"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี - บทที่ 12 สารภาพ โดย เห็ดสีน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL

รายละเอียด

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี โดย เห็ดสีน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

ผู้แต่ง

เห็ดสีน้ำเงิน

เรื่องย่อ

น้ำมนต์และคุณใสสามารมองเห็นวิญญาณได้เหมือนกัน ทว่าคุณใสนั้นไม่เคยกลัวสิ่งใด ต่างจากน้ำมนต์ที่หวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง ทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มีความสัมพันธ์กันแบบ คนหนึ่งแกล้ง และอีกคนถูกแกล้ง วันหนึ่งน้ำมนต์ถูกดวงวิญญาณจู่โจม คุณใสที่เข้ามาช่วยจึงยื่นข้อเสนอบางอย่างแลกกับความช่วยเหลือ
"อะไรนะ อยากให้ช่วยไล่วิญญาณพวกนั้นไปเหรอ...ได้ งั้น...จูบฉันสิ"

สารบัญ

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 1 น้ำมนต์กับคุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 2 ข้อตกลงของคนขี้แกล้ง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 3 หลินซีผู้รู้เห็นทุกสิ่งอย่าง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 4 กลับบ้านด้วยกันเถอะ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 5 นอนด้วยคน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 6 ชอบฉันหรือเปล่า?,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 7 พี่ชายของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 8 ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองหน่อยสิ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 9 ควบคุมตัวเองไม่ได้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 10 คุณป้าของหลินซีเป็นสาววาย,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 11 พูด!!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 12 สารภาพ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 13 เพราะว่า...ชอบ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 14 ผีสาวในชุดนอนสีแดง,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 15 เพศศึกษากับอาจารย์คุณใส,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 16 ความฝัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 17 ทดสอบหลังเรียน 1,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 18 ทดสอบหลังเรียน 2 ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 19 เหมือนถูกด่า,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 20 แฟนของหลินซี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 21 ดูแลคนไข้,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 22 หลังจากนั้นสามวัน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 23 แม่รู้แม่เห็น,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 24 แค่ทำเงียบๆ ก็โอเคแล้ว,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 25 จ้องมาจ้องกลับ,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 26 คำเตือนจากคุณลุงถือไม้กวาด,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 27 พนักงานปากแซ่บคนนั้นคือ...,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 28 มีคนอกหัก,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 29 ร้าวฉาน,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 30 ฉันรู้อยู่แล้ว!,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 31 หนี,Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี-บทที่ 32 ภาพถ่ายของเรา

เนื้อหา

บทที่ 12 สารภาพ

ในอดีตน้ำมนต์เป็นคนเดียวที่ไม่กลัวความสามารถพิเศษของคุณใส ทั้งยังอยากมีความสามารถแบบคุณใสบ้าง โดยให้เหตุผลว่า

"น้ำมนต์จะได้เข้าใจคุณใจ๋มากขึ้น"

"คุณใสต่างหาก ไม่ใช่คุณไสยหรือคุณใจ๋ ออกเสียงให้มันถูกหน่อย" คุณใสดีดหน้าผากเจ้าหอยทากน้อยขี้สงสัย

เพราะน้ำมนต์มักจะทำตัวอืดอาดยืดยาด และหัวช้าอย่างน่าเหลือเชื่อ คุณใสจึงตั้งฉายาให้น้ำมนต์ว่า เจ้าหอยทาก

ทั้งที่เป็นคำล้อเลียน แต่น้ำมนต์ก็ยังยิ้มร่าดีใจที่คุณใสมอบชื่อนั้นให้

หลังจากย้ายบ้านและโรงเรียนหลายครั้ง คุณใสตัดสินใจที่จะไม่ผูกมิตรกับใคร เขาห้ามปากตัวเองไม่ให้พูดความจริงเรื่องวิญญาณไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาแม่ของเขาโกหกพ่อมาตลอดเรื่องที่ตัวเองป่วยหนักจนกระทั่งเธอเสียชีวิตไป ทิ้งให้คนข้างหลังต้องทุกข์ทรมาน ดังนั้นคุณใสจึงเกลียดการโกหกเป็นที่สุด การที่เขาไม่มีเพื่อน เท่ากับไม่ต้องพูดเรื่องนี้กับใคร และจะได้อยู่อย่างสงบเสียที

ที่ผ่านมาคุณใสคือคนที่ถูกแกล้งมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อได้เห็นเด็กใสซื่อไม่สู้คนอย่างน้ำมนต์คอยตามตอแย มันก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งเล็กๆ น้อยๆ ถึงกระนั้นเจ้าหอยทากน้อยก็ไม่เคยโกรธ หรือผลักไสเขาออกไป

