“...... เช่นนั้นเจ้าก็รับพรไปเพียงข้อเดียวก็แล้วกัน ข้าจะถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไป จนเจ้าคิดเป็นเรื่องเล่นๆ ลาก่อนจางเยว่ฉี จงใช้ชีวิตให้ดีในอีกภพหนึ่งเถิด” ท่านเทพเซียนมุมปากกระตุกหยิกๆ ก่อนจะ...
รัก,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว,แฟนตาซี,ทำอาหาร,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(จบแล้ว) ทะลุมิติพลิกชะตายาจกน้อยจางจินเยว่“...... เช่นนั้นเจ้าก็รับพรไปเพียงข้อเดียวก็แล้วกัน ข้าจะถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไป จนเจ้าคิดเป็นเรื่องเล่นๆ ลาก่อนจางเยว่ฉี จงใช้ชีวิตให้ดีในอีกภพหนึ่งเถิด” ท่านเทพเซียนมุมปากกระตุกหยิกๆ ก่อนจะ...
“เจ้าจะได้ไปใช้ชีวิตในอีกร่างหนึ่ง และในอีกภพหนึ่ง โดยที่เจ้าจะมีพร 3 ข้อ ของข้าที่มอบให้เจ้าไปด้วยอย่างไรเล่าเด็กน้อย” ท่านเทพเซียนเอ่ยตอบอย่างใจดี ยกยิ้มจางๆ แผ่นป้ายหนึ่งปรากฏตรงหน้า มี พร 3 ข้อ ระบุไว้ว่า
“เช่นนั้นก็นำปลาที่เหลือไปขายให้ร้านขายปลาในหมู่บ้านเถิด เดินลัดจากตรอกนี้ไปก็ถึงแล้ว เดี๋ยวข้าจะพาพวกเจ้าไปเอง” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นก่อนออกเดินนำพวกเด็กน้อยออกไป เด็กน้อยสองคนค้อมศีรษะลาเฉินเฟยหรงก่อนจะเดินตามเฉินจางหย่งไป เฉินจางหย่งเดินมาส่งก็เอ่ยบอกกับเจ้าของร้านขายปลาเสร็จก็ขอตัวกลับไป
“โอ้ พวกเจ้าสองคนช่างเก่งยิ่งนัก จับปลาตัวอ้วนใหญ่ได้ แถมยังสดมากอีกด้วย มาๆ ข้าเหมาหมดนี่ให้ราคาจินละห้าอีแปะ ทั้งหมดก็สามสิบอีแปะเป็นไง” เจ้าของร้านขายปลาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” จางจินเยว่รู้สึกว่าราคานี้ไม่เลวเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรๆ ข้าให้ราคายุติธรรมเสมอ หากมีอีกก็นำมาขายให้กับข้าได้นะ ข้ายินดีรับซื้อ” เจ้าของร้านเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉานเช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “พวกเจ้าเรียกข้าว่า จ้าวอินก็แล้วกัน”
“ขอบคุณท่านลุงจ้าวมากเจ้าค่ะ ไว้ข้าจะแวะมาอีกเจ้าค่ะ” จางจินเยว่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มการค้า ก่อนจะขอตัวกลับ
ก่อนกลับ จางจินเยว่ พาจางตงหยางแวะไปซื้อเกลือ ร้านขายธัญพืชและแป้งในหมู่บ้าน ราคาเกลือทำเอาจางจินเยว่แทบร้องไห้
“เกลือจินละสิบอีแปะจ้ะนางหนู” ป้าเจ้าของร้านเอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นข้าเอาสองจินเจ้าค่ะท่านป้า” จางจินเยว่กัดฟันซื้อเกลือมาสองจิน เงินยี่สิบอีแปะหายวับไปทันที
“น้ำตาลทรายแดงนี่เท่าไหร่หรือเจ้าคะ” จางจินเยว่ถามต่อ
“อ้อ น้ำตาลนี่แพงหน่อย จินละยี่สิบอีแปะ มันหาซื้อยาก ราคาจึงแพง” ป้าเจ้าของร้านเอ่ยตอบ ก่อนจะทำท่าเหนื่อยหน่ายใจกับราคาน้ำตาล
