การโคจรมาพบกันของเด็กหนุ่มสาว ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรนั้น... การพบกันในสถาบันเดียวกัน พวกเข้าจะผ่านการทดสอบแสนหฤโหดของสถาบัน KSN นี้หรือไม่!!??
แอคชั่น,ไซไฟ,อาชญากรรม,เกาหลี,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
IS.UN The Secret special forces : หน่วยลับเฉพาะกิจจอมราชันย์ ภาค Devil's Night แสงเงาของปีศาจการโคจรมาพบกันของเด็กหนุ่มสาว ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรนั้น... การพบกันในสถาบันเดียวกัน พวกเข้าจะผ่านการทดสอบแสนหฤโหดของสถาบัน KSN นี้หรือไม่!!??
ในห้องผู้บังคับบัญชาของเอฟบีไอห้องหนึ่ง ตั้งอยู่ชั้นอาคารด้านบนสุดของศูนย์บังชาการแห่งนี้ซึ่งเป็นห้องสำหรับผู้มีหน้าที่บังคับบัญชาหน่วย F.B.I นี้โดยเฉพาะในห้องมีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่งของเขานั้นอยู่ในชุดสูดสีดำเนี้ยบ ผูกเน็คไทสีเดียวกัน อย่างเรียบร้อย มีตราประจำตัวติดอยู่บนอกซ้ายมือ ลักษณะตราเป็นรูปอินทรีกางปีกไว้สีทองติดกับตัวตราที่เขียนตัวอักษร F.B.I เป็นอักษรย่อตัวหนาในช่องสีน้ำเงิน ตรานั้นบ่งบอกถึงอาชีพที่เจ้าตัวทำงานอยู่... กำลังยืนมือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง รับลมที่โชยพัดมาทางหน้าต่างของห้อง ที่มีแสงจากดวงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามา กระทบใบหน้าคมไว้หนวดเคราสีเงินเข้มทำให้ดูเป็นหนุ่มเข้มน่าเกรงคามขึ้นบวกกับดวงตาสีเงินคม ผมสีเงินที่ถูกซอยสั้นเงางามเรียบร้อยถูกสะบัดตามแรงลมที่พัดเข้ามา ทำให้เขาดูเหมือนหนุ่มวัยกลางคน ที่ทำงานหน่วยนี้....
เขากำลังยืนมองวิวข้างนอก ที่เต็มไปด้วยสิ่ง ก่อสร้างที่สูงๆ ตึกที่สูงระฟ้า ตัวตึก รูปทรงแปลก สูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยชั้น รายรอบ มีป้ายโฆษณาพลาสม่าของบริษัทต่างๆ ขนาดใหญ่ รอบๆ ตัวเมืองที่กำลังถ่ายทอดโฆษณาสินค้าต่างๆ กับผู้คนมากมายกำลังเดินผ่านตามเส้นทางเดินย่างควักไขว้ไปมา รถหรูที่แล่นผ่านบนท้องถนนกว้าง และบนสะพานที่ถูกสร้างสูงขึ้นเหนือพื้นดินอย่างมาก..มีมากมายหลายสายที่ไว้ให้รถแล่นข้ามไปยังจุดหมายที่คุณต้องการจะไปในประเทศสหรัฐฯ แห่งนี้ได้ทุกหนทุกแห่ง! มันทอดยาวไกลสุดหูลูกตา บวกกับขบวนรถไฟฟ้าหลายสายที่แล่นลอยกลางอากาศผ่านไปมา และเห็นหุ่นยนต์เก็บขยะ ที่กำลัง เดินรอบๆ อาคาร เพื่อจัดเก็บขยะ มากมายหลายตัว แล่นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เมืองนี้เป็นเมืองที่มีการก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมากที่สุดนี่... ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาช่วงเช้า ที่จะมีคนมากมายต่าง เดินทางออกจากบ้านที่พักไปทำงานกัน ในหลายๆ บริษัทหรูก็เริ่มทำการทำงานแล้วเหมือนกัน.....อีกอย่าง ห้องนี้สามารถมองเห็นยอดหอคอยที่ตั้งตระง่าใจกลางกรุงวอชิงตันดีซี นั้นก็คือ อนุสาวรีย์วอชิงตัน ที่มีลักษณะเป็นแท่งโอเบลิส สูง 555 ฟุต (169 เมตร) ได้อย่างชัดเจน.....