ช่องว่างในจิตใจของคุณใสจากการสูญเสียแม่ไปค่อยๆ ถูกเติมเต็มทีละน้อย รู้ตัวอีกทีรอบตัวของเขาก็มีน้ำมนต์เป็นส่วนหนึ่งไปเสียแล้ว

ความผิดพลาดเริ่มขึ้นในวันที่น้ำมนต์ไปเล่นที่บ้านของคุณใส

พ่อและแม่ของทั้งสองมักจะกลับบ้านช้า นั่นทำให้เด็กทั้งสองเล่นด้วยกันหลังเลิกเรียนเสมอ วันนั้นเองทั้งคู่ขึ้นไปเล่นซนที่ชั้นสอง คุณใสมักชอบหลอกน้ำมนต์ว่าบนชั้นสองของบ้านมีผี หากน้ำมนต์ขึ้นไปอาจมองเห็นวิญญาณเข้าสักวันก็ได้

คำยุยงเป็นผล น้ำมนต์วิ่งขึ้นไปชั้นสองโดยไม่รีรอ

คุณใสไม่ได้โกหก ด้านบนเป็นห้องพระ และเป็นที่เก็บอัฐิของแม่ จึงนับว่าเป็นที่อยู่ของคนตายได้เช่นกัน

ภายในห้องกว้างมีแท่นบูชา องค์พระสีทองอร่ามจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาอย่างเป็นระเบียบสวยงาม และแน่นอนมีที่เก็บอัฐิขนาดเล็กตั้งอยู่หน้ารูปถ่ายคุณแม่ของคุณใส

น้ำมนต์วิ่งไปรอบห้อง ในมือถือเครื่องบินพับกระดาษไว้ด้วย

คุณใสจ้องมองที่เก็บอัฐิ แม้เขาสามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับได้ แต่กลับไม่เคยมองเห็นวิญญาณของแม่เลยสักครั้ง พ่อเคยบอกว่าดวงวิญญาณที่ไม่มีห่วงจะเป็นอิสระ ไม่ผูกมัด และไปยังที่ห่างไกลเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณใสจึงเข้าใจว่าแม่ของเขาได้จากไปอย่างสมบูรณ์แล้วจริงๆ

"คุณผีอยู่ที่ไหนกานนนนนน" น้ำมนต์ร้องตะโกนเสียงใส "ออกมาเล่นกับน้ำมนต์เถอะนะ!"

ผีสาววัยกลางคนยืนอยู่ที่มุมขวาของห้อง รูปลักษณ์ของเธอไม่ค่อยน่ามองเสียเท่าไร จากที่เคยสื่อสารกันมา คุณใสพบว่าเธอคือเจ้าของบ้านคนเก่าที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุขณะทำงานที่โรงงาน พื้นเพเธอเป็นคนใจดี ดังนั้นเธอเพียงแค่คอยดูแลเด็กๆ ทั้งสองก็เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี

คุณใสชี้ไปยังตำแหน่งของผีสาว

"ยืนอยู่นั่นไง แค่นี้ก็มองไม่เห็น"

น้ำมนต์เดินไปด้อมๆ มองๆ บริเวณที่ผีสาวยืนอยู่ ก่อนจะเบ้ปาก

"น้ำมนต์ก็อยากเห็นบ้าง"

"จะอยากเห็นไปทำไม มันไม่ได้น่าดูขนาดนั้นหรอกนะ เดี๋ยวก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งหรอก"

น้ำมนต์ยิ้มแฉ่ง

"คุณใสไม่กลัว น้ำมนต์ก็ไม่กลัว ฮี่ๆ"

คุณใสในวัยเยาว์ไม่เข้าใจความรู้สึกรักใคร่แบบผู้ใหญ่ เด็กน้อยเข้าใจเพียงว่ารอยยิ้มสดใสของเจ้าหอยทากทำให้เขามีความสุขตามไปด้วย หากจะมีวิธีใดที่สามารถรักษารอยยิ้มนั้นเอาไว้ได้ คุณใสก็ไม่ลังเลที่จะทำ

เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณใสเห็นบทความในอินเทอร์เน็ตเขียนถึงวิธีการที่สามารถทำให้มองเห็นวิญญาณได้ แม้คุณใสจะคิดว่ามันค่อนข้างไร้สาระ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เห็นจำเป็นต้องทำอะไรก็สามารถมองเห็นวิญญาณคนตายได้อย่างชัดเจน และยิ่งนานวันเข้ามันก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ราวกับวิญญาณเหล่านั้นคือคนคนหนึ่งที่ยังคงมีชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้

