"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี - บทที่ 10 คุณป้าของหลินซีเป็นสาววาย โดย เห็ดสีน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL

รายละเอียด

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี โดย เห็ดสีน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

ผู้แต่ง

เห็ดสีน้ำเงิน

เรื่องย่อ

น้ำมนต์และคุณใสสามารมองเห็นวิญญาณได้เหมือนกัน ทว่าคุณใสนั้นไม่เคยกลัวสิ่งใด ต่างจากน้ำมนต์ที่หวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง ทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มีความสัมพันธ์กันแบบ คนหนึ่งแกล้ง และอีกคนถูกแกล้ง วันหนึ่งน้ำมนต์ถูกดวงวิญญาณจู่โจม คุณใสที่เข้ามาช่วยจึงยื่นข้อเสนอบางอย่างแลกกับความช่วยเหลือ
"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

สารบัญ

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 1 น้ำมนต์กับคุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 2 ข้อตกลงของคนขี้แกล้ง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 3 หลินซีผู้รู้เห็นทุกสิ่งอย่าง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 4 กลับบ้านด้วยกันเถอะ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 5 นอนด้วยคน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 6 ชอบฉันหรือเปล่า?,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 7 พี่ชายของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 8 ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองหน่อยสิ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 9 ควบคุมตัวเองไม่ได้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 10 คุณป้าของหลินซีเป็นสาววาย,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 11 พูด!!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 12 สารภาพ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 13 เพราะว่า...ชอบ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 14 ผีสาวในชุดนอนสีแดง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 15 เพศศึกษากับอาจารย์คุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 16 ความฝัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 17 ทดสอบหลังเรียน 1,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 18 ทดสอบหลังเรียน 2 ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 19 เหมือนถูกด่า,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 20 แฟนของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 21 ดูแลคนไข้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 22 หลังจากนั้นสามวัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 23 แม่รู้แม่เห็น,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 24 แค่ทำเงียบๆ ก็โอเคแล้ว,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 25 จ้องมาจ้องกลับ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 26 คำเตือนจากคุณลุงถือไม้กวาด,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 27 พนักงานปากแซ่บคนนั้นคือ...,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 28 มีคนอกหัก,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 29 ร้าวฉาน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 30 ฉันรู้อยู่แล้ว!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 31 หนี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 32 ภาพถ่ายของเรา

เนื้อหา

บทที่ 10 คุณป้าของหลินซีเป็นสาววาย

"กลุ่มพวกเธอนี่น่าอึดอัดแบบนี้ตลอดเลยหรือ?"

ซีซวนที่รับหน้าที่เป็นคนขับรถชั่วคราวเอ่ยถามขึ้น หลังจากออกรถมานานกว่าครึ่งชั่วโมง เพื่อเดินทางพากลุ่มของน้องสาวไปทำงานต่างจังหวัด

บรรยากาศน่าอึดอัดที่ซีซวนพูดถึง แผ่มาจากมนุษย์ซอมบี้ที่ชื่อคุณใส เขานั่งกอดอก ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ใส่หูฟังและเข้าสู่โลกส่วนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อตัวก่อกวนของกลุ่มเงียบหาย ทำให้คนอื่นๆ กดดันไปตามๆ กัน ส่งผลให้บรรยากาศไม่ต่างจากรถร้างไร้ผู้คน

หลินซีเหลือบมองคุณใสและน้ำมนต์สลับกัน ดูจากท่าทางอ้ำอึ้งของทั้งคู่ คงมีเรื่องผิดใจกันอีกเป็นแน่ เพื่อนสาวถึงกับปวดหัว ดูเหมือนการเป็นต้นหนเรือของคู่รักคู่นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว

"เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างน่าเบื่อนะ..."

คำพูดของซีซวนไปกระตุกความหงุดหงิดของคุณใสเข้าให้ ชายหัวร้อนกระชากหูฟังและเริ่มหาเรื่องรุ่นพี่อีกครั้ง

"แล้วทำไมนายมาเป็นคนขับรถได้วะครับ!"

"มารับส่งน้องสาวตามหน้าที่พี่ชายไง คิดว่าฉันมาขับรถให้นายคนเดียวหรือ คิดไปเองเก่งเหมือนกันนี่..."

ถ้าไม่ติดว่าซีซวนกำลังใช้สมาธิกับการขับรถ คุณใสคงพุ่งไปหยุมหัวว่าที่คุณหมอเข้าให้แล้ว พื้นที่ในรถตู้กว้างพอให้พวกเขาชกกันสักยกยังได้เลย

"พอเถอะ..."

