'น่านนที' ชื่อของเด็กหนุ่มบ้านนอกที่ต้องระเห็จสู่เมืองกรุงเพื่อทำหน้าที่ตามพินัยกรรมของท่านชาย ทว่าก้าวแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาที่วังแห่งนี้ เสมือนว่าความวินาศสันตะโรจะบังเกิด!

รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย} - ๕/๑ ขมิ้นกับปูน โดย ปรมปุณณ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ย้อนยุค,วาย,พีเรียดไทย,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วาย,พีเรียดไทย,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

'น่านนที' ชื่อของเด็กหนุ่มบ้านนอกที่ต้องระเห็จสู่เมืองกรุงเพื่อทำหน้าที่ตามพินัยกรรมของท่านชาย ทว่าก้าวแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาที่วังแห่งนี้ เสมือนว่าความวินาศสันตะโรจะบังเกิด!

ผู้แต่ง

ปรมปุณณ

เรื่องย่อ

❝รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ❞

(สำนวนสุภาษิต) มีความหมายว่า รักจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ ให้ตัดความอาฆาตแค้นออกไป รักจะอยู่กันสั้น ๆ ให้อาฆาตพยาบาทเข้าไว้.

รักสั้นนั้นให้รู้อยู่เพียงสั้น  

รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย

มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย    

 แหงนดูฟ้าอย่าให้อายเทวดา 

(อิศรญาณภาษิต)

............................



ที่ผ่านมาชีวิตของ 'น่านนที' ดำเนินมาอย่างสงบสุขที่ชนบทในฐานะเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง แต่แล้วชีวิตปรกติสุขของเขาถึงเวลาต้องเปลี่ยนไป เมื่อได้รับจดหมายเชิญตัวเข้าไปอยู่ในรั้วในวัง จากเด็กหนุ่มบ้านนอกกลายเป็นสะใภ้เจ้าตามเงื่อนไงบนพินัยกรรมของหม่อมเจ้าประพัทธ์ ใครจะคิดว่าชีวิตของเขาที่นั้นจะได้รับการต้อนรับไม่ต่างไปยิ่งกว่าทาส ทุกคนเฝ้าแต่จะดูหมิ่นถิ่นแคลนโขลกสับ โดยเฉพาะพ่อหม่อมราชวงศ์คู่หมาย งานนี้น่านนทีจะต้องรับมืออย่างไรให้ไหว!

"น่านนที ไอ้บ้านนอก ถ้านายคิดจะอยู่ที่วังนี้เพื่อหวังฮุบสมบัติของท่านพ่อแล้วล่ะก็ ฉันบอกให้เลยว่าอย่าหวัง นายจะไม่ได้สักแดงเดียว ไสหัวไปจากที่นี่ซะ"

"ขอบคุณที่เรียนให้ทราบนะครับ แต่ไม่ดีกว่า ผมไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะยังไงสมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของผมเอง ถ้าคุณชายทำตามเงื่อนไขไม่ได้"

"นี่นาย! ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปเถอะ จ้างให้ฉันก็ไม่มีวันหลงผิดไปรักเด็กกระจอก ๆ อย่างนาย!"

"อืม ครับ ผมก็เช่นกัน"

"ฉันจะฟ้องหม่อมแม่!"


⚠️ นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามคัดลอก ทำการดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่ง ส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่ต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าของผลงาน การกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตถือ เป็นการละเมิดสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

สารบัญ

รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๑/๑ ก่อนฟ้าบันดาล,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๑/๒ ก่อนฟ้าบันดาล,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๒/๑ สิ่งเริ่มต้น,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๒/๒ สิ่งเริ่มต้น,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๓/๑ ความประทับใจครั้งแรกพบ,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๓/๒ ความประทับใจครั้งแรกพบ,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๔/๑ ในนามคู่สมรส,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๔/๒ ในนามคู่สมรส,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๕/๑ ขมิ้นกับปูน,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๕/๒ ขมิ้นกับปูน,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๖/๑ ขิงก็ราข่าก็แรง,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๖/๒ ขิงก็ราข่่าก็แรง,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๗/๑ ร่วมหอลงโรง(โลง),รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๗/๒ ร่วมหอลงโรง(โลง),รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๘/๑ ชีวิตคู่ที่จับพลัดจับผลู,รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ {วายพีเรียดไทย}-๘/๒ (อ่านล่วงหน้า08/08/67) ชีวิตคู่ที่จับพลัดจัยผลู

