“...... เช่นนั้นเจ้าก็รับพรไปเพียงข้อเดียวก็แล้วกัน ข้าจะถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไป จนเจ้าคิดเป็นเรื่องเล่นๆ ลาก่อนจางเยว่ฉี จงใช้ชีวิตให้ดีในอีกภพหนึ่งเถิด” ท่านเทพเซียนมุมปากกระตุกหยิกๆ ก่อนจะ...
รัก,ย้อนยุค,จีน,ครอบครัว,แฟนตาซี,ทำอาหาร,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(จบแล้ว) ทะลุมิติพลิกชะตายาจกน้อยจางจินเยว่“...... เช่นนั้นเจ้าก็รับพรไปเพียงข้อเดียวก็แล้วกัน ข้าจะถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไป จนเจ้าคิดเป็นเรื่องเล่นๆ ลาก่อนจางเยว่ฉี จงใช้ชีวิตให้ดีในอีกภพหนึ่งเถิด” ท่านเทพเซียนมุมปากกระตุกหยิกๆ ก่อนจะ...
“เจ้าจะได้ไปใช้ชีวิตในอีกร่างหนึ่ง และในอีกภพหนึ่ง โดยที่เจ้าจะมีพร 3 ข้อ ของข้าที่มอบให้เจ้าไปด้วยอย่างไรเล่าเด็กน้อย” ท่านเทพเซียนเอ่ยตอบอย่างใจดี ยกยิ้มจางๆ แผ่นป้ายหนึ่งปรากฏตรงหน้า มี พร 3 ข้อ ระบุไว้ว่า
ทำความสะอาดห้องนอนเสร็จ จางจินเยว่ไปทำความสะอาดห้องครัวต่อ โดยรวมพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง ชั้นวางของ เตาดินขนาดใหญ่ที่มีพื้นโดยรอบเตาสามารถวางของได้ กระทะตรงกลางใบใหญ่ มีถ้วยชามวางเรียงรายอยู่ที่ชั้น มีแตกบ้าง บิ่นบ้าง จางจินเยว่คัดให้เหลือไว้แต่ถ้วยชามที่ดีเท่านั้น นอกนั้นนางเลือกที่จะแยกทิ้งทั้งหมด พวกเครื่องปรุงต้องซื้อใหม่ทั้งหมด จำพวกมีดตะหลิวหม้อไหต่างๆ ก็ค่อยซื้อเอา ถังข้าวสารขนาดใหญ่ ที่แกะจากท่อนไม้ทั้งต้น จางจินเยว่นึกไปว่าที่ไม่มีใครเอาไปคงเพราะมันค่อนข้างหนัก หากจะยกออกไปคงต้องใช้บุรุษสองคนแบกออกไปเป็นแน่ คิดได้ดังนั้นนางก็ส่ายหัว ใช้ใส่ข้าวสารเหมือนเดิมย่อมดีที่สุด โต๊ะอาหารก็ทำจากหิน ทำความสะอาดนิดหน่อยก็สามารถใช้งานได้ปกติ จางจินเยว่ปาดเหงื่อที่ผุดท่วมใบหน้าก่อนจะเดินไปทำความห้องน้ำต่อ
ในห้องน้ำมีอ่างดินสำหรับใส่น้ำไว้ใช้ถูกก่อขึ้นไว้ขนาดใหญ่ ด้านซ้ายแบ่งเป็นส่วนปลดทุกข์กับอาบน้ำชัดเจน ทำความสะอาดเล็กน้อย ก็ตะโกนให้จางตงหยางรับหน้าที่เติมน้ำในอ่างให้เต็ม ก่อนนางจะเดินไปห้องเก็บฟืน ห้องเก็บฟืนมีหญ้าปกคลุมด้านในเล็กน้อย มีกองฟืนกองน้อยกองหนึ่งวางอยู่
“จินเยว่ ตงหยาง อยู่หรือไม่” เสียงชิวเจียวเจี๋ยหัวหน้าหมู่บ้านตะโกนดังมาจากหน้าประตูรั้ว