“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ ไว้ข้าจะแวะมาใหม่” จางจินเยว่รับเกลือก่อนจะเดินออกมา จูงมือจางตงหยางเดินกลับกระท่อมตีนเขาไป
เมื่อมาถึง จางจินเยว่ ใช้ให้จางตงหยางจุดเตาไฟไว้ก่อนจะพากันเดินไปที่ริมลำธาร จางจินเยว่ตัดไม้ไผ่มาตักน้ำในลำธาร จางตงหยางเก็บไม้เล็กๆ เอาไว้ทำเป็นฟืน ก่อนจะพากันเดินกลับเข้ากระท่อม จางจินเยว่เทน้ำ เติมเกลือลงไปในหม้อดิน พอเดือดก็ตักข้าวสารเทลงไป จากนั้นจึงใส่ปลาที่เตรียมไว้เมื่อเช้า กับผักป่าลงไป ก่อนจะคิดขึ้นได้ จึงนำเผือกมาปลอกก่อนจะหั่นเป็นสี่เหลี่ยมตามลงไปด้วย ไม้พายถูกทำขึ้นมาง่ายๆ จากไม้ไผ่ เมื่อทุกอย่างเริ่มสุกได้ที่ กลิ่นข้าวต้มปลาหอมๆ ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณกระท่อม จางตงหยางหยิบถ้วยสองใบมาวางรออยู่บนพื้นในกระท่อม นั่งจับจ้องไปที่หม้อดินบนเตา
“เสร็จแล้ว เตรียมกินข้าวได้แล้วตงหยาง” จางจินเยว่หันมายิ้มให้กับน้องชายก่อนจะยกหม้อขึ้นมาบนกระท่อม ใช้ไม้พายตักข้าวใส่ถ้วยสองใบ พร้อมกับปลาคนละตัว และเผือกคนละสองสามชิ้น สองคนพี่น้องนั่งกินข้าวต้มน้ำแกงปลาด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย จางตงหยางก้มหน้าก้มตากินไปยิ้มไป จางจินเยว่ยิ้มรับมองท่าทีน่ารักน่าเอ็นดูของน้องชาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าการกินข้าวร่วมกันนั้นจะทำให้มีความสุขได้ อาหารไม่ได้หรูหรา รสชาติก็มีแค่ความเค็ม ความหอม และความหวานเล็กน้อยจากปลากับเผือกเท่านั้น ก่อนจางจินเยว่จะคิดย้อนไปยังโลกอดีตที่นางจากมา ครั้งหนึ่งนางกับแม่ของนางเคยทะเลาะกันเรื่องการทำกับข้าวเล็กๆ น้อยๆ จนผลสุดท้ายเมื่อมีเงินทองมากมายก็เปลี่ยนเป็นการออกไปทานตามร้านอาหารแทนทำให้ไม่เกิดเรื่องทะเลาะให้วุ่นวายอีก คิดไปจนถึงว่านางได้จากโลกใบนั้นมาแล้ว แม่ของนางจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ จะได้ใช้ชีวิตดีหรือไม่ ได้ใช้เงินประกันชีวิตของนางที่ทำไว้อย่างสุขสบายดีหรือเปล่า ยังคงช้อปปิ้งเที่ยวเล่นเป็นสาวๆ ไหม หากเป็นเช่นที่นางคิด นางก็หมดห่วง นางหวังให้แม่ของนางในโลกใบนั้นมีความสุข เพราะท้ายที่สุดแล้วนางจะต้องใช้ชีวิตต่อในโลกใบนี้จนตายพร้อมกับน้องชายคนนี้ของนาง แต่ด้วยความคิดถึงหรืออย่างไรก็ไม่รู้ หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลรินรดแก้มนวลสองข้าง
“ท่านพี่ เหตุใดจึงร้องไห้หรือขอรับ ตงหยางกินเยอะไปใช่หรือไม่ขอรับ” จางตงหยางกำลังมองพี่สาวตนด้วยความรู้สึกปวดใจ
“ไม่ใช่หรอกตงหยาง ท่านพี่ของเจ้าดีใจมากต่างหากเล่า เราจะได้มีข้าวกินเช่นนี้ทุกวันเลยนะ พี่ให้คำมั่นสัญญา จะดูแลตงหยางเป็นอย่างดีที่สุด” จางจินเยว่ปาดน้ำตาก่อนจะหันมายิ้มตอบน้องชาย
