เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ - ตอนที่ 2 โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ไทย,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก

รายละเอียด

เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 1,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 2,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 3,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 4,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 5,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 6,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 7,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 8,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 9 (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 2

ตอนที่ ๒

ยามหลับตาลง

 

          บนเกาะเหมือนไม่มีใคร แต่จริงๆ แล้วมีคนของคณินทร์อยู่ เพียงแค่ไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับหญิงสาวเท่านั้นเองและมักจะหลีกทางให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้านาย

          ค่ำคืนเวียนมาถึงอีกครั้ง เมื่อคืนที่ถูกวางยานอนหลับอนุธิดากลับคิดว่ามันก็ดีไม่น้อย เธออยากได้ยานั่นอีก เพราะตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็ไม่เคยหลับสนิทเลยสักวัน

          “คืนนี้จะให้ฉันนอนที่ที่กับคุณเหรอคะ”

          “อืม ผมให้คนย้ายของคุณมาไว้ที่นี่หมดแล้วนะ ห้องอยู่ด้านขวามือ” คณินทร์ที่เดินนำขึ้นบันไดมาชี้มือไปยังประตูห้องสีขาวสะอาดตา หน้าห้องมีตุ๊กตาหมีแต่งตัวด้วยชุดสีขาวตัวหนึ่งแขวนอยู่

          “พรุ่งนี้ขอตื่นสายได้ไหมคะ” เธออยากนอนตื่นสายมานานแล้ว

          “ได้สิ ตื่นตอนไหนก็ค่อยลงมากินมื้อเช้ากัน”

          “อาจจะสายมาก ถ้าคุณหิวกินก่อนได้เลยค่ะ”

          คณินทร์เลิกคิ้ว “คุณคิดว่าสายของคุณคือกี่โมง”

          “อาจจะสักเก้าโมงค่ะ”

          “ได้สิ ถ้าผมหิวผมจะกินก่อน”

          “ขอบคุณค่ะ” อนุธิดารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กที่ถูกตามใจจึงยิ้มออกมา คณินทร์ซึ่งไม่ได้เตรียมใจมาก่อนรู้สึกเหมือนได้เห็นดอกไม้ดอกหนึ่งบานต่อหน้าต่อตาของตัวเอง อยู่ๆ ความคิดหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในหัวของคณินทร์

          “คุณต้องมอบกู๊ดไนท์คิสให้ผมนะถ้าคุณอยากตื่นสาย”

          รอยยิ้มของอนุธิดาชะงักค้าง “ทำไมล่ะคะ”

          “แลกกับการที่ผมต้องกินมื้อเช้าคนเดียว”

          “ไม่เป็นการเอาเปรียบกันไปหน่อยเหรอคะ จูบมันมากเกินไป” อนุธิดาพยายามประท้วง

          “ถ้าคุณเอาแต่คิดว่าอาหารที่คุณไม่เคยกินมันจะต้องไม่อร่อยแน่ๆ แล้วเมื่อไหร่คุณจะได้เจอกับรสชาติใหม่ๆ ล่ะ” คณินทร์ขยับมาประชิดร่างของหญิงสาวตอนไหนเธอก็ไม่รู้ตัว “แค่จูบเอง”

          อนุธิดาถูกสายตาคู่คมที่มองมาสะกดเอาไว้ ทั้งอ่อนหวานและเย้ายวน ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายยิ้ม หญิงสาวก็ตกอยู่ในการสะกดโดยสมบูรณ์แบบ

          ริมฝีปากอุ่นประกบลงมาอย่างช้าๆ เขาไม่ได้เร่งเร้า แต่แค่รอคอยอย่างอดทน เมื่อเธอยอมเผยอริมฝีปากขึ้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ่ามือใหญ่รวบร่างเล็กบอบบางมาแนบชิดกายแกร่ง หัวใจของคนที่มักเฉยชากับทุกสิ่งกำลังเต้นระทึก ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายสอดลิ้นแทรกเข้ามาสร้างความปั่นป่วนจนต้องยกมือขึ้นขยุ้มเสื้อของชายหนุ่ม

          สำหรับอนุธิดาผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เธอแสนรำคาญและคอยมากวนใจเธอเสมอ ยิ่งเฉยชามากเท่าไหร่ก็เหมือนไปจุดประกายให้อีกฝ่ายอยากแกล้งเย้าแหย่มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงหลีกเลี่ยงเพศตรงข้ามเสมอมาจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างไม่น่าเชื่อว่า เธอชอบลูกชายของคนที่รับเลี้ยงเธอจนไม่สนใจผู้ชายคนอื่น