คุณใสหยิบห่อพลาสติกออกมาจากกระเป๋า ด้านในมีเศษเถ้าถ่านอยู่ มันคือเถ้าถ่านจากการเผาอัฐิคนตาย เขาแอบไปฉกมาจากวัดหน้าโรงเรียนเมื่อไม่กี่วันก่อน คิดว่าสิ่งนี้น่าจะช่วยให้น้ำมนต์สามารถมองเห็นวิญญาณได้... (เด็กดีไม่ควรทำตามนะจ๊ะ)

เด็กทั้งสองนั่งล้อมวง คุณใสใช้ปลายนิ้วแตะเถ้าอัฐิเล็กน้อย วิญญาณพี่สมที่ยืนดูอยู่ห่างๆ เดินวนเวียนทั่วห้อง ราวกับต้องการสื่อสารบางอย่าง

"หลับตาสิ"

น้ำมนต์หลับตาอย่างว่าง่าย

ปลายนิ้วมือค่อยๆ เลื่อนเข้าหาใบหน้ากลม

ในหัวคุณใสคิดเพียงว่า หากเขาช่วยทำให้ความปรารถนาของน้ำมนต์เป็นจริง เขาก็จะได้เห็นรอยยิ้มสดใสนั้นอีกครั้ง ด้วยความคิดตื้นเขินทำให้คุณใสทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดต่อคนที่เขารัก

ปลายนิ้วที่เปื้อนไปด้วยเถ้าอัฐิปาดลงที่เปลือกตาของน้ำมนต์อย่างแผ่วเบา

วิญญาณพี่สมยังคงวนเวียนอยู่ข้างหลังคุณใส เธออ้าปากพะงาบๆ แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา

"น้ำมนต์ลืมตาได้แล้วหรือยัง?"

"ได้แล้ว...ลืมตาสิ"

เท่านี้...พวกเราก็มีดวงตาพิเศษเหมือนกันแล้ว

เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ คุณใสเฝ้ารอที่จะได้เห็นรอยยิ้มของน้ำมนต์แทบไม่ไหว

จะเห็นไหมนะ?

ถ้าเห็นจะดีใจหรือเปล่า?

คงไม่ฉีกยิ้มโง่ๆ แล้วกระโดดโลดเต้นไปมาหรอกนะ...

แต่ก็เอาเถอะ...รอยยิ้มโง่ๆ นั้นนั่นแหละ ที่ฉันชอบที่สุด

ทว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คุณใสคิด การทดลองแผลงๆ ได้ผล น้ำมนต์มองเห็นแล้ว สายตาของร่างเล็กจับจ้องไปยังผีสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังคุณใส รอยยิ้มจางหายไป แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องที่ทั้งหวาดกลัวและทรมาน



"หลังจากนั้นพ่อของฉันก็กลับมาพอดี ส่วนน้ำมนต์..." คุณใสหลบสายตาลงต่ำ "ไม่ต่างจากคนเสียสติ"

สายลมยามเย็นพัดเอาความเศร้ามาเยือน การได้พูดความจริงออกไปทำให้ความเครียดที่กดเอาไว้เบาบางลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะคนที่รับฟังคือหลินซีมิใช่น้ำมนต์

"ทุกวันนี้น้ำมนต์ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยไม่ใช่เหรอ เขายังสดใสร่าเริง ถึงจะเจอเรื่องร้ายๆ ที่นายพูดถึง ก็แค่..."

"เธอไม่เข้าใจ ที่เขาไม่พูดเพราะจำไม่ได้ หลังจากช็อกไปครั้งนั้น น้ำมนต์สูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่ง เขาได้รับความสามารถนั้นมา เอาแต่ร้องโวยวายเพราะความน่ากลัวของสิ่งที่เห็น ดังนั้นคุณน้าเลยบอกให้เขาคิดว่ามันคือความสามารถที่เขามีมาแต่กำเนิด แต่จริงๆ เป็นฝีมือฉัน"

หลังจากนั้นน้ำมนต์ต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการฟื้นตัว คุณใสรู้สึกผิดมาตลอด อีกทั้งยังต้องฝืนทนกับการโกหกเด็กที่เขารักมากที่สุด นานวันเข้า คำโกหกนั้นเริ่มกลายเป็นเนื้อร้ายที่คอยกัดกินหัวใจของคุณใสเสียเอง

อยากกอดเขา จูบเขา คบกับเขาอย่างสง่าผ่าเผย ประกาศให้ทุกคนได้รู้ถึงความรักที่คุณใสมีให้น้ำมนต์ แต่ทุกครั้งที่คิดเช่นนั้น ในหัวก็จะมีคำถามขึ้นมาเสมอว่า แกมีสิทธิ์อะไร?

