จากสถานการณ์รักที่กำลังจะพังทลาย แต่ปาฏิหาริย์กลับทำให้ความรักของเขาและเธอค่อยๆ บ่มเพาะ ฟูมฟัก และได้เรียนรู้กันและกันใหม่อีกครั้ง สวนดอกไม้แห่งนี้จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักของเขาทั้งสอง

หอมกลิ่นอายรัก - ตอนที่ 1 ตอนที่ 1 โดย จิตอิสระ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,นิยายรัก,โรแมนติก ,รักหวานแหวว,ปาฏิหาริย์,โรแมนติก,นิยายรัก ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

หอมกลิ่นอายรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรัก,โรแมนติก ,รักหวานแหวว,ปาฏิหาริย์,โรแมนติก,นิยายรัก

รายละเอียด

จากสถานการณ์รักที่กำลังจะพังทลาย แต่ปาฏิหาริย์กลับทำให้ความรักของเขาและเธอค่อยๆ บ่มเพาะ ฟูมฟัก และได้เรียนรู้กันและกันใหม่อีกครั้ง สวนดอกไม้แห่งนี้จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักของเขาทั้งสอง

ผู้แต่ง

จิตอิสระ

เรื่องย่อ

สารบัญ

หอมกลิ่นอายรัก-ตอนที่ 1 ตอนที่ 1

เนื้อหา

ตอนที่ 1 ตอนที่ 1

   สวนดอกไม้เคียงคีรีการ์เด้น บนพื้นที่กว้างใหญ่ คนงานต่างช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน ทั้งบรรจงตัดแต่งเล็มกิ่งก้าน บ้างก็ลิดใบแห้งเหี่ยวเฉาออกจากต้น บ้างก็ช่วยกันนั่งถาง ถอนวัชพืช ดายหญ้าที่โคนต้น บุริมที่คอยเดินสั่งงาน และสำรวจตรวจความเรียบร้อยภายในสวนดอกไม้แห่งนี้ของเขา เขารักต้นไม้ทุกต้น ดอกไม้ทุกดอก และใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่เพาะเมล็ด ดูแลต้นกล้า ขั้นตอนการปลูก บำรุงรักษา จนถึงการเก็บเกี่ยว และการตลาด เขาตั้งใจที่จะสานต่อดูแลสวนดอกไม้แห่งนี้ต่อจากพ่อของเขาที่เสียชีวิตไป

   บุริมกลับเข้ามาในบ้าน เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ถอดหมวกออกวางบนโต๊ะเตี้ยที่ตั้งอยู่ด้านหน้า เหงื่อออกที่หน้าเป็นเม็ดๆ ไหลลงมาที่คางและลำคอ เขาใช้แขนเสื้อของเขาปาดเหงื่อออก

   เขายกศีรษะขึ้นหันไปทางห้องครัวบอกกับป้าแก้ว แม่บ้านสูงวัยร่างท้วมหน้าตาใจดีที่มักจะง่วนกับการทำงานบ้านและงานครัวให้กับบุริม

   “ป้าแก้วครับ ขอน้ำเย็นๆ ให้ผมแก้วหนึ่งครับ”

   “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” สาวสูงวัยรีบกูรีกูจอทำตามคำขอของบุริม

   บุริมวางแขนที่ยาวของเขา พาดบนพนักพิงโซฟา นอนหลับตาเพื่อผ่อนคลาย

   “มาแล้วค่ะน้ำเย็น แล้วนี่ผลไม้ป้าแช่เย็นไว้ให้ ทานแล้วจะได้สดชื่นค่ะ” ป้าแก้วยิ้มให้ด้วยความรักและเป็นห่วงชายหนุ่มที่นั่งทอดกายหมดแรงตรงหน้าเธอ

   “ขอบคุณครับป้า วันนี้อากาศข้างนอกร้อนมากครับ”

   “ดูจากสภาพคุณบุริมแล้วป้าเชื่อค่ะ”

   “แล้วนี่มะปรางอยู่ไหนครับ ยังไม่ลงมาจากห้องอีกหรือ นี่มันก็จะเย็นแล้วนะครับ เขานอนไม่เหนื่อยบ้างหรือไง น่าจะตื่นขึ้นมาพักบ้างนะ ผมเบื่อหน่ายกับเขาจริงๆ” บุริมส่ายหัวให้กับภรรยาคนนี้

   ป้าแก้วเหลือบไปเห็นมะปรางที่กำลังเดินลงมาจากชั้นบน เธอบุ้ยปากเป็นสัญลักษณ์บอกบุริมว่ามะปรางกำลังลงมาแล้ว

   “ว่าไงนะคะ คุณพูดถึงฉันว่าอย่างไรนะ” มะปรางที่ได้ยินบุริมกล่าวถึงเธอ เอ่ยถามขึ้น

   “ผมว่าคุณได้ยินชัดแล้ว ขี้เกียจพูดซ้ำ”