เนื้อหา

๕/๑ ขมิ้นกับปูน

“ตกใจอะไรยะ แหม คงดีใจสิท่าที่จะได้แต่งงานกับลูกชายฉันน่ะ” หม่อมใหญ่เหยียดยิ้ม ในจิตใจของหล่อนมีแต่อคติต่อเด็กคนนี้ จึงเป็นปรกติที่หล่อนจะมองไม่เห็นความจริงว่าน่านนทีไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย

เด็กหนุ่มสับสนปนเปไปหมดแล้ว เขาเข้าเมืองกรุงมาเพื่อเป็นลูกจ้างไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงต้องกลายมาแต่งงานกับคุณชายที่ดูจะ…ไม่สมประกอบคนนี้

“มันคงอยากจะได้ทรัพย์สมบัติของท่านพ่อจนตัวสั่นน่ะสิคะ หม่อมแม่” หม่อมราชวงศ์หญิงโฉมสมรฯกล่าวสุมไฟในใจของมารดาเพิ่ม

“นี่แก อย่าแม้จะคิดเชียวนะยะ ฉันไม่ยอมให้แกได้อะไรจากวังนี้สักแดงเดียวหรอกย่ะ”

“หยุด พอ ๆ กันทั้งแม่ทั้งลูก” ท่านชายปพนตรัสปรามสองแม่ลูกที่ไม่ยอมหยุดเสียดสีทางวาจาเสียทีตั้งแต่น่านนทีเข้ามาที่นี่ ทรงไม่เข้าพระทัยเลยว่าจะรังคัดรังแคอะไรนักหนา หม่อมใหญ่ถ่ายทอดความเกลียดชังให้กับลูก ๆ ของหล่อนเช่นนี้ แล้วจะเกิดสันติได้อย่างไร “ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขอย่างราบรื่น อย่าให้ฉันได้ยินว่ามีใครขัดคำสั่งเสียสุดท้ายของพี่ชายฉันล่ะ”

“แต่ท่านพนเพคะ…” หม่อมใหญ่กำลังอ้าปากจะประท้วง ทว่าหล่อนก็โดนสะกัดกั้นไว้เสียก่อน

“อ้อ ชายเมศวร์ วันพรุ่งนี้เตรียมตัวไว้ด้วย อาสั่งให้คนมาวัดขนาดตัวเพื่อตัดชุดเข้าพิธี แล้วก็ถ่ายรูปด้วยเสียเลย”

“แต่ท่านอา…” หม่อมราชวงศ์หนุ่มทำปากคว่ำ แววตาละห้อย อยากจะปฏิเสธ แต่ก็ทำไม่ได้

คุณหญิงอรซักไซ้ต่อ “ต้องทำพิธีรีตรองดี ๆ ด้วยหรือคะท่านอา แต่งแค่ปีเดียว เดี๋ยวก็ต้องเลิกรากันแล้ว หญิงไม่เห็นว่าเราจะเป็นต้องให้เกียรติอะไรมันด้วยเลย ก็แค่เด็กบ้านนอก”

“จริงครับท่านอา” คุณชายเมศวร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

หม่อมเจ้าปพนส่ายเศียรอ่อนล้ากับตรรกะความคิดของหลาน ๆ ที่บ่งบอกความไม่เจริญทางสติปัญญา ตั้งแต่เด็กจนโต หม่อมใหญ่เธอก็ช่างพร่ำสอนเฉพาะสิ่งไม่จรรโลงใจให้แก่ลูก ๆ เหลือเกิน เสียผู้เสียคนจนทุกวันนี้ คงกู่ไม่กลับแล้ว

“เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก ใครจะบ้านในบ้านนอกไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าน่านนทีคือผู้ที่ท่านพ่อของหลานระบุไว้ในพินัยกรรม หากอยากได้รับมรดกในส่วนนั้น พวกหลานก็จงให้ความร่วมมือซะ”

