ความรัก คือ ของหวานที่เป็นดั่งยาพิษ อันตัวข้าผู้ซึ่งโหยหาความรัก..... แต่ทว่าก็ผลักไสความรักเฉกเช่นเดียวกันข้าผู้ซึ่งไม่ขอรักใครอีก...และข้าก็ไม่ปรารถนาที่จะให้ใครมารักอีกเช่นเดียวกัน
ดราม่า,ย้อนยุค,จีน,เรื่องสั้น,สะท้อนสังคม,18+,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(จบแล้ว) นางคณิกาเช่นข้าไม่ขอรักใครอีกความรัก คือ ของหวานที่เป็นดั่งยาพิษ อันตัวข้าผู้ซึ่งโหยหาความรัก..... แต่ทว่าก็ผลักไสความรักเฉกเช่นเดียวกันข้าผู้ซึ่งไม่ขอรักใครอีก...และข้าก็ไม่ปรารถนาที่จะให้ใครมารักอีกเช่นเดียวกัน
เนื้อเรื่องของนิยายเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์แต่อย่างใด
ระยะทางจากหมู่บ้านหยางเถาสู่เมืองหลวงใช้เวลาเดินทางหนึ่งคืนหนึ่งวันด้วยรถม้าส่วนตัวของหลินอี๋ฮั่น ตลอดเส้นทางไม่มีการหยุดพักเลยแม้แต่น้อย มื้ออาหารแต่ละมื้อก็เป็นเนื้อตากแห้งกับหมั่นโถวธรรมดา เมื่อมาถึงเมืองหลวงก็ได้เห็นผู้คนมากหน้าหลายตา ร้านค้าและข้าวของต่างๆ มากมายจนทำเอาถังฟางเซียนแทบจะนั่งไม่ติด
“อีกหน่อยหากเจ้ามีเงินมากพอ จะสามารถมาเที่ยวเล่นรอบๆ เมืองได้หนึ่งวันต่อเดือน” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา เสมองไปนอกรถม้าด้วยท่าทางเรียบเฉย
"...............” ถังฟางเซียนเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งเงียบทันที ไม่เอ่ยตอบสิ่งใดออกมา
หลินอี๋ฮั่นรู้สึกเฉยเมยต่อท่าทีเช่นนี้มาก ที่ผ่านมารับมือกับเด็กสาวมามากมาย แค่อารมณ์ของถังฟางเซียน นางย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว
ผ่านถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน สู่พื้นที่ที่มีเพียงความอ้างว้าง วังเวงและเงียบเหงา เวลานี้เป็นช่วงเวลากลางวัน หอต่างๆ ยังคงปิดอยู่ มีเพียงสัญลักษณ์โคมแดงที่เป็นการบ่งบอกถึงสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นย่านโคมแดงของเหล่าคณิกาทั้งหลาย
“ขอต้อนรับสู่ย่านเริงรมย์ ถังฟางเซียน” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความกระด้าง แววตาเจือความเย้ยหยันที่ไม่ปกปิดเอาไว้แม้แต่น้อย
“.............................” ถังฟางเซียนรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจจนร่างกายเกิดอาการสั่นเทิ้มเล็กน้อย
“ฮึ” หลินอี๋ฮั่นกระแทกเสียงเยาะเย้ยเพียงครึ่งคำ ก่อนจะลุกออกจากรถม้าไปทันทีที่ประตูเปิดออก
“จือหมิง เกาซุ่น พานางไปยังเรือนศึกษา อีกสักพักข้าจะไปสอนวิชาให้นางด้วยตัวเอง อ้อ...แต่พานางไปล้างเนื้อล้างตัวเสียก่อนดีกว่า มอมแมมเช่นนี้เกรงว่าผ้าปูพื้นราคาแพงของข้าจะสกปรกเสียเปล่า” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยคำสั่ง...ก่อนจะปรายตามองดูถังฟางเซียนแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปทันที
“.............” ถังฟางเซียนกำมือเอาไว้แน่น หึ แม้ข้าจะเนื้อตัวมอมแมมแต่ข้าเชื่อว่าตัวเองงดงามกว่าท่านหลายเท่า
“เจ้าค่ะ ท่านผู้นำ” จือหมิงและเกาซุ่น สองบุรุษหนุ่มขานรับคำสั่งพร้อมกัน ก่อนจะหิ้วแขนถังฟางเซียนไปคนละข้าง
