รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระหว่างที่หลับตารอให้น้ำมนต์ย่างสามขุมเข้ามาถลกหนังหัว คุณใสพลันคิดหลายร้อยวิธีตั้งรับ หลายพันคำพูดที่จะใช้เจรจา
ถ้าน้ำมนต์ชกเขาขึ้นมาจริงๆ จะเป็นอย่างไร?
ร่างกายแข็งกระด้างมีแต่มัดกล้ามอย่างคุณใสหากน้ำมนต์ชกเข้ามาจริงๆ คงต้องเจ็บมือเป็นแน่
คิดได้เช่นนั้นคุณใสพลันเปิดเปลือกตาขึ้น ถ้ามือสวยนุ่มคู่นั้นต้องมาเจ็บช้ำเพราะร่างกายหยาบๆ ของคุณใส มิสู้ให้เขาวิ่งเอาหัวตัวเองโหม่งกำแพงตายไปเลยเสียยังดีกว่า
ทว่าทุกอย่างไม่เป็นดังใจคิด ทันทีที่ลืมตาขึ้นฝ่ามือทั้งสองของน้ำมนต์ก็พุ่งมาหยิกเอาแก้มของคุณใสดึงยืดออก นัยน์ตาเป็นประกายของร่างเล็กทำให้คุณใสไม่กล้าแม้แต่จะมอง
"อย่าหลบตานะ!"
คุณใสสะดุ้ง เป็นครั้งแรกที่น้ำมนต์ขึ้นเสียงใส่ ทำเอาความมั่นใจของอินทรีที่บินสง่าบนท้องนภาต้องลงมาดีดดิ้นบนพื้นดิน
สายตาของทั้งสองประสานกันในที่สุด
ผ่านมากี่วันแล้วที่น้ำมนต์ไม่ได้จ้องมองสายตาคู่นี้ตรงๆ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าแววตาของคนที่ดูดุดัน กล้าหาญ และมั่นใจในตัวเอง บัดนี้จะดูสับสน หวาดกลัวและลนลานได้ถึงเพียงนี้
"ได้ยินหมดแล้วนะ..." น้ำมนต์เอ่ย "มีอะไรจะพูดไหม?"
คุณใสพยักหน้า น้ำเสียงสั่นเครือ
"ขอโทษ...ฉัน ขอโทษนะ"
ในยามที่ได้เห็นคนที่ชอบแกล้งผู้อื่นอยู่เป็นนิจ มีใบหน้าสร้อยเศร้า ขอบตาแดงก่ำและหยาดน้ำใสที่พร้อมจะไหลทะลักได้ทุกเมื่อ ทำเอาน้ำมนต์ที่คิดจะแกล้งโมโหต่ออีกสักหน่อยถึงกลับทำตัวไม่ถูก
"อะ อ่ะ นี่อย่าร้องนะ อย่า..."
คุณใสดึงมือของน้ำมนต์ไปแนบแก้มทั้งสองข้าง
"อย่าทิ้งฉันเลยนะ ถ้านายไม่อยู่ ฉัน ฉันคง..."
โฮฮฮฮฮฮฮฮ~
คุณใสร้องไห้ไม่ต่างจากเด็กอมมือ สุดท้ายน้ำมนต์ก็ยอมแพ้ เขาโผกอดชายตรงหน้าอย่างหมดหนทาง ใบหน้าที่ปั้นโกรธมลายหายไปในพริบตา ร่างสูงซุกหน้าลงกับไหล่เล็ก ใช้แรงแขนอ่อนปวกเปียกกอดร่างบอบบางเอาไว้ราวกับกลัวจะสูญเสียชายคนนี้ไป
ตั้งแต่รู้จักกันมา น้ำมนต์ไม่เคยเห็นคุณใสร้องไห้เลยสักครั้ง แม้แต่ตอนที่ทะเลาะกับพ่อของเขาจนถูกไล่ออกจากบ้าน ก็ไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีเสียใจ ใครจะคิด ว่าเวลานี้เรื่องของน้ำมนต์กลับมีผลกระทบต่อจิตใจของคุณใสมากมายขนาดนี้
แขนผอมแห้งของร่างเล็กที่โอบไม่มิดลำตัวหนา พยายามลูบปลอบโยนชายขี้แย
เดิมทีน้ำมนต์แค่คิดจะไปล้างหน้าล้างตา เพื่อให้สดชื่นขึ้นเท่านั้น ใครจะคิดว่าเมื่อเดินออกจากห้องน้ำมาจะบังเอิญได้ยินเสียงของเพื่อนทั้งสอง อีกทั้งยังได้รับรู้เรื่องราวสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตัวเองเข้าเต็มประดา