เธออ่านนิยาย ดูภาพยนตร์ ดูละคร แต่ไม่มีสิ่งใดจะสามารถทำให้เธอรู้ซึ้งเกี่ยวกับความใกล้ชิดแนบสนิทนี้ได้ดีไปกว่าคณินทร์ ทฤษฎีเป็นร้อยยังไงก็ไม่เท่าการปฏิบัติจริงเพียงครั้งเดียว

“อา...หวานกว่าที่ผมเคยจินตนาการเอาไว้อีก” ชายหนุ่มกระซิบแนบชิดริมฝีปากอิ่มที่เขาเพิ่งปล่อยให้เป็นอิสระ

 ดวงตาของหญิงสาวปรือขึ้นอย่างช้าๆ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ในใจพลันครุ่นคิด ใช่แต่เขาที่รับรู้ถึงความหวาน ตัวเธอเองก็เช่นกัน ทั้งหวานและชวนให้รู้สึกวูบไหวในช่องท้อง เหมือนกับตกลงจากที่สูง เป็นความรู้สึกทั้งสนุกและทรมานเหมือนกับเครื่องเล่นนั่นที่เรียกว่าเรือไวกิ้งซึ่งเคยนั่งกับพ่อของเธอตอนเป็นเด็ก

          “อีกได้ไหม” คณินทร์ลูบไล้ริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอด้วยความหลงใหล “คืนนี้ผมขออีกครั้ง”

เสียงเว้าวอนแว่วหวานของเขาทำให้อนุธิดาสั่นไหว เธอ เขาและคุณโมกข์เหมือนกำลังเล่นเกมกันอยู่ เธอคือตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายชนะ พวกเขาต่างก็ทำเพื่อตัวเอง แล้วตัวเธอล่ะ จะทำเพื่อตัวเองบ้างได้ไหม

“แค่จูบนะคะ...”

“อืม แค่จูบ” แต่แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นตรงมุมปากของชายหนุ่ม

คณินทร์กดร่างของคนตัวเล็กกว่ากับผนัง อนุธิดาหมดหนทางถอยหนี เมื่อริมฝีปากคู่เดิมประทับลงบนริมฝีปากของเธออีกครั้งอย่างแม่นยำ แต่ครั้งนี้ไม่อ่อนหวานแบบเดิมแล้ว ชายหนุ่มบีบบังคับให้หญิงสาวเปิดรับการรุกรานที่ร้อนแรงเอาแต่ใจและไร้เมตตา ตักตวงความฉ่ำหวานเหมือนโจรร้ายที่กำลังขโมยสมบัติด้วยความลำพอง เธออยากผลักไส แต่มือทั้งสองข้างถูกมือคู่ใหญ่จับยึดไว้เหนือศีรษะ เธอทำได้เพียงกุมมือที่ถูกปลายนิ้วทั้งสิบถูกแทรกไว้ด้วยนิ้วเรียวยาวของเขาแน่น

เมื่อเขาพอใจและยอมปล่อยเธอ หญิงสาวก็ต้องหอบหายใจเอาอากาศเข้าสู่ปอดอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้เหมือนอากาศสำหรับใช้หายใจจะมีไม่พอ

อนุธิดาเงยหน้าขึ้นสบตากับคณินทร์ ทำให้เธอทันได้เห็นเขายกมือขึ้นไล้ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายปรารถนา

“มากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ เหรอครับ” สีหน้าของคณินทร์เหมือนกับเด็กที่กำลังขอกินขนม

“ไม่ได้ค่ะ” อนุธิดาตอบโดยไม่ต้องคิด สำหรับเขา เขาควรเป็นฝ่ายแพ้เกม

คณินทร์ถอนหายใจ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นเข้าหากัน เขาปล่อยมือออกจากเธออย่างช้าๆ มองดูเธออย่างอาลัยอาวรณ์ ในขณะที่เธอเดินเข้าไปยังห้องนอนที่เขาจัดเอาไว้ให้เธอได้ใช้เป็นการส่วนตัว

          “เอ๊ะ...” หญิงสาวร้องเบาๆ เมื่อมองเห็นตัวเองผ่านกระจกของโต๊ะเครื่องแป้งบานโต

          ในกระจกสะท้อนร่างของหญิงสาวที่ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากบวมเจ่อและที่สำคัญ เชือกด้านหน้าของชุดเดรสตัวยาวมันหลุดออกไปตอนไหน เนินอกของเธอจึงออกมาอวดท้าสายตากันอยู่แบบนี้ คงจะต้องเป็นเมื่อครู่อย่างแน่นอน

          มันหลุดเองหรือว่ามีใครทำ...