ที่โต๊ะทำงานของเขาเต็มไปด้วยสัญญาณอิเล็กทรอนิคส์ มีลักษณะเหมือนหน้าจอคอมพิวเตอร์แต่มันจะบางและโปร่งใสที่สามารถมองผ่านสิ่งที่อยู่ข้างหน้าโต๊ะได้ และแสดงข้อมูลต่าง ๆ แต่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าและรายล้อมรอบโต๊ะทำงาน ฉายออกมาเป็นเส้นสีฟ้าใสที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือและรูปมากมายถ่ายทอดออกมาให้ผู้เป็นเจ้าของเห็น โต๊ะทำงานสีดำเงาเรียบก็จะมีตัวหนังสือแสดงออกมาเช่นกัน เขายืนเอามืออีกข้างยกขึ้นมาจับคางตัวเองอย่างใช่ความคิด.... พอผ่านไปสักพักเขาก็ถอนหายใจออกมา เมื่อตัดสินใจเรื่องบางอย่างได้แล้ว เขาก็เดินกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และหน้าต่างที่เขายืนรับลมเมื่อกี้ ก็พลันปิดแล้วเปลี่ยนเป็นกระจกเงาเรียบสีดำแล้วมันประกฎภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ในหน่วยงานนี้แทนเรียงกันบนกระจก.... แต่คนข้างนอกคงคิดว่าเป็นแค่กระจกเงากันแดดธรรมดาๆ“ช่วยติดต่อ หลาน ฉันหน่อย...”เขาสั่งการด้วยเสียงผ่านหน้าจอตรงหน้า และเสียงการตอบรับดังออกมาเหมือนกับรู้หน้าที่"รับทราบค่ะ ท่าน " เป็นเสียงผู้หญิง พอผ่านไปสะพักหน้าจอตรงหน้าก็ส่งสัญญาณเสียงและวิดีโอภาพของคนๆ หนึ่งที่ยังนอนหลับสบายบนที่นอนของตัวเอง...“ปู่ มีเรื่องอะไรอีกล่ะ?? ถึงติดต่อมาตั้งแต่เช้าเนี้ยยยยย......”เสียงง่วงเงียบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย...ที่ดังมาจากจอมอนิเตอร์ตรงหน้าผู้ที่เป็นถึงหัวหน้าประจำศูนย์กองบังชาการแห่งนี้...
ที่เริ่มต้นด้วยการฉายรูป คนที่ติดต่อไปนี้....เขากำลังนอนคลุมโปงอยู่บนที่นอนอยู่อีก!!.................................................กลับไปเมื่อกลางดึก.....
ณ ตรอกแคบๆ ระหว่างตึกสูงสองตึกในเมืองวอชิงตันยามนี้เป็นยามค่ำคืน มีแค่แสงจันทร์เท่านั้นกำลังลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้ากับดวงดาวที่ค่อยส่องแสนระยิบระยับมันดูสวยมากในเวลานี้ แสนจันทร์ส่องลงมายังตรอกเล็กๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยจะเดินผ่านกันนัก
มันก็ไม่มีคนเดินผ่านนั้นแหละ ที่ตรอกนี้เต็มไปด้วย เศษอาหารต่างๆ นานา มีถังใหญ่ที่ตั้งเรียงกันสี่ห้าถัง แถมมีกลิ่นที่ไม่อำนวยเอาสะเลย....
บรรยากาศที่มีเสียงของหนูน้อยตัวเล็กๆ หลายตัวที่กำลังออกหาอาหารอยู่
กร๊อกๆ แครกๆ
ตึกตึกตึกๆ!! เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากบริเวณทางเข้าตรอกที่กำลังวิ่งมาอย่างช่องตรอกข้างในนี้
“ของได้ล่ะ ครับลูกพี่”เสียงดังมาจากชายคนวิ่งเข้ามาหาชายอีกคนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ในตรอกแคบๆ นี้
แถมยังเป็นบ้านของหนูน้อย ที่เดินผ่านไปมาตามซอกเล็ก ดูท่ามันก็กำลังชลวนกับผู้มาใหม่อย่างไม่น้อยเลย... คนที่วิ่งเข้ามามีท่าทางเหนื่อยหอบอย่างมาก เหมือนกับว่าเขาพึ่งไปเจอศึกใหญ่มายังไงอย่างงั้น ในมือเขามีของที่ตัวเองลอบเข้าไปเอามันออกมาจากสถานที่ที่เขาพึ่งวิ่งหนีออกมา และโยนมันให้กับคนที่เป็นลูกพี่ และคนรับก็คว้าได้อย่างสวยพร้อมส่งคำถามให้กับคนมาใหม่ทันที
“แล้วมีคนตามมาไหมว่ะ?? ”ชายที่รับของถาม เขามีรูปร่างที่ใหญ่โต มีกล้ามเป็นหมัดๆ เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดทับด้วยเสื้อโค้ตยาวลงมาสีดำ กางเกงสีเดียวกัน ถามกลับอย่างกลัวว่าจะมีแขกไม่รับเชิญมาด้วย....พร้อมกับเอียงคอมองข้างหลังอีกคน
“ไม่มี....ครับลูกพี่” ลูกน้องตอบอย่างมั่นใจซึ่งนั้นลูกพี่พวกเขาคิดไม่ผิด.... มีร่างสูงโปร่งในเงามืด ที่ยืนหลบข้างๆทางเข้าตรอกอีกฝั่งเขาอาศัยเงามืดจากตึกไว้เป็นที่กำบังตัว กำลังพิงหลังติดกับกำแพงอย่างเงียบๆบนใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มบางใต้เงามืดที่ไม่มีคนสังเกตุเห็น.....แต่เขาคนนั้นได้ยินคนสองคนพูดในตรอกได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ....
