“...... เช่นนั้นเจ้าก็รับพรไปเพียงข้อเดียวก็แล้วกัน ข้าจะถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไป จนเจ้าคิดเป็นเรื่องเล่นๆ ลาก่อนจางเยว่ฉี จงใช้ชีวิตให้ดีในอีกภพหนึ่งเถิด” ท่านเทพเซียนมุมปากกระตุกหยิกๆ ก่อนจะ...
รัก,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว,แฟนตาซี,ทำอาหาร,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“...... เช่นนั้นเจ้าก็รับพรไปเพียงข้อเดียวก็แล้วกัน ข้าจะถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไป จนเจ้าคิดเป็นเรื่องเล่นๆ ลาก่อนจางเยว่ฉี จงใช้ชีวิตให้ดีในอีกภพหนึ่งเถิด” ท่านเทพเซียนมุมปากกระตุกหยิกๆ ก่อนจะ...
ผู้แต่ง
สะเดาหวาน
เรื่องย่อ
“เจ้าจะได้ไปใช้ชีวิตในอีกร่างหนึ่ง และในอีกภพหนึ่ง โดยที่เจ้าจะมีพร 3 ข้อ ของข้าที่มอบให้เจ้าไปด้วยอย่างไรเล่าเด็กน้อย” ท่านเทพเซียนเอ่ยตอบอย่างใจดี ยกยิ้มจางๆ แผ่นป้ายหนึ่งปรากฏตรงหน้า มี พร 3 ข้อ ระบุไว้ว่า
พรข้อที่ 1 โชคแห่งความร่ำรวย (แหวนหยก)
พรข้อที่ 2 โชคแห่งอำนาจบารมี (กำไลหยก)
พรข้อที่ 3 โชคแห่งชีวิต (ปิ่นหยก)
........................
“...... เช่นนั้นเจ้าก็รับพรไปเพียงข้อเดียวก็แล้วกัน ข้าจะถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไป จนเจ้าคิดเป็นเรื่องเล่นๆ ลาก่อนจางเยว่ฉี จงใช้ชีวิตให้ดีในอีกภพหนึ่งเถิด” ท่านเทพเซียนมุมปากกระตุกหยิกๆ ก่อนจะเอ่ยวาจาดุดันออกไป ยกมือแบขึ้น มีไม้แส้หางม้าสีขาวอันหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนจะคว้าจับแล้วสะบัดไปมาหันหลังลอยจากไป
“อะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า....” จางเยว่ฉีขำพรืดออกมา ก่อนเอ่ยต่อว่า
“ท่านเล่นตลกอยู่หรอคะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันตลกมากเลย ฉันตายเพราะข้าวติดคอ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตลก โอ๊ยปวดท้องเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จางเยว่ฉียังคงขำกรามค้างอยู่แบบนั้น สองมือกุมท้องที่หดเกร็งจนปวดตุบๆ จินตนาการของเธอบอกว่า เธอกำลังดูการเล่นมายากลอย่างหนึ่ง
“....................” ท่านเทพเซียนหุบยิ้มลง หางคิ้วกระตุกหยิกๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “หากเจ้ายังคงหัวเราะเช่นนี้ต่อไป ข้าจะเหลือพรให้เจ้าแค่ 2 ข้อ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พร 2 ข้อ ก็ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาแค่ 2 ข้อก็ได้ ราคาเท่าไหร่หล่ะ พรืด ฮ่า ฮ่า ฮ่า โอ๊ย ขำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จางเยว่ฉีทำท่าทีจริงจังกับพรตรงหน้าก่อนจะหลุดขำออกมาอีกครั้ง
“...... เช่นนั้นเจ้าก็รับพรไปเพียงข้อเดียวก็แล้วกัน ข้าจะถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไป จนเจ้าคิดเป็นเรื่องเล่นๆ ลาก่อนจางเยว่ฉี จงใช้ชีวิตให้ดีในอีกภพหนึ่งเถิด” ท่านเทพเซียนมุมปากกระตุกหยิกๆ ก่อนจะเอ่ยวาจาดุดันออกไป ยกมือแบขึ้น มีไม้แส้หางม้าสีขาวอันหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนจะคว้าจับแล้วสะบัดไปมาหันหลังลอยจากไป
“ห๊ะ เรื่องจริงหรอ เดี๋ยวท่านเทพเซียน ฉันขอโทษ เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อน” จางเยว่ฉีคล้ายรับรู้ความจริงได้บางอย่างก่อนจะเอ่ยเรียกท่านเทพเซียนที่บัดนี้ค่อยๆ ลอยไปไกลแล้ว
“ไม่นะ ฉันขอโทษค่ะ ไม่นะ....ไม่” จางเยว่ฉีคล้ายกำลังตกจากสวรรค์ สองมือคว้าไปยังเบื้องหน้าที่ว่างเปล่า แสงสีขาวสว่างจ้าจนต้องหลับตาลง
.......