   “ถ้าคุณเบื่อฉันมาก ก็รีบๆ หย่าให้ฉันสิ ฉันจะได้ไปให้พ้นๆ หน้าคุณ”

   “นี่คุณอยากจะหย่ากับผมมากจนตัวสั่นเลยหละสิ คงอยากจะไปอยู่กันไอ้เศรษฐีเจ้าของรีสอร์ทจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหม”

   “ก็ถ้าเขาทำให้ฉันสุขสบายกว่าการที่ต้องอยู่กับคุณ ก็คงจะเป็นอย่างที่คุณคิด พอใจหรือยัง”

   “ผมถามคุณจริงๆ เถอะ คุณไม่คิดถึงลูกๆ บ้างหรือไง แน่นอนคุณคงไม่คิด เพราะคุณไม่เคยเลี้ยงพวกแกเลย วันๆ ก็แต่งตัวออกไปข้างนอก กลับบ้านมาอีกทีไม่ดึกก็สว่าง รู้ไหมว่าตอนนี้ลูกอายุเท่าไร หน้าตาเป็นอย่างไร” บุริมกัดกรามแน่น เขาไม่อยากจะมองหน้าของผู้หญิงคนนี้เลย แต่ที่ทนทุกวันนี้ก็เพราะลูก

   “ก็มีป้าแก้วอยู่แล้ว จะต้องให้ฉันทำอะไรอีก ถ้าต้องให้ฉันทำแล้วคุณจะจ้างป้าแกมาทำไมฮะ”

   มะปรางทำหน้าไม่ยี่หระกับสิ่งที่เธอพูด ทั้งๆ ที่เธอกำลังพูดถึงลูกๆ ในไส้ของเธออยู่ แต่คงเป็นเพราะประสบการณ์ในอดีต ที่เธอเองก็ไม่เคยได้รับความรักจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุพการีของเธอเลยเช่นกัน ในเมื่อเธอก็โตมาได้ด้วยตัวเธอเอง ดิ้นรนเอาตัวรอดมาตามลำพัง แต่ลูกๆ ของเธอยังโชคดีกว่าที่มีพ่ออย่างบุริม และมีป้าแก้วที่คอยช่วยดูแล

   “แต่ว่าคุณเป็นแม่ของพวกแกไง ผมให้ป้าแก้วเป็นแม่บ้านคอยดูแลงานบ้าน ไม่ใช่ให้แกมาเลี้ยงลูกๆ ของเรา คุณเข้าใจคำว่าแม่คนไหม มะปราง” บุริมปากสั่นเพราะความโกรธ และสงสารลูกๆ ของเขาที่ต้องมาเจอแม่แบบมะปราง

   สิ่งที่บุริมพูดมันทิ่มแทงหัวใจของมะปรางเช่นกัน แต่ความรักตัวเอง และความทะเยอทะยานอยากที่ไม่มีที่สิ้นสุด ก็ทำให้เธอทำใจเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ได้

   “แล้วที่ฉันออกไปข้างนอก ก็เพราะว่าฉันเบื่อ ที่วันๆ  ต้องหมกตัวอยู่แต่ในสวนดอกไม้บ้าๆ เนี่ย ส่วนคุณเคยสนใจไยดีฉันซะที่ไหน เงินที่ให้ใช้ก็น้อยแทบจะไม่พอใช้”

   “อยากให้ผมสนใจคุณ แล้วคุณหละเคยสนใจผมบ้างไหม ผมทำงานหาเงินมาให้คุณให้ลูกๆ ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน แค่น้ำเย็นๆ สักแก้ว ผมก็ยังไม่เคยได้จากคุณเลย เงินทองมันไม่ได้หามาง่ายๆ นะคุณ แล้วที่ผมให้คุณใช้ทุกวันนี้ มันก็มากแล้วเมื่อเทียบกับคนอื่น”

   “พอเถอะบุริม ฉันกับคุณมันคิดไม่เหมือนกัน ฉันไม่อยากหยุดอยู่แค่นี้ หย่ากับฉันซะเถอะ”

   บุริมทำเป็นไม่ได้ยินคำว่าหย่าจากปากของมะปราง ทั้งๆ ที่เขาอยากจะหย่ากับเธอใจจะขาดเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้าลูกๆ เขาก็ทำใจไม่ได้

   “แล้วนี่แต่งตัวจะออกไปไหนอีกหละ ผมกำลังจะไปรับลูก ไม่คิดจะกินข้าวกับลูกๆ บ้างหรือไง”

   “ฉันมีนัด คุณก็ทำหน้าที่พ่อที่แสนดีไปแล้วกัน ฉันไปละ”