“งันพวกเรารีบไปกันเถอะครับลูกพี่....เดี่ยวพวกมันรู้ตัว ยกโขยงมา พวกเราจะแย่เอานะครับ”เสียงมาจาก ชายอีกคน ที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ เขาก้มดูเครื่องอุปกรณ์ในมือที่กำลังส่งสัญญาณบางอย่างแสดงให้เขาได้เห็น มันเหมือนกับอุปกรณ์ โน้ตบุ๊คที่มีขนาดเล็กแบบพกพาง่าย เขารีบรายงานให้ลูกพี่ของพวกมันให้หนีออกไปจากที่นี้
ลูกพี่ของพวกมันก็รีบเดินนำลูกน้องสองคน ผู้เป็นลูกน้องก็รีบก้าวเดินตามหลังไปและก็ต้องหยุดสะงัด......เมื่อลูกพี่มันเห็นเงารางๆ ของคนๆ หนึ่งกำลังยืนอยู่ที่แสงสาดส่องไปไม่ถึงมากนัก
“เห้ย!! นั้นใครว่ะ..?? ”
คำทักถามจากลูกพี่ เมื่อเห็นเงาของอาคันตุกะ ที่ยืนรอพวกเขาสามคนอยู่แล้ว.....ร่างสูงโปร่งเจ้าของเงาที่พวกเขาสามคนเห็นกันนั้น กำลังยามสามขุมเข้าหาพวกเขาช้าๆ ......ตึก ตึก ๆ เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินออกมาจากเงามืดที่ตัวเองได้บกบังตัวไว้...นั้นให้พวกเขาได้เห็นร่างบางของผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อแจ๊คเกตสีเทาและสวมที่คลุมหัวไว้ บังใบหน้าไว้ภายใต้เงาฮุคที่คลุมไว้ของแสงดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าแบบเต็มๆ ....ถึงแม้จะเห็นใบหน้าของเด็กสาวไม่ถนัดนัก แต่ได้เห็นสิ่งหนึ่ง....ที่ชัดเจน นั้นก็คือ....'อาร์ม' สีขาวมีแทบสีฟ้าบนล้าง ที่แขนข้างขวาของอาคันตุกะ ทำให้หนึ่งในกลุ่มพวกเขาทั้งสามสบถออกมาไม่เป็นศัพท์
“นะ นั้นมัน.....” ลูกน้องคนหนึ่งที่เป็นคนถืออุปกรณ์เล็กในมือ พึมพำเบาๆ ออกมาด้วยเสียงที่สั่นและเบามาก เบาจนขนาดคนที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ยิน
‘อาร์มหน่วยลับพิเศษ IS.US’ร่างสูงโปร่งบางของผู้หญิงใต้แสงจันทร์ ได้ประกฎตัวต่อหน้าพวกเขาสามคนเธอหยุดเดินยืนตรงหน้าลูกพี่ของพวกเขาห่างแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น แต่ก็ยังไม่เห็นใบหน้าอันแท้จริงภายใต้สิ่งที่คลุมไว้ได้อยู่ดี และเอ่ยเสียงเรียบออกมา.... อย่างไม่กลัวว่าคนตัวโตและใหญ่กว่าตรงหน้าจะมาทำร้ายตัวเองได้
“จะรีบไปไหนกันล่ะ...??”หญิงสาวถาม ริมฝีปากบางสวยของเจ้าตัวกำลังเผยยิ้มมุมปาก
ให้กับคนตรงหน้า ทำให้คนสามคนที่โดนถามนั้น คิ้วกระตุก
ส่วนลูกพี่ของพวกมันจ้องเขม็งยังอาคันตุกะ ที่ยืนตรงหน้าเขา....