การที่น้ำมนต์ตอบรับความรู้สึกของคุณใส ยิ่งทำให้คุณใสรู้สึกผิดกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

จะมารักคนที่ทำให้นายทุกข์ทรมานไม่ได้นะ...

แม้จะพยายามหาข้ออ้างและวิธีการต่างๆ นานาเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกัน แต่ในท้ายที่สุด คนที่ไม่กล้าสานสัมพันธ์ก็คือคุณใสเอง เขาอยากพูดความจริงใจ เพื่อให้ความหนักอึ้งในหัวใจสลายไป แต่หากทำเช่นนั้นแล้วน้ำมนต์รับไม่ได้ล่ะ ถ้าน้ำมนต์ทิ้งเขาไปล่ะ คุณใสไม่อยากนึกภาพหากเวลานั้นมาถึง

"ยังไงนายก็ควรพูดกับเด็กคนนั้นดีๆ ผลลัพธ์จะเป็นยังไง คนที่ตัดสินใจคือน้ำมนต์" หลินซีมองดูเพื่อน คนที่ปกติหาเรื่องทะเลาะกับเธอไม่เว้นแต่ละวัน มาบัดนี้กลับทำได้เพียงยืนคอตกอย่างหมดอาลัย "ฉันพูดในฐานะคนนอกที่มองเข้าไปในความสัมพันธ์ของพวกนายสองคนนะ คิดจริงๆ หรือว่าน้ำมนต์จะเกลียดนายได้ลง ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมานายคอยทดสอบอยู่ตลอดหรอกหรือ...?"

คุณใสรู้สึกสมเพชตัวเอง ที่ผ่านมาหลินซีดูออกมาโดยตลอด

ใช่แล้ว...คุณใสแกล้งน้ำมนต์เพราะอยากรู้ ว่าหากเขารังแกน้ำมนต์ขนาดนี้แล้ว น้ำมนต์จะเกลียดเขาหรือไม่ และส่วนหนึ่งก็อยากรู้เช่นกันว่า หากน้ำมนต์จากไปจริงๆ เขาจะสามารถสู้ต่อไปได้หรือเปล่า

ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าคุณใสจะแกล้งน้ำมนต์อย่างไร ล่วงเกินไปมากแค่ไหน น้ำมนต์ก็ยังไม่จากไป พร้อมที่จะให้อภัยคุณใสเสมอมา...นั่นทำให้เขาเบาใจลงไม่น้อย เหลือก็แต่ความกล้าที่จะพูดออกไปเท่านั้น

"จากนี้จะพยายามไม่ทำให้อึดอัด โทษทีแล้วกัน มองข้ามได้ก็มองข้ามไปเถอะ..."

หลินซีเลิกคิ้ว "นี่คือคำขอโทษเหรอ ฟังดูไม่เต็มใจเลยนะ"

คุณใสหันหน้าหนี ไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับเพื่อนสาว

เมื่อเห็นว่าสภาพจิตใจของคุณใสเริ่มดีขึ้น หลินซีก็เบาใจ เธอกระแอม

"ยังไงซะเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน คงออกความเห็นอะไรมากไม่ได้ จากนี้ก็เชิญพวกนายสองคนปรับความเข้าใจกันนะ ต้นหนคนนี้ขอตัว..."

สิ้นเสียงหลินซี คุณใสพลันหันหน้าขวับกลับมามอง ห่างออกไปไม่กี่เมตร น้ำมนต์ก้าวเท้าออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ รูปปากโค้งคว่ำ หัวคิ้วขมวดยู่ชนกัน ต่อให้มองลงมาจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าคนตัวเล็กกำลังโกรธ

หลินซีเดินสวนกับน้ำมนต์ วางมือลงบนบ่าเพื่อเป็นกำลังใจ ก่อนฉวยมือยูเรที่แอบฟังอยู่ข้างๆ ดงหญ้าสูงให้เดินตามกลับเข้าไปในร้าน ปล่อยให้น้ำมนต์และคุณใสได้อยู่กันตามลำพัง

ร่างสูงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เขาก้มหน้าลงในตอนที่น้ำมนต์เดินตรงเข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง คุณใสคาดเดาว่าตัวเองคงต้องโดนชกเข้าสักหมัด ไม่ก็คงโดนตบสักที เขาสาบานจะไม่หลีกหนี ยอมรับบทลงโทษแต่โดยดี กลัวก็แต่หลังเจ็บตัวแล้วเขาจะต้องเสียคนตรงหน้าไปแบบไม่มีวันหวนคืน หากเป็นเช่นนั้นจริง คุณใสคงได้ถือโอกาสหาหลุมฝังศพตัวเองใต้ต้นไม้เป็นแน่