“หญิงไม่เข้าใจกับท่านพ่อเลยจริง ๆ ทำไมต้องเป็นเด็กนี่ด้วย ลูกผู้ลากมากดีด็มีถมเถไป ไม่เห็นจะต้องไปเก็บเอากวาดหินดินทรายต่ำ ๆ มาเลยนี่คะ” คุณหญิงโฉมแย้งความ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพ่อรับสั่งไว้ก่อนสิ้นชีพิตักษัย ก่อนที่หม่อมแม่ของเธอจะปรามขึ้น

“หยุดพูดได้แล้วน่าหญิงโฉม ยอม ๆ ทำตามข้อตกลงไปเถอะ อย่างน้อยเราก็ยังจะได้สมบัติทุกส่วน รวมถึงวังนี้ด้วย”

ด้วยเหตุนี้ เมื่อคุณหญิงคุณชายยอมหุบปากไม่ต่อล้อต่อเถียงกันให้มากความ บรรยากาศภายในห้องรับประทานอาหารจึงดำเนินต่อไปได้อย่างเงียบสงบ หม่อมใหญ่กริ่งใจว่าถ้าหากฝืนพยายามขัดเงื่อนไขของสวามีต่อไป ก็จะกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสียซะเอง เวลาแค่หนึ่งปี หล่อนจะอดทนเอา

มื้อค่ำวันนี้จบลงอย่ารวดเร็ว หนึ่งในเหตุผลคือการมีปากมีเสียงกันก่อนเริ่มรับประทาน พวกคุณหญิงคุณชายและมารดาจึงกินเพียงไม่กี่คำ และปลีกตัวออกไป โดยให้เหตุผลประชดประชันว่าไม่อยากร่วมโต๊ะกับพวกที่ออกจากป่ามาแต่เยิง พวกเขากล่าวว่ามันไร้วัฒนธรรม

เหลือเพียงท่านชายปพน หม่อมน้อยกับลูก ๆ ของหล่อน และน่านนทีที่นั่งรับประทานอาหารไปอย่างเงอะงะเพราะไม่คุ้นกับการใช้ช้อนส้อม พอเสร็จมื้อเย็น เจ้าตัวก็ออกไปรอพบท่านชายปพนแถวโรงรถตามที่ท่านรับสั่ง น่าจะเป็นเรื่องงานแต่งที่มีเขาเข้าไปพัวพันด้วย เขาจะต้องถามความจริงจากโอษฐ์ท่าน

“น่านนที” เสียงเรียกจากท่านชายปพนที่กำลังดำเนินออกมาจากตำหนักใหญ่หลังเสร็จสิ้นธุระกับหม่อมน้อย

เจ้าของชื่อหันมายังต้นเสียง เมื่อครู่เขายืนเด็ดใบไม้ทิ้งอย่างคิดไม่ตกเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินมาเรื่องงานแต่งของคุณชายเมศวร์ มันต้องไม่เป็นดังที่เขาสันนิษฐาน

“ครับ”

“หนูคงได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหม ขออาอธิบายให้เข้าใจอีกสักนิด หวังว่าหนูนทีคงไม่โกรธกัน” ตรัสอย่างอ่อนโยน หวังให้คนเด็กกว่าได้รับฟังเหตุผลของเรื่องทั้งหมด เพราะทรงเชื่อว่าน่านนทีคงไม่ใจร้อนรีบโวยวายเหมือนหลานชายขององค์เอง

“ครับ ท่านอธิบายมาเถอะครับ”

“คือฉันอยากขอให้หนูนทีแต่งงานกับชายเมศวร์ได้หรือไม่ เพียงหนึ่งปีเท่านั้น พอครบแล้วจะตัดขาดกันทันทีก็ยังได้ ส่วนค่าตอบแทน อาจะให้เป็นเงินเดือน หากอยากเรียนหนังสือ อาก็จะสนับสนุน หรืออยากได้อะไร เพียงแค่หนูนทีขอมา”

“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นล่ะครับ เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอ”

