'น่านนที' ชื่อของเด็กหนุ่มบ้านนอกที่ต้องระเห็จสู่เมืองกรุงเพื่อทำหน้าที่ตามพินัยกรรมของท่านชาย ทว่าก้าวแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาที่วังแห่งนี้ เสมือนว่าความวินาศสันตะโรจะบังเกิด!
ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ย้อนยุค,วาย,พีเรียดไทย,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
'น่านนที' ชื่อของเด็กหนุ่มบ้านนอกที่ต้องระเห็จสู่เมืองกรุงเพื่อทำหน้าที่ตามพินัยกรรมของท่านชาย ทว่าก้าวแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาที่วังแห่งนี้ เสมือนว่าความวินาศสันตะโรจะบังเกิด!
ผู้แต่ง
ปรมปุณณ
เรื่องย่อ
❝รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ❞
(สำนวนสุภาษิต) มีความหมายว่า รักจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ ให้ตัดความอาฆาตแค้นออกไป รักจะอยู่กันสั้น ๆ ให้อาฆาตพยาบาทเข้าไว้.
รักสั้นนั้นให้รู้อยู่เพียงสั้น
รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย
มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย
แหงนดูฟ้าอย่าให้อายเทวดา
(อิศรญาณภาษิต)
............................
ที่ผ่านมาชีวิตของ 'น่านนที' ดำเนินมาอย่างสงบสุขที่ชนบทในฐานะเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง แต่แล้วชีวิตปรกติสุขของเขาถึงเวลาต้องเปลี่ยนไป เมื่อได้รับจดหมายเชิญตัวเข้าไปอยู่ในรั้วในวัง จากเด็กหนุ่มบ้านนอกกลายเป็นสะใภ้เจ้าตามเงื่อนไงบนพินัยกรรมของหม่อมเจ้าประพัทธ์ ใครจะคิดว่าชีวิตของเขาที่นั้นจะได้รับการต้อนรับไม่ต่างไปยิ่งกว่าทาส ทุกคนเฝ้าแต่จะดูหมิ่นถิ่นแคลนโขลกสับ โดยเฉพาะพ่อหม่อมราชวงศ์คู่หมาย งานนี้น่านนทีจะต้องรับมืออย่างไรให้ไหว!
"น่านนที ไอ้บ้านนอก ถ้านายคิดจะอยู่ที่วังนี้เพื่อหวังฮุบสมบัติของท่านพ่อแล้วล่ะก็ ฉันบอกให้เลยว่าอย่าหวัง นายจะไม่ได้สักแดงเดียว ไสหัวไปจากที่นี่ซะ"
"ขอบคุณที่เรียนให้ทราบนะครับ แต่ไม่ดีกว่า ผมไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะยังไงสมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของผมเอง ถ้าคุณชายทำตามเงื่อนไขไม่ได้"
"นี่นาย! ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปเถอะ จ้างให้ฉันก็ไม่มีวันหลงผิดไปรักเด็กกระจอก ๆ อย่างนาย!"
"อืม ครับ ผมก็เช่นกัน"
"ฉันจะฟ้องหม่อมแม่!"
