'น่านนที' ชื่อของเด็กหนุ่มบ้านนอกที่ต้องระเห็จสู่เมืองกรุงเพื่อทำหน้าที่ตามพินัยกรรมของท่านชาย ทว่าก้าวแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาที่วังแห่งนี้ เสมือนว่าความวินาศสันตะโรจะบังเกิด!

รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย} - ๓/๑ ความประทับใจครั้งแรกพบ โดย ปรมปุณณ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ย้อนยุค,วาย,พีเรียดไทย,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วาย,พีเรียดไทย,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

'น่านนที' ชื่อของเด็กหนุ่มบ้านนอกที่ต้องระเห็จสู่เมืองกรุงเพื่อทำหน้าที่ตามพินัยกรรมของท่านชาย ทว่าก้าวแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาที่วังแห่งนี้ เสมือนว่าความวินาศสันตะโรจะบังเกิด!

ผู้แต่ง

ปรมปุณณ

เรื่องย่อ

❝รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ❞

(สำนวนสุภาษิต) มีความหมายว่า รักจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ ให้ตัดความอาฆาตแค้นออกไป รักจะอยู่กันสั้น ๆ ให้อาฆาตพยาบาทเข้าไว้.

รักสั้นนั้นให้รู้อยู่เพียงสั้น  

รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย

มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย    

 แหงนดูฟ้าอย่าให้อายเทวดา 

(อิศรญาณภาษิต)

............................



ที่ผ่านมาชีวิตของ 'น่านนที' ดำเนินมาอย่างสงบสุขที่ชนบทในฐานะเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง แต่แล้วชีวิตปรกติสุขของเขาถึงเวลาต้องเปลี่ยนไป เมื่อได้รับจดหมายเชิญตัวเข้าไปอยู่ในรั้วในวัง จากเด็กหนุ่มบ้านนอกกลายเป็นสะใภ้เจ้าตามเงื่อนไงบนพินัยกรรมของหม่อมเจ้าประพัทธ์ ใครจะคิดว่าชีวิตของเขาที่นั้นจะได้รับการต้อนรับไม่ต่างไปยิ่งกว่าทาส ทุกคนเฝ้าแต่จะดูหมิ่นถิ่นแคลนโขลกสับ โดยเฉพาะพ่อหม่อมราชวงศ์คู่หมาย งานนี้น่านนทีจะต้องรับมืออย่างไรให้ไหว!

"น่านนที ไอ้บ้านนอก ถ้านายคิดจะอยู่ที่วังนี้เพื่อหวังฮุบสมบัติของท่านพ่อแล้วล่ะก็ ฉันบอกให้เลยว่าอย่าหวัง นายจะไม่ได้สักแดงเดียว ไสหัวไปจากที่นี่ซะ"

"ขอบคุณที่เรียนให้ทราบนะครับ แต่ไม่ดีกว่า ผมไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะยังไงสมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของผมเอง ถ้าคุณชายทำตามเงื่อนไขไม่ได้"

"นี่นาย! ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปเถอะ จ้างให้ฉันก็ไม่มีวันหลงผิดไปรักเด็กกระจอก ๆ อย่างนาย!"

"อืม ครับ ผมก็เช่นกัน"

"ฉันจะฟ้องหม่อมแม่!"


⚠️ นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามคัดลอก ทำการดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่ง ส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่ต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าของผลงาน การกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตถือ เป็นการละเมิดสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

สารบัญ

รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๑/๑ ก่อนฟ้าบันดาล,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๑/๒ ก่อนฟ้าบันดาล,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๒/๑ สิ่งเริ่มต้น,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๒/๒ สิ่งเริ่มต้น,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๓/๑ ความประทับใจครั้งแรกพบ,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๓/๒ ความประทับใจครั้งแรกพบ,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๔/๑ ในนามคู่สมรส,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๔/๒ ในนามคู่สมรส,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๕/๑ ขมิ้นกับปูน,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๕/๒ ขมิ้นกับปูน,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๖/๑ ขิงก็ราข่าก็แรง,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๖/๒ ขิงก็ราข่่าก็แรง,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๗/๑ ร่วมหอลงโรง(โลง),รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๗/๒ ร่วมหอลงโรง(โลง),รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๘/๑ ชีวิตคู่ที่จับพลัดจับผลู,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๘/๒ (อ่านล่วงหน้า08/08/67) ชีวิตคู่ที่จับพลัดจัยผลู