“ลีกไป!!เด็กน้อย...พวกพี่ไม่มีเวลามานั้งคุยกับเด็กตัวน้อยๆ อย่างเธอหรอกนะ”ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าเขาเอ่ยพร้อมเดินไปใกล้ๆ คนตรงหน้า
‘โดยที่เขาไม่รู้ว่าคนๆ นี้เป็นใครถึงกล้ามาขว้างทางพวกเขาซึ่งๆ หน้าแบบนี้’
แล้วเขาก็ยกมือหนาข้างหนึ่งของตัวเองยื่นมา หมายที่จะจับใบหน้าของสาวน้อยตรงหน้ามาดูชัดๆ แต่ทว่า.... ขาเรียวของร่างบางสูงตรงหน้า ได้ยกขึ้นเตะแรงๆ เข้ายังเป้าของเขาอย่างจัง!!มือหนาที่คิดจะจับเมื่อกี้ก็ถูกดึงกลับกุมเป้าตัวเอง สีหน้าของเขาขึ้นสีเขียวและใบหูเขาแดงขึ้นด้วยความโกรธจัดที่คนตรงหน้ากล้าที่จะยั่วเขาด้วยวิธีนี้ และมันก็ได้ผล.... เขาทรุดตัวลงคุกเข่า ต่อหน้าผู้หญิงตรงหน้า ด้วยความเจ็บปวด“แก!!”เขากัดฟันพูด แล้วก็หันหน้าไปสั่งการลูกน้องสองคนที่ตอนนี้กำลังยืนนิ่งอยู่แกมอึ้ง กับผู้หญิงตรงหน้าที่กล้าทำร้ายลูกพี่พวกเขาล้มลงทรุดได้อย่างง่ายดายขนาดนี้!!หญิงสาวถอยหลังหนึ่งก้าว....และยิ้มเหยียดและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นๆ ออกมา
“คิดจะแตะต้องตัวฉัน ยังช้าไปสิบชาติ....”จากนั้นบริเวณในซอกตึกนี้ก็มีกลิ่นอายความเย็นเริ่มก่อตัวรอบๆ ที่แห่งนี้โดยไม่มีสาเหตุ จากเวลาไม่กี่นาทีที่แล้วมันยังร้อนอบอ้าวอยู่เลย..... ลูกน้องของพวกเขารับรู้ความหนาวเหน็บที่มาเยือน และไม่รู้ว่ามันมาจากไหน???
“จัดการนางนี่ซะ!!” ผู้เป็นลูกพี่สั่งพวกลูกน้องสองคน เสียงที่แสดงถึงอารมณ์โกรธจัด“แต่ ลูกพี่ครับ!!”ผู้เป็นลูกน้องคนหนึ่งที่รู้ดี ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นใคร....ไม่ทันที่จะขัดค้านอะไร ลูกพี่ก็สวนกลับทันที!!
“ทำตามที่ฉันสั่ง!! เป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวจะกลัวไรกันว่ะ..?”ผู้เป็นลูกพี่ตะคอกเสียงดังใส่ลูกน้องที่ขี้คลาด กับผู้หญิงแค่คนเดียว
“ครับ!...ลูกพี่” ลูกน้องสองคนตอบรับแต่...คนหนึ่งซึ่งตอบกลับด้วยเสียงสั่นเทา แล้วพวกเขาสองคนก้มหยิบเครื่องอุปกรณ์ประหลาด...ชนิดหนึ่งเหมือนกับกำไลสีดำขึ้นมาสวมไว้ที่ข้อมือขวาของทั้งสองคน และกำไลนั้นก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบยาวสีดำ!! ที่มีลักษณะ ยาวแหลมด้ามทั้งสองคม... และแล้วลูกน้องทั้งสองคนก็ได้รุมเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่..... หญิงสาวตรงหน้าเร็วกว่า!!!!
ในช่วงไม่กี่นาที!! ลูกน้องทั้งสองคน ก็ทรุดตัวล้มไปนอนแน่นิ่งกับพื้น โดยไม่มีบาดแผลอะไรเลย ....คนที่เป็นลูกพี่ที่ยืนดูสถานการณ์ตรงหน้า แล้วก็ต้องคิด.... ‘นังนี่มันเป็นใครกัน??? ถึงได้สู้กับชายหนุ่มที่ว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างง่ายได้ขนาดนี้’ ..... ความคิดของคนที่ยืนดูอยู่นั้น ใบหน้าเขาเริ่มซีดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด..มองลูกน้องตัวเองนอนจมปลัก กับพื้นไร้สติ
“ฉันไม่ใช่...เด็กน้อย!!”แล้วเสียงก็ดังมาจากเด็กสาวที่กำลัง พุ่งตัวเข้าประชิดเขาอย่างรวดเร็ว เข้ามาเตะมือที่ถือของสำคัญอยู่ของชายฉกรรจ์ที่เรียกหญิงสาวว่าเด็กน้อย!! ของสำคัญนั้นกำลังลอยขึ้นสู่กลางอากาศ หญิงสาวก็รีบจัดการกับคนนี้โดยการ เบี่ยงตัวหลบพร้อมกับเอาเข็มที่มีขนาดยาวประมาณสามนิ้วอันหนึ่งปัดยังต้นคอของชายฉกรรจ์ อย่างรวดเร็ว!! ไม่ทันที่ชายฉกรรจ์ได้ขยับตัวแม้แต่จะหายใจออกมา เขาก็เสร็จเด็กผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว....