⚠️ นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามคัดลอก ทำการดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่ง ส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่ต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าของผลงาน การกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตถือ เป็นการละเมิดสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
สถานการณ์ภายในวังประกรฯช่างดูคับขันในยามนี้ คนงานจำนวนมากต่างเร่งมือตระเตรียมสถานที่เพื่อใช้ในงานมงคลของทายาทคนสำคัญกันขะมักเขม้น บริเวณพิธีวิจิตรพิสาดารใหญ่โต แม้หม่อมเจ้าปพน ผู้ทรงเป็นเจ้าภาพจะรับสั่งให้จัดงานอย่างเรียบง่าย เชื้อเชิญพระญาติไม่กี่องค์ และคนคนรู้จักมักคุ้นอีกสักสองสามท่านก็เป็นพอ เอิกเกริกไปก็ไม่ได้ เพราะทรงคาดเดาจากความไม่ลงรอยของเด็กทั้งสองแล้ว ดำริว่าพิธีแบบเงียบ ๆ เห็นจะดีที่สุด
น่านนทีนั่งเหม่อมองตนเองผ่านบานกระจกใส เขาอยู่ในชุดสูทสีขาวนวลตอบรับกับผิวผุดผ่อง ใบหน้าเฉยชาได้รับการเสริมแต่งอย่างธรรมชาติให้ดูเฉิดฉัน เข้ากันกับเส้นผมดำขลับที่จัดทรงสวย ผิวพรรณที่ได้รับการขัดสีฉวีวรรณโดยหม่อมจำปาช่างนุ่มลื่นละออดุจปุยฝ้าย ทว่าเจ้าของความงามนั้นกลับไม่ได้รู้สึกยินดีในวันมงคลของตนเลยแม้แต่น้อย
จากเด็กบ้านนอกในวันนั้น สู่ว่าที่สะใภ้จ้าวในวันนี้ ตำแหน่งที่เขาได้รับมา คิดว่าใคร ๆ ก็เป็นต้องอิจฉา แต่สิ่งนั้นหาได้เกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ไม่
ใบหน้าผุดผาดแสร้งยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่มองอยู่ ก่อนจะหันหลบไปทิ้งสายตาไว้ที่ยอดไม้นอกหน้าต่างอย่างใจลอย ในที่สุด เขาก็ยอมตกลงปลงใจทำในสิ่งที่ตนเองไม่อยากทำจนได้ กลับตัวตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
หม่อมจำปาเห็นอาการแปลกไปของเด็กหนุ่มเช่นนั้น หล่อนจึงเข้ามาหา เอ่ยเสียงหวานว่า “น่านนทีจ๊ะ ทำหน้าดี ๆ เข้าไว้สิ เธอน่าตาน่ารักอยู่แล้ว อย่าทำอย่างนั้นเลย จะดูไม่ดีนะจ๊ะ”
“ก็ผมไม่อยากแต่งนี่ครับ” เด็กหนุ่มว่าเสียงอ่อน ไม่เข้าใจกับโชคชะตาที่กลั่นแกล้งกัน ทำให้เขาถูกหลอกมาแต่งงาน
“ไม่เอาสิจ๊ะ แต่ง ๆ ไปก่อน ฉันรับรองว่าเธอจะยังอยู่ที่นี่อย่างมีอิสระ ฉันจะไม่ยอมให้ชายเมศวร์เข้ามาวุ่นวายกับเธอแน่ พอแต่งเสร็จแล้ว เธอจะแยกอยู่กับเขาก็ได้” หม่อมจำปาโน้มน้าว พลางจัดโบว์หูกระต่ายให้ว่าที่หลานสะใภ้ จากนั้นหล่อนจึงหยิบน้ำหอมอย่างดีจากเมืองนอกมาฉีดพรมให้กับคนพิเศษในวันนี้โดยเฉพาะ