"พอได้แล้วคุณใส"

ยูเรพูดแทรกขึ้นตอนที่น้ำมนต์พยายามจะห้ามปรามคุณใส ญาติห่างๆ ดึงแขนคุณใสเอาไว้

น้ำมนต์มองความสนิทสนมของญาติพี่น้องสองคนนี้แล้วภายในใจเกิดสับสนขึ้นมาอีกครั้ง

ครั้งหนึ่งที่คุณใสหันมาสบตาน้ำมนต์พอดิบพอดี แต่เพียงครู่เดียวก็หันหน้าหนี

น้ำมนต์ไม่ชอบแบบนี้เลย เขามองออกไปนอกกระจกรถและตั้งมั่นว่าจะต้องแก้ไขความอึดอัดนี้ลงให้ได้โดยเร็ว



หลังจากแสงอาทิตย์ตกดิน รถตู้ก็จอดที่หน้าบ้านพักพอดิบพอดี

สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น้อยคนนักจะรู้จัก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่อาศัยอยู่ในละแวกป่าที่ห้อมล้อมไปด้วยธารน้ำและเนินเขา แหล่งที่อยู่อาศัยของชาวบ้านส่วนใหญ่ตั้งอยู่ขนาบข้างถนนเส้นใหญ่ ที่ทอดยาวออกไปตามแนวป่า บ้านและที่พักสร้างจากไม้ สายลมเย็นสบายและท้องฟ้าที่เริ่มมืดขึ้นในทุกๆ วินาทีขับเน้นให้บรรยากาศเงียบสงบเย็นยะเยือก

กลุ่มนักศึกษาทยอยลงจากรถ ขนสัมภาระส่วนตัวรวมไปถึงอุปกรณ์ถ่ายภาพและขนมขบเคี้ยวระหว่างเดินทางเข้าบ้านพัก

"ยอดเลย!...บ้านน่าอยู่สุดๆ" ยูเรวิ่งเข้าไปสำรวจที่พักอย่างตื่นเต้น

"ทำตัวตามสบายเลย" หลินซีวางเรียงอุปกรณ์ถ่ายภาพไว้ใต้บันได

น้ำมนต์ที่เดินตามหลังเพื่อนสาวเข้ามาถึงกับหยุดชะงัก ท่ามกลางเครื่องเรือนไม้เก่าที่มีอายุหลายสิบปี บนโซฟาตัวใหญ่ปรากฏร่างโปร่งสีขาวสองร่าง ดูเหมือนสายตาพิเศษของน้ำมนต์จะทำงานผิดที่ผิดเวลาอีกแล้ว

ร่างหนึ่งสูง ไหล่กว้างราวกับชายหนุ่มกำยำ ร่างนั้นนั่งพิงโซฟาอย่างเงียบสงบ ส่วนอีกร่างมีขนาดเล็กกว่า ดูบอบบางและอ่อนแอไม่ต่างจากหญิงสาว นั่งเอนพิงอีกร่างจนแทบจะกลืนเป็นร่างเดียวกัน ทว่าออร่าที่แผ่ออกมาของสองร่างนั้นไม่ได้ทำให้น้ำมนต์รู้สึกหวาดกลัวมากเท่าวิญญาณหลายตนที่เขาเคยเห็นกลับกัน เขารู้สึกอบอุ่นราวกับได้รับการดูแลจากญาติผู้ใหญ่

รูปลักษณ์ของทั้งสองต่างจากวิญญาณตนอื่นๆ ไม่น่ากลัวและดูสงบเงียบ ทั้งสองไม่สนใจพวกเด็กๆ ที่เดินเข้ามาราวกับมองไม่เห็น

"นี่หลิน...บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่มานานแค่ไหนแล้วเหรอ?" น้ำมนต์ถาม

"ประมาณสิบปีได้" หลินซีไล่เปิดไฟในบ้าน "ก่อนหน้านี้คุณลุงกับคุณป้าฉันเคยอยู่ พอทั้งสองเสียไป นานๆ ทีก็จะมีคนมาคอยดูแลทำความสะอาด"

วิญญาณสองตนนั้นคือคุณลุงและคุณป้าของหลินซีนั่นเอง

น้ำมนต์พยายามไม่มองไปทางสองร่างนั้น แม้พวกเขาจะไม่ได้น่ากลัว แต่ขาของน้ำมนต์ก็ยังสั่นจนไม่กล้าเดิน มันเป็นปฏิกิริยาทางร่างกายที่น้ำมนต์บังคับไม่ได้เมื่อเขาพบเจอวิญญาณ

ฝ่ามือหนาของคุณใสแตะเข้าที่หัวไหล่ของน้ำมนต์

"กลัวหรือเปล่า?" คุณใสกระซิบ สายตาจับจ้องไปยังสองร่างโปร่ง "อยากให้ช่วยไหม?"

อยากสุดๆ เลยครับ!

