เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ - ตอนที่ 8 โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ไทย,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก

รายละเอียด

เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 1,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 2,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 3,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 4,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 5,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 6,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 7,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 8,ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณ -ตอนที่ 9 (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 8

ตอนที่ ๘

ต่อสู้กับฝันร้าย

 

          หลังเลิกงานอนุธิดาก็ขออนุญาตมาเยี่ยมหลานที่โรงพยาบาล ตอนที่หลานของเธออายุสิบปี ป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน เป็นดุจฝันร้ายที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตที่แสนยากลำบากของเกศรา หญิงสาวซึ่งกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลังจากสามีเสียชีวิตและทางแม่สามีไม่ต้องการเธออีกต่อไป ต้องการเพียงหลานชายเท่านั้น แต่พี่สาวของเธอก็ต่อสู้อย่างสุดกำลังไม่ยอมให้ใครมาพรากเอาลูกชายไปจากเธอ

          “น้าเล็กมาแล้ว” เด็กชายบนเตียงยิ้มร่าเริง ทั้งๆ ที่กำลังต่อสู้กับโรคร้าย แต่แววตานั้นก็ยังสดใสร่าเริง ผิดกับเกศราที่นับวันจะยิ่งดูเหมือนจมลงสู่ความทุกข์มากขึ้น เพราะผลการรักษาของลูกชายนั้นไม่ดีสักเท่าไหร่

          อนุธิดายิ้มบางพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กชายที่ผมบางลงมากแล้ว “วันนี้น้องเพลงเป็นเด็กดีของคุณหมอหรือเปล่า”

          “เป็นครับ ผมโตแล้ว เลิกดื้อไปตั้งนานแล้ว” ยิ้มกว้างของหลานทำเอายิ้มของหญิงสาวกว้างขึ้นตาม

          “เอานี่น้าซื้อหนังสือการ์ตูนที่เพิ่งออกใหม่มาฝาก” อนุธิดาส่งหนังสือให้หลานชาย

          “ขอบคุณครับน้าเล็ก” ยกมือไหว้ก่อนจะรับการ์ตูนมาเปิดอ่าน แล้วปล่อยให้ผู้ใหญ่สองคนนั่งคุยกันเงียบๆ

          เกศรามองสบตาน้องสาวในแววตามีแต่ความรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายและขอบคุณที่เจ้าตัวไม่ทอดทิ้งตัวเอง ในขณะที่ตัวเธอนั้นเคยทอดทิ้งน้องสาวและโยนความรับผิดชอบของตัวเองไปให้แก่ผู้อื่น

          “พี่หนึ่งพักผ่อนเยอะๆ หน่อยสิคะ พี่ดูแย่กว่าน้องเพลงแล้ว” อนุธิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย

          “นอนไม่ค่อยหลับน่ะ เป็นห่วงน้องเพลง แล้วก็...เรื่องเราด้วย รู้ว่าเล็กไม่ได้ชอบคุณโมกข์ การแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มันจะมีความสุขได้ยังไง”

          “ไม่ต้องห่วงเล็กหรอกค่ะ เล็กโอเค” อนุธิดายิ้มให้พี่สาว แต่เป็นรอยยิ้มที่เกศรามองออกว่ามันขื่นขมแค่ไหน

          ยิ่งมองน้องสาว เกศราก็ยิ่งรู้สึกผิด “เล็กถ้าน้องเพลงหายดีแล้ว เราหนีไปด้วยกันดีไหม เราช่วยกันทำงานแล้วก็ส่งเงินคืนเขาไป”

          อนุธิดาฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร ข้อเสนอของเกศรานั้นก็ใช่ว่าจะไม่น่าสนใจเสียทีเดียว ถ้าได้หนีไป บางทีเธออาจจะสามารถมีความสุขได้อย่างแท้จริงสักครั้ง

          ตอนที่กำลังจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล โทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอปรากฏชื่อของโมกข์ที่ร้อยวัยพันปีแทบไม่เคยโทรหาเลย

          “น้องเล็กอยู่ที่ไหน” แต่พอรับสายเสียงนั้นกลับเป็นของคณินทร์ “เดี๋ยวผมไปรับ”

          ก่อนหน้านั้นเธอตัดสายเบอร์แปลกทิ้งไปหลายสายหรือว่าจะเป็นคณินทร์ที่โทรมา...