         

          จวบจนประตูปิดลงและรอบตัวตกอยู่ในความเงียบสนิท คณิณทร์จึงได้หมุนตัวเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองซึ่งแยกอยู่คนละด้านกับห้องนอนที่เขายกให้อนุธิดา  

          ชายหนุ่มอาบน้ำเช็ดตัว พอแห้งแล้วก็ไม่ได้สวมอะไรอีก เพราะเขาไม่ชอบสวมใส่อะไรตอนนอน แต่ก็ต้องหยิบกางเกงขึ้นมาสวมก่อนจะเดินออกไปด้านนอกเพื่อตรวจดูกลอนประตูบ้านทั้งหมดว่าล็อกสนิทเรียบร้อยแล้ว 

          คณินทร์ระวังเรื่องนี้มากกว่าปกติ ไม่ได้เพราะกลัวใครจะเข้ามา กลับกันเขากลัวใครบางคนจะออกไปต่างหาก

          คืนส่งตัวอนุธิดาเข้าหอกับโมกข์นั้นความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปนอนกับเธอ แต่เพราะเขาค้นพบว่าเธอเดินละเมอ จึงปล่อยเธอไว้คนเดียวไม่ได้ และเขายังไม่ได้ถามเลยว่าเธอรู้ตัวหรือเปล่า

ส่วนสาเหตุที่เธอเดินละเมอ จากที่เขาลองหาข้อมูลของโรคนี้ ก็พอจะเดาได้ว่ามันอาจเกิดยานอนหลับและสถานการณ์ตึงเครียดของการแต่งงานก็เป็นได้ มันไปกระตุ้นอาการของอนุธิดาเข้า

เพราะแม้คนอื่นต่างบอกว่าเธอโชคดีที่ถูกผกามาศนำมาเลี้ยงดูและได้กลายเป็นสะใภ้ แต่ภายใต้ความกดดันของผกามาศที่ต้องการลูกสะใภ้ซึ่งได้ดั่งใจก็ทำให้คณินทร์เห็นว่า ไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริงฉาบอยู่บนใบหน้าของอนุธิดาเลย

          คณินทร์หยุดยืนที่หน้าห้อง ภายใต้ความเงียบสงบเขาได้ยินเสียงเพลงแว่วออกมาจากภายในห้องของอนุธิดา เป็นเพลงรักแบบหวานๆ

          ชายหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสกับบานประตู แล้วตัดสินใจเคาะเบาๆ เพียงครู่เดียวอนุธิดาก็เปิดประตูพร้อมกับเสียงถอนหายใจเบาๆ กับภาพชายหนุ่มที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นเก่าๆ ตัวบางที่เกือบจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน

          “คุณจะอ่อยใส่ฉันหนักเกินไปแล้ว ถ้ามากกว่านี้ก็เข้าขั้นคนโรคจิตแล้วนะคะ”

          “ขอโทษที เดี๋ยวผมมา” คณินทร์เพิ่งรู้ตัวจึงหัวเราะเบาๆ เขาชอบท่าทางนิ่งๆ การปรายตามองและรักสายตาจิกกัดนั่น

          คณินทร์กลับมาอีกครั้งในชุดที่เรียบร้อยกว่าเดิม กางเกงวอร์มและเสื้อยืด ในขณะที่อนุธิดาอยู่ในชุดนอนผ้าซาตินแขนขายาวสีขาวนวล

          “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อย เรื่องการนอนของคุณ จะให้ผมเข้าไปคุยกันในห้องหรือจะลงไปคุยกันที่โซฟาข้างล่าง”

          “ข้างล่างค่ะ” อนุธิดาตอบกลับมาทันทีและเป็นฝ่ายเดินนำคณินทร์

          “จริงๆ ถ้าผมคิดจะทำอะไร ตรงไหนผมก็ไม่เกี่ยงนะ”

          “รู้ค่ะ แต่ว่าในห้องนอนมันดูจะยั่วยุคุณมากกว่า ฉันว่าฉันควรเลี่ยง” อนุธิดาพูดโดยไม่หันมามองชายหนุ่มซึ่งเดินลงฝีเท้าหนักๆ ตามมา

          “ยั่วยุใคร คุณหรือผม”

          “...”

