ชาย-ชาย,รัก,ครอบครัว,ไทย,นายเอกท้อง,ร้อนแรง,แต่งงาน,มีลูก,Mpreg,ท้องได้,น้องนิว,นวพรรษ,พี่เวย์,เวทานนท์,18+,pwp,พระเอกรวย,พระเอกหื่น,พระเอกหล่อ,เลขา,พระเอกคลั่งรัก,กุหลาบดิน,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ผ่านพ้นงานแต่งไปได้อาทิตย์กว่า สองสามีภรรยาก็กลับมาทำงานปกติในฐานะท่านประธานกับเลขาส่วนตัวเพราะตอนนี้โต๊ะทำงานเดิมของนวพรรษมีหญิงวัยกลางคนมาทำหน้าที่เลขามานั่งแทนที่ ส่วนที่นั่งใหม่สามีให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกัน มีหรือสามีของนวพรรษจะให้มานั่งเฉยๆ ตอนนี้คอยหาเศษหาเลยหาทางเอาเปรียบภรรยา ตอดเล็กตอดน้อยอยู่ตลอดเวลา พอให้ชื่นใจ
“พี่เวย์ปล่อยนิวก่อน เดี๋ยวทำงานไม่ทันนะ วันนี้มีประชุมบอร์ดบริหารด้วย ปล่อยก่อนนะครับคุณสามี”
เสียงออดอ้อนให้ท่านประธานจอมหื่นปล่อยตัวเองที่ตอนนี้โดนสามีจับให้มานั่งบนตักหลังเอากาแฟมาเสิร์ฟ โดนสามีจับมาจูบจับมาหอมแก้มจนไม่ได้ทำงาน ร่างเพรียวเริ่มเหนื่อยใจกับสามีที่งอแงบ่อยช่วงนี้
“ขอผัวหอมหน่อย เวียนหัวอ่ะตอนนี้ พอได้กลิ่นเมียแล้วมันสดชื่น มีแรงทำงานหาเงินเลี้ยงเมียขึ้นเยอะเลย ฟอดดดด ถ้าไม่อยากเสียเปรียบหอมพี่คืนได้นะ”
“กริ้ง กริ้ง กริ้ง ” เสียงโทรศัพท์ติดต่อภายในจากเลขาหน้าห้องดังขึ้นขัดจังหวะสวีทหวานกับเมียทำเอาท่านประธานหัวเสียทันที
“มีอะไรครับ คุณมาลีวรรณ” เวทานนท์ถามเลขาหน้าห้องเสียงเข้มปนหงุดหงิด
“เอ่อ ขอประทานโทษค่ะท่านประธาน พอดีดิฉันจะแจ้งท่านประธานว่ามีแขกมาขอพบค่ะ”
พอได้ยินเสียงคนในห้องผู้เป็นเจ้านายเหมือนจะหงุดหงิดทำเอาเลขารายงานเสียงสั่น
“ใคร ผมไม่ได้นัดใครไว้นี่”
“คุณเค้าให้แจ้งว่าชื่อคุณเฟิร์นกับท่านขจรค่ะ ตอนนี้ดิฉันให้รออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ”
“โอเค งั้นเชิญเค้าเข้ามาในห้องทำงานผมได้เลย” มาทำไมเวทานนท์คิด
“ค่ะท่านประธาน”
“ฟอดดดด โจทย์เก่าเรามาแล้ว มาดูกันว่ามาหาเราทำไม” ร่างสูงคุยกับคนเป็นภรรยา
นวพรรษที่ตอนนี้จัดเครื่องแต่งกายยองตัวเองเรียบร้อยก็หันมาดูความเรียบร้อยให้สามี แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองทันที
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก ขออนุญาตค่ะท่านประธาน” เสียงเลขาหน้าห้องกล่าวขออนุญาต
“เชิญ”
ประตูห้องทำงานเปิดออกเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้องผู้เป็นเจ้านาย พร้อมกับการปรากฏกายของแขกที่มาเยือนโดยไม่ได้นัดเอาไว้ทั้งสองพ่อลูก
“สวัสดีครับคุณอาขจร สวัสดีครับน้องเฟิร์น” เจ้าของห้องกล่าวทักทายและนวพรรษก็ยกมือสวัสดีตาม
“สวัสดีหลานชายทั้งสอง” คุณขจรรับไหว้