“ชายเมศวร์ชอบกลิ่นนี้”
“ชอบ? ช่างเขาสิครับ” น่านนทีพูดอย่างไม่ใส่ใจ คุณชายชื่อยาวคนนั้นจะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ไม่เห็นเกี่ยวข้องกับเขา แต่ที่เกี่ยวแน่ ๆ คือเขาเองก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณชายคนนั้นไม่ชอบ
หม่อมจำปาอ่อนใจ เห็นทีว่าหล่อนคงทำให้เด็กสองคนนี้ปรองดองกันยาก “อย่าลืมยิ้มให้มาก ๆ นะจ๊ะ วันนี้วันมงคล เป็นวันสำคัญในชีวิตของเธอ”
คนฟังอยากจะยกมือสาธุเหนืองหัวสูง ๆ เขาชักจะระอิดระอาใจ ทำไมทุกคนถึงเอาแต่พร่ำบอกว่าเป็นวันมงคลของเขากัน ทั้งที่ความจริง มันตรงกันข้าม หากเป็นวันวิปโยคยังจะถูกต้องกว่าอีก
เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไร ไร้อารมณ์จะเสวากับใครทั้งนั้น เขาส่องตัวเองในกระจกอีกครั้ง ชื่นชมกับรูปร่างหน้าตาอันเป็นสิริของตนเอง เสียดายที่มันจะต้องตกเป็นของคนอื่น แต่ถึงอย่างไร หัวเด็ดตีนขาดเขาก็ไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นหรอก
“ปะจ๊ะ รีบลงไปกันเถอะ ป่านนี้ผู้ใหญ่ท่านคงคอยกันแล้ว”
น่านนทีพยักหน้ารับทราบ เดินตามหม่อมจำปาออกไปจากห้องแต่งตัวเงียบ ๆ อย่างเก้กัง เขาชักจะกระดากอายกับร่างกายของตัวเองในชุดเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ คิดว่ามันดูดีเกินไป ไม่เข้ากับตัวเอง
พิธีจัดขึ้นภายในห้องโถงของตำหนักใหญ่ ประดับประดาด้วยดอกไม้มงคลหลากสี ส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบริเวณ น่านนทีก้าวเท้าลงบันไดมาอย่างประหม่า เขาทอดมองแขกเหรื่อที่มาร่วมแล้วใจก็กระตุกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทุกคนอยู่ในชุดสุภาพงดงามสมกับเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ท่านชายปพนทรงเชื้อเชิญ ล้วนเป็นพระญาติพระวงศ์สูงศักดิ์ ดูเท่านี้น่านนทีก็รู้แล้วว่าตนคงเป็นกาในฝูงหงส์แน่
ถัดมาที่สายตามองเห็นเป็นร่างสง่าผ่าเผยของคุณชายชื่อยาว เขายืนเต็มความสูงในชุดสูทสีเช่นเดียวกันกับน่านนที ใบหน้าหล่อคมเข้มนั้นบูดบึ้งไม่ต่างกัน คุณชายเมศวร์หันมาทางคนเด็กกว่าโดยบังเอิญ เขาจ้องภาพนั้นนานอยู่ราวสามนาทีเห็นจะได้
สายตาคมเพ่งพินิจรูปร่างของน่านนีอย่างสนใจ เด็กบ้านนอกมอซอไร้การศึกษาหาความน่ามองอย่างไรก็ไม่พบในวันนั้น กลับช่างดูน่าภิรมย์ฤดีในวันนี้ เสื้อผ้าราคาแพงบวกกับการจัดเสริมเติมแต่งร่างกายช่วยทำให้สิ่งธรรมดาดูพิเศษขึ้นมาได้เท่าตัว อย่างนี้ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งแท้ ๆ