“มาทางนี้นะจ๊ะเด็กดี ถ้าเจ้าไม่ดื้อพวกพี่สาวจะแต่งตัวเจ้าให้งดงามที่สุดเลยเชียว” จือหมิงเอ่ยข่มขู่ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแต่สายตากลับไม่ยิ้มยินดีแม้แต่น้อย
“พวกท่านไม่ต้องขู่เข็ญข้าก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารู้เรื่องดี” ถังฟางเซียนเอ่ยตอบด้วยท่าทีหวาดระแวง เป็นบุรุษกำยำแต่กลับเอ่ยเสียงหวานหยดเสียจนสตรีเช่นข้ายังรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย แบบนี้จะเรียกว่าเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่
........หนึ่งเค่อ [สิบห้านาที] ต่อมา
“ท่านผู้นำให้เจ้ามารอที่เรือนศึกษาแห่งนี้” จือหมิงเอ่ยทวนคำสั่ง ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ ถังฟางเซียน
“เจ้าค่ะ .... ว่าแต่ กฎระเบียบของที่นี่มีอันใดบ้างหรือเจ้าคะ” ถังฟางเซียนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“เจ้ารอถามท่านผู้นำเองก็แล้วกัน ข้าไม่อยู่ในหน้าที่ที่จะสามารถตอบคำถามเจ้าได้” จือหมิงเอ่ยตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่ง
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอถามได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าหอนางโลมแห่งนี้มีแม่หญิงกี่คน” ถังฟางเซียนเอ่ยถามต่อ เมื่อย่างก้าวเข้ามาในหอแห่งนี้ รู้สึกว่ามีพื้นที่มากกว่าหอนางโลมแห่งอื่นในย่านโคมแดงนี้เสียอีก
“ท่านผู้นำรับดูแลไว้ราวๆ ห้าร้อยกว่าคน แต่ละคนจะได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ทำแตกต่างกัน เจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้นที่จะได้รับมอบหมายหน้าที่เช่นเดียวกัน” จือหมิงเอ่ยตอบ
“เจ้าค่ะ” ถังฟางเซียนเอ่ยตอบรับเพียงคำสั้นๆ ก่อนจะนั่งจับเจ่าอยู่เช่นนั้นจนหลับไปหนึ่งตื่น
“อ๊ะ” ถังฟางเซียนหัวโขกกับกองหนังสือตรงหน้าจึงได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
“ตื่นแล้วหรือ ฟางเซียน เจ้าคงจะเหนื่อยจากการเดินทางสินะ ข้าก็หลงลืมคิดไป” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยทักท้วงท่ามกลางกองหนังสือมากมายที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน อีกทั้งยังมีเครื่องดนตรีหลากหลายชนิด เรียงรายอยู่เต็มพื้นที่
“ขออภัยเจ้าค่ะ” ถังฟางเซียนเอ่ยตอบด้วยท่าทีขวยเขิน หลินอี๋ฮั่นคงจะมารอนางนานแล้วเป็นแน่
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ดีเสียอีก ข้าจะได้มีเวลาพินิจดวงหน้าของเจ้า เจ้าโชคดีนะที่เจ้ามีใบหน้าที่งดงามเช่นนี้ ทรวดทรงก็ใหญ่โตพอดี ข้าจะอภัยให้เจ้าที่เสียมารยาทที่ผ่านมาก็แล้วกัน” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่ง ปรายตามองถังฟางเซียนเพียงครู่ ก่อนจะเคลื่อนสายตากลับมายังตำราที่อยู่ในมือ
“.........” ถังฟางเซียนใช้สองมือจับไปที่หน้าอกของตน ผ้า...ผ้าพันรอบหน้าอกหายไป
“ไม่ต้องตกใจไป ข้าเอามันออกไปแล้ว พันเอาไว้เสียแน่นเช่นนั้นเจ้าหายใจออกได้อย่างไร” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยตอบราวกับล่วงรู้ความคิดของถังฟางเซียนเป็นอย่างดี แล้วเอ่ยต่อว่า
“นับตั้งแต่นี้ไปเจ้าต้องใส่ตู้โตว [ชุดชั้นในของสตรี] เฉกเช่นสตรีอื่น ไม่มีข้อยกเว้น ส่วนวันนี้ข้าจะสอนการขับร้องบทเพลง กับการร่ายรำให้เจ้า หยิบตำราตรงหน้าเจ้าขึ้นมาเสีย” หลินอี๋ฮั่นวางตำราตรงหน้าลงก่อนจะลุกขึ้น เดินไปมาในห้อง
ถังฟางเซียนฉวยหยิบตำราตรงหน้ามาหนึ่งเล่ม ก่อนจะค่อยๆ เปิดมันออกช้าๆ อ่านบทเพลงในตำราด้วยท่าทีตื่นเต้น ที่ผ่านมานางแอบเรียนอ่านเขียนอักษรกับนายพรานประจำหมู่บ้านเสมอ ทุกวันที่ขึ้นเขาไปเก็บผักเก็บสมุนไพรก็จะเอาเวลาส่วนหนึ่งไปนั่งฟัง นั่งฝึกเขียนอักษร นายพรานผู้นั้นเอ็นดูนางเหมือนบุตรสาวคนหนึ่ง ด้วยว่าเป็นสหายกับบิดาของถังฟางเซียน สิ่งที่นายพรานผู้นั้นพอจะทำให้ได้คือการสอนวิชาความรู้ที่ตัวเองมีให้แก่ถังฟางเซียน และยังคอยหาข้าวหาเนื้อมาให้นางกินเฉพาะเวลาที่ขึ้นเขาอีกด้วย
“เจ้าอ่านออกหรือ เหตุใดแม่เจ้าจึงได้บอกว่าเจ้าไม่เคยเรียนเขียนอ่านอักษรเล่า” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“คือ...ข้า...ข้า....” ถังฟางเซียนไม่รู้ว่าจะเริ่มเอ่ยตรงไหนก่อนดี ความลับนี้มีเพียงนางและนายพรานผู้นั้นรู้เพียงเท่านั้น ไม่เคยเอ่ยกับมารดาเลยแม้แต่น้อย เพราะนางเคยขอเรียนกับอาจารย์ในหมู่บ้านแต่มารดาของนางไม่อนุญาต นางก็เลยเก็บเป็นความลับมาตลอด
“หืม น่าสนใจดีนี่ ความลับของเจ้าสินะ” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยตอบด้วยท่าทีขบขัน ก่อนจะเดินเยื้องย่างไปรอบๆ ห้อง
“เช่นนั้นก็ดี เปิดตำราอีกเล่มขึ้นมาด้วย ข้าจะสอนให้เจ้าเอง” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยต่อ ก่อนจะเริ่มการสอนแบบจริงจรัง
ตลอดหลายวันผ่านไปถังฟางเซียนศึกษาวิชาแขนงต่างๆ ด้วยความตั้งใจ นางวางแผนเอาไว้ในใจว่าหากจะหลุดพ้นจากที่แห่งนี้ได้ต้องทำให้หลินอี๋ฮั่นผู้นี้เชื่อมั่นในตัวนางให้มากที่สุดเสียก่อน การขับร้อง การร่ายรำเป็นสิ่งที่ถังฟางเซียนถนัดที่สุด การเล่นดนตรีแม้จะไม่ถนัดมากนักแต่ก็พอจะเล่นได้บ้างเล็กน้อย ส่วนการแต่งกวีนั้นสำหรับตัวนางยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไป
หลินอี๋ฮั่นสั่งให้นางฝึกการขับร้องและร่ายรำทุกวันนานนับเดือน แต่ละวันถังฟางเซียนจะสามารถพักผ่อนได้ก็เพียงยามกิน และยามหอนางโลมเปิด อิสระภาพไม่สามารถถามหาได้จากหลินอี๋ฮั่นผู้นี้ แต่ยังโชคดีที่อาหารแต่ละมื้อ ห้องนอน เสื้อผ้านั้น ถังฟางเซียนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
“วันนี้เจ้าไม่ต้องเรียน กลับไปพักผ่อนเสียให้เต็มที่ คืนนี้ข้าจะให้เจ้าไปร่ายรำที่หอนางโลม เกาซุ่นจะบอกรายละเอียดต่างๆ ที่เจ้าต้องรู้” หลินอี๋ฮั่นเอ่ยคำสั่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เกาซุ่นเดินเข้ามาในห้อง
“เจ้าค่ะ ท่านผู้นำหลิน” ถังฟางเซียนเอ่ยตอบรับเพียงคำสั้นๆ ก่อนจะเดินตามเกาซุ่นออกไปจากเรือนศึกษา
“........................” หลินอี๋ฮั่นมองท่าทีถังฟางเซียนอย่างพินิจ ก่อนจะเยื้องย่างกลับไปพักผ่อนยังห้องส่วนตัวของนาง