“สวัสดีค่ะพี่เวย์ สวัสดีค่ะพี่นิว” สาวเจ้าคนเดียวในห้องกล่าวทักทายทั้งสองคน
“คุณอามาหาผมถึงที่นี่มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ เชิญนั่งก่อนครับ”
ประธานหนุ่มเปิดฉากสอบถามเพราะสายงานสายธุรกิจไม่เกี่ยวข้องกัน ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรติดต่อกัน และเชิญแขกนั่ง พอดีกับที่เลขากับเอาของว่ามารับรองแขก
“เอ่อ พอดีอากับน้องเฟิร์นผ่านมาแถวนี้เห็นว่าใกล้เวลาเที่ยงแล้วเลยมาชวนหลานไปทานกลางวันด้วยกัน น้องเฟิร์นบ่นคิดถึงด้วยตั้งแต่งานวันเกิดอาก็ไม่ได้เจอกันเลย”
สาวที่โดนกล่าวถึงเขินอายอยู่ข้างบิดาตัวเองเพียงชั่วครู่หลังจากนั้นก็ขยับเข้าไปหาเวทานนท์พลางใช้มือสองข้างจับแขนแกร่ง
“นะคะพี่เวย์ไปทานข้าวกับเฟิร์นและคุณพ่อนะคะ เฟิร์นมีเรื่องธุรกิจมาปรึกษาด้วยค่ะ นะคะ”
เสียงออดอ้อนพร้อมเอาหน้าอกเบียดแขนนแกร่งจงใจที่จะปลุกอารมณ์อีกชาย ไหนจะชุดเดรสสั้นสีแดงที่กว้านลึกแทบจะเห็นสะดือ ทำเอานวพรรษที่นั่งลงที่โต๊ะทำงานต่อหลังจากที่ทักทายคุณขจรเสร็จ เริ่มมองแบบไม่สบอารมณ์
“เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าบริษัทพี่เวย์ให้เลขาเข้ามาทำงานในห้องด้วย เฟิร์นอยากมาฝึกงานกับพี่เวย์จังเลยค่ะ“
เวลาทานนท์มองมาทางคนตัวบางที่ตอนนี้มองตัวเองตาเขียวปั๊ด เริ่มขนหัวลุกโดนเมียโกรธแน่ถ้าไม่ทำอะไร ว่าแล้วก็รีบแกะมือตุ๊กแกออกจากแขนตัวเองทันที
“เอ่อ ผมต้องขอโทษคุณอากับน้องเฟิร์นด้วยนะครับที่ไม่สามารถไปทานกลางวันด้วยได้ พอดีช่วงนี้หมอให้ระมัดระวังให้คุมเรื่องอาหารการกินครับ ภรรยาผมเลยต้องทำอาหารมาจากบ้าน”
“ภรรยา” สองพ่อลูกอุทานพร้อมกันอย่างตกใจ
"พี่เวย์ไปมีภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ไม่เห็นเฟิร์นรู้เรื่องเลย”
หญิงสาวงงหนักตอนเจอกันก่อนหน้าล่าสุดที่ตนไปพร้อมกับไกรสรก็ยังไม่แต่งงานนี่ ถ้าแต่งจริงเวทานนท์เป็นถึงไฮโซร่ำรวยขนาดนี้ต้องมีข่าวใหญ่โตซิ และไฮโซอย่างครอบครัวเธอต้องได้รับเชิญไปร่วมงาน ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องเลย
"เอ่อ งั้นผมขอแนะนำเลยนะครับ คุณอาและน้องเฟิร์นนี่นิวภรรยาผมเองครับ เพิ่งจัดงานแต่งไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองครับ ขออภัยที่ไม่ได้เชิญนะครับ เพราะอยากจัดกันภายในเครือญาติจริงๆ อีกอย่างคุณพ่อบอกว่าครอบครัวคุณอาไปเที่ยวต่างประเทศเลยไม่อยากรบกวน”