          อนุธิดานั่งลงบนโซฟาก่อนจะปรายตามามองเขา แล้วส่งสายตาบอกให้เขานั่งโซฟาอีกตัวหนึ่ง ไม่ใช่ตัวเดียวกันกับที่เธอนั่งลงก่อน

          “คุณรู้ตัวไหมว่าคุณนอนละเมอ”

          อนุธิดามองชายหนุ่มด้วยดวงตากลมโตที่เหมือนมีประกายของความเศร้าเคลือบเอาไว้ตลอดเวลา นิ่งไปครู่หนึ่งกว่าที่เธอจะเอ่ยออกมา “คุณรู้ด้วยเหรอคะ”

          “คืนนั้นคุณออกมาเดินข้างนอกห้องหอ ผมเป็นคนพาคุณกลับไปนอนและก็อยู่เป็นเพื่อนคุณจนคุณตื่นมาเจอนั่นแหละ”

          “ฉันรู้ค่ะ แต่ปกติฉันจะล็อกหน้าต่างกับประตูห้องเอาไว้อย่างดี ไม่เคยออกไปเดินละเมอข้างนอกค่ะ”

          “โอเค ถ้าคุณรู้ตัวผมก็สบายใจ ผมล็อกประตูและหน้าต่างของบ้านทุกบ้านเรียบร้อยแล้วนะครับ”

          “ขอบคุณค่ะ” อนุธิดารู้สึกอุ่นใจและดีใจที่เขาใส่ใจ"ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"

          "ราตรีสวัสดิ์ครับ"

         

          ถึงจะบอกว่าจะตื่นเก้าโมง แต่ความเคยชินก็ทำให้เธอตื่นตอนหกโมงเช้าอยู่ดีและเพราะไม่ต้องรีบลุกไปทำอะไรเหมือนเคย หญิงสาวจึงม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มแสนอบอุ่นพลางครุ่นคิดว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง หรือจะเป็นแบบเมื่อวาน ไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง แล้วปล่อยให้คณินทร์ดูแลประคบประหงมราวกับเจ้าหญิง

          ‘น้องไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว’ อยู่ๆ เสียงของผู้ชายคนนั้นก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้

          ตอนนั้นเธอในวัยสิบสองปีซึ่งย้ายมาอยู่กับผกามาศได้แค่เพียงเดือนเดียวทนความคิดถึงพี่สาวไม่ไหวและไม่ชอบนิสัยเข้มงวดเจ้าระเบียบของอีกฝ่าย จึงมีความคิดหนีออกจากบ้าน

          เธอนั่งวินมอเตอร์ไซค์ออกมายังหน้าปากซอย หนีขึ้นรถเมล์เพื่อจะไปยังบ้านของพี่สาว บนรถคันนั้นไม่เหลือที่นั่งแล้ว ดังนั้นจึงต้องนั่งลงข้างๆ นักศึกษาชายคนหนึ่งที่กำลังหลับตาพริ้ม ผมของเขาเป็นสีทองสว่างจากการย้อมสี พอเธอนั่งลงเขาก็ปรือตาขึ้นมองอย่างช้าๆ

          อนุธิดารู้สึกว่าใบหน้านั้นในความทรงจำอันเลือนรางของเมื่อสิบปีก่อน มันช่างคลับคล้ายคลับคลากับ...

          พรึ่บ! อนุธิดาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง

          พี่ผู้ชายผมทองคนนั้นคือ คณินทร์นั่นเอง เขาคือคนที่กอดเธอเอาไว้ตอนที่รถเมล์พลิกคว่ำ เขากับเธอต่างก็ถูกกระจกบาดและติดอยู่ในซากรถ

          ตอนนั้นเธอร้องไห้จ้า ส่งเสียงแข่งกับเด็กคนอื่นที่ยังไม่สามารถออกไปจากที่เกิดเหตุ โดยมีเสียงของเขาและอ้อมกอดคอยปลอบโยนอยู่ตลอดเวลา

          ‘น้องชื่ออะไร’ จำได้ว่าเขาถาม

          ‘น…น้องเล็...ก’ เธอสะอื้น ตอบกุกๆ กักๆ เพราะยังคงตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

          ‘เป็นลูกคนสุดท้องเหรอ’

