ใช้โอกาสนี้กล่าวทักทาย

ซีซวนหันขวับมองต้นเสียง สีหน้าของเขาดูแปลกใจเล็กน้อย ราวกับว่าเพิ่งสังเกตเห็นการมีตัวตนอยู่ของน้ำมนต์ทั้งที่ก่อนหน้านี้ซีซวนเพิ่งเบียดน้ำมนต์ตัวแทบปลิวไปหยกๆ

"นี่ใคร?" พี่ชายเอ่ยถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอีกครั้ง

"น้ำมนต์ไง...เขาเป็นเพื่อนในคณะของฉัน เคยเล่าให้ฟังไปแล้วไม่ใช่หรือ หัดจำอย่างอื่นนอกจากอนาโตมี่กับชื่อโรคบ้าง" หลินซีหันมาทางน้ำมนต์ "นี่พี่ชายฉันเองชื่อซีซวน"

"สะ สวัสดีครับพี่ซีซวน ผมชื่อน้ำมนต์เป็นเพื่อนของหลินครับ" น้ำมนต์รีบยกมือไหว้ทักทายและแนะนำตัวตามมารยาท

ชายหนุ่มขยับเแว่นเล็กน้อย สายตากวาดขึ้นลงช้าๆ พิจารณาน้ำมนต์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยื่นมือออกมา ราวกับจะทักทายแบบชาติตะวันตก น้ำมนต์รีบเปลี่ยนไปจับมือทักทายซีซวนแทน ทว่าทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกัน ซีซวนก็จับฝ่ามือของน้ำมนต์หงายขึ้น ก่อนจะออกแรงกดบนฝ่ามือเล็ก สายตาจ้องมองราวกับกำลังพิจารณาบางอย่าง

หลินซีที่เห็นนิสัยเสียของพี่ชายกำเริบถึงกับกุมขมับ

"มือนาย นุ่มดีนะ...ผู้ชายแน่เหรอ?" ซีซวนเขยิบเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งเชยคางน้ำมนต์ให้เงยหน้าขึ้น "แทบจะมองไม่เห็นลูกกระเดือกแล้ว มิน่าทำไมเสียงเล็กขนาดนี้...แขนขาก็..."

"ขอโทษนะน้ำมนต์ พี่ชายฉันติดนิสัยสำรวจร่างกายคนอื่นแบบนี้แหละ ถึงเขาจะเพี้ยนๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ" หลินซีส่ายหน้า เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรแก้นิสัยของพี่ชายอย่างไรดี

น้ำมนต์เข้าใจสิ่งที่เพื่อนสาวพูด แต่ที่เขาต้องการตอนนี้ไม่ใช่คำอธิบายถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของซีซวน แต่คือวิธีการเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ต่างหาก

"ตาโตมากด้วย..." ซีซวนยังไม่หยุดสำรวจ

"เอ่อ คือ..."

ก่อนที่น้ำมนต์จะถูกว่าที่นายแพทย์สำรวจร่างกายลึกไปมากกว่านี้ คุณใสก็กลับมาพอดิบพอดี

ภาพชายแปลกหน้าที่ทำตัวใกล้ชิดกับเจ้าหอยทากน้อยทำเอาคุณใสเลือดขึ้นหน้า เขาพุ่งปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อซีซวนอย่างเอาเรื่อง

"อย่ามาแตะต้องคนของฉัน!"