”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 - 2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ผู้แต่ง

fixcblue

เรื่องย่อ


 

ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา


 

"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์


วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้

#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9

สารบัญ

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-บทนำ ข้ามาเกิดใหม่งั้นหรือ?,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-1 คุณชายแห่งนีไอโอเนีย,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-3 เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-4 มาเรียน่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-5 อดีตนักรบ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-7 จุดด่างพร้อยหนึ่งเดียว,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-8 มือสังหาร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-9 การฆ่าครั้งแรก,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-11 นาฬิกาเรือนเก่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-12 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-14 แค่ฝึกซ้อม (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-15 แค่ฝึกซ้อม (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-16 คำสั่งขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน

 

หลังได้ยินคำตอบของสาวใช้คนสนิท เด็กหนุ่มก็มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกได้ก่อนหน้านี้

“ข้าก็รู้สึกว่ามีคนตามมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน มันออกมาแล้วหรือไง” 

เรย์เวนที่นั่งอยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาสัมผัสได้ว่ามีผู้คนตามมาตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง แต่เวลาผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีท่าทีว่าโจรป่าจะบุกเข้ามาใกล้ 

แต่เมื่อพ้นชายแดนนีไอโอเนียเข้าในป่ามากลับบุกเข้ามาอย่างทันที

คงจะรอจังหวะบุกเข้ามางั้นสิ เพราะถ้าปล้นในเมืองเกิดของข้าคงไม่พ้นโดนท่านพ่อสั่งแขวนคอเป็นแน่

“เหมือนว่าจะถูกล้อมไว้หมดแล้วนะคะนายน้อย”

มาเรียน่าพูดโดยที่สายตาสอดส่องบริเวณโดยรอบ ทั้งบนต้นไม้รวมถึงพงหญ้าที่อยู่ไม่ไกล ไร้ซึ่งความเกรงกลัว 

“พวกมันคงคิดว่ามีแค่สาวสวยขับรถม้าหนึ่งคน แล้วจะจัดการได้ง่ายสินะคะ”

หญิงรับใช้เอ่ยขึ้นยังไม่ทันจบประโยคดี ก็มีชายวัยกลางคนเดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ หนวดเครารุงรัง จากท่าทางก็ดูออกได้ทันทีว่าไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน

“เห้ย! ถ้าไม่อยากตายก็ส่งของมีค่ามาให้หมด” ชายคนนั้นพูดพลางแกว่งขวานเล่มใหญ่ไปมาราวกับต้องการข่มขู่

“ข้าเถียงขาดใจตรงประโยคสาวสวยแล้วกัน เจ้าอายุสี่สิบกว่าแล้วนะ เรียกว่ายายแก่ก็ไม่ผิดเสียหน่อย”

“นายน้อย!!! ฉันเพิ่งยี่สิบต้นๆ เองนะคะ!”

“เจ้าพูดถึงเรื่องเมื่อยี่สิบปีที่แล้วงั้นหรือ” 

สาวใช้และเด็กหนุ่มโต้เถียงกันเรื่องอายุกันอย่างหัวเสีย อีกทั้งยังฉุดดึงร่างกายไปมาอย่างไม่สนใจชายฉกรรจ์ที่ท่าทางน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย

“เห้ย! พวกแกเมินข้างั้นเหรอ!!” โจรป่าตะโกนแย้งขึ้น ทำให้พวกเขาทั้งสองคนหยุดเถียงกันแล้วหันไปมองด้วยสายตาเหยียดหยาม

“คิดจะแกล้งทะเลาะกันถ่วงเวลาหรือไง ถึงอย่างไรวันนี้พวกแกก็ไม่รอดหรอก” ชายคนนั้นยกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ซ่อนตัวอยู่เผยตัวออกมา เหล่าผู้ชายร่างใหญ่เกือบสามสิบคน โดยที่มีอาวุธครบมือเดินเข้ามารุมล้อมรถม้าเพียงคันเดียว 

“เลือกมา จะทิ้งของมีค่าไว้แล้วไสหัวไป หรือจะตายอยู่ที่นี่” คำขู่สิ้นสุดชายคนนั้นก็ชี้ขวานอันใหญ่ตรงมาอย่างมั่นใจ

เรย์เวนกับมาเรียน่าหันหน้าสบตากันครู่หนึ่ง…

ก่อนจะเริ่มส่งเสียงเถียงกันต่ออย่างไม่ยี่หร่ะต่อท่าทางข่มขู่

ตึ้งงงง!!!!