คำตอบของเวทานนท์ทำเอาสองพ่อลูกอึ้งโดยเฉพาะลูกสาวคนสวยรู้สึกผิดหวังอย่างแรงเพราะหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีที่สำคัญรวยมากที่เธอหมายปองอุตส่าห์ลงทุนกับไกรสรคิดแผนวางยาปลุกกำหนัดเพื่อจะได้ครอบครองหนุ่มหล่อคนนี้ และไกรสรก็เอานวพรรษคนหน้าหวานเกินเธอไป แต่ผิดแผนสองคนนี้คงดันมากินกันเอง ไม่เช่นนั้นคนที่ได้แต่งงานต้องเป็นเธอแน่แท้ ทำไมเธอตกข่าวไม่รู้ว่าทั้งสองคนแต่งงานกัน แสดงว่าแต่งเงียบๆ ไม่อยากบอกใคร คงอายพวกเกย์ผิดเพศก็อย่างน้ีแหละสังคมไม่ยอมรับหรอก
"แล้วพี่เวย์กับพี่นิวไม่กลัวสังคมว่าหรือคะที่มาแต่งงานกันแบบนี้ เป็นผู้บริหารที่มีชื่อเสียงแต่มาแต่งงานอยู่กินกันกันผู้ชายแบบนี้สังคมจะยอมรับหรือคะ”
คำถามนี้แทงใจนวพรรษเป็นอย่างมาก ใบหน้าหวานเริ่มเศร้าลงมันก็จริงอย่างที่หญิงสาวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็รู้สึก สงสารพี่เวย์จังเพราะมันกระทบกับภาพลักษณ์และธุรกิจทำไมเขาลืมคิดเรื่องนี้ มัวแต่นึกถึงด้านความรักและความสุขของตัวเอง
“โลกมันไปถึงไหนแล้วตอนนี้ สังคมมันเปิดกว้าง ถ้าสังคมไม่ยอมรับก็เรื่องของเขา พี่ไม่แคร์ที่สำคัญพี่ไม่ได้ขอเงินสังคมกิน แค่ครอบครัวของพวกพี่ยอมรับ แค่พวกพี่เข้าใจกันรักกันก็พอแล้ว วันแต่งนักข่าวหลายสำนักมาขอทำข่าวก็ไม่เห็นจะกระทบกับธุรกิจพี่เลย มีแต่ยอดหุ้นพุ่งสูงขึ้น งั้นก็แสดงว่าสังคมไม่ได้แคร์เรื่องแบบนี้แล้วจริงไหม แต่พี่ก็ต้องขอบคุณน้องเฟิร์นนะครับที่เป็นห่วง ว่าแต่น้องเฟิร์นกับคุณไกรสรจะมีข่าวดีกันบ้างหรือยังครับ พี่เห็นควงกันเห็นแล้วก็อิจฉามีเวลาสวีทกันบ่อย ๆ พี่กับภรรยาของพี่ต้องช่วยกันทำงานไม่มีเวลาออกไปข้างนอก เลยต้องเอาโต๊ะทำงานมาไว้ในห้อง จะได้เห็นหน้ากันแล้วมีกำลังใจในการทำงานตลอดแทน”
เวทานนท์ก็นึกฉุนหญิงสาวเหมือนกันที่ก้าวก่ายคิดแทนเขาคิดแทนสังคม ตอนนี้เมียเค้าหน้าเศร้าแล้ว เขาเลยต้องเหน็บกลับคืนหญิงสาวบ้าง จะหาว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษก็ช่างเถอะ คุณอาขจรเองก็จะได้รู้และจะได้ไปจับคู่ให้ลูกสาวตัวเองกับไกรสรแทน แทนที่จะมาจับคู่กับเขา
“เอ่อ นี่จะเที่ยงแล้วคุณอาขจรกับน้องเฟิร์นจะร่วมทานข้าวกับเราเลยไหมครับ นิวทำมาเยอะ จะได้ให้เลขาจัดการให้”
นวพรรษเอ่ยขึ้นบ้าง พอเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดี ตอนนี้คุณสามีเริ่มมีอารมณ์จะกรุ่นๆ แล้ว
“เอ่อ งั้นอากับน้องเฟิร์นไม่รบกวนเวลาส่วนตัวดีกว่า คงต้องขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ว่าจะไปรับคุณหญิงแม่น้องเฟิร์นด้วย ยังไงอายินดีด้วยนะสำหรับงานแต่ง งั้นอาขอตัวก่อนนะ ป่ะน้องเฟิร์นกลับกันลูก”
พอขจัดแขกไม่ได้รับเชิญไปได้ นวพรรษก็เดินมาหาคนอารมณ์กรุ่น แล้วเอามือเรียวลูบแขนเชิงปลอบ