น้ำมนต์จำเรื่องราวในวัยเด็กได้ไม่มากนัก เขาคิดเสมอว่านั่นเป็นเพราะความขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง วันนี้ถึงได้รู้ ว่ามีเหตุให้เขาความจำเสื่อม ทว่าเรื่องนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของคุณใสคนเดียวก็ไม่ได้ จากที่ฟัง น้ำมนต์เองก็มีส่วนผิดที่ดื้อดึงมากเกินไป ความผิดพลาดดังกล่าวล้วนเกิดขึ้นขณะที่พวกเขายังเยาว์วัย เด็กเกินกว่าจะพิจารณาไตร่ตรองอะไรให้รอบคอบ
เมื่อมองย้อนกลับไป แม้น้ำมนต์จะได้รับผลกระทบจากความสามารถพิเศษเหล่านั้น แต่ถ้าเทียบกับคุณใสที่ต้องแบกรับความรู้สึกผิด คำโกหก และติดค้างคำขอโทษมาจนถึงทุกวันนี้ ปัญหาของน้ำมนต์ดูเป็นเรื่องเล็กไปเลย
คุณใสต้องเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว แม้มีความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะขอโทษ แม้จะรักแต่ก็มิกล้าอาจเอื้อมเพราะความผิดและคำโกหกในอดีตที่ฉุดรั้งเอาไว้
ช่างน่าสงสารเหลือเกิน...
เพราะงั้นคุณใสถึงมีท่าทีแปลกๆ ทุกครั้งที่ทำอะไรเกินเลยน้ำมนต์โดยไม่รู้ตัว
หลังจากทำความเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว น้ำมนต์จึงค่อยๆ ดันตัวออกจากอ้อมกอด ทว่าวงแขนของคุณใสกลับยังคงกอดร่างเล็กไม่ปล่อย
"ปล่อยก่อน" น้ำมนต์กระซิบ
"จะไม่ทิ้งฉันไปใช่ไหม"
น้ำมนต์พยักหน้า
แขนแข็งแกร่งค่อยๆ ผ่อนคลาย น้ำมนต์ถอยออกมา ยกเอาแขนเสื้อเช็ดคราบน้ำตาของชายตรงหน้า บัดนี้ ใบหน้าเคร่งขรึมดูดีกลับโทรมจนแทบดูไม่ได้ ขอบตาของคุณใสแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง อีกทั้งยังน้ำมูกไหลเป็นทางยาว
"เพราะงี้เวลาฉันร้องไห้ นายถึงชอบบอกว่าฉันน่าเกลียด" น้ำมนต์วางมือทั้งสองบนแก้มเปียกชื้นของคุณใส "น่าเกลียดจริงๆ ด้วย"
"ไม่...นายไม่น่าเกลียดเลยสักนิด" คุณใสถูแก้มของตนกับฝ่ามือของน้ำมนต์อย่างออดอ้อน "น่ารักที่สุดต่างหาก น่ารักจนฉันจะเป็นบ้าทุกวินาทีที่ได้มองต่างหาก"
ผู้ชายคนนี้! พอบทจะสารภาพที ก็สารภาพซะหมดเปลือกเลยนะ!
เนื่องจากไม่ได้ตั้งรับแรงกระแทกจากคำพูดเอาไว้ น้ำมนต์จึงทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนตัวแดงเป็นมะเขือเทศ หัวใจเต้นแรง หายใจหอบถี่ราวกับเพิ่งวิ่งขึ้นลงภูเขาสองรอบโดยแบกหินก้อนโตเอาไว้
คุณใสที่เห็นคนตรงหน้าไม่ได้วิ่งหนี หรือตะโกนต่อว่าด่าทอ แทบจะเข่าทรุด รู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาลูกโตออกไปจากอก
"ให้อภัยฉันได้ไหม?" คุณใสเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสำนึกผิด
หากน้ำมนต์ไม่พูดให้ชัดเจน คงไม่คลายความเข้าใจผิดในครั้งนี้เป็นแน่
"ที่ผ่านมาถึงจะถูกแกล้งหลายครั้ง แต่นายก็คือคนที่คอยช่วยเวลาที่ฉันลำบาก ทุกครั้งเวลาที่รู้สึกกลัว นายก็จะอยู่ข้างๆ จับมือฉัน ไม่เคยทิ้งไปไหน”
“...”