ชายฉกรรจ์ผู้นั้นสูญเสียความอดทนจนหมดสิ้น เขาจามขวานเล่มใหญ่ใส่ต้นไม้ใกล้ๆ จนล้มลงมาในคราวเดียว

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน คิดว่าข้าล้อเล่นงั้นหรือ!!” สายตาคาดโทษหมายจะเอาชีวิตถูกส่งตรงมายังคนสองคนบนรถม้า 

เหล่าชายร่างใหญ่ต่างพากันกระชับอาวุธในมือเตรียมโจมตี

ตู้มมมม!!

"อั่กกกก!!!"

แค่เพียงเสี้ยววินาทีร่างของเรย์เวนก็ปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าโจรพร้อมกับออกแรงถีบเข้าที่สะโพกจนมันกระเด็นไปชนกับต้นไม้ใหญ่ 

ของเหลวสีแดงกระอั่กออกจากปากลงมากองที่พื้น คนอื่นๆ ที่เห็นภาพนั้นพากันกรูถอยหลังออกจากจุดปะทะด้วยความตื่นตระหนก

[เวทเลเวล 2 : เคลื่อนย้ายชั่วพริบตา ]

“เจ้าเรียกใครว่าเด็กเมื่อวานซืน ห๊าาา!?”  เด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวตะคอกใส่คนที่ถูกถีบกระเด็นจนหมดสภาพ ใบหน้าโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ

ไอ้เวรนี่ หากนับอายุข้าจริงๆ แล้ว ก็สี่สิบกว่าเชียวนะ กล้าดีอย่างไรมาเรียกข้าว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนกัน

“แค่กๆ ยะ อย่าบอกนะ ว่าแก ปะ เป็นนักเวท” แค่แรงกระแทกเพียงครั้งเดียวร่างของโจรก็สะบักสะบอมพอตัวถึงกับต้องใช้แรงทั้งหมดเพื่อฝืนร่างกายให้ลุกขึ้นพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“ถ้ารู้แล้วจะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือไง” สองขาของเรย์เวนค่อยๆ ก้าวตรงเข้าไปหาจนหัวหน้าโจรป่าพยายามจะถอยหนี สายตามองตรงไปอย่างอาฆาตแค้น

“เพราะไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ตายอยู่ดี” 

ออร่าสีดำปรากฏขึ้นทั่วร่างกาย จากนั้นมันก็แทรกซึมเข้าไปในท่อนแขนขวาของเขา เพียงไม่นานแขนข้างนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทที่มีความแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า

[เวทเลเวล 4 : ดาร์คแฮนด์ แปรสภาพแขนให้เป็นของแข็งที่สามารถเจาะทะลุร่างกายได้]

ฉึกกกก!

"อร๊ากกกกกก!!"

ท่อนแขนเจาะเข้าที่กลางหัวใจจนทะลุออกด้านหลังโลหิตสีแดงไหลย้อยตามซอกนิ้วหยดลงสู่พื้น เสียงตะโกนของโจรป่าดังลั่น

ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนเลือดหลุดยิ้มออกมาอย่างชอบใจก่อนจะดึงแขนออกมาจากร่างที่ไร้ชีวิตจนล้มลงไปกองที่พื้น

“อย่าเข้ามา” เสียงเอื้อนเอ่ยของเด็กหนุ่มทำให้เหล่าลูกสมุนที่สูญเสียผู้นำถึงกับชะงักเพราะจากที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ไม่มีใครกล้าขยับร่างกายเลยแม้แต่น้อย 

