กาลเวลาเปลี่ยนผัน ดวงใจราชามังกรจะกลับมายืดผงาดอีกครั้ง ความรักและศรัทธา ปณิธานอันแรงกล้าของพวกเขา จะพาคุณโลดแล่นในโลกแห่งแฟนตาซี
แฟนตาซี,หญิง-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เซราฟิมโผล่เข้ามาเพียงครึ่งตัว ใบหน้านั้นยังไม่มีคนได้เห็นเพราะมีหน้ากากสีขาวซีดปกปิด และก่อนที่จะมีคนกล้าเข้าไปท้าชนด้วย ขนนกนับร้อยนับพันที่มีความแหลมคมก็ถูกปล่อยลงมาราวห่าฝนจากร่างของเซราฟิมและปีกของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขนนกนั้นพุ่งเข้าใส่ล้มตาย และพลังอันน่ารังเกียจจากตัวเซราฟินก็กัดกร่อนชีวิตรอบด้าน พืชพรรณค่อย ๆ เหี่ยวเฉาในลักษณะที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือก็คือเป็นการเหี่ยวเฉาที่ไม่เกิดขึ้นในพริบตา แต่ก็เกิดขึ้นในชั่วเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
ธรรมชาติวิปริต ตาน้ำที่เคยให้กำหนดธารน้ำไร้หยดน้ำ
ภูเขาไฟทั่วโลกระเบิดเสียงดัง พร้อมกับพ่นหินร้อนออกมา
สายลมม้วนตัวเป็นพายุหลายลูกที่กวาดทำลายข้าวของและชีวิต
เหล่าทหารของแต่ละอาณาจักรที่ตั้งทัพไว้พร้อมบาดเจ็บ บางส่วนล้มตายด้วยบาดแผลจากขนนก ส่วนผู้ที่ยังรอดถูกพาไปรักษาตัว เวทและโพชั่นถูกใช้อย่างต่อเนื่อง ผู้บาดเจ็บช่างมีมากมายเหลือ
“จงเอาโลกมาให้ข้าซะดี ๆ” เซราฟิมตะโกนเสียงก้อง “จงมาเป็นของกินให้เรา
ฟิ้ว! ฉัวะ!
บางสิ่งบางอย่างผ่านผู้คนไปอย่างรวดเร็ว คล้อยหลังไม่กี่วินาที ผู้คนก็ล้มตายตามเสียงไปราวใบไม้ร่วง
“โอ๊ยยย ทรมานเหลือเกิน” ทหารโอดครวญ
“เร็วสิหมอ โอ๊ยย รักษาทางนี้เร็วเข้า”
ผู้รักษาที่อยู่ในบริเวณตั้งรับล้วนโดนเร่งเร้า
“ต้นกำเนิดแห่งสายธารทั้งปวง รสหอมหวานสุราแห่งทวยเทพการเยียวยาอันเมตตาของเทพอินาริ บาดแผลทั้งปวงจงหายสิ้น ฮีลลิ่ง”
เสียงร่ายเวทรักษาดังไม่หยุดหย่อน
“ไม่ไหวแล้ว” หมอบางคนร่ายเวทจนถึงขีดจำกัด เป็นลมบ้าง หมดสติแบบที่ปลุกไม่ฟื้นก็มี คนเจ็บที่ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีและตายลงเพิ่มจำนวนขึ้น
“ท่านไกอา ทางนี้ต้องการโพชั่นด่วนมาก” หมอคนหนึ่งตะโกนออกมา
“เอาไป” ไกอาที่เข้ามาในพื้นที่รักษาโต้ตอบ ทหารที่ไปช่วยนางขนของวิ่งเข้ามา โพชั่นหลายขวดถูกส่งต่อและเปิดออก “คนเจ็บมีเท่าไหร่ ใครร่ายเวทรักษาได้ ใช้ไป แต่ที่อาการหนักก็ใช้โพชั่น”
ไกอาดูปริมาณผู้ป่วยแล้วไม่แน่ใจว่าตนจะคุมสถานการณ์ในจุดที่ตนคุมอยู่ไหวไหม แต่ก็ต้องทำให้เต็มที่
“ถ้าใครคือหมอ จงอย่าปล่อยให้คนเจ็บตายง่าย ๆ” นางอยากให้ทุกคนเห็นเหมือนกัน ใบหน้าผินไปมองลูกศิษย์ “มาริไปช่วยเขาอีกคน คนไหนเจ็บ พามานี่”
“นี่ มีอีกครับ คนเจ็บมีอีกเพียบ”
“โอ๊ย ทรมานเหลือเกิน” คนใหม่ ๆ ถูกแบกเข้ามา
เสียงปืนใหญ่เนเมซิสที่ถูกยิงออกไปดังกัมปนาท ได้ยินไปทั่ว แต่ด้วยเวทบางอย่าง เสียงที่ดังจนเกินไปของปืนซึ่งเปี่ยมแสนยานุภาพนี้จึงไม่ได้ทำร้ายโสตประสาทการฟัง และไม่มีคลื่นพลังสะท้อนที่เป็นภัยกับผู้คน สิ่งเดียวที่ได้รับความเสียหายทั้งจากพลังทำลายล้าง คลื่นเสียง และแรงสะท้อนอย่างต่อเนื่อง ควรจะเป็นเซราฟิม
แต่การที่มันได้เอาเท้าก้าวแรกย่ำเหยียบเข้ามาในโลกแล้ว และกำลังจะพาตัวทั้งหมดพ้นออกมาจากประตูมิติ แสดงให้เห็นว่าปืนใหญ่เนเมซิสไร้พิษสงกับมัน
ชายผู้หนึ่งพุ่งทะยานเข้าไปถึงตัวเซราฟิมได้สำเร็จ
“นั่นมัน อัศวินมังกร” คนหนึ่งสังเกตเห็นว่าคนผู้นั้นใช้พลองกวาดเอาขนนกนับร้อยกระเด็นไปพ้นทาง
“กระบวนพลองรูปแบบที่หนึ่ง มังกรเพลิงผ่าพิภพ” เดลเริ่มต้นโจมตีบ้าง
เดลต้องยอมรับความจริงกับผลลัพธ์ พลองของเขาอาจปัดป้องการโจมตีหรือขนนกของเซราฟิมได้ แต่ก็ยังไม่อาจจะทำให้มันบาดเจ็บ
“มีคนไปพันแข้งพันขามันแล้ว รีบพาคนเจ็บหนีเร็วเข้า”
ทหารอาณาจักรหนึ่งที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ปรากฏตัวของเซราฟิมที่สุด ตระหนักว่าไม่อาจปักหลักต่อสู้อยู่ได้ เซราฟิมเกินกำลังฝีมือของพวกเขา หากปักหลักสู้มีแต่ต้องตายเท่านั้น
“เทเลพอร์ต!” นักเวทเคลื่อนย้ายคนเจ็บไปพร้อมกับทหารที่ยังอยู่ดี
พวกเขาต้องถอยไปอีก ตั้งหลักและรอเสริมกำลังให้แก่อัศวินมังกรผู้กล้าหาญ
เดลในตอนนี้แม้ไม่สร้างความเสียหายให้กับเซราฟิม แต่เขาก็ไม่ลดละที่จะพยายามต่อไป
เดลอาจจะไม่บาดเจ็บจากการโจมตีใส่ของเซราฟิม ความเร็วและกำลังของเขาทำให้ปกป้องตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่การโจมตีของดราก้อนสเลเยอร์อย่างเขาที่ปล่อยพลังใส่เซราฟิมอย่างเต็มรูปแบบ ก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเซราฟิมได้แม้แต่น้อย
นอกจากนี้ การปะทะกันทุกครั้ง เขายังต้องคอยปกป้องพวกทหารที่ช่วยปะทะด้วย แล้วก็ต้องเป็นผู้ถ่วงเวลาให้กำลังทหารเหล่านั้นถอยหนี พวกเขามาถึงหมู่บ้าน และต้องช่วยกันอพยพประชาชนที่ไม่มีทางสู้ เดลนอกจากต้องต่อสู้แล้วยังต้องคอยสร้างโอกาสให้ผู้คนหลบหนี
เดลวุ่นวายเหลือเกิน แต่เขาก็พยายามอย่างสุดกำลัง
ความหวังที่มนุษยชาติจะรอดชีวิตยังมีอยู่ แต่ก็ริบหรี่ ทว่าทุกคนไม่มานั่งคิดหาค่าว่าความหวังน้อยหรือมากต่างกันเพียงใดระหว่างบุคคล