“ถึงนิสัยจะไม่ค่อยดี ปากร้าย ชอบแกล้งคนอื่น แต่คุณใสที่เป็นแบบนั้นฉันไม่เคยเกลียดเลยนะ"
คำตอบนั้นทำให้แข้งขาบึกบึนอ่อนยวบราวกับเยลลี่ คุณใสย่อตัวลงเพราะหมดแรง
น้ำมนต์ย่อตัวตามเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ
"มันก็แปลกดีเหมือนกัน ทั้งฉันทั้งนาย เราสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่นายยังหาช่องว่างทำเรื่องลามกพวกนั้นกับฉัน"
"นะ นั่นมัน เพราะว่า...ชอบนาย" คุณใสพึมพำเสียงเบา
"อะไรนะ" น้ำมนต์แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
"เพราะว่ารักนายมากๆ ถึงนายจะไม่ชอบ แต่ฉันก็ยังอยากอยู่กับนาย อยากกอดนาย อยากจูบนาย อยากทำ..."
“พอแค่นั้นเลยนายตัวโต!”
น้ำมนต์ยกมือขึ้นปิดปากคุณใส ก่อนที่จะหลุดพูดคำน่าอายออกมามากกว่านี้
“แต่...ฉันกลัวนายจะไม่ชอบ...” คุณใสพูดเสียงอู้อี้
คำตอบของคุณใสคือสิ่งที่น้ำมนต์อยากได้ยินมานานแสนนาน บัดนี้น้ำมนต์รู้สึกพอใจแล้ว
"ฉันไม่เคยพูดว่าไม่ชอบเสียหน่อย"
ครั้งนี้คุณใสสบตาน้ำมนต์ตรงๆ นัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
"งั้น...ถ้าอย่างนั้นเรา"
"ฉันเป็นแบบนี้เพราะนาย...งั้นนายก็ต้องรับผิดชอบฉันด้วย...รับผิดชอบไปจนตายเลย"
สิ้นเสียงของน้ำมนต์ ร่างของทั้งสองก็โผเข้าหากัน ฉากที่ราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์โรแมนติก ทำให้น้ำมนต์ทั้งรู้สึกตลก และเขินอายในเวลาเดียวกัน ใครจะคิดว่าฉากหนังหวานเลี่ยนเช่นนั้น ในวันนี้น้ำมนต์จะได้นำแสดงเองกับตัว
"ได้ ฉันจะชดใช้ให้นายไปทั้งชีวิต"
ทั้งชีวิตเป็นช่วงเวลาที่แสนยาวนาน ชายหนุ่มทั้งสองที่สัญญากันอย่างง่ายดายไม่เคยคิดถึงปัญหาหรือความขัดแย้งในอนาคต ใครจะรู้ว่าพวกเขาสองคนจะไปกันได้นานแค่ไหน แต่นั่นไม่สำคัญ การศึกษาเรียนรู้กัน ปรับตัวเข้าหากัน ใช้ชีวิตร่วมกัน นั่นต่างห่างคือปัจจุบันและอนาคตที่พวกเขาทั้งสองมุ่งหวัง
ชายหนุ่มทั้งสองกอดกันกลมท่ามกลางวิวธรรมชาติและสายลมในยามเย็น บรรยากาศดีๆ เช่นนี้ พวกเขาต่างคาดหวังให้มันคงอยู่ตลอดกาล ติดก็ตรงที่เพื่อนคนอื่นๆ กำลังรอให้พวกเขากลับไปอย่างใจจดใจจ่อ
"เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะ"
น้ำมนต์เอ่ยขึ้นในที่สุด พยายามแกะอ้อมกอดปลาหมึกของคุณใส แต่มือนั่นกลับเหนียวเสียยิ่งกว่ากาวร้อน ร่างสูงก้มหน้าลง หน้าผากและปลายจมูกทั้งสองใกล้ชิดติดกัน แม้ที่ผ่านมาคุณใสจะชอบสัมผัสร่างกายของน้ำมนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตอนนี้ทั้งสองได้คบหากันสมใจ การสัมผัสเดิมๆ กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
บรรยากาศเงียบเชียบทำให้ได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวของทั้งสองอย่างชัดเจน ลมหายใจเข้าออกถี่ขึ้นอย่างอัตโนมัติ น้ำมนต์ไม่ได้อยากเบรกอารมณ์ของคนตรงหน้า เพียงแต่สถานที่แห่งนี้ไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย
น้ำมนต์ยกมือขึ้นปิดปากคุณใสอีกครั้ง
"ทำไมล่ะ?" คนถูกขัดทำหน้าหงอย
"เราควรกลับได้แล้ว..."
