กาลเวลาเปลี่ยนผัน ดวงใจราชามังกรจะกลับมายืดผงาดอีกครั้ง ความรักและศรัทธา ปณิธานอันแรงกล้าของพวกเขา จะพาคุณโลดแล่นในโลกแห่งแฟนตาซี
แฟนตาซี,หญิง-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข่าวลือการพิชิตดันเจี้ยนแพร่ออกไป ผู้คนที่เคยดูถูกซินเทียร์อึ้งไปตามๆ กันกับความสามารถที่ถือว่าสร้างผลงานเป็นที่ปรากฏแล้ว ขณะเดียวกันก็เริ่มมีหลายคนแสดงออกว่าแขยงมีอา และจากที่เคยเข้ามาหาเรื่อง ก็หลีกเลี่ยงการสบตาหรือหนีห่างจากนางที่เป็นผู้ครอบครองมหาศาสตรา
เรื่องที่น่าตกใจได้เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นไม่นาน ฝูงมังกรได้รับการพบเห็นว่ามาบินวนอยู่เหนือเมือง ผู้คนต่างก็ตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์นี้ ภาพที่เห็นนั้นถือเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวเพราะเป็นดังลางบอกเหตุที่ว่าโลกนี้อาจกำลังเกิดเหตุร้ายจนจะล่มสลายไป
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!! พวกมังกรจะทำอะไรรึเปล่า”
“ไม่หรอก แต่คงเกิดอะไรขึ้นสักอย่างแน่?”
“พวกเราอพยพไปอยู่ที่อื่นกันเถอะ”
“นี่มันลางร้าย!!!”
ตัดมาทางราชามังกรเเห่งจุดจบ หลังเขาส่งสาสน์ในภาษามังกรเรียกราชามังกรที่เหลืออีกสามตนมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เหล่าราชามังกรที่ได้รับการติดต่อไปใช้เวลาไม่นานเพื่อเดินทางมารวมตัวกันในสถานที่ตามนัดหมายสำหรับการปรึกษาหารือกันในเรื่องหายนะที่จะเกิดขึ้น
ต่างฝ่ายต่างก็ทักทายกันด้วยความสนิทสนม
“โฮะ ๆ ข้ามาเเล้ว เจ้ามีเหตุอะไรถึงเรียกพวกเรามา” ราชามังกรผืนดินถามด้วยความด้วยสงสัย
“เจ้าเรียกข้ามาเเล้ว ต้องมีเรื่องสำคัญมากแน่ เเต่ว่านะเจ้าทองคำยังไม่มาอีกเหรอ”
“ขออภัยด้วยที่มาช้าไปสักหน่อย เราต้องการเปิดตัวอย่างสง่างามสมฐานะของเราหน่อยสิ”
“ทุกท่านมาครบเเล้วสินะ งั้นขอเข้าเรื่องเลยเเล้วกัน” เอนสำรวจสีหน้าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ผู้ยิ่งใหญ่แต่ละท่าน “พวกท่านยังจำเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีก่อนได้รึไม่”
“จำได้สิ ข้าไม่เคยลืม มันทำให้ข้าเดือดดาลยิ่งกว่าสิ่งไหนที่ข้าเคยเจอ ไอ้เจ้า… ฮึมมมม”
“ข้าก็ไม่สบอารมณ์แม้เเต่น้อยเลย ช่างเป็นตัวที่น่ารังเกียจอย่างถึงที่สุด”
“ใจเย็นก่อนสหาย ข้าเรียกพวกเจ้ามาปรึกษา ไม่ได้ให้ทะเลาะกัน ถ้าอยากมีเรื่องเจอข้าได้” เอนพูดแซงแทรกขึ้นมา
“ข้าขอผ่านแล้วกัน เดี๋ยวจบไม่สวย”
“ข้าก็ด้วย เคยลองมาครั้งหนึ่งเกือบตาย”
“เจ้านั่นกำลังจะกลับมางั้นรึ กำลังมาจริง ๆ สินะ งั้นต้องเตรียมการรับมือกันไว้ก่อน”
“ข้าเห็นด้วยกับเทอร่า เเล้วพวกเจ้าล่ะ”
เหล่ามังกรเริ่มพูดคุยกันจริงจัง ต่างหาทางออกเกี่ยวกับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เหล่าราชามังกรต่างเสนอวิธีการต่าง ๆ นานา หวังรับมือสิ่งนั้นที่มาจากต่างพิภพ
