เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ - ตอนที่ 6 โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ไทย,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก

รายละเอียด

เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 1,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 2,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 3,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 4,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 5,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 6,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 7,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 8,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 9 (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 6

 

ตอนที่ ๖

หากตื่นจากฝัน

 

ตอนบ่ายคณินทร์สัญญาว่าจะลงมาเล่นน้ำในสระด้วยกัน แต่ก็ไม่เห็นลงมาสักที อนุธิดาจึงหยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินขึ้นไปหาชายหนุ่มที่ห้องทำงานก็พบว่าเขานั่งหลับอยู่

หญิงสาวอดขำชายหนุ่มไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าสองสามคืนมานี้ หลังจากที่จบเกมรักร้อนแรงบนเตียงกับเธอ คณินทร์ก็มักจะแอบลุกออกมาจากเตียงเพื่อทำงาน ดังนั้นเขาจึงนอนไม่พอ ส่วนกลางวันส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการพะเน้าพะนอเอาใจเธอสารพัด

อนุธิดาเดินอ้อมไปด้านหลังของชายหนุ่มก่อนจะยกแขนขึ้นโอบล้อมรอบลำคอของเขาพลางกระซิบ “ง่วงก็นอนพักผ่อนเถอะค่ะ”

คณินทร์สะดุ้ง เมื่อรู้ตัวว่าถูกใครกอดเอาไว้ก็อดยกมือขึ้นสัมผัสแก้มนุ่มไม่ได้ “นอนด้วยกันสิ”

“ฉันให้คุณพักนะ”

“อืม พักสิ คุณเป็นหมอนข้างให้ผมหน่อยได้ไหม”

“ค่ะ” อนุธิดาจูงมือชายหนุ่มมายังเตียงนอน

คณินทร์รู้สึกง่วงงุนมากจริงๆ งานของเขาค่อนข้างเยอะและยุ่งมาก แม้จะไม่มีปัญหาอะไรที่มาหมกตัวทำงานอยู่ที่นี่ แต่เวลามันไม่พอจริงๆ เขาทั้งอยากทำงานและใช้เวลากับอนุธิดาอย่างคุ้มค่า

ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนก่อนจะดึงร่างของอนุธิดาให้มาแนบชิดกัน แผ่นหลังเล็กปะทะกับอกกว้าง เขาชอบท่านี้มากรู้สึกว่าตัวของเธอช่างพอเหมาะพอดีกับอ้อมกอดของเขา

“น้องเล็ก”

“คะ”

“ถ้าพี่โมกข์กลับมา ผมอยากให้คุณหย่ากับเขา”

“...” หญิงสาวนิ่งไป ไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับ

“คุณเป็นของผมแล้วนะ เป็นของผมแค่คนเดียว” คณินทร์ซุกหน้าลงกับเรือนผมนุ่มหอมกรุ่น “ผมจะทำทุกอย่างให้ได้อยู่กับคุณทุกวัน ไม่ใช่แค่ไม่กี่วันแบบนี้”

“คุณจะทำเพื่อฉันจริงๆ เหรอคะ”

“ครับ เพื่อคุณ เพื่อตัวผม เพื่อเราทั้งคู่”

อนุธิดาขยับตัวเบียดเข้าหาคนตัวโต “ทำไมฉันถึงเพิ่งหาคุณเจอ”

“หืม”

“ฉันรอคุณมาตลอด พี่ชายผมทองที่กอดฉันเอาไว้ ฉันมักขึ้นไปนั่งบนรถเมล์สายนั้นบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเจอคุณเลย” หญิงสาวหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มซึ่งมีสีหน้าแปลกใจเล็กๆ

“วันนั้นเพราะผมลืมเติมน้ำมันรถของผม แต่รีบมากเพราะมีสอบ รถเมล์คันนั้นมันผ่านหน้ามหาวิทยาลัยของผมพอดี ผมก็เลยจอดรถทิ้งไว้แล้วโทรให้คนขับรถของที่บ้านมาจัดการ หลังจากอุบัติเหตุตอนนั้น ผมก็ไม่ได้ขึ้นไปนั่งรถเมล์อีกเลย”

อนุธิดายกแขนขึ้นกอดชายหนุ่มพลางซุกหน้าลงกับอกอุ่น “ถ้าได้เจอคุณก่อนหน้านี้ บางทีฉันอาจทำแบบผู้หญิงคนนั้นตามตื้อคุณ”

“คุณแอบชอบผมเหรอ” คณินทร์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจระคนหวั่นไหวในหัวใจ