น้ำมนต์ส่ายหน้า แม้เหงื่อจะผุดเพราะความวิตก ทว่าเขาจะเอาแต่พึ่งพาคุณใสไม่ได้ น้ำมนต์ต้องรู้จักเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับความสามารถที่ตนมี

"ไม่เป็นไร แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง..."

ว่าจบน้ำมนต์ก็พยายามก้าวขาเอาข้าวของไปเก็บ

คุณใสได้แต่ยืนมองท่าทางกระตือรือร้นของเจ้าหอยทากน้อย เป็นอีกครั้งที่คุณใสถูกปฏิเสธความช่วยเหลือ สำหรับคนอ่อนแออย่างน้ำมนต์ มันคงเป็นการดีที่จะรู้จักเรียนรู้สิ่งต่างๆ และกล้าเผชิญหน้ากับปัญหามากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทว่าสำหรับคุณใสแล้ว การที่น้ำมนต์อยากเป็นคนกล้าหาญ ยิ่งทำให้ระยะห่างของทั้งสองเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

"กระเป๋าไข่ต้มนี่ของใคร?"

ซีซวนเอ่ยถามหลังจากจัดการจอดรถเข้าที่ และหยิบเอาสัมภาระใบสุดท้ายติดมือลงมาด้วย กระเป๋านั้นเป็นเป้ขนาดพกพาที่ห้อยพวงกุญแจรูปไข่ต้มเอาไว้

คุณใสฉวยเอากระเป๋าไปพร้อมคำขอบคุณห้วนๆ ก่อนจะไปสมทบกับเพื่อนคนอื่นๆ ในบ้าน



การแบ่งที่นอนเป็นอะไรที่วุ่นวายสุดๆ เนื่องจากห้องนอนมีแค่สองห้องที่ชั้นสอง ห้องหนึ่งพักได้สองคน แน่นอนว่าห้องหนึ่งตกเป็นของหลินซี เนื่องด้วยเธอเป็นเจ้าบ้าน และเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม ดังนั้นอีกห้องที่เหลืออยู่จึงเป็นการจับฉลากเลือกสองคนที่จะได้นอนบนห้อง และอีกสองคนที่ต้องนอนในห้องรับแขก

อย่าว่างั้นงี้เลย ถ้าเป็นไปได้น้ำมนต์ก็อยากไปนอนในห้อง หรือที่ไหนก็ได้ในบ้านที่ไม่มีวิญญาณคุณลุงคุณป้าของหลินซี

ทั้งสองท่านนั่งอยู่กับที่ ต่อให้ยูเรนั่งทับร่างของพวกเขา ร่างของทั้งสองก็ไม่หายไปไหน

น้ำมนต์เป็นคนแรกที่ได้จับฉลาก เด็กหนุ่มสูดหายใจเต็มปอด ก่อนจะล้วงมือลงไปในกระป๋องนมผงเก่าๆ หยิบม้วนกระดาษเล็กๆ ขึ้นมา เมื่อคลายม้วนกระดาษออก สิ่งที่ได้ก็คือ

"หะ ห้องรับแขก"

น้ำมนต์ยิ้มทั้งน้ำตา

"เป็นไรหรือเปล่า?" หลินซีเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนรักกำลังแปลงร่างเป็นเยลลี่ตัวยวบไปกับพื้น

"มะ ไม่เป็นไร" น้ำมนต์โกหก

หลินซียื่นกระป๋องจับฉลากให้คุณใสเป็นคนต่อไป

ในเมื่อที่นอนของน้ำมนต์ถูกกำหนดแล้ว คุณใสก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องจับฉลากอีกต่อไป เขาดันกระป๋องออกและเดินไปนั่งลงข้างน้ำมนต์

"ไม่ต้องจับแล้วล่ะ ฉันนอนข้างล่างเอง"

น้ำมนต์มองคนข้างกาย เมื่อคิดว่าคืนนี้ต้องนอนกับคุณใส หัวสมองก็ปั่นป่วนอีกครั้ง

"เอาแบบนั้นก็ได้" หลินซีพยักหน้าอย่างพอใจ นี่เป็นโอกาสที่ดีให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกัน

"งั้นฉันก็จะนอนข้างล่างด้วย" ยูเรโพล่งขึ้น ทำท่าจะลงไปนั่งข้างคุณใส

"นายขึ้นไปนอนข้างบนนั่นแหละ" คุณใสกล่าว

"ทำไมล่ะ พวกเราเป็นแขก ให้เจ้าของบ้านสองคนนอนข้างบนก็ถูกแล้ว พวกเรานอนรวมกันข้างล่างนี่แหละ" ยูเรไม่ยอมแพ้

"จะมานอนเบียดกันทำไมเล่า ขึ้นไปเถอะน่า!"