ด้านซินเทียร์ที่ไม่ได้รู้ถึงการประชุมของเอน นางกำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจโดยมีเมย์คอยติวด้วยคำถามและช่วยแนะนำการตอบให้อย่างเข้มงวด นี่เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อการสอบวิชาของอาจารย์ดันเต้ในวิชาเวทมนตร์โบราณ สาเหตุที่เมย์ต้องเข้มงวดกับการอ่านหนังสือของซินเทียร์ก็เพราะว่าหลังจากที่ลุยดันเจี้ยนกันมา ซินเทียร์ก็แทบไม่แตะหนังสือเลย
ส่วนมีอานั้นได้ริต้าคอยมาติววิชานี้
“อย่ามัวเเต่บ่น เอ้า! เริ่มเลย เวทมนตร์ที่ใช้เเปลงร่างเป็นสัตว์คือ…”
“เอิ่ม…อนิม่า ถ้ารู้งี้ตอนนั้นตั้งใจเรียนกับคุณลุงเน็คซัส เฮ้อ…”
“อย่ามัวเเต่ถอนหายใจ เวทลอยตัวระดับสูงคือ”
“เเอร์วอคกับเคียน่าละมั้ง”
“มีอา แล้วเวทมนตร์บทนี้… มีไว้ทำอะไร” ริต้าร่ายคาถาออกมา
“เวทมนตร์บทนี้มีไว้เเก้คำสาป”
“ดีมาก มีอาหัวไว”
“ข้าขอเสนอว่าให้พวกเราร่วมมือกับมนุษย์นะขอรับ” เน็คซัสที่มีชื่ออยู่ในบทสนทนาระหว่างซินเทียร์และเมย์เป็นผู้เสนอความเห็นนี้ เขาไม่คิดว่ามังกรควรจะหาทางจัดการกับหายนะเพียงลำพัง
สีหน้าของเหล่ามังกรที่เหลือแฝงความแคลงใจ บางคนแสดงอารมณ์ชัดเจนว่าไม่พอใจข้อเสนอที่เพิ่งได้ยินกับหู
“จะบ้ารึเปล่า เน็คซัส เจ้าน่าจะเป็นพวกรักศักดิ์ศรีของมังกรมากที่สุดไม่ใช่รึ”
“ใจเย็น ๆ ก่อนอิกนัส เจ้าเน็คซัสคงจะมีเหตุผล”
“ข้าว่าพวกพวกเจ้าค่อย ๆ คุยกันดีกว่านะ เดี๋ยวเอนหงุดหงิดแล้วจะแผ่รังสีอันตรายออกมาให้สะอึกกัน”
“เอาสิ บอกเหตุผลมา ทำไมเราต้องไปร่วมมือกับพวกมนุษย์ด้วยล่ะ”
“ถึงข้าจะเห็นว่ามังกรอย่างเราสูงส่ง แต่ข้าเชื่อในตัวมนุษย์และเชื่อในความเป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์” เน็คซัสไม่ได้ตาบอดจนปฏิเสธศักยภาพของมนุษย์
“ถ้าคิดเช่นนั้นก็ดี ก็อยากเชื่อเเบบเดียวกับเจ้า” เอนสนับสนุนความคิดของเน็คซัส
“น่าขัน อยากหัวเราะความคิดของพวกเจ้าเสียจริง”
“อิกนัส!!! รักษามารยาทหน่อย เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นงั้นรึ” เอนเขม่นกับท่าทีของเพื่อนพ้อง
“ข้าขออภัยเป็นอย่างสูง แต่จะให้เปลี่ยนมุมมองกะทันหัน นั่นก็ตลบตะแลงผิดวิสัยข้า ราชามังกรเเห่งจุดจบ” อิกนัสพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเป็นราชามังกรที่เลือกไม่สุงสิงกับผู้อื่นนัก และอยู่ให้ห่างมนุษย์มานานแล้ว ในหัวใจและสายตาของอิกนัสไม่มีมนุษย์หน้าไหนดีพอให้เขาสนใจ
“ข้ามีข้อเสนอ พวกเราควรสร้างดราก้อนซิงโครขึ้นมา” เน็คซัสเอ่ยด้วยท่าทีที่คล้ายว่าโล่งใจอยู่ในที ดูเหมือนว่าเขารออยู่แล้วที่จะสรุปทิศทางการทำงานของเหล่ามังกรไปในทางเข้าพวกกับมนุษย์
“ข้าไม่เห็นด้วย อันตรายเกินไป หากมนุษย์ต้องตาย เราก็จะตายตามไปด้วย”