“เจ้าค่ะ” จางจินเยว่วางมือจากกองฟืนเดินออกไปหน้าประตูรั้ว เวลาเดียวกันพอดีกับจางตงหยางเดินออกมาเช่นกัน
“ข้านำโฉนดมาให้พวกเจ้า เป็นอย่างไรบ้าง มีส่วนใดต้องซ่อมแซมหรือไม่” ชิวเจียวเจี๋ยยื่นโฉนดให้จางจินเยว่ก่อนเอ่ยถาม
“ไม่มีเลยเจ้าค่ะ ท่านดูแลไว้ดีทีเดียวเจ้าค่ะ” จางจินเยว่ยิ้มรับโฉนดมาก่อนจะเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ส่วนนี่ซาลาเปาสำหรับพวกเจ้า ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงทำความสะอาดกันจนไม่มีเวลาทำกินแน่ๆ” ชิวเจียวเจี๋ยส่งซาลาเปาให้เด็กน้อยทั้งสอง
“ท่านลุงเจ้าคะ มันมากเกินไปเจ้าค่ะ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” จางจินเยว่ทำสีหน้าเกรงใจก่อนตอบออกมาตรงๆ
“ไม่มากเลย สำหรับพวกเจ้าก็ถือเป็นลูกเป็นหลานของข้าเช่นกัน ผู้ใหญ่ให้ของ ผู้น้อยก็ต้องน้อมรับด้วยความเต็มใจถึงจะถูกต้อง” ชิวเจียวเจี๋ยยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ/ขอบคุณมากขอรับ” จางจินเยว่และจางตงหยางยิ้มรับซาลาเปามา ก่อนจะยิ้มด้วยความสุข
“เช่นนั้นข้าไปก่อน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว พวกเจ้าก็ปิดประตู แล้วเข้านอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้จึงค่อยทำความสะอาดกันต่อ” ชิวเจียวเจี๋ยกำชับบอกเด็กน้อยทั้งสองก่อนจะขอตัวกลับบ้านกันก่อน
“เช่นนั้นพวกเราก็เข้าบ้านกันก่อนเถอะ” จางจินเยว่หันมาบอกน้องชาย น้องชายพยักหน้ารับหงึกๆ ก่อนจะเข้าบ้านไป นั่งกินซาลาเปากับหัวมันเผาอย่างเอร็ดอร่อย ล้างเนื้อล้างตัวกันเสร็จก็พากันมานั่งอยู่ในห้องโถง
“ในที่สุดเราก็มีบ้านเป็นของตนเองแล้ว ข้าดีใจยิ่งขอรับ” จางตงหยางทอดสายตาออกไปยังท้องฟ้า ยามนี้เหล่าดวงดาวสุขสกาวสดใสเต็มท้องนภา ราวกับว่ากำลังร่วมยินดีกับพวกเขาสองคนพี่น้อง
“ใช่แล้วตงหยาง นี่คือบ้านที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเรา และวันข้างหน้ายังจะดีขึ้นมากกว่านี้อีกแน่นอน” จางจินเยว่ยิ้มรับให้กับน้องชายก่อนจะหันไปหยิบตำราสมุนไพรที่ได้มาจากหมอยาเจิ้งมาลองอ่านดู