ทุกคนต่างก็สนใจว่าต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดไว้ก่อน
จอมเวทของคาเมรอต รวมถึงเมอริน คอยช่วยเปิดประตูมิติตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้ชาวบ้านชาวเมืองไปอยู่ที่ปลอดภัย
“ทุกท่านมาทางนี้ ค่อย ๆ นะครับ” เสียงทหารคอยประกาศ “มาครับ เราจะไม่ทิ้งใครไว้”
“เฮ้ย!! เร็วสิวะ พวกข้าก็กลัวตายเหมือนกันนะโว้ย” ชาวบ้านบางคนห่วงชีวิตตนเอง
“ได้โปรดใจเย็นก่อน มันไม่ได้มีพวกเจ้าเท่านั้นที่กลัวตาย” ทหารที่คอยช่วยต้อนผู้คนให้ไปยังประตูมิติปรี่เข้าไปคุยกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ตะคอกใส่กลุ่มหญิงชราและเด็กเล็ก
“พูดอย่างงี้พวกแกไม่เห็นพวกข้ามีความหมายสินะ” คนหนึ่งในกลุ่มที่โวยวายตะคอกใส่ “ประตูแคบพรรค์นั้นน่ะ ทำอะไรเข้าสิ คนอย่างพวกข้าจะตายยังไงก็ได้สินะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสิ” ทหารที่คิดว่าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ตะคอกกลับ “ จอมเวทต้องเปิดประตูมิติอยู่ตลอดเวลา พวกเขาเหนื่อยมากเลย รู้บ้างมั้ย”
ความหมายที่จะสื่อคือคงจะให้ประตูมิติกินอาณาเขตกว้างไปกว่าที่เป็นอยู่คงไม่ได้
“หาวิธีทำอะไรเข้าสิ นั่นเป็นปัญหาไม่ใช่หรือไง พวกข้าทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
“ทำได้สิ เดินเป็นระเบียบและไม่ได้หาเรื่องคนอื่นที่อ่อนแอกว่าไง” ทหารนึกอยากจะเขกกระโหลก แต่ก็ต้องข่มกลั้นไว้
“ก็คนอ่อนแอควรจะไปอยู่ด้านหลังสิ ชักช้าอืดอาด”
การโต้เถียงไม่จบ หนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมแลนซาล็อตที่ดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ปาหอกเข้าไปในกลางวง
“ช่วยกรุณาอย่ามากัดกันจะได้ไหม” แลนชาล็อตแผดเสียงขณะเดินตรงเข้ามา “แกน่ะ อ่อนแอพอกัน ไปอยู่ข้างท้ายนั่น”
ชาวบ้านที่หาเรื่องถูกสั่ง
“ทำไม… ข้าเป็นชาวบ้าน พวกเจ้าก็ต้องปกป้อง”
“ปกป้องเจ้าเพราะเจ้าอ่อนแองั้นเหรอ” แลนชาล็อตเสียงเข้ม “เออ ก็อ่อนแอเหมือนกับพวกคนที่เจ้ากับพวกพากันหาเรื่องอยู่ก่อนเหมือนกันไง”
“อ่า…”
“หรือว่าไม่อ่อนแอ ถ้าไม่อ่อนแอก็จะมาเป็นทหารไหม ข้าจะส่งไปแนวหน้าให้” แลนชาล็อตข่มขู่
“อะ อ่อนแอขอรับ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่มาทะเลาะกัน” ชาวบ้านจอมเรื่องมากหน้าเสีย
“เข้าใจก็ดีแล้ว” แลนชาล็อตตะคอก “เอาละ ถ้าจะอยู่แบบนี้ ก็สงบปากสงบคำ ไม่งั้นไม่ไปอยู่แนวหลังของการอพยพ ก็ไปเป็นทหารซะ”
