ที่เขาว่ากันก็คงจะจริงที่เวลาผู้หญิงทะเลาะกันก็ไม่พ้นทะเลาะกันเรื่องผู้ชาย ไม่ว่าใครก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นแหละ ต่อให้เป็นเพื่อนรักกันก็ตาม
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ครอบครัว,ไทย,Plotteller,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Just Love...แค่ได้รักเธอที่เขาว่ากันก็คงจะจริงที่เวลาผู้หญิงทะเลาะกันก็ไม่พ้นทะเลาะกันเรื่องผู้ชาย ไม่ว่าใครก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นแหละ ต่อให้เป็นเพื่อนรักกันก็ตาม
ไลลา : คนหนึ่งเขาชั่งดีกับฉันจะทิ้งลงยังไง คนหนึ่งเคยทิ้งไปแต่รักไม่เคยจางหาย
เช้า....
ฉันลืมตาขึ้นมาก็เจอความมืดสนิทหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลเรืองแสงที่แขวงไว้ที่ฝาผนังสูงบอกเวลาตอนนี้ 06:20 เช้าแล้วนี่ รู้สึกหนักที่เอวคอดเหมือนมีอะไรทับอยู่ แขนพี่เรย์นี่เอง เขานอนกอดฉันทั้งคืนเลยหรอ ฉันค่อยๆ จับแขนพี่เรย์ออกจากเอว โอ๊ย..เจ็บช่วงล่างจัง พอขยับตัวความเจ็บก็แล่นปิ๊ดจนขาสั่นเล็กน้อย อยากข่วนหน้าเขานัก รังแกคนอื่นแล้วยังนอนสบายใจอยู่ได้
ฉันรีบหาเสื้อผ้าตัวเองมาใส่อย่างรวดเร็ว ต้องรีบออกไปก่อนที่จะมีคนมาเห็น และก็ไม่ลืมหยิบถุงกระดาษสีดำออกมาด้วย แต่ฉันไม่ได้หยิบไอ้กล่องเจ้าปัญหานั้นออกมาด้วยหรอก เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด
ฉันขับรถออกมาจากค่าย LayMusic ก็สวนกับรถสีดำคันหนึ่งมีผู้ชายนั่งมาสองคนที่มองเห็นก็เพราะเขาลดกระจกรถลง
คงจะเป็นเพื่อนของพี่เรย์ แล้วทำไมต้องนึกถึงด้วยเขาเนี้ย ฉันรีบสลัดหัวให้เขาออกไปจากความคิด
ฉันขับช้าลงเพื่อมองหาร้านขายยาแล้วก็เจอ แรดได้ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยจริงไหม
“สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายจากเภสัชกร
“ยาคุมฉุกเฉินค่ะ” ฉันรีบบอกเภสัชกร เขามองหน้าฉันแล้วก็ยิ้มให้ หน้าฉันมีอะไรหรอ ฉันหันไปสองหน้าที่ตู้กระจกก็แทบจะเอาหน้าแซกแผ่นดินหนี จะอะไรซะอีกล่ะ ก็รอยคิสมาร์กเต็มลำคอเนียนและก็ตรงเนินอกอีก ฉันได้แต่ยิ้มอายๆ ไปให้เภสัชกร
ทันทีที่เดินกลับเข้ามาในรถฉันก็รีบสำรวจร่างกายตัวเองยกใหญ่แล้วแบบนี้ฉันจะทำงานได้ยังไง ต่อให้เมคอัพชั้นเยี่ยมก็เอาไม่อยู่หรอก
“คนบ้า...” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่แมนนี่ผู้จัดการส่วนของฉัน
“ว่าไงค๊า ลูกสาว” เสียงพี่แมนนี่รับสาย
“ไลลาขอไม่รับงานสักสองสามก่อนนะคะ” ถ้าฉันไปทำงานสภาพนี้นะได้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่
“ทำไมล่ะคะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า” พี่แมนนี่ดูตกใจเล็กน้อย
“คือ...ไลลาไม่ค่อยสบายนะคะ” ฉันจำต้องโกหกออกไป
“ตายแร้ว...ไปหาหมอยังค่ะ” พี่แมนนี่ถามด้วยความห่วงใย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ไลลาขอโทษนะคะที่ต้องโกหก ได้แต่ขอโทษพี่แมนนี่อยู่ในใจ
“งั้นก็พักผ่อนเยอะๆ นะค่ะ ลูกสาว ให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ ไลลาเริ่มง่วงแล้ว” ฉันรีบวางสายทันที
เฮ้อออออ เขาจะรู้ไหมเนี้ยว่าทำคนอื่นเดือดร้อนแค่ไหน จากนั้นฉันก็ขับรถมาถึงคอนโดตัวเองโดยสวัสดิภาพ...