“ฮือ ฮือ ฮือ ท่านพี่ ท่านอย่าทิ้งข้าไปเช่นนี้สิ ฮือ ฮือ ฮือ” เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังร้องไห้ท่ามกลางสายฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมา ร่างผอมแห้งร่างหนึ่งนอนนิ่งจมกองเลือดอยู่กับพื้น โดยมีอีกร่างหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างกัน
“.......................” จางเยว่ฉีคล้ายกับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ แต่ทว่าเปลือกตากลับรู้สึกหนักอึ้งจนไม่สามารถลืมตาขึ้นมามองได้ พลันปรากฏความรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณไหล่ข้างซ้าย และรับรู้ได้ว่าเนื้อตัวกำลังเปียกปอน
“นังเด็กนั่นมันตายหรือยังหน่ะ ข้าไม่ได้ฟาดแรงเพียงนั้นเลยนะ ข้าไม่ได้ฆ่านาง เป็นนางที่อ่อนแอเอง” หญิงชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หญิงชาวบ้านคนนี้กำลังยืนขายซาลาเปาอยู่ริมทางหน้าบ้านของตน ก็ได้มีเด็กหญิงร่างผอมคนหนึ่งทำทีเดินเข้ามาแล้วขโมยซาลาเปาของนางไปสองลูก นางจึงคว้าไม้นวดแป้งวิ่งไล่ตี จนตีโดนไหล่ของเด็กหญิงหัวขโมยคนนั้น ก่อนที่เด็กหญิงหัวขโมยคนนั้นจะล้มลงกลิ้งไปกระแทกกับกองไม้ที่สุมทับกันอยู่ในตรอก เลือดไหลนองออกมา เด็กหญิงหัวขโมยแน่นิ่งไป ก่อนฝนจะเทลงในเวลาต่อมา เด็กชายผอมโซคนหนึ่งก็ค่อยๆ เดินออกมาจากที่ซ่อนใกล้ๆ กองไม้นั้น ก่อนมาโผกอดเด็กหญิงที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ที่พื้น
“ตายแล้ว ซาลาเปาข้า....” หญิงชาวบ้านคนนั้นเอะใจเรื่องซาลาเปาก่อนจะวิ่งกลับไปยังร้านของตน ก็พบว่า พี่ชายของหญิงชาวบ้านรายนั้นเก็บเข้าบ้านให้เรียบร้อยแล้ว
“ข้าเก็บให้เจ้าหมดแล้ว เจ้านี่ก็จริงๆ เลย วิ่งออกไปแบบนั้น ไม่สนใจร้านของเจ้า แต่กลับสนใจซาลาเปาแค่ไม่กี่ลูกที่ถูกขโมยไป” พี่ชายของหญิงชาวบ้านยืนบ่นอยู่แบบนั้นก่อนเดินออกจากบ้านไปยังบ้านของตนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“...... ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านพี่” หญิงชาวบ้านไม่กล้าตอบโต้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเป็นการตอบแทน
......
ในตรอกหนึ่งนั้น ที่มีเด็กน้อยสองคนอยู่ บุรุษรูปร่างสูงใหญ่สวมหมวกสานคนหนึ่งปรากฏขึ้นหน้าตรอก ก่อนจะเดินเข้ามาอุ้มเด็กหญิงที่นอนอยู่ ก่อนจะหันมาบอกเด็กชายตัวน้อย
“เดินตามข้ามาไหวหรือไม่ ข้าจะพาพี่สาวเจ้าไปโรงหมอใกล้ๆ นี้” ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น
“ท่านลุงฉิน ไหวขอรับ ข้าเดินไหว” เด็กชายเงยหน้าขึ้นก่อนตอบออกมา พลางจับชายเสื้อของบุรุษคนนั้น ที่กำลังเดินออกไปจากตรอกแห่งนั้น มุ่งหน้าสู่โรงหมอใกล้ๆ
......