“ข้าบอกว่าอย่าไง…มาเรียน่า” สายตาดุดันเหลือบมองไปทางข้ารับใช้

หญิงสาววัยกลางคนที่ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยกำลังก้าวขาลงจากที่นั่งของคนบังคับม้า ในมือข้างซ้ายถือดาบยาวคู่กายที่ยังคงอยู่ในฝัก

“ฉันร่วมด้วยไม่ได้เหรอคะ”

“ไม่ต้อง!” คำปฏิเสธหนักแน่นของเรย์เวนทำให้คนรับใช้ต้องกลับไปนั่งมองตามเดิม 

“ข้าจะให้พวกเจ้าเลือก” เจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างยาวระต้นคอเอ่ยถามพร้อมกับหันหน้ามองไปยังเหล่าลูกน้องที่ยังยืนแข็งค้างไม่กล้าขยับตัว 

“จะวิ่งหนีไปให้ไกลภายในเวลาสิบวินาที หรือ จะตายมันเสียตรงนี้ ตอนนี้” 

ทันทีพูดจบพลังเวทสีดำที่ปะปนด้วยรังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมาจากร่างกายทำให้เหล่าโจรป่าต่างพากันเหงื่อตก ใบหน้าซีดเผือด ขาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เหมือนหนูตัวน้อยที่ยืนสั่นกลัวต่อหน้าราชสีห์หิวโหยที่พร้อมจะเขมือบได้ทุกเมื่อ

แกร๊ง!

โจรป่าปลายแถวคนหนึ่งตัดสินใจทิ้งอาวุธในมือแล้วรีบออกตัววิ่งสุดชีวิต จนทำให้คนที่เหลือตั้งสติได้และพากันวิ่งหนีไปอย่างชุลมุนทั่วทิศทาง

“จะปล่อยไปเหรอคะนายน้อย” สาวใช้เรือนผมสองสีที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาถามขึ้นเพราะยังเห็นผู้เป็นนายยืนนิ่งไม่ไหวติง

“เปล่าหรอก” 

คำตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงดุดันถูกเอ่ยออกมาก่อนจะเริ่มขยับตัวก้าวเดินช้าๆ ไปทางดาบเล่มหนึ่งที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่พื้น 

เขาบรรจงหยิบมันขึ้นมา 

“ข้าแค่อยากออกกำลังเสียหน่อย” เมื่อพูดจบเรย์เวนก็ปลดปล่อยพลังเวทของตัวเองใส่ลงไปในดาบที่ถืออยู่

เปรี๊ยะ!

แต่ดาบเล่มนั้นมันเปราะบางเกินไปจนไม่สามารถทนรับพลังเวทที่ทรงพลังของเขาได้ โลหะสีเงินในมือจึงเกิดรอยร้าวทั่วคมดาบ

“ชิ! ของกระจอกก็ได้แค่นี้สินะ” หางคิ้วของเขากระตุกอย่างไม่พอใจพร้อมกับเสียงพึมพำเบาๆ ออกจากปากของเด็กหนุ่มดังขึ้น 

เขากวัดแกว่งดาบให้คุ้นมือ 

“เอาล่ะ มาล่าหนูโสโครกกันดีกว่า”

เมื่อพูดจบร่างของเรย์เวนก็หายวับไปทันที เหลือเพียงฝุ่นควันจางๆ ไว้ ก่อนจะไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของโจรป่าที่ออกตัววิ่งคนแรก

“เจ้าสินะที่วิ่งก่อนใคร แต่ข้ายังไม่ได้นับเลขเลยนะ” 

เด็กหนุ่มไม่รอคำตอบจากคำถามที่เอ่ยออกไป เขาเหวี่ยงดาบยาวตวัดตัดคอจนขาดกระเด็นในครั้งเดียว

ฉวับ!

