เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ - ตอนที่ 7 โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ไทย,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก

รายละเอียด

เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 1,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 2,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 3,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 4,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 5,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 6,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 7,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 8,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 9 (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 7

ตอนที่ ๗

ฝันร้าย

 

          “คุณแม่จะรับเด็กคนนั้นมาเลี้ยงจริงๆ เหรอครับ”

          โมกข์เอ่ยถามคนเป็นแม่พลางนึกถึงเด็กหญิงวัยสิบสองที่มีกริยาท่าทางเรียบร้อยนิ่งขรึมเกินวัยที่เขาเห็นในงานศพของผู้เป็นพ่อของเจ้าตัวและเป็นสามีของเพื่อนสนิทผกามาศ

          คนถูกถามเอ่ยตอบ “ใช่ แม่จะเลี้ยงเด็กคนนั้นไว้เอาบุญ เพราะแม่พวกพี่สาวทั้งหลายไม่มีใครเหมาะจะทำหน้าที่นี้สักคน เพื่อนของแม่อย่างวารุณีจะได้นอนตายตาหลับ เพราะรายนั้นห่วงลูกคนเล็กคนนี้มากเหลือเกิน”

          มารดาของชายหนุ่มสนิทกับครอบครัวนั้นมาก แต่โดยส่วนตัวของโมกข์เองไม่สนิทเท่าใดนัก  เพราะเขาไม่ใช่ลูกที่ชอบตามแม่ไปไหนต่อไหนและคนเป็นแม่ก็ไม่เคยบีบบังคับ ส่วนใหญ่เขามักจะติดสอยห้อยตามพ่อที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อนมากกว่า ลูกสาวบ้านนั้นมีกันตั้งสี่คน โมกข์ยังไม่มั่นใจเลยว่าจำชื่อ ทั้งสี่คนได้อย่างถูกต้อง มีเพียงคนเล็กเท่านั้นที่เขามั่นใจว่าคงไม่ผิด เธอมีชื่อว่า ‘น้องเล็ก’ 

          เมื่อตกลงกับทางบรรดาพี่สาวได้แล้ว อนุธิดาก็ย้ายเข้ามาอยู่กับผกามาศอย่างถาวร เด็กหญิงไม่ยอมเรียกผกามาศว่าแม่ แต่เรียกอีกฝ่ายว่าคุณผกามาศ แม้ว่าจะบอกอย่างไร แต่ก็ยังยืนกรานจะเรียกแบบนั้น รวมถึงเรียกโมกข์ว่าคุณโมกข์

          ช่วงแรกเด็กหญิงดูจะไม่สามารถยอมรับการถูกบีบบังคับให้อยู่ในกฎระเบียบอันเข้มงวดเกินพอดีของผกามาศได้ ทั้งต้องนอนตั้งแต่สามทุ่ม ตื่นเช้าก่อนหกโมง และต้องสวมแต่เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายเลือกให้ ต้องอ่านหนังสือ เรียนพิเศษ ทุกอย่างทำให้อนุธิดารู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกวัน

          “อย่าทำให้ฉันผิดหวัง เธอต้องทำตัวให้สมกับที่ฉันเอาเธอมาเลี้ยงดูอย่างดี”

 

          หมับ!

          เฮือก! เพราะว่าถูกกอดเอาไว้ อนุธิดาจึงลืมตาตื่นขึ้น

หลังจากที่นอนกับคณินทร์ทุกคืน เธอก็ไม่เคยเจ็บตัวอีกเลย ชายหนุ่มความรู้สึกไวมาก แค่เพียงหญิงสาวห่างจากตัวนิดเดียว เขาก็รู้ทันทีว่าเธอกำลังจะเดินละเมออีกแล้ว

          “ผมอยากรู้จังว่าคุณกำลังฝันถึงเรื่องอะไร” คณินทร์กระซิบถามข้างใบหูเล็กของหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังมีน้ำตาไหลเต็มแก้ม   

“ฝันถึง...” อนุธิดาเม้มปากแน่น

          “ฝันร้ายเหรอ”

          “ค่ะ น่าจะอย่างนั้น”

          “เล่าได้ไหมครับ”

          “ลืมไปหมดแล้วค่ะ” อนุธิดาหันหน้ากลับมาหาชายหนุ่ม หญิงสาวเบี่ยงเบนความสงสัยของเขาด้วยจูบอันอ่อนหวาน เธอดันเขากลับไปหาเตียงที่พวกเขากอดก่ายและใช้เวลาร่วมกันในชั่วโมงร้อนแรงอยู่ทุกค่ำคืนที่ยังคงเป็นอิสระ

          “น้องเล็ก...” คณินทร์ครางเบาๆ เมื่อลิ้นนุ่มไล้เลียวนรอบยอดอกของเขา หญิงสาวเลียนแบบเขาทุกอย่างและมันทำให้เขาแทบคลั่ง

          “คุณรู้สึกดีใช่ไหมคะ ถ้าฉันทำแบบนี้บ้าง”