“ท่านพี่ขอรับ พรุ่งนี้พวกเราขึ้นเขากันอีกหรือไม่ขอรับ ข้าอยากขึ้นเขาไปช่วยท่านพี่ด้วยคนขอรับ” จางตงหยางนั่งเหยียดขาอยู่ข้างๆ พี่สาวก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“เจ้าพักผ่อนเถิด เดี๋ยวก่อนฟ้าสางข้าจะไปดักปลากับเก็บผักป่านิดๆ หน่อยก็พอ เพราะเดี๋ยวเราจะต้องเข้าตำบลไปซื้อของอีกมากมาย คืนนี้เจ้าทนหนาวอีกสักคืนนะ พรุ่งนี้ก็จะมีผ้าห่มอุ่นๆ ให้ห่มกายคลายหนาวแล้ว” จางจินเยว่นั่งดูตำราสมุนไพรก่อนจะหันมาตอบน้องชาย
“เช่นนั้น ข้าจะเติมเตาไฟรอท่านพี่นะขอรับ แล้วก็จะถอนหญ้าหลังบ้านรอท่านด้วยนะขอรับ” จางตงหยางพยายามหาวิธีช่วยงานพี่สาวให้ได้มากที่สุด
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน แต่อย่าหักโหมมากเกินไปเข้าใจหรือไม่” จางจินเยว่ยิ้มตอบก่อนจะเปลี่ยนมาทำหน้าดุทันที
“ขอรับ ท่านพี่” จางตงหยางยิ้ม เหยียดขาสักพัก ก็นอนแผ่หลาไม่นานก็ผล็อยหลับ
จางจินเยว่นั่งดูตำราสมุนไพรไปสักพัก ก็หันมองน้องชายก่อนจะระบายยิ้มออกมา หันกลับมานั่งดูตำราสมุนไพรต่อ ตัวอักษรบางตัวพออ่านออกบ้าง ก็เริ่มเอะใจลึกๆ ก่อนจะนึกต่อไปว่า พวกนางสองคนก่อนหน้านี้เป็นใครมาจากไหนกัน จางตงหยางก็จำอะไรไม่ได้ ตัวนางเองยิ่งแล้วใหญ่ แทบไม่มีความทรงจำของเจ้าของร่างเลยด้วยซ้ำ ปิ่นหยกที่ปักผมไว้น่าจะมีเบาะแสบางอย่างอยู่ แต่เวลานี้ก็ใช่ว่าจะว่างถึงขั้นไปตามหาพ่อแม่ได้ จางจินเยว่ส่ายหน้าไปมาเพื่อขจัดความคิดทั้งหลาย ก่อนจะล้มตัวลงนอนหลับไปเช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ในยามเหม่า (05:00-07:00 น.) จางจินเยว่ปลุกจางตงหยางให้ตามออกมาล็อกประตูรั้วไว้ ก่อนนางจะเดินขึ้นเขาไปยังลำธาร หยิบเอากับดักปลามาวางกับพงหญ้าไว้เช่นเดิม ก่อนจะเดินกลับขึ้นเขาไปหาผักป่า รอบนี้เธอเก็บผักป่าไปมากหน่อย เพื่อทำเมนูพิเศษสำหรับวันนี้ ขุดหัวมันหวานใส่ตะกร้า หักหน่อไม้ไปสองสามหน่อใหญ่ ก่อนจะสังเกตรอยเท้าของสัตว์ที่ลงมากินหน่อไม้แถวนี้
“ดูเหมือนรอยเท้าของหมูป่าเลยแฮะ” จางจินเยว่สงสัยใคร่รู้มาก ก่อนจะค่อยคิดหาวิธีการทำกับดักสัตว์ นางวางแผนไว้ในใจ หากในบ้านเรียบร้อยดีแล้วนางจะหาวิธีหาเงินก้อนใหญ่อีกครั้งเพราะเมื่อวานนางใช้เงินไปไม่น้อยเลย จางจินเยว่คิดได้ดังนั้นก็เดินกลับไปยังลำธาร เก็บกับดักปลาขึ้นมา รอบนี้ก็ได้มาไม่น้อยเช่นกัน มีปลาอ้วนใหญ่สามตัว พร้อมกับปลาตัวเล็กอีกเจ็ดตัว นางจำใจปล่อยปลาตัวเล็กไป เพราะวันนี้นางไม่ได้จะนำไปขายเหมือนครั้งก่อน ก่อนจะเก็บทุกอย่างเดินลงเขามาบ้าน