“เช่นนั้น ข้าก็จะช่วยท่านพี่ด้วยขอรับ ข้าจะหาเงินให้ได้เยอะๆ ด้วย ท่านพี่จะได้สุขสบาย” จางตงหยางเข้าใจในความรู้สึกที่พี่สาวต้องการจะสื่อให้ จึงยืดอกน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นเรามาช่วยกันเถิด จะได้สุขสบายด้วยกัน” จางจินเยว่เอ่ยต่อ
“ขอรับ ฮี่ ฮี่” จางตงหยางยิ้มตาหยีตอบทันที
“เช่นนั้นพวกเรารีบกินให้อิ่ม วันนี้พี่จะชวนเจ้าไปตัดไม้ไผ่มาทำตะกร้าให้เจ้ากัน พรุ่งนี้เจ้าจะได้ไปช่วยพี่หาของกิน ดีหรือไม่” จางจินเยว่คิดอะไรบางอย่างได้ จึงเอื้อนเอ่ยกับน้องชาย
“ขอรับ ข้าอิ่มแล้ว เช่นนั้นเราไปกันเลยเถอะขอรับ” จางตงหยางยกถ้วยกินน้ำแกงปลาคำสุดท้าย ก่อนตบพุงน้อยๆ ของตัวเอง
“ดี ไปกันเลย” จางจินเยว่ยิ้มให้ ก่อนจะวางถ้วยเช่นนั้น ข้าวต้มน้ำแกงปลายังมีอยู่ จึงยกนำไปวางไว้บนเตาไฟ ก่อนจะคว้าตะกร้าสะพายหลังและมีดพร้า เดินจูงมือจางตงหยางออกไปทางลำธาร
จางจินเยว่ตัดไม้ใผ่ลำเล็กๆ กับเถาวัลย์มาประกอบเป็นตะกร้าสะพายหลังอีกอัน ซึ่งอันนี้มันค่อนข้างหนัก นางจึงสะพายเอง ให้น้องชายสะพายตะกร้าอันก่อนหน้านี้ที่นางใช้แทน ก่อนจะพากันไปขุดหาหัวมัน จางจินเยว่ให้จางตงหยางเก็บฟืน ส่วนตัวนางเองจะลองหาสมุนไพรเผื่อได้เอาไปขายพรุ่งนี้ จางจินเยว่พาจางตงหยางเดินลึกเข้าไปจากจุดเดิมประมาณสองหลี่ [1] เห็นพืชพันธุ์ขึ้นแซมสลับกันไปอยู่บนกองหินเป็นชั้นๆ เหมือนจางจินเยว่ จะเห็นพืชสมุนไพรบางอย่าง จึงหันมาหาจางตงหยาง
“ตงหยาง รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ พี่เหมือนจะเจอสมุนไพรบางอย่าง เดี๋ยวพี่จะลองปีนขึ้นไปดู” จางจินเยว่บอกจางตงหยางก่อนจะวางตะพร้าลง ก่อนจะค่อยๆ ปีนไปบนชั้นหิน โชคดีที่ชั้นหินนั้นค่อนข้างมั่นคง ก่อนจะพบพืชชนิดหนึ่ง ใบไม้สีแดงที่เหมือนระฆัง
“หญ้าระฆังเงิน!” จางจินเยว่ดีใจมากเมื่อรู้ว่านี้เป็นสมุนไพรล้ำค่า สำหรับคนในยุคสมัยนี้ นางไม่ได้เจอเพียงหนึ่งต้นเท่านั้น แต่นางเจอพวกมันขึ้นเป็นกลุ่มอยู่เหนือสุดของชั้นหิน จางจินเยว่ตัดสินใจค่อยๆ คุ้ยดินขุดหญ้าระฆังเงินเลือกมาสองต้นที่ค่อนข้างใหญ่และสมบูรณ์ ก่อนจะหยิบเอาผ้าสีขาวที่เคยใช้ห่อเซาปิ่งออกมา วางหญ้าระฆังเงินสองต้นไว้แล้วห่อแบบระมัดระวัง ไม่น่าเชื่อว่า นางจะโชคดีเช่นนี้มาก่อน นางรู้สึกขอบคุณจางหวังเยี่ยนแม่ของนางในอีกโลกหนึ่งที่คอยเล่าสมุนไพรต่างๆ ที่แม่ของนางนั้นสรรหามาปลูกจนเต็มระเบียงบ้าน แม่ของนางมักจะพูดเสมอว่าสมุนไพรพวกนั้นทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่ายทำให้ไม่ต้องเสียเงินไปโรงพยาบาล เสียค่าน้ำกับปุ๋ยดูแลพวกมันมีราคาน้อยกว่าค่ารักษามาก หนึ่งในสมุนไพรที่นางปลูกก็มีหญ้าระฆังเงินรวมอยู่ด้วย ทั้งยังเล่าให้ฟังอีกว่าสมัยก่อนหญ้าระฆังเงินเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่า มาวันนี้จางจินเยว่รู้สึกขอบคุณตัวเองในอีกโลกหนึ่งที่ทนนั่งฟังจางหวังเยี่ยนสาธยายสมุนไพรแทบทุกวัน