เลือดอุ่นๆ พวยพุ่งออกมาตามเส้นเลือดใหญ่ด้วยแรงดันมหาศาล อาบย้อมร่างกายและเสื้อผ้าของผู้ที่ปลิดชีวิต ร่างไร้วิญญาณที่ไม่มีหัวล้มกองลงกับพื้น

เรย์เวนไม่ทันได้หยุดพักหายใจ สายตาเฉียบคมก็เหลือบไปเห็นคนที่กำลังหนีตายหลายคนอยู่ไม่ไกล รอยยิ้มมุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกสนุก

วงแหวนเวทมนตร์ปรากฏขึ้นที่ด้านบนศีรษะของเขา เงาสีดำยืดยาวคล้ายรากไม้หลายสิบอันโผล่ออกมาจากวงแหวน มันพุ่งตรงไปยังผู้คนที่กำลังหลบหนี เกี่ยวรัดร่างไว้แล้วดึงให้กลับเข้ามาใกล้ผู้ใช้เวทมนตร์ เสียงกรีดร้องขอชีวิตดังลั่นป่าใหญ่

[เวทเลเวล 4 : พันธนาการเงามืด]

ฉวับ!

เขาขยับร่างกายตวัดดาบเป็นวงกลมเพียงครั้งเดียว ก็สามารถตัดขาดร่างทั้งหมดกว่าสิบชีวิตรวมไปถึงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่โดยรอบจนขาดครึ่ง เลือดซาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณเหมือนห่าฝนขนาดย่อม พื้นดินชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงสด กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

เด็กหนุ่มในชุดผ้าคลุมสีดำสนิทเปลี่ยนป่าใหญ่ที่เป็นทางผ่านไปยังเมืองหลวงให้เป็นสนามล่าหนูส่วนตัว 

เขาไล่ปลิดชีพเหล่าโจรป่าไปเรื่อยๆ จนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่ก้มลงคุกเข่าอ้อนวอนขอให้ไว้ชีวิตจนหน้าผากแนบชิดกับพื้นดินก็ถูกแทงทะลุหัวใจเช่นกัน

เวลาผ่านไปไม่นาน เด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวสว่างที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนโลหิตทั่วทั้งตัวเดินถือดาบที่คงเหลือไว้เพียงด้ามจับเพราะมันแตกสลายไปกับการฟาดฟันจนหมดสิ้นกลับมาที่รถม้าในสภาพที่ยังข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านตอนสังหารผู้คนเมื่อครู่ไว้ไม่ได้ 

ดวงตาสีแดงไม่ต่างจากเลือดที่ถูกปอยผมหน้าม้าปกปิดไว้ยังคงฉายแววน่ากลัวของความเป็นผู้ล่า

“มาเรียน่า~” เสียงเรียกลากยาวดังขึ้นเมื่อเดินมาถึงจุดหมายแต่กลับไม่พบคนที่ต้องการเจอ

“ขา นายน้อย” หญิงสาวเดินถือถังไม้ขนาดพอดีที่ใส่น้ำไว้จนเต็มออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ 

“ฉันเตรียมน้ำไว้สำหรับล้างหน้ากับเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนเรียบร้อยแล้วค่ะ” 

คำพูดพร้อมรอยยิ้มและท่าทางสดใสของมาเรียน่าไม่เกรงกลัวต่อผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะเขาคุ้นชินกับสถานการณ์เหล่านี้แล้วก็เป็นได้

เด็กนักเรียนทหารวัยสิบแปดปีสังหารหมู่เหล่าโจรป่าร่วมสามสิบชีวิตด้วยตัวคนเดียวโดยไร้ซึ่งบาดแผล… 



 

เมืองหลวงเพทรัสในจักรวรรดิ

รถม้าหยุดลงอย่างแผ่วเบาที่หน้าร้านหนังสือภายในย่าน การค้าของเมืองหลวง ความเงียบสงบปกคลุมไปทั่วบริเวณ 

มาเรียน่า สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ลงจากที่นั่งคนขับก่อนจะรีบเปิดประตูรถม้าให้ผู้เป็นนาย

"ถึงแล้วค่ะนายน้อย" 

เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีก้าวลงรถม้าอย่างสง่างาม ในมือถือหนังสือเล่มหนา ปกสีน้ำตาลเข้มไว้แน่นราวกับเป็นสิ่งของที่มีค่า

เขาหยุดชะงักทันทีที่สองเท้าแตะพื้นดิน หันหน้าไปมองสาวใช้

"ยังมีกลิ่นเลือดอยู่หรือไม่" 