“ไม่รู้สิ แต่สิบปีที่ผ่านมา ถ้ามีโอกาสนั่งบนรถเมล์สายนั้น ฉันก็มองหาคุณตลอดด้วยความหวังว่าอาจจะได้เจอกันอีก”

คณินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น “เด็กโง่ แล้วทำไมตอนที่เห็นผมถึงจำผมไม่ได้เล่า” ชายหนุ่มกดจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของหญิงสาว “ผมคงไม่อยู่เฉยแล้วมองดูคุณสวมชุดแต่งงาน แต่งให้กับคนอื่นแบบนี้หรอก ผมคงฉุดคุณแล้วหนีไปแน่ๆ”

อนุธิดาหัวเราะเสียงใส “แล้วตอนนี้มันต่างกับสิ่งที่คุณพูดตรงไหน ฉันก็เหมือนถูกคุณฉุดมาอยู่ดี”

“น้องเล็ก ที่รักของผม ผมจะเรียกให้พี่โมกข์กลับมาให้เร็วที่สุดเลย แล้วมาจบเรื่องบ้าๆ พวกนี้ด้วยกัน”

“หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นนะคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้น “คุณคะ นอนเถอะค่ะ คุณต้องพักผ่อนให้มากกว่านี้”

“จ้า นอนก็นอน” คณินทร์ขยับตัวเพื่อหาท่าที่สบายตัวสำหรับเขาและเธออีกครั้ง ก่อนจะหลับไปเพราะความเพลีย แต่หลับไปได้เพียงไม่นาน ก็ถูกเรียกให้ลุกขึ้นไปหาแขกที่มาโดยไม่บอกล่วงหน้า

 

คณินทร์กับโมกข์นั่งกันนิ่งระหว่างที่ประกายดาวยืนเท้าเอวบ่นคนทั้งสองด้วยน้ำเสียงดุดัน!

“คุณโมกข์ก็อายุตั้งสามสิบสามแล้ว ส่วนพี่ณินก็สามสิบแล้ว ทำไมถึงได้ทำเรื่องไม่มีหัวคิดแบบนี้ลงไปคะ นี่ถ้าเกิดน้องเขาไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่ลุกขึ้นมาแจ้งความจับพวกพี่สองคนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว พวกพี่จะทำยังไงกัน คิดอะไรตื้นๆ หึ!”

อนุธิดาพยายามกลั้นขำ แต่ก็อดหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ “คิก...”

คณินทร์ปรายตามองหญิงสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะรีบดึงสายตากลับมาต่อสู้กับลูกพี่ลูกน้องที่กำลังพ่นไฟใส่เขาอย่างประกายดาว

“พี่ไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยวเลยนะ สาบานได้ พี่ดูแลน้องเล็กเป็นอย่างดี”

“ยังจะเถียงอีก” ถ้าพ่นไฟได้ประกายดาวคงพ่นไฟใส่อีกฝ่ายจริงๆ

“ดาวเลิกโกรธเถอะนะ เดี๋ยวจะกระทบกับลูกในท้อง ถ้าคลอดออกมาเป็นเด็กโมโหร้ายคุณจะทำยังไง”

ประกายดาวชะงัก หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าท้องที่นูนออกมาเล็กน้อยของตัวเองอย่างอัตโนมัติ เธอถอยหลังไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำท่าเหมือนจะหยุดเกรี้ยวกราดใส่ชายหนุ่มทั้งสองแล้ว

“นี่ฉันไม่ได้บอกเรื่องข้อตกลงของพวกเรานะ นายอย่าหลุดปากพูดออกไปล่ะ” โมกข์กระซิบ คณินทร์พยักหน้ารับ

“พี่ดาวคะ เราไปเดินเล่นด้วยกันเอาไหมคะ” อนุธิดาสบตากับคณินทร์ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากชวนหญิงสาวที่ยังคงอารมณ์กรุ่นด้วยความโกรธ

“ก็ดีค่ะ พี่อยู่ตรงนี้แล้วพี่รู้สึกไม่ดี” ประกายดาวลุกขึ้นเดินตามอนุธิดาออกไปยังชายหาด ทิ้งให้สองหนุ่มเพื่อนรักได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น

เมื่อเห็นว่าสองสาวออกไปไกลแล้ว คณินทร์ก็หันมาพูดกับโมกข์ทันที “พี่รีบไปหย่ากับน้องเล็กเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“หย่าแน่ๆ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันคงต้องบอกแม่ก่อน”

คณินทร์เข้าใจโมกข์ แต่เขาก็รู้สึกว่าตัวเองร้อนรนมากจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว “แล้วถ้าแม่พี่ไม่ยอมให้หย่ากันล่ะ”

“อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้ายสิ ยังไงฉันก็มีลูกแล้วนะ คุณแม่ก็น่าจะยอมโอนอ่อนบ้าง ถึงจะไม่ให้ฉันแต่งงานใหม่กับดาว แต่ก็ไม่น่าจะห้ามให้ฉันไม่หย่ากับน้องเล็ก”

“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ นะพี่”

“ว่าแต่แกเถอะ” โมกข์หรี่ตาลง “กินเขาไปจนหมดตัวแล้วสิ”

“ผมจะอดใจได้ยังไง และเพราะแบบนี้นั่นแหละผมถึงได้ร้อนรนอยากให้เธอหย่ากับพี่เร็วๆ ผมไม่อยากเป็นแบบนี้ ต้องเห็นเธอยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของคนอื่น”

“ฉันจะพยายามให้เรื่องนี้จบให้ไวที่สุด เพราะฉันเองก็อยากอยู่กับดาวทุกวันเหมือนกัน”

“เฮ้อ/เฮ้อ” ชายหนุ่มทั้งสองคนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

 

อนุธิดาพาคนท้องเดินเล่นภายใต้ร่มไม้ไปตามหาดทรายขาว ทั้งสองนิ่งเงียบอยู่นานจนกระทั่งฝ่ายประกายดาวเป็นคนทำลายมันลง

"น้องเล็กพี่มีอะไรอยากถาม”

“ได้ค่ะ”

“น้องเล็กชอบพี่ณินจริงๆ เหรอ”

คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อย “จะบอกว่ายังไงดีล่ะคะ” เธอทอดสายตามองทะเล “มันเหมือนกับเล็กนั่งอยู่บนเรือแล้วกำลังพายไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆ ก็ถูกช่วยให้ขึ้นมาอยู่บนเรือลำที่ทั้งใหญ่กว่าและอบอุ่น”

“อา...ฟังดูโรแมนติกจัง”

“พี่ดาวไม่ต้องรู้สึกผิดกับเล็กหรอกค่ะ เล็กดีใจจริงๆ นั่นแหละที่ไม่ต้องเข้าหอกับคุณโมกข์ ส่วนเรื่องหย่าก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะ”

“พี่ไม่เป็นไรหรอก จะยังไงก็ได้ เพราะจริงๆ แล้วพี่ก็ยังไม่ได้มั่นใจอะไรในตัวคุณโมกข์มากนัก พี่แค่อยากลองเสี่ยงดูสักครั้งเพราะพี่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเขา ถ้าลูกได้โตมาแบบมีพ่อที่รักเขา พี่คิดว่ามันจะต้องวิเศษแน่ๆ คุณพ่อของพี่น่ะเสียไปตั้งแต่พี่ยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ พี่รู้ว่าตอนที่เราอยากมีพ่อเหมือนคนอื่นเขามันเป็นยังไง”

“คุณโมกข์ถึงจะดูเจ้าชู้ไปหน่อย แต่ถ้าลองได้เป็นแฟนกับใครคุณโมกข์ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายบอกเลิกนะคะ ส่วนใหญ่เขาทิ้งคุณโมกข์ไปทั้งนั้น”

“เพราะ”

“อือ...เพราะคนที่คุณก็รู้ว่าใคร” อนุธิดาเสมองไปทางทะเล

“เฮ้อออ!” ประกายดาวถอนหายใจยืดยาว เมื่อนึกถึงว่าที่แม่สามีที่เคยมาหาเธอถึงบ้าน แล้วออกปากพูดอย่างตรงไปตรงมาว่ารังเกียจเธอและขอให้ออกไปจากชีวิตของโมกข์ซะ

ตอนนั้นด้วยความไม่ยอมใครของเธอก็เลยตอกกลับไปอย่างร้อนแรงเอาการว่า “ลูกของป้าต่างหากที่มาตามตื้อกันอยู่ได้ ถ้าหวงนักก็กรุณาขังเอาไว้ที่บ้านด้วยค่ะ หนูรำคาญเขามาก!”