เนื้อหา

๓/๑ ความประทับใจครั้งแรกพบ

“อ้ายน่าน อยู่เฮือนก่อ หลวงปู่เปิ้นหื้อมาโตยไปหาเปิ้น อยู่ก่อ!” เสียงร้องอึงอลไปรอบตัวกระต๊อบในสายวันหนึ่งที่น่านนทีกำลังง่วนอยู่กับการปีนต้นมะม่วงในสวนท้ายกระท่อม

น่านนทีเป็นเด็กที่อยู่ไม่ติดที่ กิจวัตรประจำของเขาคือการได้ออกไปผจญภัยในป่า หาล่าสัตว์ เก็บของป่า แล้วแต่จะหาได้ตามช่วงฤดูกาลนั้นเพื่อยังชีพ ไม่เคยอยู่ว่างดูดาย หากวันใดไม่ไปไหนไกล เจ้าตัวก็จะมัวง่วนอยู่กับสวนผักสวนผลไม้ที่ปลูกเอาไว้ท้ายกระต๊อบอย่างในวันนี้

คำปู้จู้ เด็กวัดวัยละอ่อนยังคงหอบฮักจากการวิ่งผ่าแดดร้อนระอุจากที่วัดมาถึงที่พักของรุ่นพี่ พอร้องเรียกแล้วไม่พบสัญญาณตอบรับจากใคร เจ้าเด็กน้อยจึงเดินอ้อมไปด้านหลัง ก็พบว่าพี่ชายสองคนขึ้นปีนป่ายต้นมะม่วงอยู่ด้านบน โดยที่ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขายืนอยู่ตรงนี้

“อ้ายน่าน! อ้ายคำปัน! ยะหยังบ่ได้ยิน ฮ้องจนเจ๋บคอแล้ว ฟั่งไปหาหลวงปู่เปิ้นโวย ๆ บ่าเดี๋ยวนี่” คำปู้จู้ท้าวสะเอวแหงนคอเปล่งเสียงออกคำสั่งรุ่นพี่สุดกำลังมี

ถึงคราวนั้น สองคนที่มัววุ่นวายอยู่บนต้นมะม่วงถึงได้รู้ตัว

“หลวงปู่หื้อมาโตยก๋า เปิ้นมีอะหยัง” คำปันเป็นฝ่ายถามขึ้น ในขณะที่น่านนทียังสนใจอยู่กับผลมะม่วงต่อไป

“บ่ฮู้เหมือนกั๋นครับอ้าย ฮู้แต่ว่ามีคนมาหาเปิ้นแต่เจ้าแล้ว เปิ้นตึงหื้อมาโตยไปหานี่ ผมไปละ” ละอ่อนเด็กวัดว่ารีบ ๆ ก่อนจะฉวยหยิบเอามะม่วงที่รุ่นพี่ทั้งสองเก็บวางไว้ตรงพื้นข้างล่างไปสองลูก “ขอเน้อ” แล้วเผ่นไปโดยไว

“โค๊ะ ขี้ลักแต้ว่า” น่านนทีอุบอิบ ส่ายหัวเล็กน้อยอย่างนึกเอ็นดูเจ้าเด็กน้อย ความจริงเขาไม่ได้ว่าอะไร ค่อนข้างมีน้ำใจกับทุกคนด้วยซ้ำ ถึงไม่เอ่ยขอก่อน เขาก็เต็มใจแบ่งปันให้อยู่ดี

คำปันเก็บมะม่วงลูกสุดท้ายทิ้งลงตระกร้า เปรยว่า “ฮาว่าเฮาฟั่งไปหาเปิ้นก่อนเต๊อะ หันว่ามีคนมาหา บ่ดีหื้อคนใหญ่เปิ้นถ่า”

“จะอั้นก่อฟั่งเต๊อะ ฮาจะเอาบ่าม่วงไปฝากหลวงปู่เปิ้นตวย” น่านทีพยักหน้ารับรู้ ปล่อยมือจากมะม่วงที่กำลังจะเก็บ ก่อนจะกระโดดทิ้งตัวลงจากต้นไม้อย่างเชี่ยวชำนาญโดยไม่เสียท่าล้ม

เป็นปรกติในชีวิตของเด็กบ้าน ๆ อย่างน่านนที ทั้งปีนต้นไม้สูงเท่าต้นตาล งมน้ำหาหอยปูปลา ขึ้นเขาหาพืชสมุนไพร ดำนาหว่านไถ่ แม้กระทั่งวิชาหมัดมวย ล้วนเป็นทักษะที่น่านนทีสามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วอยู่แล้ว