เจ้าของเรือนผมสองสีขยับร่างกายเข้ามาใกล้ทำท่าดมกลิ่นอายรอบตัวเขาก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความโล่งใจ

“หายห่วงค่ะนายน้อย ไม่มีกลิ่นหลงเหลือแล้วค่ะ”

“เจ้าแน่ใจนะ” เรย์เวนยกแขนขึ้นสูดดมเพื่อตรวจสอบด้วยตัวเองอีกครั้ง 

ภายในใจครุ่นคิด 

ข้ากลัวว่าเราทั้งคู่จะชินกับกลิ่นเลือดจนแยกไม่ออกน่ะสิ

“ค่ะ นายน้อย” มาเรียน่าตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ นัยน์ตาสีเทาแสดงถึงความแน่วแน่

เจ้าของเรือนผมสีขาวจัดเสื้อผ้าของตนเองให้ดูเรียบร้อย ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูร้านหนังสือ

กรุ๊งกริ๊ง~

เสียงของระฆังเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกรอบประตูดังขึ้น เรียกความสนใจให้คนที่กำลังทำความสะอาดชั้นหนังสือหันมามองด้วยสีหน้าแฝงไปด้วยความประหลาดใจ

“ยินดีต้อนรั- อะ อ้าว นึกว่าใคร เจ้าเด็กนี่” เขากำลังจะเอ่ยต้อนรับลูกค้าแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาว่าเป็นใคร

“ไม่ได้เจอกันนาน คุณลูเซียสเอ่ยทักผมเช่นนี้เหรอครับ” สองขาของเรย์เวนก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าของร้านที่สูงกว่าเกือบสิบเซนติเมตร เขามองใบหน้านั้นด้วยแววตาอ่อนโยน

ชายหนุ่มวัยสี่สิบปีกว่าๆ แต่ใบหน้ายังดูไร้ริ้วรอย เรือนผมซอยสั้นสีขาวสว่างดุจหิมะในหน้าหนาว ดวงตาเฉี่ยวเรียวเล็ก นัยน์ตาสีเลือด เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลฮาร์ท จมูกโด่งเป็นสันรับกับกรอบหน้า ริมฝีปากชมพูระเรื่อ ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมยาวสีน้ำตาลเข้ม

[ลูเซียส ฮาร์ท ซอร์ตมาสเตอร์ ฉายานักดาบสายฟ้า อดีต 1 ใน 7 นักรบและผู้บัญชาการหน่วยที่ 7]

“แล้วมีอะไร มาทำไมล่ะ” เมื่อรับรู้ว่าใครที่มาเยือนร้านหนังสือเก่าของตัวเอง ลูเซียสก็หันกลับไปทำความสะอาดตามเดิม

“ผมเอาหนังสือมาให้ครับ ที่ตอนนั้นคุณบอกว่าอยากได้” มือซ้ายยื่นหนังสือเล่มหนาที่หยิบลงมาจากบนรถม้าด้วยส่งให้คนตรงหน้า

จริงๆ มันก็แค่หนังสือนิทานปรัมปราเรื่องหนึ่ง แต่มันนานและเก่ามากทำให้เจ้าของร้านหนังสือคนนี้ตามหาอยู่นานแต่ก็ไม่ได้เอามาไว้ในครอบครองเสียที

ลูเซียสเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อีกทั้งยังเคยเอ่ยปากออกมาด้วยซ้ำว่าถ้าไม่ได้เป็นทหารก็คงเปิดร้านหนังสือธรรมดาในย่านการค้าให้เด็กในจักรวรรดิได้อ่านหนังสือดีๆ หรืออย่างนี้มันดีแล้วหรือเปล่าที่ลูเซียสได้ลาออกเช่นนี้ เพราะสิ่งนี้มันก็คือความฝันอีกอย่างหนึ่งของน้องชายข้าเช่นกัน

ดวงตาสีเลือดของลูเซียสจ้องมองหนังสือตรงหน้า แววตาเป็นประกายเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ

“ไปได้มาจากไหนน่ะเรย์เวน ข้าตามหามานานมากเลยนะ” เขารีบรับมันมาไว้ในมือ พลิกไปพลิกมาด้วยความตื่นเต้น

“บังเอิญได้มาจากพ่อค้าที่เดินทางไปเมืองนีไอโอเนียครับ” เรย์เวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส แต่ภายในใจแอบรู้สึกผิดเล็กน้อย

เพราะความจริงแล้วสิ่งที่เขาบอกกับลูเซียสไปมันคือเรื่องโกหก เรย์เวนสั่งให้มาเรียน่าไปตามหาโดยขู่ไปว่า ถ้าหามาไม่ได้จะไล่ออก

“ขอบใจมากนะ ราคาเท่าไหร่ ข้าจะจ่ายคืนให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมได้มันมาโดยไม่เสียเงิน”

“หืม ไหนบอกว่าได้มาจากพ่อค้า” ลูเซียสเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“อะ เอ่อ” 

บอกว่าอย่างไรดีล่ะเนี่ย 

“พ่อค้าให้มาเป็นของตอบแทนครับ พอดีผมช่วยอะไรเขาไว้นิดหน่อย” เรย์เวนตอบด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก

“อ่า อย่างนั้นเองหรอกหรือ” 

ลูเซียสพยักหน้ารับ สีหน้าคลายความสงสัยลง ดวงตาสีเลือดของเขาจับจ้องไปที่หนังสือเล่มนั้นด้วยความสุข  รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ที่ปกติแล้วมักจะแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าและความเศร้าหมอง

บ้าเอ๊ย น้องข้าน่ารักเสียจริง 

เรย์เวนกรีดร้องในใจโดยไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาของลูเซียสหันกลับมามองเขาแล้ว

“จ้องข้าแบบนั้นอีกแล้วนะ” ลูเซียสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเขินอายอยู่เล็กน้อย เขาสังเกตเห็นว่าเรย์เวนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่แปลกไป

“มีอะไรติดหน้าข้าหรือไง”

“ปะ เปล่าครับ” เรย์เวนตอบอย่างตะกุกตะกักด้วยสายตาดูมีพิรุธ

“ถ้าแค่จะเอาหนังสือมาให้ก็เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอกหรือ เหตุใดถึงยังไม่กลับอีก” ครั้งนี้ลูเซียสมองหน้าเรย์เวนด้วยความงงงวยพร้อมกับกอดอกแน่น

“ผมหิว” เด็กหนุ่มแสดงสีหน้าหิวโหย ฝ่ามือลูบท้องปอยๆ 

“หืม ไม่ได้ทานอะไรก่อนมาหรือไง เจ้าเป็นถึงคุณชายแห่งนีไอโอเนียเลยนะ” 

“เดินทางมานานหลายชั่วโมงก็เลยหิวครับ คุณลูเซียสช่วยทำอะไรง่ายๆ ให้ผมกินหน่อยสิครับ ระหว่างนั้นผมจะเฝ้าร้านให้” 

เรย์เวนไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย เขารีบเดินตรงดิ่งไปนั่งที่เคาน์เตอร์ โดยที่เจ้าของร้านยังคงมองตามด้วยความสงสัย

ข้าไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้นหรอก แค่อยากอยู่กับน้องชายนานกว่านี้อีกหน่อยก็เท่านั้นเอง

ลูเซียสถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเอ็นดูปะปนความรำคาญเล็กน้อย

“เจ้านี่ ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเลยนะ” เจ้าของนัยน์ตาสีเลือดส่ายหน้าอย่างเอือมระอา 

“เฝ้าร้านดีๆ ล่ะ ข้าจะไปทำอะไรให้กิน”

“ครับๆ”

หลังจากฝากร้านไว้กับเด็กหนุ่ม เจ้าของร้านก็เดินหายเข้าไปด้านหลัง โดยที่ในมือยังคงถือหนังสือเล่มหนาที่ตั้งใจจะนำมันขึ้นไปเก็บไว้ที่ชั้นสอง