“ตงหยาง เปิดประตูให้พี่หน่อย” จางจินเยว่ตะโกนเรียกน้องชายอยู่หน้าประตูรั้ว ผ่านไปสักพักจึงเปิดออก
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ พอดีเลย ท่านลุงฉินมาหาพวกเราด้วยขอรับ รออยู่ด้านในขอรับ” จางตงหยางเปิดประตูรั้วให้พี่สาวเข้ามา ก่อนปิดประตูแล้วเอ่ยถึงบุคคลผู้มาเยือนก่อนหน้านี้
“ท่านลุงฉินหรือ หมายถึง ฉินฮุ่ยเจียง ที่เป็นนายพรานที่ช่วยข้าไว้หน่ะหรือ” จางจินเยว่ถามต่อด้วยความแปลกใจ
“ขอรับ ท่านลุงฉินนำหมูป่ามาให้พวกเราเป็นของขวัญด้วยขอรับ นั่นไง วางอยู่ตรงนั้นขอรับ” จางตงหยางเอ่ยตอบด้วยความดีใจที่ปิดไว้ไม่ปิด
จางจินเยว่หันมองไปทิศทางที่หมูป่าตัวนั้นวางอยู่ ก็ต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง หมูป่าตัวนั้นมีขนาดกลางคงมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าสองร้อยชั่ง [1] เป็นแน่ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาถามจางตงหยางว่า
“เช่นนั้น ท่านลุงฉินอยู่ที่ใดหรือ”
“อ้อ ท่านลุงฉินกำลังขุดดินทำแปลงผักอยู่ด้านหลังขอรับ” จางตงหยางยิ้มตอบด้วยความดีใจ
“.....................” เจ้าน้องนิสัยไม่ดี ใช้แขกที่หอบเอาหมูป่ามาทำงานในบ้านเราได้อย่างไรกัน จางจินเยว่ทำสายตาดุๆ ให้น้องชายก่อนจะวางตะกร้าและกับดักปลาไว้ที่ลานบ้าน ก่อนจะเดินอ้อมบ้านไปยังด้านหลัง เห็นบุรุษรูปร่างกำยำกำลังหันหลังขุดดินอยู่
“........................” จางจินเยว่พูดอะไรไม่ออกเลย ณ เวลานี้
“ท่านลุงฉินขอรับ พี่สาวของข้ากลับมาแล้วขอรับ” จางตงหยางเห็นว่าจางจินเยว่ไม่เอ่ยคำใดจึงตะโกนเรียกแทน
“อ้าว กลับมาแล้วหรอ จินเยว่ เจ้าขึ้นเขาไปแต่เช้าเพียงนี้เชียวหรือ” ฉินฮุ่ยเจียงหันกลับมา ก่อนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ถกเสื้อขึ้นเพื่อเช็ดเหงื่อที่ไหลท่วมหน้า ก่อนจะฉีกยิ้มให้จางๆ
จางจินเยว่อยากจะทุบน้องชายนางอีกครั้ง เหตุใดจึงเรียกท่านลุงฉินกัน บุรุษตรงหน้านี้อายุเพียงยี่สิบปีได้กระมัง เพียงแต่มีรูปร่างใหญ่โตไม่เหมือนคนวัยเดียวกันเท่านั้น รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าคร้ามแดด ประกายตามุ่งมั่นบดบังความห้าวหาญไว้ไม่มิดเช่นนี้