ถึงไร้วุฒิไร้ใบปริญญา… แต่พวกเขาก็ยังมีความขยันขันแข็งเป็นใบเบิกทาง

ทั้งสองใช้เวลาจากกระต๊อบปลายนามาถึงยังกุฏิที่หลวงปู่อยู่ด้วยเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยการเดินเท้า น่านนทีสังเกตเห็นเครื่องยนต์สี่ล้อที่ส่วนมากมักจะพบจากคนมีฐานะในตัวเมืองเท่านั้นจอดอยู่ตรงหน้าซุ้มประตูโขง ปากทางเข้า ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะได้เห็นเป็นหนที่สอง แต่เขาไม่ได้สนใจ คงจะเป็นของมหาเศรษฐีที่มาสร้างอุโบสถถวายวัดล่ะมั้ง

ทั้งสองเดินมาหยุดหน้ากุฏิ เด็กวัดสองคนที่กวาดใบไม้อยู่ตรงนั้นแจ้งว่าให้เข้าไปพบหลวงปู่ได้เลย ท่านรอยู่กับแขกคนสำคัญ น่านนทีมองดูรองเท้าหนังสีดำขลับที่ถอดไว้ตรงประตูก็รู้แล้ว ว่าแขกคนนี้สำคัญใช่ย่อย

ภายในกุฏิมีแขกอยู่สองคน สวมชุดสูทสีสุภาพนั่งพนมมือสนทนาอยู่กับหลวงปู่ เขาอนุมานว่าน่าจะเป็นเจ้านายกับลูกน้อง ด้วยความที่เห็นว่าเป็นแขกคนสำคัญของหลวงปู่ ทั่งน่านนทีและคำปันจึงขอเดินเลี่ยงไปนั่งอีกฝั่ง ห่างจากคนไม่คุ้นหน้าทั้งสองพอสมควร

“อ้าว ปากันมาตันเวลาปอดี ถ้าจ้ากั่วนี่เปิ้นว่าจะปิ๊กแล้วหนา” หลวงปู่ทักหลานหนุ่มน้อยทั้งสองอย่างไม่จริงจัง ก่อนจะหันไปทางแขกผู้ทรงศักดิ์ เอ่ยเป็นสำเนียงอย่างคนเมืองใต้ว่า “นี่เป็นลูกของวันแรมมัน ส่วนคนนั้นเป็นเพื่อน อยู่ด้วยกันกับอาตมามาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย”

แขกของหลวงปู่หันมาส่งยิ้มให้หนุ่มน้อยทั้งสอง น่านนทียังเกร็ง ๆ ทำตัวไม่ถูกเวลาต้องสนทนากับผู้หลักผู้ใหญ่ มิหนำซ้ำดูท่าแล้วเขาไม่น่าจะใช่คนพื้นเพแถวนี้อีกด้วย จึงพนมมือไหว้อย่างเก้กังไปก่อน

“สะ สวัสดีครับ” แล้วตามด้วยคำปันอีกคน

ท่านชายปพนแย้มสรวล รับไหว้คนเด็กกว่าทั้งสอง แล้วหันไปตรัสกับพระเถระว่า “นี่น่ะหรือครับลูกของวันแรม ผ่านไปไวเหมือนกันนะครับ โตเป็นหนุ่มแล้ว หน้าตาละม้ายคล้ายแม่เสียจริง” จากนั้นจึงหันกลับมาถามเจ้าตัว “ชื่ออะไรล่ะเรา”

“ผม…ชื่อ น่านนที นามสกุลเกิดกล้ากลับ” เขาตอบ ก่อนจะชี้ตัวที่เพื่อนของตนและแนะนำอีกฝ่ายให้รู้จัก “นี่เป็นเพื่อนผมครับ คำปัน” เด็กหนุ่มกล่าวแนะนำด้วยสำเนียงอย่างคนภาคกลางที่ไม่ตนเองไม่ค่อยได้ใช้นัก แต่ด้วยความที่เคยหัดอ่านหัดเขียนหนังสือไทยกับหลวงปู่ ก็พอกลมกลืนกับเจ้าของสำเนียงได้

“ดีใจที่ได้พบทั้งสองนะ” ท่านชายตรัสยิ้ม ๆ

เท่าที่น่านนทีรับรู้ได้จากผู้ชายแต่งตัวดีมีภูมิฐานคนนี้ อย่างแรกคือความสุภาพของเขา อย่างที่สองเป็นความใจดีที่แสดงผ่านใบหน้า เขาต่างจากพวกผู้ดีส่วนใหญ่ที่น่านนทีเคยพบเห็น หากเป็นพวกนั้น ป่านนี้เด็กบ้าน ๆ หน้าตามอมแมมอย่างพวกเขาคงโดนเหยียดหยามเข้าให้แล้ว