หม่อมราชวงศ์หนุ่มส่วยหัวไล่ความคิดไม่มงคลออกพัลวัน เขาจะคิดชื่นชมเด็กกระจอกงอกง่อยนั่นไม่ได้ ในสายตาของเขา น่านนทีต้องเป็นศัตรู ไม่ใช่ที่คนพึงพอใจ ถึงเป็นคู่สมรส ก็คู่สมรสที่ไม่ได้รับการยอมรับ
คุณชายเมศวร์ละสายตา เมินเฉยไม่สนใจเด็กร้ายกาจ เดินค้อมหัวไปนั่งตรงพรมที่ปูไว้อย่างเรียบร้อย หม่อมจำปาส่งสัญญาณให้น่านนทีตามไปนั่ง ก่อนที่หล่อนจะวางก้นลงเก้าอี้ด้านบนที่มีผู้ใหญ่นั่งประจำอยู่เรียงลำดับกันอยู่ ได้แก่ ท่านชายปพน และหม่อมจำปี รับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว ต่อมาเป็นหม่อมจำปา รับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ให้น่านนที และหม่อมจำปูน พร้อมด้วยโอรสของหล่อน อย่างท่านชายเกื้อและท่านชายกูล
ใช้เวลาสักพัก เมื่อพิธีทางสงฆ์เสร็จสิ้นลง ก็ถึงเวลารดน้ำสังข์ ท่านชายปพนถือเป็นผู้ใหญ่สูงสุดในตระกูลจึงทรงเริ่มก่อน ตามด้วยญาติพี่น้ององค์อื่น ๆ
หม่อมจำปีหยดน้ำเย็นหอมลงบนพุ่มมือของบุตรชาย กล่าวยิ้มแย้มแกมเสียดสีว่า “ขอให้ชายเมศวร์ของแม่มีความสุบมาก ๆ พ้นเวรพ้นกรรมเร็ว ๆ นะจ๊ะ” แล้วทิ้งสายตามาทางลูกสะใภ้ชั่วคราวด้วยประโยคสุดท้าย คล้ายจะจิกกัดในที
ตามด้วยหม่อมจำปา หม่อมจำปูน และท่านที่เหลือ น่านนทีรับรู้ได้ถึงควาเมตตาและความเกลียดชังในเวลาเดียวกัน ผู้ใหญ่บางท่านก็อวยพรดีสมกับวัยวุฒ ผู้ใหญ่บางท่านก็คอยเหน็บแนม เขาเริ่มจะอึดอัดเต็มทน อยากพังงานแต่งนี้ แล้วหนีกลับเมืองน่านไปให้รู้แล้วรู้รอด
“ขอให้ชีวิตคู่มีความสุขนะชายเมศวร์”
“หม่อม” คุณชายตอบรับ
“ขอให้มีความสุข รับมือกับชายเมศวร์ให้ไหวนะ เอ่อ คุณ…” คนอวยพรหยุดชะงัก เนื่องจากไม่ทราบชื่อ เท่าที่น่านนทีฟังน้ำเสียงดูแล้ว ชายคนนี้น่าจะเป็นผู้ชายใจดี หนึ่งในสิบของวงศาคณาญาติตระกูลนี้ที่จะพูดจาดี ๆ เป็น
เขาเงยหน้าขึ้นมองคนพูด เมื่อสบสายตาแล้วยิ่งเด่นชัดไปอีกว่าเขาคิดไม่ผิด ใบหน้าหมดจดแสดงความสง่าอันเป็นเอก ผสมกับรอยยิ้มละมุนละไมได้อย่างลงตัว หัวใจของน่านนทีจู่ ๆ ก็สั่นไหวโดยไม่รู้สาเหตุ
“ผม… ชื่อน่านนทีครับ”
“น่านนที ฉันยินดีด้วยนะ”
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้มเขิน ๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกถูกชะตากับชายคนนี้มากกว่า แทนที่จะเป็นอีตาคุณชายขี้เก๊กที่กำลังนั่งเหยียดยิ้มจนปากจะเบี้ยวอยู่แล้วคนนี้
บุญไม่พา วาสนาไม่ส่งเสียจริง ถึงได้แต่งงานกับคน… คนประหลาดแบบนี้