"แต่เราเพิ่งคบกัน แล้วก็ยังไม่ได้จูบกันเลย" คุณใสกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ใบหน้าของน้ำมนต์เปลี่ยนเป็นสีแดง
"ทะ ทำไมต้องจูบทันทีหลังคบกันด้วยล่ะ!"
"พระนางในละครหรืออนิเมะ เวลาตกลงคบหากันแล้ว สิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับต่อไปก็คือจูบนี่แหละ"
"เสพสื่อมากเกินไปแล้ว!"
ไม่เข้าใจเลยว่าในสมองของชายคนนี้คิดอะไรไว้บ้าง
ในท้ายที่สุดน้ำมนต์ก็แพ้ให้กับท่าทางออดอ้อนของคุณใส ถ้าแค่ครั้งเดียวก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...
ทั้งสองโน้มตัวเข้าหากันอีกครั้ง แม้นี่จะไม่ใช่จูบแรกของพวกเขาทั้งสอง แต่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน ดังนั้นน้ำมนต์จึงจินตนาการว่ามันจะต้องเป็นจูบที่แสนพิเศษอย่างแน่นอน
ทว่าก่อนที่ริมฝีปากจะทันได้แตะกัน เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น ห่างออกไปไม่กี่ก้าว หลินซีเพื่อนสาวของพวกเขากำลังเดินตรงเข้ามา
น้ำมนต์สะดุ้งโหยง รีบดีดตัวออกห่างจากคุณใส
หลินซีเหลือบมองบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของเพื่อนทั้งสอง ท่าทางเก้กังเคอะเขินของน้ำมนต์ และใบหน้าบึ้งตึงของคุณใสที่ส่งมาหาเธอทำให้รู้ได้ทันที
"ฉันมาผิดเวลาสินะ" หลินซีรู้สึกผิด
"มาช้ากว่านี้สักห้านาทีมันจะตายไหมฮะ!" คุณใสโวยแล้วดึงน้ำมนต์เข้ามากอดอีกครั้ง
"สีหน้าดูดีขึ้นนะ" หลินซีพอใจเป็นอย่างมากที่การเข้าไปยุ่งวุ่นวายของเธอทำให้เพื่อนทั้งสองมีโอกาสได้พูดคุย ทำความเข้าใจกันอย่างตรงไปตรงมา "ฉันออกมาดูเพราะพวกนายไม่เข้าไปสักที นึกว่าถูกสัตว์ภูเขาหิ้วไปซะแล้ว...อาหารที่สั่งจะเย็นซะก่อน รีบเข้าไปเถอะ"
"เอ่อ หลินซี คือพวกเรา...จริงๆ แล้วตอนนี้พวกเรา..."
น้ำมนต์พูดตะกุกตะกัก สำหรับมือใหม่เรื่องความรัก ไม่แปลกที่น้ำมนต์จะรู้สึกไม่คุ้นชิน เขาไม่อยากปิดบังเรื่องที่ตนตัดสินใจคบหากับคุณใส แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
คุณใสที่เห็นความพยายามในการพูดของน้ำมนต์ก็ไม่อยากขัดขวาง
หลินซีเหลือบมองมือของเพื่อนทั้งสองที่ประสานกันแน่น ราวกับสายใยที่ไม่อาจตัดขาด เธอไม่ได้ตาบอดถึงได้ดูไม่ออกว่าพวกเขาเป็นอะไร
การที่น้ำมนต์พยายามจะบอกเรื่องสำคัญเหล่านี้ มันทำให้เธอรู้สึกสนิทสนมและได้รับการไว้ใจจากเพื่อนทั้งสองมากขึ้น แค่ได้เห็นพวกเขาคบหากันอย่างจริงใจและมีความสุข หลินซีก็ประสบความสำเร็จในฐานะต้นหนเรือผู้เก่งกาจที่นำเรือใกล้ล่มที่เต็มไปด้วยรอยรั่วในอดีตมาถึงฝั่งฝันได้แล้ว
"ฉันดูออก" หลินซีเอ่ยในที่สุด "ยินดีกับทั้งสองคนนะ แต่ว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วจะขอเตือนไว้อีกครั้ง จะรักกันยังไงฉันไม่ว่า แต่เลือกสถานที่หน่อยก็ดี..."
แล้วเพื่อนสาวก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร โดยมีคู่รักข้าวใหม่ปลามันเดินตามไปติดๆ แม้คุณใสจะบ่นและหาเรื่องหลินซีแทบจะตลอดทาง แต่การที่ทุกคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เช่นนี้ น้ำมนต์รู้สึกขอบคุณเพื่อนสาวอย่างสุดหัวใจ