ตึก!!เสียงของร่างใหญ่ล้มลงมากระแทกลงกับพื้นราบ หลังจากนั้นหญิงสาวก็รับของที่กำลังตกลงมากลางอากาศอย่างแม่นยำ สิ่งนั้นคือ การ์ดไฟล์สีเหลืองเข้ม ที่มีลักษณะเล็กเหมือนกับที่เสียบถ่ายโอนข้อมูลเล็กๆ จากนั้นก็รีบเก็บมันไว้ในกล่องสีเหลี่ยม พลางเงยหน้ามองยังท้องฟ้าเบืองบน และเวลานี้เป็นเวลาที่ดวงจันทร์และหมู่ดาวต่างส่องประกายระยิบระยับส่องแสงสว่างเต็มท้องฟ้าหญิงสาวถอนหายใจดัง เฮือกออกมา แล้วพึมพำอะไรบางอย่างออกมา เธอเริ่มสื่อสารกับใครบางคนผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่ติดอยู่กับหูข้างขวา
"เคลียร์....."พูดจบเธอก็อ้าปากบางหาวออกมาพลางยกมือมาปิดปาก ความง่วงเริ่มมาเยือนแล้ว..หญิงสาวก้มมองดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง ที่บอกเวลา ว่า เลยเที่ยงคืนมามากแล้ว.....
หญิงสาวรีบวิ่งออกจากตรอกเล็กๆ นี้ไปทันที..... ทิ้งให้ร่างของชายฉกรรจ์ทั้งสามที่นอนแน่นิ่งไม่กระดิกจมปลักกับพื้น ในตรอกนี้ต่อไป......++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ณ ประเทศไทย กรุงเทพมหานครฯ
ภายในโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานครที่เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
โรงเรียนเอกชนแห่งนี้มีชื่อว่า เซนต์ฟรอเทียร์
เป็นหนึ่งสถาบันที่ขึ้นชื่อการสอนของคณะอาจารย์มีคุณภาพดีเยี่ยม โรงเรียนนี้สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2600 ถือว่าเป็นสถาบันการเรียนที่มีอายุนานมาถึง 100 ปี แต่ยังคงเป็นโรงเรียนที่โด่งดังอยู่ถึงปัจจุบันนี้ไม่แพ้โรงเรียนเอกชนอื่นแม้แต่น้อยสามารถสร้างชื่อเสียงมายังโรงเรียนได้มากมายและเป็นสถาบันที่มีบรรดาผู้ที่เป็นถึงพวกคุณหนูคุณชายไฮโซต่างแห่เข้ามาสมัครเรียนอย่างล้นลานไม่แพ้โรงเรียนเซนต์แคเรียที่มีแต่พวกคุณหนูเข้าเรียนกันอย่างมากมายเหมือนกันทางโรงเรียนเซนต์ฟรอเทียร์ต้องเปิดรับสมัครนักเรียนจำนวนจำกัด โดยมัธยมปีละ 500 คน เด็กประถมรับปีละ 500 คน เท่านั้น ถือเป็นโรงเรียนที่จะสอบเข้ายากมาก แถมมีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของประเทศในโรงเรียนก็จะมีตึกสูงๆ หลายชั้นและหลายอาคารตั้งเรียงยาวของนักเรียนมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลายที่ตั้งทางทิศตะวันตก มีตัวอาคารสีขาวสะอาดสะอ้านแลดูใหม่เอี่ยมและทันสมัยสุดๆ ทั้งที่เป็นตึกที่ถูกใช้งานมาแล้วหลายปีและต่อหลายรุ่นจนถึงรุ่นปัจจุบันแถบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยไม่มีรอยขีดขวนบนกำแพงแม้แต่น้อย..ภายในโรงเรียนนี้มีหอคอยสามตึกตั้งสูงเหนือกว่าอาคารเรียนทั้งหมดในสถาบันแห่งนี้ ตึกหนึ่งที่จะตั้งสูงเด่นร่าตรงทางทิศใต้ของสถาบันเป็นยอดหอคอยเหมือนประสาทโดมและมียอดแหลมที่มีการจัดแต่งสไตล์ชาวตะวันตกซึ่งเป็นที่ทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งเซนต์ฟรอเทียร์ ส่วนหอคอยที่สองตั้งอยู่บริเวณหลังอาคารเรียนมัธยมเป็นที่ๆ ต้องห้าม สำหรับเด็กนักเรียนไปเดินเผ่นพานและแน่นอนตึกนี้สามารถมองเห็นได้ทุกซอกทุกมุมภายในโรงเรียนแห่งนี้ไม่เว้นป่าไม้หลังโรงเรียนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่มากมายที่อุดมสมบูรณ์ อีกหอคอยหนึ่งก็ถูกตั้งฝั่งทิศตะวันออกด้านหลังอาคารเรียนเด็กประถม ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่มีอยู่ หน้าประตูโรงเรียน โดยสิ้นเชิงบริเวณหน้าโรงเรียนจะเต็มไปด้วยรถโดยสารมวลชลสาธาณะที่วิ่งขวัคไขว่ไปมา ไม่ว่าจะเป็น