เรย์
ทำไมมันรู้สึกโล่งๆ จังว่ะ มือคล่ำหาร่างนุ่มนิ่มที่นอนกอดทั้งคืนก็เจอแต่ความว่างเปล่า
“นี่อากาศในห้องมันร้อนขนาดนั้นเลยหรอว่ะ” เสียงเฮียซัมดีพูดขึ้น มาตอนไหนวะ!
ดีนะที่ใส่บล็อกเซอร์อยู่ไม่งั้นมองหน้ากันไม่ติดแน่
“ใครกล้ามาฟัดน้องเรย์ของเฮียถึงในห้องเนี้ย” เสียงเฮียเจพูดแซว เอาเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ
“ตอนที่พวกเฮียมา เจอใครรึเปล่า” ถ้ามาเจอตอนไลลาอยู่ด้วยนี่แย่เลย ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นร่างกายเธอนอกจากผม
“ก็ไม่เห็นมีใครนิ” เฮียซัมดีตอบ เฮ้อออผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แต่ว่า..ตอนเข้ามาเนี้ยมีรถสีขาวขับสวนออกไปอยู่นะ” เฮียเจบอก
“ใครหรอ” เฮียซัมดียื่นหน้ามาถามผมอย่างใคร่อยากรู้
“จำเป็นต้องบอกไหมครับ” ผมถามเฮียซัมดีกลับด้วยท่าทางกวนตีนสุดๆ
“อ้าว..ไอ้เรย์ มึงจะไม่รายงานผัวมึงหน่อยหรอ” เฮียซัมดีก็กวนตีนกลับมาเหมือนกัน
ผมได้แต่นั่งขำ
“สงสัยมันเอากับผีว่ะ” เฮียเจบอก
ผมก็ยักไหล่ให้พวกเฮียหนึ่งที ประมาณว่า..แล้วแต่เลยครับ..
ผมลุกขึ้นยืนหยิบกางเกงมาใส่ กลับไปตอนไหนนะ น่าจะปลุกกันหน่อย ผมเผลอยิ้มกับตัวเอง เมื่อนึกถึงหน้าหวานๆ ของไลลา
“ถ้าจะหนักล่ะ ไอ้นี่” เสียงเฮียเจแขวะ
“สงสัยมันเอากับผีจริงๆ แหละ ไม่ใช้สักชิ้นเลย” เฮียซัมดีชูกล่องสีดำขึ้น
“นี่เป็นเชอร์ล็อกโฮมกันหรอครับ สงสัยอยู่ได้” ผมแย่งกล่องสีดำมาจากมือเฮียซัมดี
“แล้วนั้นจะไปไหน” เฮียเจถามขึ้น เมื่อเห็นว่าผมเดินไปที่ประตู
“กลับคอนโด” ผมหันหน้าไปตอบ
“งานการไม่ทำหรอครับ แล้วคอนโดอ่ะ มึงควรกลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วป่ะ” เฮียซัมดีถาม
“ถ้ากลับคอนโดเมื่อคืน ก็ไม่ได้เจอของดีนะสิ” ผมยิ้มกวนๆ ให้พวกเฮียแล้วก็เดินออกมาขึ้นรถคู่ใจ
ขับออกมาได้สักพักก็เจอรถสีขาวของใครบางคนที่ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาทุกครั้งที่นึกถึง ร้านยาหรอซื้ออะไรนะ หรือว่าไม่สบาย ไลลาเดินออกมาจากร้านยาขึ้นรถสักพักเธอก็ขับออกไป ผมแอบขับตามไลลาจนถึงคอนโดของเธอ โอ๊ะโอ่ โลกมันชั่งกลมดีจัง คอนโดเดียวกันกับผมเลย รู้งี้กลับมานอนคอนโดนานล่ะ ผมแอบเดินตามไลลาไปเงียบๆ เหมือนพวกสโตกเกอร์เลย จังหวะที่ไลลาเข้าไปในลิฟต์พอดีมีคนรอลิฟต์อยู่สามสี่คนเหมือนกัน ผมดึงหมวกของเสื้อฮู้ดที่ใส่อยู่ขึ้นมาสวมเพื่อบดบังใบหน้าไม่ให้ไลลาเห็นทำเนียนเดินตามคนอื่นเข้าไปในลิฟต์ ผมยืนอยู่ด้านหลังไลลาโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย ไลลาใช้มือสางผมยาวของเธอไปปกลำคอขาวเนียนคงจะกลัวคนอื่นเห็นรอยคิสมาร์กที่ผมเป็นคนทำไว้
ติ่ง
เสียงลิฟต์เปิดออก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นอยู่ชั้นเดียวกันอีก ห้องไลลาอยู่ติดกับห้องผมด้วยอ่ะ ยังไม่รู้ตัวเองว่ามีคนตามมาใจลอยจริงๆ จังหวะที่ไลลากำลังจะปิดประตูลง ผมยื่นเท้าไปขว้างไว้ก่อนที่มันจะปิดสนิท
“ทำอะไรของคุณนะ” ไลลาพูดเสียงดุ
“นี่อย่าเข้ามานะ” ไลลาร้องห้ามเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องเธอ แรงแค่นี้คิดว่าจะสู้ผมได้หรอก
“ทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะครับ” ผมพูดพร้อมกับดึงหมวกเสื้อฮู้ดออก
“พี่เรย์” ไลลาทำตาโตเท่าไข่ห่าน ตกใจมากล่ะสิ ผมก็ตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าเธออยู่ห้องข้างๆ ผมตลอด
“ครับ พี่เอง” ผมตอบไลลาพร้อมกับหอมแก้มเธอดังฟอด
“พี่เรย์!” ไลลาเอามือลูบแก้มปอยๆ พร้อมกับขึงตาดุใส่ผม
“พี่แอบตามไลลามาหรอค่ะ” ไลลาถามขึ้น
“เปล่าสักหน่อย” ผมตอบแล้วก็ยักไหล่ให้ทีหนึ่ง
“โกหก” ไลลาทำหน้าดุใส่ผม
“เปล่านะ คอนโดพี่ก็อยู่นี้เหมือนกัน” ผมบอกตามความจริง แต่ไลลาก็ทำสีหน้าไม่ไว้ใจ
“งั้นก็กลับห้องพี่สิคะ มาห้องไลลาทำไม” ทำไมดุจังเลยเนี้ย
“ไม่สบายหรอ” ผมถามไลลาด้วยความเป็นห่วง
“เปล่านี่” ไลลาทำสีหน้างุนงง
“ก็พี่เห็นเราซื้อยา” พอผมพูดเรื่องยาไลลาก็ทำสีหน้าตกใจ
“จริงด้วย ยังไม่ได้กินเลย” ไลลาหันหลังให้ผม มือเล็กก็ค้นถุงยาแล้วเธอก็หยิบกล่องสีขาวเล็กๆ ขึ้นมาเดินตรงไปที่ครัว
“ยาอะไรหรอ” ผมเห็นมันมีแค่สองเม็ดก็อดสงสัยไม่ได้
ไลลายื่นกล่องยาเปล่าๆ มาให้ผมอ่าน ยาคุมฉุกเฉิน ออ กลัวท้องป่องนี้เอง แต่ถึงจะป่องผมก็เต็มใจรับผิดชอบอยู่แล้ว
“ที่จริงไม่ต้องกินก็ได้นะ” พอผมพูดจบ ไลลาก็สำลักน้ำทันที ผมรีบวิ่งไปลูบหลังหยิบทิชชูมาเช็ดปากให้