“ก็เพราะไม่ได้ อาถึงต้องขอร้องหนู พี่ชายของอาท่านเลือกหนูนทีไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น เพียงแค่แต่งงานแล้วอยู่ที่นี่ หนูนทีจะช่วยอาได้หรือไม่” ท่านชายปพนวิงวอนขอ ทั้งที่คนที่น่าจะมาขอความช่วยเหลือจากน่านนทีควรจะเป็นหม่อมใหญ่ หรือไม่ก็คุณหญิงคุณชายนั่นเสียมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะทรงอยากให้ความประสงค์ของเชษฐาลุล่วงด้วยดี

น่านนทีทำหน้าลำบากใจ ถึงคราวต้องคิดหนักแล้ว เมื่อผู้ใหญ่ขอความช่วยเหลือ ใช่ว่าเขาอยากจะปฏิเสธนักหรอก แต่ภาระหน้าที่มันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน นี่ขนาดเข้ามาอยู่ในวังประภากรฯได้ไม่ถึงวัน ยังโดนขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพนั้นเมื่อต้องแต่งงานร่วมหอกับคนแบบคุณชายชื่อยาว

“ไว้ผมพิจารณาให้รอบครอบอีกครั้งก่อนนะครับ แล้วจะให้คำตอบ” เด็กหนุ่มตอบอย่างขอไปที จะรับข้อเสนอหรือไม่ต้องคอยดูพฤติกรรมของคู่สมรสประกอบการตัดสินใจไปเรื่อย ๆ ก่อน จะได้ไม่ต้องวุ่นวายกันทีหลัง

แต่ว่า… ทำไมเขาต้องคิดเล็กคิดน้อยด้วยล่ะ ในเมื่อแต่งกันแค่หนึ่งปี เสร็จจากนั้นก็รับค่าตอบแทนก้อนใหญ่แล้วกลับบ้านเกิดไปเสีย ไม่ได้จะอยู่กินด้วยกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเสียหน่อย

ความรู้สึกประดักประเดิดเริ่มกัดกินเข้ามาในใจของเขา นึกภาพวันต้องร่วมหอนอนเคียงหมอนกับอีตาคุณชายนั่นขึ้นมาแล้วชักสยิวใจ หน้าตาก็หล่อเหลา สกุลรุนชาติก็ดีเลิศ แต่มีนิสัยไม่ต่างจากพวกนักเลงท้ายซอย







สายลมเย็นแผ่วพลิ้วเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างที่เปิดอ้าเอาไว้ ยามค่ำคืนเช่นนี้มักมีหมอกน้ำค้างพร่างพรมผสานกับเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องเซ็งแซ่ ยังผลให้เจ้าของห้องชักจะรำคาญหู เขาเป็นคนประเภทเบื่อง่ายรำคาญเร็ว อะไรนิดอะไรหน่อยก็ไม่พอใจไปเสียหมด

คุณชายเมศวร์เดินไปงับบานหน้าต่างให้มิดชิดทุกช่อง พอป้องกันเสียงรบกวนใจได้ประมาณหนึ่ง เขาหย่อนก้นนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะเอียงใบหน้าซ้ายขวาเพื่อสำรวจรูปโฉมอันคมสันของตนเอง

ความรำคาญใจเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลานั้นถูกประดับไปด้วยรอยช้ำเขียวตรงมุมปากจากแรงกระทั่งของกำปั้น ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเขาแน่ หากไม่เป็นฝีของเด็กบ้านนอกคนนั้น!

ยังเจ็บใจไม่หาย ซ้ำยังต้องมารู้ว่าไอ้เด็กแสบนั่นคือคนที่เขาต้องร่วมพิธีวิวาห์ด้วย ฝ่ามือแกร่งบีบรัดกันแน่นอย่างแสบแสน

“น่านนที! ไอ้เด็กกระจอก นายทำให้ฉันต้องเสียโฉม หึ ทำได้แค่ต่อยฉันเท่านั้นล่ะ คอยดู ฉันจะเอาคืนให้สาสม!” ชายหนุ่มทุบกำปั้นหนักลงบนโต๊ะกระจก นึกไปถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กเหนือคนนั้นเมื่อไหร่ เป็นต้องหงุดหงิดอยู่ร่ำไป