  มะปรางในชุดกระโปรงเข้ารูป เน้นให้เห็นสัดส่วนทั้งเนินอกที่อวบอิ่ม สะโพกผายน่ามอง สีน้ำเงินเข้มของชุดยิ่งขับผิวของเธอที่ขาวอยู่แล้วให้ดูสว่างยิ่งขึ้น กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเดินผ่านบุริมไป โดยไม่สนใจกับคำพูดของเขาเลย

   ตอนนี้เธอมีเป้าหมายใหม่แล้ว มะปรางได้ข่าวว่ามีเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ มาสร้างรีสอร์ทและสนามกอล์ฟ ติดๆ กับเคียงคีรีการ์เด้น เธอจึงใช้แผนเก่าที่เคยใช้กับบุริม เดินสายเข้างานสังคมในจังหวัดเพื่อหาโอกาสที่จะได้เจอกับดนัยเจ้าของรีสอร์ทแห่งนั้น ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว เธอก็ยังอยากจะได้ทรัพย์สินของเขา มะปรางไม่สนใจว่าจะทำให้ครอบครัวของใครต้องแตกแยก อะไรที่เธออยากได้ เธอต้องได้ ศีลธรรมและความละอายใจไม่สามารถช่วยฉุดรั้งเธอไว้ได้ แผนของเธอใกล้จะสำเร็จแล้ว ตอนนี้ดนัยหลงมะปรางหัวปักหัวปำ จนออกปากขอหย่ากับวิภาดาภรรยาของเขา ที่แต่งงานอยู่กินกันมาเกือบ 20 ปี

………………………………..



   ดนัยเดินโอบเอวคอดของมะปรางเดินเคียงคู่เข้าร้านอาหารหรูไปด้วยกัน บริกรเดินนำทั้งคู่ไปยังโต๊ะอาหารที่จองไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว มะปรางให้ดนัยสั่งอาหารรอเธอที่โต๊ะก่อน เธอขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

   มะปรางผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำ เธอหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะปั้นหน้าทำเป็นไม่ได้รู้สึกอะไร ผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังล้างมืออยู่ก่อนแล้วหันหน้ามามองหน้าผู้ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา สีหน้าของวิภาดาเปลี่ยนสีทันที ความเกลียดผุดเข้ามาในแววตาของเธอ เธอหันกลับไปมองกระจกพร้อมเริ่มบทสนทนากับมะปรางทันที

   “ดีนะ ควงผัวคนอื่นลอยหน้าลอยตา ไม่อายสายตาคนอื่นเขาบ้างเลยนะ ถ้าเธอไม่อาย แต่เธอก็น่าจะเกรงใจผัวเธอบ้างนะ”

   “อายทำไมคะคุณพี่ คุณพี่ไม่เคยได้ยินหรือคะ ด้านได้อายอด ปรางกลัวอดมากกว่าค่ะ”

   “ฉันพูดขนาดนี้แล้วเธอยังไม่สำนึกอีกหรือ ใจของเธอมันทำด้วยอะไร เธอมีความสุขนักหรือที่ทำให้ครอบครัวของตัวเอง และครอบครัวของคนอื่นต้องแตกแยก เธอแย่งของๆ คนอื่นได้มันภูมิใจมากนักใช่ไหม”

   “คุณพี่มีทั้งทรัพย์สินเงินทองเยอะแยะมากมาย จะเก็บครอบครองไว้คนเดียว ไม่คิดจะแบ่งกันกินกันใช้บ้างหรือคะ ได้บุญนะคะ”

   วิภาดากำมือ เม้มริมฝีปากแน่น ด้วยความโกรธที่เริ่มโพยพุ่งภายในใจของเธอ เพราะคำพูดที่ไม่มีความระอายใดๆ ทั้งสิ้นของมะปราง

   “สัมภเวสีอย่างเธอ ไม่มีวันได้แม้กระทั่งเศษละอองบุญของฉันหรอก จะได้ก็แค่ดื่มกินน้ำใต้ศอกของฉันเท่านั้นแหละ”

   มะปรางยกฝีปากบนเอียงขึ้นด้านหนึ่ง ยิ้มเยาะเย้ยหยันให้กับผู้ที่พูดสั่งสอนเธอ และเพิ่งเดินเฉียดไหล่ของเธอออกไป เมื่อเสียงประตูปิดลง เธอเดินมายืนแทนที่วิภาดาที่หน้ากระจก กำมือแน่น ดวงตากลมโตหรี่ลง มองภาพตัวเองในกระจก หายใจแรง เผยให้เห็นอารมณ์ขุ่นมัว เกลียดชัง อิจฉา ที่เธอได้กดข่มปิดบังวิภาดาเอาไว้ เธอคิดแค่ว่า อีกไม่นานเมื่อทุกอย่างเป็นของเธอ วันนั้นวิภาดาจะมาปากดีกับเธอแบบวันนี้หรือไม่ เธอบอกตัวเองให้อดทนอีกไม่นาน