“แล้วจะรับไปวันไหนดีล่ะโยม” พระเถระท่านถาม พลางมองหลาน ๆ ด้วยมุฑิตาจิตที่จะได้เห็นเด็กทั้งสองไปได้ดีที่เมืองกรุงเร็ว ๆ นี้ “อาตมาขอฝากคำปัน เพื่อนของเขาด้วยคนนะโยม”

“ครับ” ท่านชายตรัสตอบ

น่านนทีนั่งฟังไปก็พิจารณาไปตาม รับไป ขอฝากด้วยคนอะไรกัน หลวงปู่พูดราวกับว่าจะให้เขาเข้าไปทำงานกับคุณคนนี้ แต่หากจริงดังคิดก็ดีเช่นกัน อย่างน้อยพวกเขาก็มีโอกาสได้ทำงาน

“วันนี้เลยได้หรือไม่ครับ ผมต้องรีบกลับบางกอกด่วน ติดธุระน่ะครับ”

หลวงปู่นิ่งคิดไปสักครู่ ก่อนจะหันไปทางหลานชายทั้งสอง “ได้ไหมล่ะเจ้าน่าน เจ้าคำปัน ไปอยู่กับเปิ้นตี้บางกอก”

พอฟังจบ ทั้งสองก็อุทานออกมาพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย “หา!! หลวงปู่ว่าจะใดหนาครับ หื้อหมู่ผมไปอยู่กับเปิ้นวันนี่เลยก๋า แล้ว…เปิ้นจะปาไปยะก๋านอะหยังครับ”

“จะตกใจ๋อะหยัง เอาเป๋นว่าสูเขาไปอยู่กับเปิ้นก่อน งานก๋านเดี๋ยวเปิ้นจะหาหื้อ อยู่นี่บ่มีความเจริญอะหยัง ถ้าสูเขาไปอยู่ตางปู้น สูเขาจะได้ดี” หลวงปู่อธิบายเหตุผล ทว่าท่านไม่อธิบายทั้งหมด ยังเก็บไว้ส่วนหนึ่งตรงที่ว่าถ้าน่านนทีลงไปอยู่กับคุณคนนี้ที่บางกอก เขาจะต้องพบเจออะไรบ้าง เพราะท่านรู้ว่าหลานชายท่านค่อนข้างหัวแข็ง ไม่ยอมอะไรง่าย ๆ จึงเลือกที่จะไม่บอกในส่วนนั้น

“ครับหลวงปู่ ผมยอมไปก่อได้ครับ เมิน ๆ ผมจะปิ๊กมาเยี่ยมเน้อ”

“ผมตวยครับ” คำปันว่า

“สูเขาฟั่งโตยเปิ้นไปเต๊อะ บ่ต้องมาเยี่ยมมาเยือนอะหยังคนเฒ่าเลาะ ไปเมิน ๆ เลยก่อดี” หลวงปู่สัพยอก ทำเป็นไล่หลานทั้งสองไปไกล ๆ แต่ลึก ๆ แล้วท่านก็ใจแป้วเมื่อถึงคราวที่ทั้งสองต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปไกล แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้หากินไปวัน ๆ แถวบ้านอย่างนี้ ไม่มีโอกาสที่จะเจริญอย่างในเมืองกรุงหรอก

วันนั้นทั้งวัน น่านนทีและคำปันต้องรีบขนย้ายสำมะโนครัวขึ้นรถตามท่านชายปพนกลับไปบางกอกโดยด่วนอย่างฉุกละหุก ทั้งที่ท่านชายตรัสว่าไม่ต้องนำข้าวของสัมภาระใด ๆ ติดตัวไปทั้งสิ้น พอถึงที่นั่นท่านจะซื้อให้ใหม่เอง ทว่าเด็กหนุ่มทั้งสองช่างเกรงใจ ไม่ยอมสละของรักของหวงของตนเองทิ้งไว้ที่นี่แน่

ส่วนกระต๊อบและสวนข้างหลังนี้ก็ฝากทิ้งไว้ให้อยู่ในความดูแลของป้ออุ๊ยเจ้าของสวนใกล้ ๆ กันนี้ เพราะอีกไม่นานพวกเขาทั้งสองจะรีบเก็บเงินและกลับมาใช้ชีวิตบ้าน ๆ ที่นี่ดังเดิม

อีกไม่นานก็คงกลับ

ใช่ ไม่นานก็จะได้กลับ… เขาไม่ยอมปักถิ่นฐานที่นั่นจนตายหรอกนะ