รถไฟลอยฟ้าที่วิ่งผ่านเส้นหลายสายหลายชั้นบรรยกาศแล่นผ่านหน้าโรงเรียนแห่งนี้ มีตึกสูงเสียดฟ้าหลายตึกที่มี ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่มโหลาฬ กำลังฉายอยู่ ในที่นี้เต็มไปนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่ล่ำสมัยอย่างมาก และตามทางเดินที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไปมา ที่ตอนนี้เขานิยมใช้รถไฟฟ้าที่ใช้แสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า ไม่มีฝุ่นควันให้กวนใจอีกต่อไปบนยอดหอคอยที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกหลังอาคารเรียนเด็กมัธยม จะมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างของยอดหอคอยไม่กลัวว่าตัวเองจะตกลงไป... เด็กหนุ่มอยู่ในชุดยูนิฟอร์มนักเรียนของสถาบันด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อสูทสีดำที่มีขอบปกเสื้อสูทจะเป็นสีเทาอกซ้ายปักด้วยตราสัญลักษณ์ประจำสถาบันเซนต์ฟรอเทียร์ เป็นรูปหน้าสิงโตใส่มุงกุฎพร้อมกับปีกของนกอินทรีย์ทั้งสองข้างด้วยด้ายทอง
ตรงกลางจะมีอักษรย่ออังกฤษปักว่า F.T. และชื่อเต็มว่า
The Saintfrotear High School of Thailand
ปักอยู่เหนือหัวสิงโต อย่างปราณีต
ตราสัญญาลักษณ์โรงเรียนถูกปักด้วยด้ายสีทองแดงเข้มเด่นสง่า เนกไทสีเดียวกับขอบเสื้อสูทที่ตอนนี้ถูกผูก
แบบล่วมๆ กางเกงสีเทาเข้มขายาวเด็กหนุ่มมีผิวขาวละเอียดรูปร่างสูงโปร่งที่นั่งชันขาพิงหลังกับขอบหน้าต่างรับลมอยู่ ผมรองทรงสั้น เส้นผมสีดำสนิทด้านหน้าจะปล่อยยาวเลยคิ้วเข้ม ที่ตอนนี้กำลังพลิ้วสลวยตามแรงลมที่พัดเข้ามา ตอนนี้เป็นเวลายามเช้าแสงอาทิตย์รุ่งอรุณเช้าวันใหม่กำลังส่องแสงลงมาจากท้องฟ้า สายลมเย็นๆ ตอนเช้าพัดเข้ามากระทบใบหน้าเรียวคมขาวเนียนใสสะอาด ริมฝีปากหนาอมชมพูนิดที่ตอนนี้เรียบเฉย จมูกเป็นสันเรียวตรง คิ้วเข้มได้รูปรองรับกับดวงตาอันเฉียบคมสีน้ำเงินสีใสเข้มสีครามที่ใครๆ เห็นต่างก็หลงใหลและอาจจะเปลี่ยนเป็นความกลัวที่หนาวจับใจแทน ตอนนี้ดวงตาคู่สวยของเขากำลังส่องประกายรับกับแสงอรุณจากดวงอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจากทางทิศตะวันออก(ทิวทัศน์ในยามเช้าก็มีความสวยงามไม่แพ้ยามอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแม้แต่น้อย)
เด็กหนุ่มจะมีรูปร่างและหน้าตาที่ทำให้เด็กหนุ่มเป็นคนที่หล่อเหลาเอาการ จนเพื่อนหลายๆ คนคิดว่าเด็กหนุ่มเป็นลูกครึ่งเกาหลีอเมริกา เพราะมีรูปร่างสูงโปร่งเกินกว่า มาตรฐานเด็กผู้ชายไทยที่มีอายุเดียวกันซะอีก เขามีหน้าตาและผิวพรรณที่จะออกไปทางเกาหลีขาวเนียนใสกิ๊งเหมือนคนเกาหลี แต่ติดที่ว่า เด็กหนุ่มมีพ่อแม่เป็นคนไทยแท้ทั้งคู่ณ เวลานี้ เด็กหนุ่มกำลังจับจ้องมองไปยังตึกและอาคารต่างๆ ภายในโรงเรียนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระเบียบและมีการตกแต่งอาคารได้อย่างทันสมัยและสวยงาม และยังมีตึกอาคารที่ถูกทาด้วยสีต่างๆ หลากสีทำให้ตึกอาคารเล่านั้นมีสีสันสวยงามสะดุดตา ตึกนี้เป็นที่สำหรับเด็กนักเรียนประถม จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสถาบันนี้ รายล้อมด้วยต้นไม้ต้นใหญ่เล็กและพุ่งไม้สีเขียวเข้มที่มีการดูแลไว้อย่างดีถูกปลูกขึ้นรอบๆ สนามกีฬา ตรงลานกว้างที่เป็นสนามฟุตบอล และบริเวณข้างตึกอาคารต่างๆ ทั้งหมดในภายในโรงเรียนจะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ให้ออกซิเจนบริสุทธิ์ ทำให้นักเรียนสามารถมีสถานที่ที่สงบเข้าไปนั่งหลบแดดได้ และทำให้โรงเรียนมีอากาศที่ไม่ร้อนอบอ้าวอย่างภายนอกมีสวนย่อมน้ำพุรอบๆ สถาปัตยกรรมรูปปั้นสัตว์ที่มีเป็นถึงราชสิงค์กับอินทรีย์ นั้นก็คือรูปปั้นสิงโตตัวขนาดใหญ่ควบคู่กับนกอินทรีย์ที่กำลังยืนกางปีกที่ถูกนักปั้นมีฝีมือดีปั้นขึ้น ตั้งเป็นอนุสาวรีย์สัตว์ประจำสถาบันยืนเด่นตระง่าตรงกลางทางเข้าสถาบัน รอบๆ ที่ตั้งของรูปปั้นมีน้ำพุล้อมรอบพุ่งขึ้นเหนือผิวน้ำไม่ขาดสายอย่างสวยงาม ตอนนี้เริ่มมีเด็กนักเรียนมัธยมและเด็กประถมของสถาบันทยอยมาถึงแล้ว บางกลุ่มกำลังเดินเข้ามายังสถาบัน ตรงทางประตูโรงเรียนนี้จะมีตู้ตรวจบัตรประจำตัวนักเรียนและตรวจสอบลายนิ้วมือนักเรียนทุกคน คณะอาจารย์ก็เช่นกัน งสถาบันติดตั้งระบบป้องกันความปลอดภัยอย่างแน่นหนาด้วยเทคโนโลยีทั่วโรงเรียน....โดยเฉพาะ คณะกรรมการคุมกฎระเบียบภายในโรงเรียน SFT.ซึ่งจะทำหน้าที่ แตกต่างกับ คณะกรรมการนักเรียน ซึ่งพวกเขาจะมีสิทธิ์พิเศษเทียบเท่ากับผู้อำนวยการโรงเรียน ที่จะสามารถทำโทษผู้ทำผิดกฎของสถาบันโดยไม่ต้องขออนุญาตประธานนักเรียนหรือแม้แต่ผู้อำนวยการเองก็ตามกฎก็ต้องเป็นกฎแถมสมาชิกของคณะกรรมคุมกฎ บางคนอาจไม่ใช่คนในโรงเรียน...อาจเป็นคนนอกที่ได้รับความไว้ว่างใจจาก ผู้อำนวยการโรงเรียน อยู่ทั่วบริเวณโรงเรียนคอยดูแลความเรียบร้อยรอบๆ บริเวณอาคารต่างๆ ในเวลากลางคืนและกลางวัน....
...เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างสมาชิกผู้คุมกฎกับคณะอาจารย์ที่ไว้วางใจของผู้อำนวยการโรงเรียน...(เด็กในโรงเรียนต่างคิดว่า ผู้คุมกฎ นั้นคือ คณะกรรมการนักเรียน มันถูกแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น.....)ดวงตาสีน้ำเงินที่แสนว่างเปล่านั้นกำลังนั่งเหม่อที่ริมหน้าต่างและพิงหลังไว้กับขอบหน้าต่างบนหอคอยรับลมโชยเข้ามานั้นอย่างเงียบๆ เขาทอดมองออกไปยังข้างนอกโรงเรียนที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าที่ทันสมัย มีรูปทรงที่แตกต่างออกไปมากมาย ยังมีป้ายโฆษณาพลาสม่าขนาดใหญ่ที่กำลังฉายสินค้าของบริษัทตามจุดต่างๆ มีรถหรูและรวมถึงรถไฟฟ้าที่กำลังแล่นผ่านไปมา ตามเส้นทางที่ทอดยาวตามสายหลักหลายร้อยกิโลเมตรเวลาผ่านไปสักพัก....“นึกแล้ว ว่านายต้องมาหลบอยู่ที่นี้....” เสียงดังมาจากเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังเดินมือล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างเข้ามา และมาหยุดตรงหน้าต่างที่เด็กหนุ่มตาสีน้ำเงินทะเลนั่งพิงอยู่....
เขาเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงหนา ใบหน้าคมเข้มผิวสีแทนแบบคนเอเชีย หล่อเข้ม จมูกโด่งมีดวงตาสีดำสนิทผิดกับเส้นผมที่เป็นสีทองทั้งหัวทีปล่อยให้ยาวสไลด์ถึงต้นคอ ส่วนผมข้างซ้ายถูกปัดให้เรียบติดกับศีรษะอย่างเรียบร้อยไม่มีที่ติ แบบที่คุณชายทั้งหลายเขาทำกัน ก็ยังมีหลายๆ คนที่คิดว่าเขาเป็นคนไทยแท้ทั้งผิวพรรณรวมทั้งหน้าตาของเขาที่ได้จากพ่อที่เป็นคนไทยมาแบบเต็มๆ ส่วนแม่เขาเป็นคนอังกฤษ ตอนเข้ามาเรียนใหม่ๆ เพื่อนในห้องดูไม่ออกเลยว่าเขานะลูกครึ่ง.... (คนไทยที่ไหนมีผมสีทองตั้งแต่เกิดกันล่ะ) แง่ล่ะหน้าตานี้บ่งบอกโซนเอเชียโดยตรงเลยนิ และรูปร่างสูงหนาตัวใหญ่ที่บ่งบอกถึงการเป็นนักกีฬาที่ต้องใช้ความแข็งแรงอย่างมาก เวลานี้เขาอยู่ในชุดยูนิฟอร์มเสื้อสูทดำของนักเรียนมัธยมปลายขอบปกสูทจะเป็นสีทองเข้มและมีตราโรงเรียนที่อกซ้ายเหมือนกัน กางเกงสีเทาเข้ม พร้อมเนกไทสีแดงที่มีเข็มกลัดหัวสิงโตสีทองสวยถูกหนีบอย่างเรียบร้อยตรงเนคไทบ่งบอกว่าอยู่ช่วงชั้นมัธยมปลาย และที่แขนขวาของเสื้อก็ยังมีอาร์มสีเทาแถบขาวที่ปักชื่อย่อตัวหนาสีดำ FT แสดงถึงตำแหน่งหน้าที่ตัวเองในสถาบันนี้ เขาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนของสถาบัน ตอนนี้ใบหน้าเขากำลังยิ้มแย้มรับแสงแดดยามเช้าอยู่ตรงหน้าต่างหอคอยแห่งนี้ แต่ตอนนี้ฝ่ายที่ถูกเรียกนั้นไม่มีทีทาว่าจะหันตามเสียงเรียกนี้เลย....
“มีอะไรหรือเปล่าครับ รุ่นพี่ดิว? ” เด็กหนุ่มนัยน์ตาน้ำเงินถามกลับเสียงเรียบโดยไม่ได้หันหน้ามองอีกฝ่าย ใบหน้านิ่งของเด็กหนุ่มก็ยังหันหน้ามองออกไปข้างนอกเหมือนเดิม...เด็กหนุ่มรุ่นพี่ผมทองที่ ชื่อดิว เขาเผยยิ้มก่อนจะตอบคนตรงหน้า
“ก็...ไม่มีไรหรอกแค่ ท่าน ผ.อ. ให้มาตามนายไปพบนะ” ดิวตอบเสียงเป็นกันเอง
เขาเองก็กำลังยืนเงยหน้าทอดสายตามองออกไปด้านนอกหน้าต่างที่ถูกตั้งขึ้นเหนือพื้นดูท่ามันจะอยู่สูงพอดูเลย
‘ไม่รู้ว่าเด็กตรงหน้านี้ขึ้นไปนั่งตรงนั้นได้ยังไง? เขาคิดอยู่ในใจ
ไม่นานร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มตาสีน้ำเงินก็กระโดดลงมาถึงพื้นอย่างแผ่วเบาและยืนอยู่ต่อหน้าหนุ่มผมทองพอดิบพอดี ส่วนสูงของพวกเขาสองคนแทบจะสูงไล่เลี่ยงกันเด็กหนุ่มตาสีน้ำเงินอาจจะสูงน้อยกว่าคนผมทองประมานสี่ห้าเซนและจะร่างบางเทียบไม่ได้กับรูปร่างหนา กำยำ ของหนุ่มผมทอง แววตาสีดำที่ส่อประกายของหนุ่มผมทองที่ตอนนี้ใบหน้าเขากำลังส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ลงมายืนอยู่ตรงหน้าตนอย่างกับนายแบบตามนิตยสาร โดยที่เด็กหนุ่มตาสีน้ำเงินมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าและแววตาเรียบเฉยแทน หลังจากนั้นเขาก็เดินสวนกับหนุ่มผมทองโดยไม่คิดจะคุยหรือถามอะไรต่อ เพราะเด็กหนุ่มรู้หน้าที่ของเขาอยู่แล้ว....
‘นั้นก็คือ...เข้าพบผู้เป็นใหญ่ที่สุดในโรงเรียน’
พอเด็กหนุ่มที่เป็นรุ่นน้องก้าวเท้าออกจากตรงนี้แล้ว....หนุ่มผมทองพลันคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา...เขามองตามหลังเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ค่อยๆ เดินหายจากสายตา แล้วเขาหันหน้ามองไปอย่างหน้าต่างพลางนึกถึงคนๆ หนึ่ง.....
‘ยิ่งนับวัน...ยิ่งเหมือนนายเลยนะ....ทศวรรษ'
เขาฉีกยิ้มบางรับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาทางหน้าต่าง++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++สวัดดีครับนักอ่านทุกคนนเรื่องนี้เป็น นวนิยายเรื่องแรกที่ แต่งลง เด็กดี เมื่อหลายปี มาแล้ว ไรท์ชอบ งานของคุณซินมากเรื่อง Ka shen ภารกิจพิชิตราชันย์ รายละเอียดลึกเกี่ยวกับ โรงเรียนนี้นักอ่าน สามารถ เข้าไปในเด็กดี ได้