“ข้าขอค้านเช่นกัน การจะหาภาชนะที่รองรับพลังของราชามังกรมันหายาก”
“ก็จริง แต่มันเป็นหนทางเดียวที่เราจะชนะเจ้าสิ่งนั้นได้” เน็คซัสยังคงชี้ความเห็นไปในทางเดียว
“ข้าก็ไม่เห็นด้วย เสี่ยงเกินไป”
เสียงแตกเป็นสองฝั่ง แต่เน็คซัสเห็นทางจะทำให้พวกเขามีมติได้
“เฮ้ ข้าจะเสริมว่าพวกเราสามารถสร้างดราก้อนสเลเยอร์ขึ้นมาเป็นตัวแทนเพื่อปกป้องมนุษย์ได้”
“จะให้พวกเราสร้างสิ่งที่สังหารพวกเรางั้นเหรอ?” อิกนัสดูตกใจ แต่แล้วก็เหมือนผ่อนคลายลง “งั้นเอาด้วยก็ได้”
สิ่งที่อิกนัสกลัวอย่างแท้จริงคือการที่เผ่าพันธุ์มังกรจะตกต่ำเป็นผู้ทำลายแทนที่จะเป็นผู้ปกป้องสิ่งอื่นที่อ่อนแอกว่า
“ข้าก็เห็นเหมือนกับอิกนัสอีกเสียง มันเป็นสิ่งที่งดงามอย่างเเน่เเท้” เอนโล่งใจที่สุดท้ายก็ไม่ต้องยืดเยื้อทะเลาะกัน
มติของการประชุมออกมาเป็นเอกฉันท์ เหล่ามังกรตั้งใจจะสร้างดราก้อนสเลเยอร์เพื่อต่อสู้กับหายนะที่คืบคลานมายังโลกในอนาคตอันใกล้
ส่วนซินเทียร์ที่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเอน เบื้องต้นนางมุ่งมั่นที่จะต้องสอบให้ผ่านทุกวิชา และทั้งความสามารถของนางเองและการใส่ใจของเมย์ที่คอยติวให้เสริมมาด้วยกัน ซินเทียร์ก็สอบผ่านทุกวิชามาได้อย่างภาคภูมิใจ เช่นเดียวกับเมย์ที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้ทุกคนในกลุ่มกระตือรือร้นกับการสอบอยู่ตลอด
มีอาก็หวังว่าจะผ่านการสอบไปด้วยกัน
“ยังไงก็ผ่านอยู่แล้ว ทำไมน่ะเหรอ? เพราะข้าเป็นคนติวไงล่ะ” ภูตศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์แสดงท่าทีภูมิใจ
“มั่นใจเสียจริงนะคะ ใช่มั้ย…”
“แน่สิเจ้าคะ ท่านมีอา
“มั่นใจจริงๆ แน่นะริต้า” มีอาก็เชื่ออยู่หรอก แต่ก็ถามย้ำอีกที
“ส่วนข้าเองก็เหนือชั้นกว่าใคร” เอด้า ภูตแห่งแสงไม่ยอมให้ตัวตนของนางจืดจาง “เพราะเจ้านายมีข้าด้วย นอกจากภูตลมแล้ว เพราะแบบนั้นทุกคนเลยยิ่งหายห่วงได้”
“อยู่ด้วยกับเจ้าแล้วจะยิ่งหายห่วงเหรอ แล้วทำไมถึงได้ไปถูกทิ้งไว้ในดันเจี้ยนเสียได้” เบลจ้องเอด้าอย่างหงุดหงิด
“ไม่ได้ถูกทิ้งนะ” เอด้าตาเหลือก ดูตกใจและสีหน้าดูไม่ชอบใจคำพูดของเบล “หนีออกมาต่างหาก ข้าหนีออกมาจากพวกซากุระ”
สองภูตทำท่าจะวีนหาเรื่องกัน ซินเทียร์กล่าวห้ามทั้งสองไม่ให้หาเรื่องกันเอง ขณะที่นางชวนให้พวกภูตนึกถึงขนมหวานแสนน่าอร่อย นางไม่รู้สึกเลยว่าสายตาคู่หนึ่งที่มักหาโอกาสลอบมองนางอย่างน่าสงสัยในวัตถุประสงค์ส่วนตัวก็จับจ้องนางอยู่ไม่เลิกเป็นนานสองนาน
พฤติกรรมของซินเทียร์ถูกจับตามองอย่างสม่ำเสมอ…
วัตถุประสงค์ของคนผู้นี้ที่ยังไม่เปิดเผยตัวยังเป็นปริศนา คงต้องรอต่อไป รอโอกาสหรือเหตุการณ์ที่เหมาะสมที่เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าซินเทียร์อย่างเต็มใจ หรือเหมือนถูกบังคับกลาย ๆ ให้ซ่อนตัวอยู่ไกลสายตาไม่ได้อีกต่อไป