“อะ แค่กๆ พูดบ้าอะไรของพี่นะ” ไลลาหันมาดุผม
“พูดจริงนะ” ผมเลิกคิ้วให้พร้อมเดินไปโอบเอวให้ไลลามานั่งที่โซฟา เห็นโซฟาทีไรรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจังเหะ
“ใครเขาอยากท้องลูกพี่กัน” ไลลาทำหน้าดุไม่เลิก
“แต่พี่อยากให้ไลลาเป็นแม่ของลูกพี่นะ” ไลลาทำสีหน้าอึ้ง แป๊บเดียวก็เปลี่ยนเป็นดุเหมือนเดิม
“กลับห้องพี่ไปได้แล้วค่ะ” ไล่อีกล่ะ ใจคอจะไล่อย่างเดียวเลยรึไง
“หิวข้าวจัง” ผมแกล้งเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็หิวจริงๆ แหละ
“ที่ห้องพี่ไม่มีข้าวกินหรอค่ะ”
“ไม่มีครับ” ผมตอบไลลา พร้อมส่งยิ้มหวานไปให้ ไลลาถอนหายใจยาวเหลือบตามองบน ไลลาลุกขึ้นเดินไปในครัวค้นตู้เย็นอยู่สักพัก
“กะเพราหมูกินได้ไหมคะ” ไลลาหันมาถาม น่ารักจัง... ทำกับข้าวให้กินด้วย
“ได้ครับ ขอไข่ดาวสองฟองนะ” ไลลาส่ายหน้าเหมือนเหนื่อยกับผมเต็มทน
นั่งรอสักพักกลิ่นใบกะเพราหอมๆ ก็ลอยมาแตะจมูก ผมลุกออกจากโซฟาเดินไปอยู่ด้านหลังร่างบอบบางของไลลา
“หอมจัง..” ผมยืนชิดซ้อนตัวอยู่หลังไลลา
“อุ๊ย..” ไลลาสะดุ้งเล็กน้อยที่หันตัวมาโดนผม
“พี่เรย์ ทำไมไม่นั่งรอตรงโน้นค่ะ” ไลลาทำหน้าดุใส่ผม
ทำไมชอบทำหน้าดุจังว่ะ หมั่นไส้ ผมล็อกใบหน้าไลลาไว้ด้วยมือสองข้าง โฉมริมฝีปากหนาทาบทับริมฝีปากบาง ผมส่งลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานจากโพรงปากเล็ก
“อื้อ...” เสียงไลลาประท้วงอยู่ในลำคอ แต่มีหรอจะหยุดผมได้ เพราะมือสองข้างของไลลาไม่ว่าง มือหนึ่งจานอีกมือถือทัพพี เธอไม่สามารถทำอะไรผมได้หรอก
“อื้อ..อ่อย” ไม่หยุดหรอกหวานขนาดนี้จะหยุดได้ไง ผมบดริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจ ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้ากับลิ้นเล็กดึงดูดเล่นอยู่อย่างนั้น
คลื่น......คลื่น......คลื่น......
“อะ...อื้อ..” ผมจำต้องถอนริมฝีปากออก เพราะมีเสียงโทรศัพท์ ใครมันกล้าโทรมาขัดจังหวะตอนนี่วะ!
ไลลายื่นทัพพีกับจานมาให้ผม แล้วเธอก็เดินไปรับโทรศัพท์ที่โซฟา ไลลาชำเลืองมามองผมแล้วเธอก็เดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอน ใครวะ! ทำไมต้องหลบไปคุยด้วย