”ใจเย็น ๆ นะครับพี่เวย์ เขาพูดมาก็มีส่วนถูก แต่เรารักกัน เข้าใจกันนี่ มันไม่มีผลอะไรกับเราพี่เวย์ก็คิดเสียว่าเขาพูดแค่เพียงเพราะหวังดีแค่นั้นก็พอนะครับ ไหนยิ้มหน่อยซิครับ หรือว่าโมโหหิวถึงอารมณ์ไม่ดี”
“แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ก็พี่เห็นหนูทำหน้าเศร้าพี่ก็โมโหซิ มาพูดให้เมียพี่ไม่สบายใจ ฟอดดด ขอบคุณนะครับ พี่ดีขึ้นแล้วไม่สนหรอกถือว่าลมพัดผ่าน”
คนโดนหอมแก้มเริ่มหน้าแดง “งั้นทานข้าวกันนะครับเที่ยงแล้วจะได้ไปประชุมต่อ”
สองสามีภรรยาก็รับประทานอาหารที่เตรียมมาจากบ้าน ที่บอกว่าหมอห้ามนั้นเวทานนท์มุสาทั้งนั้นเพื่อจะไม่ได้ไปทานอาหารข้างนอกกับสองพ่อลูกนั่น พอแต่งงานกันเขาเพิ่งรู้ว่าภรรยาทำกับข้าวเก่งมาก ฝีมือใครหรือจะอร่อยเท่าฝีมือเมียเขาไม่มีอีกแล้ว ช่วงนี้เขาติดรสฝีมือภรรยามากแม่บ้านที่บ้านไม่ต้องทำอาหารให้เขาเลย ต้องเป็นภรรยาเท่านั้นถึงจะทานได้ พอรับประทานอาหารเสร็จเวทานนท์ก็อ้อนภรรยาด้วยการนอนหนุนตักให้ภรรยานวดขมับให้ช่วงนี้เขาเวียนหัวบ่อยๆ พออยู่ใกล้ๆ ได้กลิ่นคนร่างบางแล้วจะดีขึ้นทันที
“ฟอดดด มือเมียพี่ทั้งหอมทั้งนุ่ม ฟอดด หอมจังเลย ทาครีมทามืออะไรเนี่ย ฮือ พี่จะได้ซื้อมาไว้ให้เยอะๆเลย”
“ทาอะไรล่ะ นิวไม่ได้ทาอะไรเลย ทาแค่ครีมที่พี่เวย์ซื้อมาให้นั่นแหละ หายเวียนหัวหรือยังครับ มานิวนวดให้”
มือข้างที่ว่างก็สอดเข้าไปในเส้นผมนุ่มของคนพี่เพื่อนวดคลึงทั้งศีรษะเพื่อให้ผ่อนคลาย
“ดีขึ้นนิดเดียวเอง ไม่อยากไปประชุมแล้วอ่ะ อยากนอนกอดเมีย อยากอยู่กับเมีย”
พูดแล้วก็หันหน้าไปซุกกับหน้าท้องแบนของคนน้องก่อนจะโอบกอดเอวบางด้วยลำแขนแกร่ง
“ทำไมเมียพี่หอมไปทั้งตัวอย่างนี้ หอมจัง”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะพร้อมประตูถูกเปิดออกผู้ที่บุกรุกเป็นเจ้าของบริษัทนั่นเองที่เดินมากับคู่รักของตน
“เป็นอะไรเจ้าเวย์ อ้อนลูกสะใภ้พ่ออีกแล้ว ใกล้ถึงเวลาเข้าประชุมแล้วนะ”
เจ้าสัวเวทินถึงกับส่ายหน้ากับภาพที่เห็นลูกชายตัวดีนอนหนุนตักลูกสะใภ้แล้วเอาหน้าซุกท้องของอีกคน
“ไม่อยากไปเลยอ่ะพ่อ พ่อไปคนเดียวได้ไหมครับ เวย์เวียนหัว” เด็กโข่งงอแงต่อรองผู้เป็นบิดา
“ลุกครับพี่เวย์ ไม่เอาอย่างอแงนะครับ เป็นถึงท่านประธานนะครับ”
“ป่ะน้องนิวเราไปกันสามคน ปล่อยให้ไอ้คนงอแงนอนอยู่ตรงนี้แหละ” เจ้าสัวแหย่ลูกชาย
“ได้ไงพ่อนี่เมียเวย์ เมียอยู่ไหน ผัวต้องอยู่นั่น ไปประชุมก็ได้ พ่อใจร้าย ไม่เห็นใจลูกเลย”
“เอ้า ไอ้เจ้าลูกชายนี่ ไงว่าพ่ออย่างนั้นล่ะ โตจนมีเมียแล้ว งอแงไม่อายเมียเลย”
ท่านเจ้าสัวบ่นลูกชายด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ทั้งสี่คนจะตรงไปยังห้องประชุม