          เธอพยักหน้ากับอกกว้าง

          ‘เหมือนกันเลย แต่พี่ไม่ได้ชื่อชายเล็กนะ’ เขาส่งเสียงหัวเราะ ก่อนจะส่งเสียงซี้ดเบาๆ เพราะเจ็บแผลบริเวณเอวซึ่งถูกกระจกบาดเป็นทางยาว

          ‘เจ็บไหมคะ’ ตัวเธอมีแผลแค่เล็กน้อยตรงศีรษะ แต่กับเขานั้นดูท่าว่าจะเจ็บมาก

          ‘เจ็บ แต่พี่ทนได้’

          พอถูกช่วยออกมาแล้ว อนุธิดาก็ไม่มีโอกาสได้กล่าวขอบคุณเขาเลยสักคำ พอลองถามพยาบาลก็บอกว่าคนไข้ถูกย้ายตัวไปโรงพยาบาลอื่นแล้ว

          อนุธิดาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่คณินทร์เตรียมไว้ให้ พลางครุ่นคิดว่าเขาจำเธอได้หรือเปล่า       

          "ได้ข่าวจากไอ้ตะวันว่าแกเลี้ยงเด็ก" ทันทีที่อคิราห์ส่งข่าวมา เขาก็อดที่จะต้องโทรไปหยอกเย้าเพื่อนสนิทอย่างรวินท์ไม่ได้

          สมัยเรียนนั้น แม้ว่าเขากับอีกฝ่ายจะไม่ได้เรียนสาขาเดียวกัน แต่ก็สนิทกันมากกว่าเพื่อนในสาขาเดียวกันเสียอีก

          เหตุที่ได้มารู้จักกันเพราะตัวกลางอย่างอคิราห์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับคณินทร์อยู่ก่อนจะต้องย้ายโรงเรียนไปและกลายเป็นเพื่อนสนิทกับรวินท์ที่โรงเรียนใหม่ พอเข้าช่วงมหาวิทยาลัยกลับกลายเป็นว่าคณินทร์กับรวินท์เรียนที่เดียวกันในขณะที่อคิราห์อยู่อีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง

          "ดีใจด้วยที่หลุดพ้นจากตำแหน่งคุณชายรวินท์ผู้ชีช้ำแห่งปี" ชายหนุ่มได้ตำแหน่งนี้มาครองเพราะเมื่อปีก่อนถูกแฟนเก่าทิ้งไปแต่งงานกับคนอื่นหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่รักกันมาตั้งเกือบสิบปี

          "แล้วนี่ไม่คิดจะโผล่ไปดูไนต์คลับบ้างเหรอวะ ลืมแล้วหรือไงว่าตัวเองก็เป็นหุ้นส่วน"

          เมื่อคณินทร์ได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหมุนตัวกลับไปมองหญิงสาวที่สวมเสื้อชีฟองโปร่งบางสีขาวกับกางเกงยีนขาสั้นอวดเรียวขายาวเนียน เขาเลิกคิ้ว ไหนว่าจะตื่นสาย นี่เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง

          "แค่นี้ก่อนนะพอดีฉันติดธุระ" เขาบอกก่อนจะกดวางสายจากเพื่อนสนิท

          อนุธิดามองชายหนุ่มนิ่งก่อนจะเอ่ยปาก "ขอบคุณค่ะ"

          คณินทร์ที่ยังไม่สามารถจับต้นชนปลายอะไรได้มีสีหน้างุนงง "พอจะบอกผมได้ไหมว่าเรื่องอะไร"

          "คุณคือพี่ชายผมทองคนนั้นใช่ไหม"

          "อา...ก็เป็นยุคหนึ่งในชีวิต" คณินทร์คิดถึงช่วงอายุราวยี่สิบที่ตัวเองชอบเปลี่ยนสีผมไปเรื่อยเปื่อย กว่าจะกลับมาเป็นสีผมดังเดิมแบบทุกวันนี้ก็หมดเงินไปกับการเข้าร้านทำสีอยู่เยอะ "ทำไมอยู่ๆ คุณถึงจำได้ขึ้นมาล่ะ"

          "ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พอนึกถึงก็จำได้ขึ้นมาว่าพี่ชายคนนั้นหน้าตาเหมือนคุณ"