          “ไม่ดีกว่ามั้งคะ ยังไงตอนนี้ฉันก็ยังไม่หย่ากับคุณโมกข์ ฉันไม่อยากมีปัญหา”

          “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ผมจะไปรับคุณพร้อมพี่โมกข์ เราจะไปทำมื้อค่ำกินกันตามประสาเพื่อนที่คอนโดของยายดาว”

          “ช่างขยันหาช่องทางกันจริงๆ นะคะ” อนุธิดาหัวเราะเบาๆ “ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล...” เมื่อบอกชื่อโรงพยาบาลไปแล้วก็นั่งลงบนม้านั่งสำหรับคนรอรถ เพื่อรอให้ชายหนุ่มมารับ

          เมื่อรถของโมกข์จอดลงริมฟุตบาธ เธอก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที โมกข์เป็นคนขับรถ ส่วนคณินทร์นั่งอยู่ข้างกัน เขาหันมายิ้มให้กับเธอ

          “คิดถึงจนใจจะขาดอยู่แล้ว”

          อนุธิดาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแค่ยิ้มบางๆ

          “จะไม่บอกว่าคิดถึงฉันสักหน่อยเหรอ” เขาอ้อน เธอจึงเหลือบมองคนขับรถ “ไม่ต้องอายพี่โมกข์หรอกคิดซะว่าเป็นตอไม้ก็ได้”

          “ไอ้ณินให้มันน้อยๆ หน่อย นี่พี่ของเอ็งนะ ช่วยเคารพกันสักหน่อยเถอะ” โมกข์บ่นอย่างไม่จริงจังนัก

          “ก็ผมอยากได้ยินคำว่าคิดถึง แต่เพราะพี่อยู่ด้วยน้องเล็กก็เลยไม่กล้าพูด”

          “รอให้ถึงคอนโดของดาวก่อน จะปล่อยให้อยู่กันสองคน อยากทำอะไรกันก็เชิญเลย”

          อนุธิดาหัวเราะเบาๆ คณินทร์ที่ยังเอาแต่หันมามองทางคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเอาแต่ยิ้มเอ็นดู ไม่ยอมหันกลับไปมองถนนเสียที

          “ระวังคอเคล็ดนะคะ”

          “นี่ถ้าไม่เกรงใจพี่โมกข์จะดูเหมือนคนขับรถ ผมคงไปนั่งกับคุณแล้ว”

          เหมือนโมกข์จะรำคาญอยู่เล็กๆ ดังนั้นจึงรีบขับรถน่าดูและในที่สุดทั้งหมดก็มาถึงคอนโดหรูหราของประกายดาว

          หญิงสาวเจ้าของห้องยิ้มทักทายอนุธิดาอย่างเป็นกันเอง หลังจากกลับมาจากเกาะของคณินทร์เธอก็แถลงข่างขอลาออกจากวงการบันเทิงอย่างเป็นทางการทันที ทำเอาแฟนคลับช็อกไปเลย ทั้งๆ ที่แค่คิดว่าเจ้าตัวเพียงแค่ขอพักงานสักพักเท่านั้นเองและแน่นอนข่าวคราวส่งท้ายก็ตามมาไม่หยุดว่าเธออาจมีผู้ชายรับเลี้ยงดูแล้วและยังไงก็ไม่พ้นข้อหาเมียน้อยอยู่ดี ซึ่งมันทำให้เธอหงุดหงิด แต่เพราะข้างกายมีโมกข์คอยเป็นกำลังใจสำคัญ เธอจึงผ่อนคลายความเครียดลงได้ไปได้มาก

          ประกายดาวนั้นมีฝีมือทำอาหารที่ค่อนข้างน่าทึ่ง อร่อยจนโมกข์เอาแต่อวดไม่หยุดว่าถ้าตัวเองได้กินทุกวันจะต้องอ้วนมากแน่ๆ

          อนุธิดามองความสัมพันธ์แปลกประหลาดของพวกเธอแล้วก็ถอนหายใจ ทำไมเรื่องราวถึงได้ยุ่งเหยิงถึงเพียงนี้กันนะ