เวลาผ่านไปประมาณสองเค่อ ภายในโรงหมอในตัวตำบล
“นี่เป็นค่ารักษากับค่าอาหาร ฝากหมอเจิ้งเป็นธุระแทนข้า ช่วยดูแลเด็กสองคนให้ข้าที หากหายดีแล้วถึงค่อยให้พวกเขาออกไป” ชายหนุ่มที่มีนามว่า ฉิน นั้นยื่นเงินหนึ่งตำลึงเงินให้ก่อนจะเอ่ยวาจากำชับ
“ย่อมได้ ข้าก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอันใด ท่านอย่าห่วงเลย ข้าจะดูแลเด็กสองคนให้จนกว่าจะหาย” หมอเจิ้งตอบกลับอย่างจริงจัง
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ....... ส่วนเจ้า ตงหยาง ดูแลพี่เจ้าให้ดี หากหายดีแล้ว กลับไปยังหมู่บ้านชิวน่าทง อย่ามาที่ตัวตำบลอีก คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใจดีมากเพียงนั้น รู้หรือไม่” ชายหนุ่มนามว่าฉิน ค้อมศรีษะลงน้อยๆ กับหมอเจิ้ง ก่อนจะหันไปกำชับคำสั่งกับเด็กชายตัวน้อย
“ขอรับท่านลุงฉิน ขอบพระคุณมากขอรับที่ช่วยพี่สาวข้าเอาไว้ บุญคุณนี้ข้าซึ้งใจยิ่ง ข้าจักตอบแทนท่านเช่นไรดี” เด็กชายเอ่ยตอบด้วยความตื้นตัน ก่อนค้อมตัวลงคาราวะผู้มีพระคุณ
“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเพียงนั้น เอาหล่ะ ข้ากลับก่อน” ชายหนุ่มนามว่าฉิน ปัดมือไปมา ก่อนหันหลังเดินจากไป
“เดินทางปลอดภัยนะขอรับ” เด็กชายเงยหน้าขึ้น ก่อนโบกมือลา
“อืม เช่นนั้นเจ้าจงไปพักอยู่ใกล้ๆ พี่สาวเจ้าเถิด ข้ารักษาบาดแผลให้พี่สาวเจ้าแล้ว ข้าจะไปจัดหาข้าวมาให้พวกเจ้ากินเอง อดทนรอหน่อยนะ” หมอเจิ้งหันมาวางมือบนบ่าของเด็กชาย ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว
“ขอรับ” เด็กชายเดินกลับไปยังห้องพักของพี่สาว นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง สองมือจับมือพี่สาวเอาไว้พลางจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของพี่สาว ที่บัดนี้กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอุ่นๆ เสื้อผ้าของเด็กน้อยทั้งสองถูกผลัดเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่ชายหนุ่มนามว่า ฉินได้ซื้อมาให้ มีกลิ่นหอมสะอาดจางๆ ลอยออกมา เด็กชายเมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็เบาใจลง ก่อนจะผล็อยหลับไป
.....
“อืม .... ขอน้ำหน่อย” จางเยว่ฉีสะลึมสะลือเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า
“อ๊ะ ท่านพี่ ท่านพี่ฟื้นแล้วหรือขอรับ อ๊ะ... นี่น้ำขอรับ ค่อยๆ ลุกนะ ข้าจะช่วยท่านพี่เอง” จางตงหยางดีใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้รีบหยิบถ้วยใส่น้ำมา ประคองพี่สาวให้นั่งก่อนจะคว้าถ้วยแตะไปที่ขอบปากของพี่สาวตนเอง
“อ่า........ ที่นี่ที่ไหน” จางเยว่ฉีดื่มน้ำสองสามอึกก่อนปรือตามองซ้ายมองขวาเพื่อปรับสายตา
“โรงหมอของท่านลุงหมอเจิ้งขอรับท่านพี่ ท่านพี่หลับไปตั้งนาน ข้านึกว่าท่านจะทิ้งข้าไปเสียแล้วขอรับ” จางตงหยางตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าลงนิดๆ รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้น