“คาราวะท่านพี่ฉินเจ้าค่ะ ต้องขออภัยที่น้องชายข้าต้อนรับท่านไม่ดีเท่าที่ควร” จางจินเยว่ประสานมือคำนับให้ฉินฮุ่ยเจียงก่อนจะเอ่ยต่อว่า “คราก่อนที่ท่านพี่ช่วยเหลือข้าไว้ นับว่าเป็นบุญคุณยิ่งนัก มาวันนี้ท่านมาหาด้วยตนเองแต่ได้รับการต้อนรับจากบ้านข้าไม่ดีพอ ขอท่านพี่โปรดอภัยให้ข้าที่ยังบกพร่องด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไรๆ ข้าไม่ได้คิดมากอันใด ข้าเพียงเห็นน้องชายของเจ้ากำลังถอนหญ้าขุดดินจึงอาสามาช่วยเองก็เท่านั้น อย่างคิดมากเลยจินเยว่” ฉินฮุ่ยเจียงปัดป่ายมือพัลวัน
“เช่นนั้นให้ข้าได้ทำอาหารเพื่อตอบแทนท่านสักมื้อ ข้าจะทำให้สุดฝีมือเลยเจ้าค่ะ” จางจินเยว่เอ่ยชวนด้วยสายตามุ่งมั่น
“ได้ วันนี้ข้าจะอยู่กับพวกเจ้าทั้งวันเพื่อรอกินอาหารฝีมือเจ้านะ จินเยว่” ฉินฮุ่ยเจียงไหนเลยจะปฏิเสธคำชวนได้ลงเมื่อสาวน้อยตรงหน้ามุ่งมั่นเสียขนาดนั้น ฉินฮุ่ยเจียงบอกดังนั้น ก็ล้างเศษดินเศษหญ้าที่ติดตามแขนขาออก ก่อนจะเอ่ยบอกว่าตนจะชำแหละหมูป่าตัวนั้นให้เองเพราะต้องใช้ทักษะและเรี่ยวแรงเป็นอย่างมาก เอ่ยเสร็จก็คว้ามีดคู่ใจที่เหน็บไว้ที่เอวออกมาจัดการ
“ท่านพี่ฉิน เช้านี้ข้าขอทำเมนูง่ายๆ ก่อนนะเจ้าคะ ท่านชำแหละส่วนเนื้อติดมันกับซี่โครงมาไว้ให้ข้าสักหน่อยนะเจ้าคะ” จางจินเยว่เดินมาบอกหลังจากนำตะกร้าไปเก็บไว้ในครัว พร้อมทั้งนำปลาที่ได้ขังใส่ถังไม้ไว้ก่อน ฉินฮุ่ยเจียงรับคำ ก่อนจะตัดชำแหละส่วนที่ต้องการให้จางจินเยว่ จางจินเยว่จึงนำเนื้อส่วนติดมันกับซี่โครงมาล้างทำความสะอาดอีกรอบ ก่อน นำซี่โครงลงไปต้มในน้ำ เติมเกลือเล็กน้อย กำชับบอกให้จางตงหยางนำข้าวสารมาแช่น้ำไว้ และหมั่นดูเตาไฟ นางจะรีบไปซื้อเครื่องปรุงที่ยังขาด จากในหมู่บ้านมาก่อน
“ท่านพี่ฉิน อย่าทิ้งพวกเครื่องในหมูป่านะเจ้าคะ” จางจินเยว่กำชับฉินฮุ่ยเจียงอีกครั้งก่อนที่นางจะสวมรองเท้าสะพายตะกร้าอีกใบแล้ววิ่งพ้นประตูรั้วไป
“.............” ฉินฮุ่ยเจียงทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยว่าตนนั้นรู้ดีว่า รสชาติเครื่องในหมูนั้นไม่ได้เรื่องเอาเสียเลยเหตุใดจางจินเยว่ถึงยังให้เก็บไว้กัน แต่ในเมื่อขอมาเช่นนี้ก็ยากที่จะปฏิเสธ ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาชำแหละหมูป่าทุกสัดส่วนออกมาวางแยกเป็นส่วนๆ ไว้
***[1] สองร้อยชั่ง มีน้ำหนักประมาณ หนึ่งร้อยกิโลกรัม หนึ่งชั่ง เท่ากับ ห้าร้อยกรัม หรือสิบหกตำลึง