ทั้งที่เจ้าเด็กคนนั้นตัวเล็กกว่าก็ตั้งมาก ผิวขาวดูอ่อนแอน่ากลั่นแกล้ง ท่าจะไม่มีเรี่ยวแรงต่อกรกับเขา ทว่ามันไม่ใช่เลย เด็กนั่นร้ายกว่าที่เขาคิดอยู่มาก เขาจะห้องหาทางกำจัดคู่อริตั้งแต่เนิ่น ๆ

“ท่านอาก็ไปถือหางมัน มีดีอะไรกัน เหอะ รอถึงวันฉันได้มรดกท่านพ่อก่อนเถอะ ฉันจะเฉดหัวนายออกไปจากที่นี่แน่ ไอ้เด็กเหนือหน้าจืดเอ้ย!”

หม่อมราชวงศ์หนุ่มส่องหน้าตัวเองไปพลางหาวิธีแก้แค้นไป แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาโดยลำพังเมื่อคิดแผนร้ายได้ หากแต่ก็ต้องเสียอารมณ์ เนื่องจากเสียงร้องของแมลงที่ดังเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องไม่หยุด คุณชายเมศวร์ลุกขึ้น กะจะเอาน้ำไปสาดต้นไม้เผื่อจะทำให้เสียงหยุดไปได้บ้าง

ทว่าสวรรค์ช่างเข้าข้าง ยามเมื่อชะโงกหน้าออกไป เป็นช่วงบังเอิญเห็นร่างของใครบางคนยืนเก็บดอกไม้อยู่ด้านล่างพอดี เขาแน่ใจชัดเจนว่าเป็นศัตรูแน่นอน คราวนี้ความคิดดี ๆ จึงบังเกิดขึ้นทันใด

“นายเสร็จฉันแน่ หึ ๆ” คุณชายเมศวร์กลับไปหยิบเอาสมุดเล่มหนาที่ตนไม่ได้ใช้แล้วมาสองสามเล่ม เปิดหน้าต่างออก และเล็งเป้าหมายไว้ให้แม่นมั่น ก่อนจะตั้งท่าเขวี้ยงสมุดเล่มที่หนึ่งไปยังน่านนที

คุณชายเดาะลิ้นเมื่อไม่สมหวังดังใจหมาย สมุดเล่มแรกไม่เฉียดใกล้เลยสักนิด เขาไม่ยอมแพ้แต่เพียงนั้น ปาเล่มที่สองถัดไป แต่ไม่รู้ว่าน่านนทีทำบุญด้วยอะไรถึงมุ่งร้ายไม่ได้เสียที เล่มที่สองก็สูญเปล่า

ดูเหมือนว่าฝ่ายหนุ่มน้อยก็น่าจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกโจมตีอยู่ แต่ยังหาตัวคนร้ายไม่เจอ

“ฉันไม่ยอมหรอก!” เล่มที่สามถูกยกขึ้น เขวี้ยงออกไปยังคู่กรณีด้วยแรงเต็มเหนี่ยว มันลอยเคว้งไปตกกระทบเข้าที่กลางกระหม่อมของน่านนทีเข้าอย่างจัง จนเจ้าตัวต้องร้องอุทานเสียงหลง ก่อนจะชายตามองหาคนมือบอน

ภาพของน่านนทีที่กุมหัวด้วยความเจ็บสร้างความพอใจต่อคุณชายเมศวร์เป็นอย่างมาก เขายืนหัวเราะลั่นตรงหน้าต่าง โดยลืมไปว่าจะทำให้อีกฝ่ายเห็นตนได้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อน่านนทีหันกลับมา พร้อมส่งสายตาไม่พึงใจให้

ผู้กระทำหาได้ยี่หระใด ๆ ไม่ ยังมีหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนต่ออีก หม่อมราชวงศ์หนุ่มทำปากเป็นประโยคแบบไร้เสียงเป็นความว่า ‘สมน้ำหน้า กระลาหัวเจาะ’ แล้วยักคิ้วลิ่วตาทิ้งท้ายไว้เป็นเชิงข่มอีกฝ่ายว่าวันนี้เขาได้เอาคืนแล้ว