“ตงหยาง เจ้าช่างเป็นหนูน้อยนำโชคเสียจริง วันนี้พวกเราโชคดีมากเลยหล่ะ” จางจินเยว่ปีนลงมาจากชั้นหินก่อนจะส่งหญ้าระฆังเงินให้จางตงหยางดูด้วยความดีใจ
“ต้นอะไรหรือขอรับท่านพี่ ข้าไม่เห็นจะรู้จักเลย” จางตงหยางเกาหัวแกรกๆ มองไม่ออกว่าเป็นสมุนไพรอะไร
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเข้าเมืองแต่เช้ากันเถอะ เราจะไปพบท่านลุงหมอเจิ้งกัน” จางจินเยว่เอ่ยขึ้นด้วยความดีใจก่อนจะพากันเดินทางกลับกระท่อมไป
จางจินเยว่ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จนบัดนี้ท้องฟ้าก็กลับมามืดสลัวอีกครั้ง เด็กน้อยทั้งสองคนนั่งกินข้าวต้มน้ำแกงปลาที่เหลือ กับหัวมันหวานเผา พออิ่มได้ที่ก็พากันพักผ่อน จางจินเยว่นอนคิดวนไปมาก่อนจะหยิบปิ่นหยกที่ปักผมไว้ออกมานอนมองดู ความโชคดีต่างๆ มากมายนั้น เกิดจากสิ่งนี้ที่ติดตัวนางหรือไม่นั้นนางก็ไม่อาจรู้ได้ แต่นางก็หวังให้ได้รับความโชคดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หวังให้นางและน้องชายได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น นางยิ้มอย่างรู้สึกขอบคุณในความเมตตาของท่านเทพเซียน ก่อนจะปักผมไว้ดังเดิมแล้วเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน
อีกด้านหนึ่ง บนสวรรค์ ...
“...................” ท่านเทพเซียนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองไปยังเบื้องหน้า ในขณะที่กำลังนั่งฟังการบรรเลงกู่เจิงของเหล่าเทพธิดาตัวน้อย
“ท่านเทพเซียนเจ้าคะ ท่านมองอันใดอยู่หรือเจ้าคะ พวกข้าน้อยอยู่ทางนี้นะเจ้าคะ” เทพธิดาน้อยนางหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“อ้อ ข้าก็ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ หน่ะ ไม่มีอันใดหรอก โฮ่ โฮ่ โฮ่” ท่านเทพเซียนยิ้มรับให้กับเทพธิดาน้อยก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบหนวดยาวๆ สีขาวอย่างเอ้อระเหย
“..................................” เหล่าเทพธิดาน้อยต่างมองหน้ากันไปมา ก่อนจะแย้มยิ้มกันเอง แล้วจึงหันมาสนใจกู่เจิงต่อ
เช้าวันใหม่ ยามเหม่า [05:00-07:00 น.] จางจินเยว่ปลุกน้องชายให้ตื่นเร็วขึ้น เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเข้าเมือง จางจินเยว่หยิบเอาหัวมันที่เผาไว้แล้วใส่ตะกร้าไว้กินระหว่างเดินทาง ก่อนจะหยิบห่อผ้ามาเปิดดูความเรียบร้อยของหญ้าระฆังเงิน ก่อนจะห่อไว้อย่างระมัดระวังเช่นเดิมแล้วพากันออกเดินทางมุ่งหน้าไปโรงหมอในตัวตำบลอิงฮวา
***[1] สองหลี่ เป็นระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตร หนึ่งหลี่เป็นระยะทางประมาณห้าร้อยเมตร