          “กำลังคิดอะไรอยู่ คิ้วผูกกันยุ่งจนเป็นโบแล้วรู้ตัวหรือเปล่า”

          โมกข์กับประกายดาวปล่อยให้อนุธิดากับคณินทร์อยู่กันเพียงลำพังในห้องรับแขก ส่วนพวกเขาออกไปนั่งเล่นยังสระว่ายน้ำส่วนตัว

          “กำลังคิดถึงความสัมพันธ์ของพวกเราอยู่ค่ะ” อนุธิดาตอบไปตามตรง

          “ผมเองก็อยากจะให้เรื่องนี้มันคลี่คลายเร็วๆ แต่ก็เข้าใจพี่โมกข์ว่ายังไงความสัมพันธ์กับแม่ก็คงอยากรักษาไว้ ในพวกเราสี่คนพี่โมกข์อาจจะเป็นคนที่ลำบากใจมากที่สุด”

          “จริงค่ะ” อนุธิดาถอนหายใจเบาๆ เมื่อคิดถึงผกามาศ “รู้ไหมคะบางครั้งฉันก็อยากจะหนีไป”

          คราวนี้ฝ่ายคณินทร์บ้างที่คิ้วผูกกันเป็นโบ “จะหนีไปไหนก็บอกผมด้วยล่ะจะได้ตามไปถูก”

          “จริงๆ แล้วอยากหนีไปกับคุณณินค่ะ” อนุธิดาเอียงตัวพิงไหล่ของชายหนุ่ม “ทิ้งปัญหาไว้ข้างหลังแล้วก็อยู่บนเกาะกับคุณสองคนก็พอ”

          “ติดใจล่ะสิ”

          “ค่ะ”

          คณินทร์ดึงมือหญิงสาวมากุม “ถ้าหมดความอดทนเมื่อไหร่ก็บอกผม ผมจะพาคุณหนีไป”

          แล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของอนุธิดาทันทีโดยที่เธอไม่อาจบังคับได้ “ตอนนี้เลยได้ไหมคะ พาฉันหนีไปที”

          “ที่รักอย่าร้องไห้ ถ้าคุณอยากให้ผมพาหนี ผมก็จะพาคุณหนี” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดแนบอกพลางลูบแผ่นหลังสั่นเทาเบาๆ อย่างปลอบโยน

         

          โมกข์ไม่ได้แปลกใจนักตอนที่รู้ว่าอนุธิดาหายตัวไปและทิ้งจดหมายกับเงินจำนวนมากมายไว้ในห้องนอน พี่สาวกับหลานชายเองก็หายไปด้วยโดยที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าคงต้องเป็นฝีมือของคณินทร์อย่างแน่นอน

          เขาไม่มีสิทธิ์จะโกรธอะไรอีกฝ่ายเลยจริงๆ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงคอยปลอบมารดาที่โกรธจนอาการโรคหัวใจกำเริบ คอยดูแลผกามาศเป็นอย่างดี

          “แม่ครับอย่าโกรธน้องเล็กเลยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยปากกับมารดาที่โกรธจนหน้ามืดและต้องมานอนโรงพยาบาล

          “แม่มีบุญคุณกับนังนั่นนะตาโมกข์”

          โมกข์ถอนหายใจด้วยความระอา “น้องเล็กเขาเป็นคนนะครับแม่ เขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เขาเองก็มีหัวใจเหมือนกัน เขาทนคุณแม่มาได้ตั้งนานจนผมทึ่ง ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว เขาก็แค่หนีไป”

          “แกรู้ใช่ไหมว่าใครช่วยมัน ถ้าไม่มีคนช่วยมันจะเอาเงินที่ไหนมาให้ฉันตั้งเยอะแยะ”

          “คนที่เขารักน้องเล็กไงครับ”

          “แกรู้ใช่ไหมตาโมกข์!”

          “รู้ครับ” โมกข์เอ่ยปากบอกออกไปตามตรง “และผมก็ดีใจกับน้องเล็กมากที่ได้อยู่กับคนที่เขารักและรักเขาจริงๆ”

          “แต่ฉันเลี้ยงมันไว้เป็นเมียแก”

          “แม่ครับผมรักดาว”

          “แกอย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมรับมัน”

          “ไม่เป็นไรครับ ผมตกลงกันแล้ว ถ้าแม่ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ผมกับเขาก็จะไม่พยายามบีบบังคับให้คุณแม่ยอมรับ แต่ยังไงผมก็จะทำหน้าที่ลูกที่ดีแล้วก็สามีที่ดีไปพร้อมๆ กัน”

          ผมกามาศเบือนสายตาหนีจากลูกชายที่เธอรักสุดหัวใจและอยากให้ได้ในสิ่งที่ดีที่สุดอย่างอนุธิดา ที่เธออบรมเลี้ยงดูมากับมือ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ได้แต่โมโหและโกรธที่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิด

 

          ประกายดาวรู้สึกถึงคนที่คลานขึ้นมาบนเตียงนอนอย่างเงียบงัน เธอลืมตาตื่นขึ้นพลางหันไปมองสามีภายใต้ความมืดสลัว

          “คนที่พาน้องเล็กหนีเป็นพี่ณินใช่ไหมคะ”

          “นอกจากมันแล้วจะมีใครล่ะ จ่ายค่ารักษาตั้งเท่าไหร่ แล้วไหนจะเงินสดเป็นปึกๆ อีก ทิ้งไว้แล้วบอกว่าเป็นค่าเลี้ยงดูน้องเล็กตลอดสิบปี”

          “แม่คุณยอมไหม”

          “ไม่ยอมแล้วจะทำยังไงล่ะ” โมกข์ยกแขนกอดภรรยา “พวกนั้นน่ะไม่มีอะไรแล้ว พวกเราต่างหากทำยังไงแม่ก็ไม่ยอมรับ”

          “ไม่เป็นไรค่ะ คุณโมกข์ ได้เท่านี้ฉันก็มีความสุขแล้วค่ะ” ประกายดาวกอดโมกข์ตอบ “ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณลำบากใจและจะเป็นแม่ที่ดีของลูก”

          “ผมก็สัญญาว่าจะเป็นพ่อที่ดีของลูก แล้วก็เป็นสามีที่ดีด้วยนะ”

          ประกายดาวหัวเราะ “ฉันเองก็จะเป็นภรรยาที่ดีค่ะ”

          “ผมเคยดูละครที่คุณเล่นนะ ที่ต้องไปทนให้แม่ผัวโขกสับจนยอมรับในความดี แต่พอคิดถึงเรื่องจริง มันคงไม่มีวันเป็นแบบนั้น”

          “ถึงจะเอาชนะใจแม่คุณไม่ได้ แต่ฉันจะไม่ทำให้เขาเกลียดไปมากกว่านี้และฉันเองก็จะไม่เกลียดแม่ของคุณค่ะ”

          “ขอบคุณนะดาว” โมกข์กอดภรรยาของตัวเองแน่นขึ้น “เดี๋ยวติดต่อไอ้ณินได้เมื่อไหร่คงจะต้องจัดการเรื่องเอกสารหย่ากับน้องเล็กให้เรียบร้อย แล้วพวกเราก็มาจดทะเบียนกันเถอะนะ”

          “ดีค่ะ เดี๋ยวฉันจะหาฤกษ์รอ”

          “ต้องมีฤกษ์ด้วยเหรอ”

          “มีสิคะ ถือว่าเป็นวันแต่งงานด้วย เพราะฉันจะจัดงานฉลองแต่งงานกับคุณสองคนค่ะ จัดมันที่ห้องนี้นี่แหละ ฉันอยากเห็นคุณใส่ชุดเจ้าบ่าว”

          โมกข์น้ำตาคลอจนกระทั่งร้องไห้ออกมา “ผม...ไม่รู้จะพูดอะไรดี”

          “โอ๊ย! คุณร้องไห้จริงๆ เหรอคะเนี่ย” ประกายดาวหัวเราะเสียงดังพลางยื่นมือไปช่วยโมกข์เช็ดน้ำตา “ให้ตายเถอะคุณนี่มันน่ารักจริงๆ เลย” หญิงสาวจุมพิตหนักๆ ลงบนหน้าผากของสามีที่ยังร้องไห้ไม่หยุดด้วยความรู้สึกมีความสุข