          “ดี...ดีเป็นบ้าเลย” ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาผ่านประตูกระจก ดวงหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำ “อีก...ทำอีกได้ไหม”

          อนุธิดายิ้มน้อยๆ แล้วเริ่มลงมือกับผิวขาวเนียนของชายหนุ่มอีกครั้ง ทั้งกัด ทั้งเม้มจนตัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยแต้มสีแดง

 

คณินทร์ตื่นสายกว่าปกติเพราะเมื่อคืนหญิงสาวทำเอาเขาตกเป็นเบี้ยล่างและถูกแกล้งจนสุขสมอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แล้วเมื่อคืนเขาก็เผลอตัวไม่ได้ป้องกันด้วย ไม่รู้ว่ามันจะท้องไหม แถมเมื่อคืนก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

          “ถ้าท้องขึ้นมา...”คณินทร์ยกมือขึ้นกุมคาง

          “ท้องขึ้นมาคุณก็ต้องรับเป็นพ่อเด็ก” อนุธิดาซึ่งอยู่ในชุดเดรสเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวต้มทะเลซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมเชิญชวนคนหิว

          “ผมตื่นสายมาก”

          “ใช่ค่ะ” อนุธิดาตอบชายหนุ่มก่อนจะเปิดประตูออกไปยังระเบียงและวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะเล็กๆ ที่ตั้งไว้ด้านนอก “มากินข้าวเช้าได้แล้วค่ะ”

          ชายหนุ่มมองคนที่กำลังกวักมือเรียก ใบหน้าของเธอตอนนี้อ่อนโยนลงกว่าเดิมมาก แถมยังชอบอมยิ้มอยู่บ่อยครั้ง นั่นหมายความว่าเธออยู่กับเขาแล้วมีความสุขใช่ไหม

          หลังจากกินมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ผู้มีชะตากรรมรักเกี่ยวพันกันแบบยุ่งเหยิงก็มานั่งรวมกัน เพื่อปรึกษาหารือแผนการรับมือกับผกามาศ

          “อันดับแรกก่อนที่ท้องจะโตจนมีคนเริ่มสังเกต ดาวจะแถลงข่าวลาออกจากวงการบันเทิงอย่างเป็นทางการค่ะ” เธอไม่ได้เสียดายอะไรนัก เพราะสำหรับเธอๆ คิดว่ามันก็แค่อาชีพหนึ่งที่ทำให้มีเงินเยอะ ไม่ได้ถึงกับหลงใหลในการแสดงแบบเพื่อนนักแสดงบางคนของเธอ

          “ส่วนเรื่องฝากครรภ์พี่ติดต่อกับพี่ชายของไอ้วินที่เป็นหมอให้เขาช่วยหาหมอที่ไว้ใจได้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว” คณินทร์บอกด้วยความมั่นใจ

          “ส่วนเรื่องฝั่งฉันกับน้องเล็ก ก็คงจะเข้าไปสารภาพแบบตรงๆ ดูสักรอบ ถ้ายังไงก็จะค่อยๆ แก้ปัญหาไปทีละขั้น”

          “ยังไง...ถ้าไม่ได้จริงๆ ผมจะพาน้องเล็กหนีไป” คณินทร์มองดูคนข้างกาย เธอยิ้มตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน

          โมกข์ซึ่งคอยสังเกตคนทั้งคู่อยู่นั้นรู้สึกแปลกตาไม่น้อยที่เห็นอนุธิดาค่อนข้างยิ้มบ่อย เพราะที่ผ่านมานั้นเขาเห็นหญิงสาวยิ้ม บอกเลยว่าเขานับครั้งได้จริงๆ

         

          ทันทีที่โมกข์กับอนุธิดากลับมาถึง ผกามาศก็รีบเลิกประชุมและกลับมารอต้อนรับลูกชายและเด็กในปกครองที่เลื่อนขึ้นมาเป็นลูกสะใภ้ เด็กที่เธอตั้งใจจะเลี้ยงดูเพื่อให้เป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับลูกชายของตัวเองมากที่สุด

          “เป็นยังไงกันบ้าง พักผ่อนกันนานขนาดนี้ มีข่าวดีมาฝากแม่หรือเปล่า” ผกามาศเดินเข้าไปหาลูกชายซึ่งมีสีผิวคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ยืนนิ่งอย่างสงบเสงี่ยมที่ด้านหลัง

          “อย่ารีบสิครับคุณแม่”

          “ห้ามคุมเด็ดขาดนะ แม่อยากมีหลานไวๆ”

          “คุณแม่ครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณแม่ครับ เป็นเรื่องสำคัญ” โมกข์เอ่ยกับคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ชายหนุ่มรู้ดีว่าตั้งแต่เล็กจนโตเขาเกเรและทำให้คนเป็นแม่อย่างผกามาศนั้นต้องรู้สึกทุกข์ใจมานับครั้งไม่ถ้วน