“พี่ดาวหลานอายุกี่เดือนแล้วเหรอคะ”

“สามเดือนแล้วจ้า”

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็คุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยด้วยความเพลิดเพลิน นานจนโมกข์ร้อนรนและอดออกมาตามหาไม่ได้ ก่อนจะพาภรรยาไปนอนพักผ่อน ส่วนอนุธิดาที่กลับไปหาคณินทร์นั้นก็พบว่าอีกฝ่ายดูเหมือนกำลังอารมณ์เสีย

“ทำไมคิ้วถึงได้ผูกเป็นโบแบบนั้นล่ะคะ”

“เฮ้อ” คณินทร์ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เดินตรงมาหาร่างเล็กบอบบางซึ่งตอนนี้เขารู้สึกหวงมาก หวงจนอยากเก็บเธอไว้ที่เกาะนี้แล้วไม่ให้ออกไปเจอใครที่โลกภายนอกอีกเลย

“พี่โมกข์บอกว่ายังหย่ากับคุณไม่ได้ ต้องบอกกับแม่ของพี่เขาก่อน” คณินทร์แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากมน “ผมกลัว กลัวว่าแม่ของพี่โมกข์จะไม่ยอม”

อนุธิดาไม่ได้เอ่ยอะไร หญิงสาวทำแค่เพียงยกแขนขึ้นกอดเอวสอบและฝังหน้ากับอกของคณินทร์ เธอกอดเขาแน่นขึ้นราวกับลูกลิงกลัวตกจากอกแม่

 

เพราะเหลือเวลาอีกสี่ห้าวันถึงจะหมดช่วงเวลพักร้อนมาฮันนีมูนของโมกข์กับอนุธิดา ดังนั้นทั้งสี่คนสองคู่จึงใช้เวลาพักผ่อนบนเกาะกันอย่างเต็มที่ ทำใจให้สงบก่อนจะไปรับกับศึกลูกใหญ่ในอนาคต

“คุณโมกข์ห้ามถ่ายรูปนะ” ประกายดาวแหวใส่โมกข์ที่กำลังยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดวันพีช

“ทำไมล่ะ”

“ก็...ถ้ารูปมันหลุดไปจะทำยังไงล่ะ เดี๋ยวคนก็รู้หรอกว่าฉันท้อง”

          “ก็ได้เพื่อความสบายใจของคุณ” โมกข์ทิ้งตัวลงนั่งข้างประกายดาว “พี่ชายของเพื่อนผมเป็นหมอ ผมติดต่อเขาแล้วให้หาหมอที่ไว้ใจได้ให้คุณไปฝากครรภ์”

          “ขอบคุณค่ะ”

          “คุณอึดอัดไหมที่ต้องเก็บเรื่องลูกเป็นความลับ”

          “ไม่ค่ะ ฉันชินแล้ว ตอนมีแฟนอึดอัดกว่าอีก ฉันอยากบอกคนอื่นจะแย่...” ประกายดาวหยุดพูดเมื่อเห็นว่าโมกข์มีสีหน้าไม่ดี “คุณหึง”

          “ก็ควรจะหึงไหมล่ะ”

          ประกายดาวอมยิ้ม “เลิกหึงเถอะ มันก็แค่อดีตหน้าหนึ่งในบันทึกชีวิต หลังจากนี้ถ้าคุณหนักแน่นพอจะเป็นหลักให้ฉันกับลูกยึดไว้ รับรองว่าฉันจะไม่ไปไหนเด็ดขาด คุณต้องเป็นทาสรักของฉันไปตลอดชีวิต”

          “ทาสรัก” โมกข์เลิกคิ้วพลางหัวเราะ “คำโบราณจังเลยนะคุณ ติดมาจากละครหรือไง”

“มั้ง” ประกายดาวไหวไหล่ “ฉันน่ะคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าถ้าเกิดมีลูกขึ้นมาเมื่อไหร่ ยังไงก็จะออกจากวงการบันเทิงแน่ๆ แล้วก็จะไม่ยอมให้ลูกต้องเข้าไปอยู่ในวงการ เขาต้องเป็นเด็กธรรมดา โตมาโดยมีครอบครัวที่อบอุ่น”

“ดาว ขอโทษนะที่ผมอาจไม่ใช่สามีในฝันของคุณ” โมกข์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เบาจนเสียงคลื่นทะเลกลบจนเกือบมิด

“ถึงวันนี้จะไม่ใช่ แต่คุณทำให้วันพรุ่งนี้เป็นได้นี่” ประกายดาวยื่นมือไปตบแก้มของชายหนุ่มเบาๆ “คุณโมกข์จอมตื๊อที่แสนมั่นอกมั่นใจว่ายังไงฉันก็ต้องตกหลุมรักคุณแน่ๆ ทำไมวันนี้ถึงได้กลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองไปได้ซะแล้ว”

โมกข์ขยับรอยยิ้มอ่อนโยน “ผมสัญญา เราจะต้องได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”

ประกายดาวพยักหน้า ก่อนจะหลับตาพริ้มลง เมื่อโมกข์มองเธอด้วยแววตาเป็นประกายลึกซึ้งพลางเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากทั้งสองแตะกันอย่างแผ่วเบาและนิ่มนวล