          "จริงๆ ผมก็ไม่ได้คาดหวังหรอกนะว่าคุณจะจำได้" คณินทร์เดินเข้ามาใกล้ "เพราะผมเองก็จำไม่ได้จนกระทั่งเห็นแผลเป็นบนหน้าผากของคุณแบบชัดๆ แล้วก็ชื่อเล่นที่สะดุดหู คุณชื่อน่ารักมาก น้องเล็ก"

          "เรียกเล็กเฉยๆ ก็ได้ค่ะ"

          "น้องเล็กน่ารักกว่า"

          "..." อนุธิดามองดูรอยยิ้มที่เขาแจกให้เธออย่างไม่หวงแหนตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเจอเขาแทนเจ้าบ่าวจนกระทั่งตอนนี้ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการหลอกล่อยั่วเย้า ไม่ใช่รอยยิ้มที่ปราศจากสิ่งแอบแฝงแบบตอนนั้น รอยยิ้มอบอุ่นจริงใจของพี่ชายผมทอง

          "หิวหรือยัง ถ้าหิวแล้วจะได้ให้คนส่งอาหารมา"

          "หิวค่ะ"

          "ระหว่างรอจะออกไปเดินเล่นกันหน่อยไหม" เมื่อหญิงสาวพยักหน้า ชายหนุ่มก็ยื่นมือมากุมมือเธอ

          อนุธิดามองดูมือตัวเองที่ถูกเขากุมเอาไว้ตลอดเหมือนเมื่อวานที่เธอปล่อยให้เขาจูงเธอเดินไปทั่วเกาะและถูกเขาประคบประงมราวกับเจ้าหญิง ในใจของเธอรู้ดีว่าเธอชอบการปฏิบัติตัวของคณินทร์ที่มีต่อตัวเธอ แต่ว่าก็คงจะแค่สองอาทิตย์หรือจนกว่าเขาจะเบื่อ ริมฝีปากอิ่มเม้มเเน่นเข้าหากัน ถ้าเพียงแต่เธอจะลองปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันทั้งหมดในชีวิต เพราะว่าพี่ชายคนนั้นอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว

          "วันนี้อยากเล่นน้ำไหม"

          อนุธิดานึกถึงชุดว่ายน้ำที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ เธอไม่เคยใส่ชุดแบบนั้นมาก่อน ที่นี่ที่ซึ่งเหมือนมีแค่เขากับเธอ ถ้าลองใส่ดูก็คงไม่ต้องอายใคร

          "อยากค่ะ"

          "คุณเห็นชุดที่ผมเตรียมให้แล้วใช่ไหม"

          "ค่ะ เดี๋ยวจะเลือกมาลองใส่ดู"

          "ตอนแรกคิดว่าคุณจะไม่อยากใส่เสียอีก"

          "ก็ถ้าอยู่กับคุณผกามาศคงไม่อนุญาตให้ใส่" ตั้งแต่เด็กจนโต เธอมีแต่ชุดที่ค่อนข้างปกปิดมิดชิด เพราะผกามาศเป็นคนเจ้าระเบียบ เคร่งครัดและหัวโบราณจนบางครั้งโมกข์ก็ต้องส่ายหน้าและแน่นอนเพราะว่าโมกข์กับประกายดาวนั้นข้ามขั้นไปมีความสัมพันธ์ในเชิงลึกซึ้งกันก่อนเวลาที่คุณผกามาศเห็นควร ดังนั้นคนเป็นแม่จึงมองว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้หญิงไม่ดี แล้วไหนจะข่าวที่ว่าเป็นเมียน้อยอีก

          อนุธิดาก้มลงมองกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ตัวเองกำลังสวมใส่อยู่ "นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ใส่สั้นขนาดนี้"

          คณินทร์ก้มลงมองเรียวขาสวยไร้รอยไฝฝ่าราคีใดๆ แล้วก็รู้สึกสงสารอีกฝ่ายขึ้นมาเล็กน้อยที่ถูกผกามาศบังคับให้อยู่แต่ในกรอบระเบียบของตัวเองมากจนเกินพอดี

          เมื่อนึกถึงแม่ของโมกข์ อาจเพราะยิ่งเข้มงวด เวลาโมกข์ได้ปลดปล่อยเขาก็เต็มที่กับชีวิต ในขณะที่ผู้เป็นแม่ชอบเข้าวัดเข้าวาถือศีลกินเจ แต่ลูกชายกลับแอบมาทำธุรกิจกลางคืน เรื่องนี้เป็นหนึ่งในความลับของโมกข์ที่มีต่อผกามาศ