พอผู้ชายคนนั้นรดน้ำสังข์เสร็จ เขาก็ออกไป แต่อยู่ดี ๆ คุณชายเมศวร์ก็มีน้ำโหขึ้นมาโดยไร้ปี่ไร้ขลุ่ยเสียอย่างนั้น “นี่นาย คิดจะให้ท่าท่านสิท่า หึ ว่าแล้วเชียว ตาเยิ้มเป็นน้ำผึ้งเดือนห้าเลยนะ”
“อะไรของคุณชายอีกล่ะครับ อยู่เฉย ๆ ไม่เป็นหรือไง” น่านนทีอุบอิบตอบ จะชวนเขาทะเลาะเบาะแว้งแม้กระทั่งเวลาอย่างนี้เลยหรือไง
“คิดอะไรอยู่ ก็รู้อยู่แก่ใจ ฉันรู้แผนของนายหรอกน่า”
“เชิญคิดเอาตามใจคุณชายเถอะครับ ไม่ขอเถียง อายแขก” น่านนทีโต้กลับ หันหน้าหนีไปสนใจแขกผู้ใหญ่ทางอื่น ขืนให้ต่อความยาวสาวความยืดด้วย ถึงค่ำก็คงไม่จบ
พิธีรดน้ำสังข์ดำเนินไปจนถึงเวลาเพล เป็นอันว่าเสร็จสิ้นลงด้วยความเกือบจะดี หากว่าหม่อมจำปีไม่มีปากมีเสียงกับน้องสวามีของหล่อนเสียก่อน ดีที่แขกในงานทยอยกลับกันหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงเป็นเสียงนินทากาเลปากต่อปากแน่
“จะต้องลงทุนขนาดนั้นเลยหรือเพคะ แค่แต่งกันปีเดียว”
“มันไม่ใช่เรื่องลงทุน แต่แต่งงานจนเสร็จ หล่อนจะเอาสินสอดคืน มันหมายความว่าอย่างไรหม่อม”
“ก็ของหม่อมฉัน เรื่องอะไรจะยอมเสียไปให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า ก็แค่แต่งให้จบ ๆ ไป สินสอดนี่หม่อมฉันจะให้เฉพาะสะใภ้ที่หม่อมฉันเลือกเองเท่านั้นเพคะ ท่านพน” หม่อมจำปีขึ้นเสียง หล่อนกอดพานใส่สินสอดไว้แน่น ที่เห็นเอามาตั้งไว้เรียงรายก่ายกองนั้นก็แค่ทำให้เป็นหน้าเป็นตา พอสิ้นพิธี หล่อนก็ขอคืน
ท่ายชายปพนไม่รู้จะเถียงกับหล่อนคนนี้อย่างไรต่อ ยอมแต่เพียงนั้น ถึงอย่างไรเครื่องทองเครื่องเพชรเงินสดพวกนั้นมันก็ของหล่อนตามจริง จะให้ไม่ให้ก็สิทธิ์ของหล่อน “เอาล่ะ ไม่เป็นไร สินสอดที่จะให้น่านนที ฉันจะจัดการเอง”
“ท่านพนจะยอมสละให้ไอ้เด็กนี่จริง ๆ หรือเพคะ”
หม่อมเจ้าชายปพนไม่ตอบ หันไปทางหลานทั้งสอง ตรัสอย่างใจเย็นว่า “ถึงฤกษ์ส่งตัวเข้าหอแล้ว ชายเมศวร์พาน้องไป”
คุณชายคนใหญ่ตกใจหน้าตลึง เขาฟังไม่ผิดแน่ แต่ขอทวนอีกครั้ง “อะไรนะครับท่านอา ไม่จริงใช่ไหม ชายหูฝาดไป”
“ต้องเขาหอด้วยหรือคะท่านอา” คุณหญิงอรช่วยถาม
“เข้าสิ ไม่อย่างนั้นจะตรงตามขนบธรรมเนียมหรือ” ตรัสตอบแล้วหันไปทางน่านนที “น่านนที ไม่ต้องกลัวนะ แค่ทำตามจารีต ไม่มีอะไรหรอก”
ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอกอย่างนั้นหรือ น่านนทีไม่คิดเช่นนั้น สิ่งที่น่ากลัวก็ไอ้คนที่ต้องร่วมหอลงโรงด้วยนี่ไง ยืนหน้าถมึงทึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรอยู่ใกล้ ๆ ชีวิตของเขาคงไม่เจอคำว่าความสงบสุขไปอีกนาน
สินสอดเขาไม่ได้ต้องการ เช่นเดียวกับไม่ได้ต้องการคุณชายคนนี้!