          แต่เพราะอีกฝ่ายยิ่งเข้มงวด เขาก็ยิ่งต่อต้าน ดีหน่อยที่พอเขาโตขึ้นมันก็ผ่อนลง แต่ดูเหมือนจะไปตกอยู่ที่อนุธิดาแทน

          “...” ผกามาศเลิกคิ้วพลางมองสบตาลูกชาย 

          “เอาไว้หลังมื้อเย็นก็ได้ครับ” โมกข์ยิ้มก่อนจะหันมาทางอนุธิดา “น้องเล็กยังเหนื่อยๆ อยู่ ให้เขาพักก่อนสักหน่อย”

          “ตามใจลูก” ดังนั้นจึงพักก่อนที่จะต้องมารับศึก

 

          ผกามาศนั่งนิ่งฟังเรื่องที่โมกข์ต้องการจะพูดกับตนเองจนจบ ริ้วความโกรธปรากฏขึ้นบนดวงหน้าของหญิงสูงวัยเกือบหกสิบ

          “ถ้ากล้าหย่าขาดจากกันทั้งที่เพิ่งแต่งได้ไม่ถึงเดือน แล้วแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!” มือของหญิงสูงวัยกำแน่น แววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ

          “แม่ครับ ผมกับน้องเล็กไม่สามารถจะเป็นสามีภรรยากันได้จริงๆ นะครับ พวกเราไม่ได้รักกันแบบที่คุณแม่ต้องการ”

          “หุบปากนะตาโมกข์ แกอยากให้แม่ตายจริงๆ ใช่ไหม” ผกามาศยกมือขึ้นกุมหัวใจ ซึ่งอยู่ๆ ก็เจ็บร้าวขึ้นมา

          “คุณแม่เป็นอะไรครับ” โมกข์ถลาเข้าไปหาร่างของผู้เป็นแม่ซึ่งเกือบจะล้มพับหล่นจากโซฟา

          อนุธิดาช้ากว่าโมกข์มากจึงทำได้เพียงมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

          “จะเป็นอะไรก็เรื่องของฉัน!” ผกามาศตวาดใส่ลูกชาย “น้องเล็กพาฉันขึ้นไปพักที”

          “ค่ะ” อนุธิดาลุกขึ้นเพื่อประคองผกามาศให้ยืนขึ้น

          โมกข์มองตามสองร่างที่โอบประคองกันขึ้นไปยังชั้นสองด้วยความหนักใจ ดูจากอาการแล้ว ถ้าบอกออกไปว่าประกายดาวท้อง หรืออนุธิดาเป็นเมียของคนอื่นไปแล้ว แม่ของเขาคงหัวใจวายตายอย่างแน่นอน

          อนุธิดาประคองร่างของผกามาศให้นอนราบลงบนเตียง หญิงสูงวัยกว่าจับข้อมือของเธอเอาไว้แน่น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

          “ทำยังไงก็ได้ให้ตาโมกข์ไม่หย่ากับเธอ เพราะถ้าเขาหย่ากับเธอเมื่อไหร่ เธอคงรู้นะว่าฉันจะทำยังไงกับพี่สาวแล้วก็หลานชายของเธอ” มือของผกามาศที่กุมข้อมือเล็กของหญิงสาวบีบแน่นขึ้น อนุธิดาสบตากับผกามาศด้วยสายตาเย็นชา

          “คุณคิดจะใช้พี่สาวกับหลานชายมาข่มขู่ดิฉันไปถึงเมื่อไหร่คะ จนกว่าดิฉันจะมีลูกกับคุณโมกข์เหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพลางแกะมือที่เหี่ยวย่นกว่าแต่ก่อนมากออกจากข้อมือของเธออย่างช้าๆ

          ผกามาศไม่ตอบคำถามนั้น หญิงสูงวัยนั่งลงบนขอบเตียงพลางมองดวงหน้าสวยแต่เย็นชาไร้อารมณ์ของอนุธิดานิ่ง

          “ฉันไม่ได้ขู่ แต่ฉันจะทำจริงๆ ค่ารักษาพยาบาลของทั้งพี่สาวกับหลานชายเธอก็จ่ายเองก็แล้วกัน” ล้มตัวลงนอนและหันหลัง

          อนุธิดากำมือแน่น เธอพลาดเองที่ยอมรับความหวังดีของผกามาศที่จะให้ทั้งพี่สาวและหลานชายได้รับการรักษายังโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายพวกนั้นเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย หญิงสาวหมุนตัวเดินออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ความอดทนของตัวเธอจะสิ้นสุดแล้วกรีดร้องใส่ผู้มีพระคุณอย่างผกามาศ

          ปัง! ประตูห้องนอนของเธอถูกปิดลงอย่างรุนแรง บางครั้งเธอก็อยากหนีไป เพราะอันที่จริงในวันนั้นพี่สาวอย่างเกศราก็ทอดทิ้งเธอ ทำไมจะต้องไปสนใจใยดีอีกฝ่ายด้วย ร่างบอบบางทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างคนหมดเรี่ยวแรง

          เธออยากหลับ หลับแล้วก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย