เธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง
รัก,ไทย,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยามหลับฝันนั้นมีเพียงคุณเธอแต่งงานกับอีกคน แต่กลับตื่นมาข้างๆ ใครอีกคน เธอไม่ได้เอ่ยปากโวยวาย เธอทำเพียงแค่ถามเขาว่า เจ้าบ่าวของเธอไปไหนด้วยอาการสงบนิ่ง
ต่อสู้กับฝันร้าย
หลังเลิกงานอนุธิดาก็ขออนุญาตมาเยี่ยมหลานที่โรงพยาบาล ตอนที่หลานของเธออายุสิบปี ป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน เป็นดุจฝันร้ายที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตที่แสนยากลำบากของเกศรา หญิงสาวซึ่งกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลังจากสามีเสียชีวิตและทางแม่สามีไม่ต้องการเธออีกต่อไป ต้องการเพียงหลานชายเท่านั้น แต่พี่สาวของเธอก็ต่อสู้อย่างสุดกำลังไม่ยอมให้ใครมาพรากเอาลูกชายไปจากเธอ
“น้าเล็กมาแล้ว” เด็กชายบนเตียงยิ้มร่าเริง ทั้งๆ ที่กำลังต่อสู้กับโรคร้าย แต่แววตานั้นก็ยังสดใสร่าเริง ผิดกับเกศราที่นับวันจะยิ่งดูเหมือนจมลงสู่ความทุกข์มากขึ้น เพราะผลการรักษาของลูกชายนั้นไม่ดีสักเท่าไหร่
อนุธิดายิ้มบางพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กชายที่ผมบางลงมากแล้ว “วันนี้น้องเพลงเป็นเด็กดีของคุณหมอหรือเปล่า”
“เป็นครับ ผมโตแล้ว เลิกดื้อไปตั้งนานแล้ว” ยิ้มกว้างของหลานทำเอายิ้มของหญิงสาวกว้างขึ้นตาม
“เอานี่น้าซื้อหนังสือการ์ตูนที่เพิ่งออกใหม่มาฝาก” อนุธิดาส่งหนังสือให้หลานชาย
“ขอบคุณครับน้าเล็ก” ยกมือไหว้ก่อนจะรับการ์ตูนมาเปิดอ่าน แล้วปล่อยให้ผู้ใหญ่สองคนนั่งคุยกันเงียบๆ
เกศรามองสบตาน้องสาวในแววตามีแต่ความรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายและขอบคุณที่เจ้าตัวไม่ทอดทิ้งตัวเอง ในขณะที่ตัวเธอนั้นเคยทอดทิ้งน้องสาวและโยนความรับผิดชอบของตัวเองไปให้แก่ผู้อื่น
“พี่หนึ่งพักผ่อนเยอะๆ หน่อยสิคะ พี่ดูแย่กว่าน้องเพลงแล้ว” อนุธิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะ เป็นห่วงน้องเพลง แล้วก็...เรื่องเราด้วย รู้ว่าเล็กไม่ได้ชอบคุณโมกข์ การแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มันจะมีความสุขได้ยังไง”
“ไม่ต้องห่วงเล็กหรอกค่ะ เล็กโอเค” อนุธิดายิ้มให้พี่สาว แต่เป็นรอยยิ้มที่เกศรามองออกว่ามันขื่นขมแค่ไหน
ยิ่งมองน้องสาว เกศราก็ยิ่งรู้สึกผิด “เล็กถ้าน้องเพลงหายดีแล้ว เราหนีไปด้วยกันดีไหม เราช่วยกันทำงานแล้วก็ส่งเงินคืนเขาไป”
อนุธิดาฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร ข้อเสนอของเกศรานั้นก็ใช่ว่าจะไม่น่าสนใจเสียทีเดียว ถ้าได้หนีไป บางทีเธออาจจะสามารถมีความสุขได้อย่างแท้จริงสักครั้ง
ตอนที่กำลังจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล โทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอปรากฏชื่อของโมกข์ที่ร้อยวัยพันปีแทบไม่เคยโทรหาเลย
“น้องเล็กอยู่ที่ไหน” แต่พอรับสายเสียงนั้นกลับเป็นของคณินทร์ “เดี๋ยวผมไปรับ”
ก่อนหน้านั้นเธอตัดสายเบอร์แปลกทิ้งไปหลายสายหรือว่าจะเป็นคณินทร์ที่โทรมา...
“ไม่ดีกว่ามั้งคะ ยังไงตอนนี้ฉันก็ยังไม่หย่ากับคุณโมกข์ ฉันไม่อยากมีปัญหา”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ผมจะไปรับคุณพร้อมพี่โมกข์ เราจะไปทำมื้อค่ำกินกันตามประสาเพื่อนที่คอนโดของยายดาว”
“ช่างขยันหาช่องทางกันจริงๆ นะคะ” อนุธิดาหัวเราะเบาๆ “ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล...” เมื่อบอกชื่อโรงพยาบาลไปแล้วก็นั่งลงบนม้านั่งสำหรับคนรอรถ เพื่อรอให้ชายหนุ่มมารับ
เมื่อรถของโมกข์จอดลงริมฟุตบาธ เธอก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที โมกข์เป็นคนขับรถ ส่วนคณินทร์นั่งอยู่ข้างกัน เขาหันมายิ้มให้กับเธอ
“คิดถึงจนใจจะขาดอยู่แล้ว”
อนุธิดาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแค่ยิ้มบางๆ
“จะไม่บอกว่าคิดถึงฉันสักหน่อยเหรอ” เขาอ้อน เธอจึงเหลือบมองคนขับรถ “ไม่ต้องอายพี่โมกข์หรอกคิดซะว่าเป็นตอไม้ก็ได้”
“ไอ้ณินให้มันน้อยๆ หน่อย นี่พี่ของเอ็งนะ ช่วยเคารพกันสักหน่อยเถอะ” โมกข์บ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“ก็ผมอยากได้ยินคำว่าคิดถึง แต่เพราะพี่อยู่ด้วยน้องเล็กก็เลยไม่กล้าพูด”
“รอให้ถึงคอนโดของดาวก่อน จะปล่อยให้อยู่กันสองคน อยากทำอะไรกันก็เชิญเลย”
อนุธิดาหัวเราะเบาๆ คณินทร์ที่ยังเอาแต่หันมามองทางคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเอาแต่ยิ้มเอ็นดู ไม่ยอมหันกลับไปมองถนนเสียที
“ระวังคอเคล็ดนะคะ”
“นี่ถ้าไม่เกรงใจพี่โมกข์จะดูเหมือนคนขับรถ ผมคงไปนั่งกับคุณแล้ว”
เหมือนโมกข์จะรำคาญอยู่เล็กๆ ดังนั้นจึงรีบขับรถน่าดูและในที่สุดทั้งหมดก็มาถึงคอนโดหรูหราของประกายดาว
หญิงสาวเจ้าของห้องยิ้มทักทายอนุธิดาอย่างเป็นกันเอง หลังจากกลับมาจากเกาะของคณินทร์เธอก็แถลงข่างขอลาออกจากวงการบันเทิงอย่างเป็นทางการทันที ทำเอาแฟนคลับช็อกไปเลย ทั้งๆ ที่แค่คิดว่าเจ้าตัวเพียงแค่ขอพักงานสักพักเท่านั้นเองและแน่นอนข่าวคราวส่งท้ายก็ตามมาไม่หยุดว่าเธออาจมีผู้ชายรับเลี้ยงดูแล้วและยังไงก็ไม่พ้นข้อหาเมียน้อยอยู่ดี ซึ่งมันทำให้เธอหงุดหงิด แต่เพราะข้างกายมีโมกข์คอยเป็นกำลังใจสำคัญ เธอจึงผ่อนคลายความเครียดลงได้ไปได้มาก
ประกายดาวนั้นมีฝีมือทำอาหารที่ค่อนข้างน่าทึ่ง อร่อยจนโมกข์เอาแต่อวดไม่หยุดว่าถ้าตัวเองได้กินทุกวันจะต้องอ้วนมากแน่ๆ
อนุธิดามองความสัมพันธ์แปลกประหลาดของพวกเธอแล้วก็ถอนหายใจ ทำไมเรื่องราวถึงได้ยุ่งเหยิงถึงเพียงนี้กันนะ
“กำลังคิดอะไรอยู่ คิ้วผูกกันยุ่งจนเป็นโบแล้วรู้ตัวหรือเปล่า”
โมกข์กับประกายดาวปล่อยให้อนุธิดากับคณินทร์อยู่กันเพียงลำพังในห้องรับแขก ส่วนพวกเขาออกไปนั่งเล่นยังสระว่ายน้ำส่วนตัว
“กำลังคิดถึงความสัมพันธ์ของพวกเราอยู่ค่ะ” อนุธิดาตอบไปตามตรง
“ผมเองก็อยากจะให้เรื่องนี้มันคลี่คลายเร็วๆ แต่ก็เข้าใจพี่โมกข์ว่ายังไงความสัมพันธ์กับแม่ก็คงอยากรักษาไว้ ในพวกเราสี่คนพี่โมกข์อาจจะเป็นคนที่ลำบากใจมากที่สุด”
“จริงค่ะ” อนุธิดาถอนหายใจเบาๆ เมื่อคิดถึงผกามาศ “รู้ไหมคะบางครั้งฉันก็อยากจะหนีไป”
คราวนี้ฝ่ายคณินทร์บ้างที่คิ้วผูกกันเป็นโบ “จะหนีไปไหนก็บอกผมด้วยล่ะจะได้ตามไปถูก”
“จริงๆ แล้วอยากหนีไปกับคุณณินค่ะ” อนุธิดาเอียงตัวพิงไหล่ของชายหนุ่ม “ทิ้งปัญหาไว้ข้างหลังแล้วก็อยู่บนเกาะกับคุณสองคนก็พอ”
“ติดใจล่ะสิ”
“ค่ะ”
คณินทร์ดึงมือหญิงสาวมากุม “ถ้าหมดความอดทนเมื่อไหร่ก็บอกผม ผมจะพาคุณหนีไป”
แล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของอนุธิดาทันทีโดยที่เธอไม่อาจบังคับได้ “ตอนนี้เลยได้ไหมคะ พาฉันหนีไปที”
“ที่รักอย่าร้องไห้ ถ้าคุณอยากให้ผมพาหนี ผมก็จะพาคุณหนี” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดแนบอกพลางลูบแผ่นหลังสั่นเทาเบาๆ อย่างปลอบโยน
โมกข์ไม่ได้แปลกใจนักตอนที่รู้ว่าอนุธิดาหายตัวไปและทิ้งจดหมายกับเงินจำนวนมากมายไว้ในห้องนอน พี่สาวกับหลานชายเองก็หายไปด้วยโดยที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าคงต้องเป็นฝีมือของคณินทร์อย่างแน่นอน
เขาไม่มีสิทธิ์จะโกรธอะไรอีกฝ่ายเลยจริงๆ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงคอยปลอบมารดาที่โกรธจนอาการโรคหัวใจกำเริบ คอยดูแลผกามาศเป็นอย่างดี
“แม่ครับอย่าโกรธน้องเล็กเลยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยปากกับมารดาที่โกรธจนหน้ามืดและต้องมานอนโรงพยาบาล
“แม่มีบุญคุณกับนังนั่นนะตาโมกข์”
โมกข์ถอนหายใจด้วยความระอา “น้องเล็กเขาเป็นคนนะครับแม่ เขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เขาเองก็มีหัวใจเหมือนกัน เขาทนคุณแม่มาได้ตั้งนานจนผมทึ่ง ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว เขาก็แค่หนีไป”
“แกรู้ใช่ไหมว่าใครช่วยมัน ถ้าไม่มีคนช่วยมันจะเอาเงินที่ไหนมาให้ฉันตั้งเยอะแยะ”
“คนที่เขารักน้องเล็กไงครับ”
“แกรู้ใช่ไหมตาโมกข์!”
“รู้ครับ” โมกข์เอ่ยปากบอกออกไปตามตรง “และผมก็ดีใจกับน้องเล็กมากที่ได้อยู่กับคนที่เขารักและรักเขาจริงๆ”
“แต่ฉันเลี้ยงมันไว้เป็นเมียแก”
“แม่ครับผมรักดาว”
“แกอย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมรับมัน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมตกลงกันแล้ว ถ้าแม่ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ผมกับเขาก็จะไม่พยายามบีบบังคับให้คุณแม่ยอมรับ แต่ยังไงผมก็จะทำหน้าที่ลูกที่ดีแล้วก็สามีที่ดีไปพร้อมๆ กัน”
ผมกามาศเบือนสายตาหนีจากลูกชายที่เธอรักสุดหัวใจและอยากให้ได้ในสิ่งที่ดีที่สุดอย่างอนุธิดา ที่เธออบรมเลี้ยงดูมากับมือ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ได้แต่โมโหและโกรธที่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิด
ประกายดาวรู้สึกถึงคนที่คลานขึ้นมาบนเตียงนอนอย่างเงียบงัน เธอลืมตาตื่นขึ้นพลางหันไปมองสามีภายใต้ความมืดสลัว
“คนที่พาน้องเล็กหนีเป็นพี่ณินใช่ไหมคะ”
“นอกจากมันแล้วจะมีใครล่ะ จ่ายค่ารักษาตั้งเท่าไหร่ แล้วไหนจะเงินสดเป็นปึกๆ อีก ทิ้งไว้แล้วบอกว่าเป็นค่าเลี้ยงดูน้องเล็กตลอดสิบปี”
“แม่คุณยอมไหม”
“ไม่ยอมแล้วจะทำยังไงล่ะ” โมกข์ยกแขนกอดภรรยา “พวกนั้นน่ะไม่มีอะไรแล้ว พวกเราต่างหากทำยังไงแม่ก็ไม่ยอมรับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณโมกข์ ได้เท่านี้ฉันก็มีความสุขแล้วค่ะ” ประกายดาวกอดโมกข์ตอบ “ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณลำบากใจและจะเป็นแม่ที่ดีของลูก”
“ผมก็สัญญาว่าจะเป็นพ่อที่ดีของลูก แล้วก็เป็นสามีที่ดีด้วยนะ”
ประกายดาวหัวเราะ “ฉันเองก็จะเป็นภรรยาที่ดีค่ะ”
“ผมเคยดูละครที่คุณเล่นนะ ที่ต้องไปทนให้แม่ผัวโขกสับจนยอมรับในความดี แต่พอคิดถึงเรื่องจริง มันคงไม่มีวันเป็นแบบนั้น”
“ถึงจะเอาชนะใจแม่คุณไม่ได้ แต่ฉันจะไม่ทำให้เขาเกลียดไปมากกว่านี้และฉันเองก็จะไม่เกลียดแม่ของคุณค่ะ”
“ขอบคุณนะดาว” โมกข์กอดภรรยาของตัวเองแน่นขึ้น “เดี๋ยวติดต่อไอ้ณินได้เมื่อไหร่คงจะต้องจัดการเรื่องเอกสารหย่ากับน้องเล็กให้เรียบร้อย แล้วพวกเราก็มาจดทะเบียนกันเถอะนะ”
“ดีค่ะ เดี๋ยวฉันจะหาฤกษ์รอ”
“ต้องมีฤกษ์ด้วยเหรอ”
“มีสิคะ ถือว่าเป็นวันแต่งงานด้วย เพราะฉันจะจัดงานฉลองแต่งงานกับคุณสองคนค่ะ จัดมันที่ห้องนี้นี่แหละ ฉันอยากเห็นคุณใส่ชุดเจ้าบ่าว”
โมกข์น้ำตาคลอจนกระทั่งร้องไห้ออกมา “ผม...ไม่รู้จะพูดอะไรดี”
“โอ๊ย! คุณร้องไห้จริงๆ เหรอคะเนี่ย” ประกายดาวหัวเราะเสียงดังพลางยื่นมือไปช่วยโมกข์เช็ดน้ำตา “ให้ตายเถอะคุณนี่มันน่ารักจริงๆ เลย” หญิงสาวจุมพิตหนักๆ ลงบนหน้าผากของสามีที่ยังร้องไห้ไม่หยุดด้วยความรู้สึกมีความสุข