“ขอรับ” ชาวบ้านไม่กล้าหือเพราะเห็นสายตาของแลนชาล็อตที่ถมึงทึงน่ากลัว
โรงเรียนอาเธอร์คือปลายทางหนึ่งของประตูมิติที่พาผู้คนอพยพ แม้ที่นี่จะมีจอมเวทรวมตัวอยู่จำนวนมาก และน่าจะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่จะฝากความหวังว่าจะเหลือรอดไปจนท้ายสุด หรือน่าจะปลอดภัยที่สุด แต่ชาวบ้านที่หนีตายกันมา ทุกคนต่างมีสีหน้าที่แสดงความตื่นตระหนกและหวาดกลัวต่อสงครามที่กำลังเกิดขึ้น
ทุกคนได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ถูกยิงอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งยังลอยมากับลมปะทะจมูก และพวกเขายังได้ยินเสียงเหล่าทหารที่ต่อกรกับเหล่าอสูรที่มาจากต่างมิติ พวกมันตามเซราฟิมเข้ามาทางประตูมิติที่เซราฟิมเปิดเอาไว้ก่อนหน้า
เมอรินที่แนวหน้าปัจจุบันกำลังต่อกรกับเหล่ามอนสเตอร์ที่พุ่งเข้ามาสู่พวกทหารอย่างกับคลื่นยักษ์ที่ซัดกระหน่ำเข้าชายฝั่งอย่างบ้าคลั่ง เขาอยู่ในร่างชายหนุ่มที่มีพลังเวทอันไร้ขีดจำกัด เวทมนตร์ถูกใช้งานโดยไม่ต้องเปิดปากร่าย พลังของเขาฟาดไปยังเหล่ามอนสเตอร์ที่หิวกระหาย
เซราฟิมอยู่หลังแนวฝูงมอนสเตอร์ ต่อกรกับอัศวินมังกรที่ยังพยายามโจมตีเข้าใส่ไม่ลดละและราวกับว่าลืมเวลารอบข้างไปแล้ว
“พวกบ้า มามากขนาดนี้ นี่กะจะมารุมกินโต๊ะโลกเราขนาดนี้เลยเหรอ” เมอรินปล่อยพลังออกไปทำลายล้างศัตรูอีกครั้ง “หมูย่างที่โลกเรานี่ อร่อยได้ขนาดหนักจนขึ้นชื่อลือชาเลยสินะ”
“นี่ยังจะมาตลกอีก สมแล้วที่เป็นตาแก่ที่มีอายุสามพันปี คงไม่เครียดสินะ”
“เออ อายุข้าเทียบกับพวกเทพ พวกเอลฟ์ กับมังกร ข้ายังแค่วัยรุ่น” เมอรินคุยกับนักเวทที่ร่วมทางมาด้วยกัน
ปืนใหญ่เนเมซิสถูกเซราฟิมทำลายลงด้วยความรำคาญในที่สุด เสียงปืนที่เงียบลงทำให้ทุกคนยิ่งขลาดกลัว
“ปืนใหญ่ของคูกะพังลงแล้ว” เสียงแม่ทัพคนหนึ่งสรุปเหตุการณ์อย่างสิ้นหวัง
เปลวเพลิงสีนิลปรากฏขึ้น พุ่งเข้าหาเซราฟิมที่คำรามออกมา มันสะบัดมือเป็นปฏิกิริยาที่แสดงให้เห็นว่ารู้สึกอยู่บ้างกับการโดนโจมตีไป
ซินเทียร์คือเจ้าของเปลวเพลิง นางมาพร้อมกับราชามังกรทั้งหก และเมย์ที่อยู่ปล่อยกระแสพลังอาภรณ์สายฟ้าไรเดน
“ลมหายใจราชามังกรทมิฬ” ซินเทียร์โจมตีเต็มกำลัง
“อัสนีบาตสีม่วง” เมย์แสดงพลังร่วมด้วย
การโจมตีร่วมกันของสองสาว เสริมด้วยพลังของราชามังกรทั้งหก มีอำนาจโจมตีสร้างความเสียหายต่อหน้ากากที่ปิดอยู่บนใบหน้าด้านนอกของเซราฟิม หน้ากากนั้นแตกร้าว
โพล๊ะ! หน้ากากแตกเป็นสองซีกและตกลง เผยให้เห็นใบหน้าเกรี้ยวกราดข้างใต้