คนถูกปฏิเสธทำแก้มป่องงอนญาติสนิท แววตายังคงมุ่งมั่น ไม่ยอมถอยง่ายๆ

"จะขึ้นนอนได้ยัง ฉันง่วงแล้ว เวลานอนของฉันยิ่งน้อยอยู่" ซีซวนอ้าปากหาวเป็นครั้งที่สาม "จะเป็นใครก็ช่างเถอะ ฉันไม่สนหรอก"

ซีซวนจับมือยูเร ลากให้เดินตามขึ้นไปยังชั้นสอง ญาติของคุณใสดูไม่ชอบใจเท่าไร แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงควายของซีซวนได้

หลินซีเดินเข้าไปในห้องเก็บของข้างห้องครัวแล้วหยิบผ้าห่มใหม่เอี่ยมที่เก็บในพลาสติกอย่างดีพร้อมเบาะรองนอนมาให้ ก่อนจะขอตัวขึ้นไปข้างบน

น้ำมนต์และคุณใสช่วยกันจัดที่นอน พวกเขาเลือกที่จะนอนใกล้โทรทัศน์เพื่อที่จะได้ห่างจากโซฟามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณใสเสียสละให้น้ำมนต์นอนด้านใน และใช้ร่างกายกำยำของตัวเองเป็นกำแพงกั้นไม่ให้คุณลุงคุณป้าเข้ามา น้ำมนต์ซาบซึ้งในน้ำใจของคุณใสน้ำตาแทบแตก

"อยากเปิดไฟเอาไว้ไหม?" คุณใสเอ่ยถามและมองไปทางร่างวิญญาณสองร่าง

"ปิดเถอะ ฉันไม่เป็นไร"

ต่อให้กลัวมากเพียงใด ก็ไม่ใช่เหตุผลให้ไปกินค่าไฟบ้านเพื่อน อีกทั้งวิญญาณสองตนนั้นเป็นญาติผู้ใหญ่ของหลินซี หากน้ำมนต์ทำตัวดี พวกท่านก็คงไม่ทำอันตรายเขาหรอก

หลังจากปิดไฟ ร่างวิญญาณทั้งสองก็เหมือนจะเด่นชัดขึ้นมากกว่าเดิม และเริ่มมีการเคลื่อนไหว

น้ำมนต์หลับตาปี๋ แขนกอดตัวเองแน่น ถึงกระนั้นหัวสมองของเขาก็ยังจินตนาการไปต่างๆ นานา

วงแขนแกร่งของคุณใสโอบรอบตัวเจ้าหอยทากที่กำลังสั่นเพราะความกลัว คุณใสออกแรงเพียงเล็กน้อย ร่างของน้ำมนต์ก็ขยับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ใบหน้าของคนขี้กลัวซุกอยู่ที่อกของคุณใส ทั้งสองต่างสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของร่างกายที่แผ่ออกมา

แม้จะยังตกใจอยู่บ้าง แต่อ้อมกอดของคุณใสก็ทำให้ความกลัวของน้ำมนต์ลดลงอย่างน่าเหลือเชื่อ

"อย่าเงยหน้าขึ้นมาล่ะ"

คำเตือนของคุณใสทำเอาคิ้วของน้ำมนต์ขมวดเป็นปม ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มิใช่คำกล่าวเกินจริงเลย

น้ำมนต์เงยหน้า ทันใดนั้นก็สบกับนัยน์ตาดำสนิทของร่างไร้วิญญาณ

ร่างของหญิงวัยกลางคนเปล่งแสง เธอยืนอยู่หลังคุณใส ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย เธอกำลังก้มหน้ามองชายหนุ่มสองคนที่กอดกันกลมบนพื้นบ้านของเธอ

คุณป้าผู้แสนอ่อนโยนพยายามส่งยิ้มหวานให้เพื่อนของหลานสาว โชคร้ายที่เด็กหนุ่มตัวเล็กคนนั้นขวัญอ่อนเกินกว่าจะเข้าใจการทักทายอย่างเป็นมิตร

เพียงเสี้ยววินาทีน้ำมนต์ก็เป็นลมและหลับไปในอ้อมกอดของคุณใส

"ก็บอกแล้วว่าอย่ามอง เจ้าหอยทากเอ๊ย!"

คุณใสยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก เขาจัดท่านอนของน้ำมนต์ ห่มผ้า และจุมพิตที่หน้าผากของคนตัวเล็ก โดยไม่สนใจเลยว่าวิญญาณของคุณป้ายังคงจับจ้องการกระทำของเขาด้วยใบหน้าชอบอกชอบใจ

ถ้าวิญญาณผลิตเม็ดเหงื่อได้ บนใบหน้าของคุณลุงคงชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อแห่งความหนักใจ แม้อยู่ในโลกหลังความตายมานานหลายปี นิสัยชื่นชอบเรื่องราวแนวชายรักชายของภรรยาดูเหมือนจะไม่ได้ลดน้อยลงเลย