ร้านหนังสือแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองชั้น ชั้นล่างเป็นร้านหนังสือ ส่วนชั้นบนเป็นโซนที่พักอาศัย ลูเซียสอาศัยอยู่ที่นี่ตัวคนเดียว ไม่ได้แต่งงาน 

และร้านนี้ก็เป็นของขวัญขององค์จักรพรรดิที่ยกให้ในตอนที่เขาขอลาออก และลูเซียสยังทูลขอไปด้วยว่าไม่ต้องการร้านที่ใหญ่อลังการมากนัก องค์จักรพรรดิจึงมอบร้านเล็กๆ นี้ให้

เมื่อครั้งที่ลูเซียสขอลาออกจากทหาร คืนตำแหน่งนักรบที่ทรงเกียรติ องค์จักรพรรดิก็เอ่ยปากรั้งไว้แล้วแต่ไม่เป็นผล เพราะความจริงแล้วนั้น เหล่าทหารยศสูงหลายๆ คนรวมถึงบรรดานักรบที่เหลือ ต่างก็ไม่มีใครตั้งข้อครหาใดๆ กับลูเซียสเลยแม้แต่น้อย 

ทุกคนล้วนเข้าใจสภาพการณ์ในคืนนั้นเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีใครสามารถรั้งลูเซียสเอาไว้ได้

ในระหว่างที่รออาหาร เด็กหนุ่มก็เริ่มตรวจสอบความเรียบร้อย ฝ่ามือหนาเริ่มควานหาอาร์ตี้แฟคสอดแนมออกมาจากชั้นหนังสือด้านหลังเคาน์เตอร์

ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ ราเชล ฮาร์ท สิ้นชีพไป ลูเซียสก็ถูกประณามจากคนทั้งจักรวรรดิ จึงมักจะเกิดเหตุการณ์ที่ลูเซียสถูกรังแกอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะมีคนตามมาก่อกวน สร้างความเดือดร้อนที่ร้านหนังสือ หรือรุมทำร้ายระหว่างเดินเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอก  

แต่สิ่งที่ชวนให้เรย์เวนหงุดหงิดที่สุดก็คงเป็นเรื่องที่ลูเซียสไม่ยอมตอบโต้อะไรกลับไปเลยต่างหาก ทำให้เขามักจะคอยสืบหาแล้วจัดการคนพวกนั้นอยู่เบื้องหลัง

และในช่วงที่เรย์เวนกลับไปพักผ่อนช่วงปิดเทอมที่บ้านเกิดก็ได้ส่งมาเรียน่ามาคอยดูแลอยู่บ้าง แต่ก็อาจจะมีใครหลุดรอดสายตาไปบ้างก็เป็นได้

เรียวนิ้วยาวของเรย์เวนกดเข้าไปที่ปุ่มกลมๆ ของอาร์ตี้แฟคสอดแนมภาพที่ถูกบันทึกก็ฉายขึ้นทันที เขารีบกวาดสายตามองดูอย่างรวดเร็วก็พบว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ

[อาร์ตี้แฟคสอดแนม : อุปกรณ์เวทมนตร์ที่จะบันทึกภาพเหตุการณ์ตามระยะเวลาที่กำหนด]

ตั้งแต่ 1 ปีก่อน ที่เรย์เวนได้เริ่มเข้ามาเรียนในสถาบันทหาร เขาก็เริ่มเข้าหาและตีสนิทลูเซียสในฐานะนักเรียนทหารคนหนึ่งมาโดยตลอด อีกทั้งยังคอยมาช่วยงานที่ร้านหนังสือจนสนิทกัน รวมไปถึงสนิทกับมาเรียน่าไปด้วย 

โดยที่ลูเซียสไม่รู้ความจริงเลยว่า เรย์เวน ดีลักซ์ คือ ราเชล ฮาร์ท ที่มาเกิดใหม่

กรุ๊งกริ๊ง~

เสียงของระฆังเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ด้านบนของประตูดังขึ้น อีกครั้ง แสดงถึงว่ามีคนเปิดประตูเข้ามา

"ยินดีต้อนรั- มาทำไมไม่ทราบ" เรย์เวนเอ่ยทักลูกค้าตามปกติ แต่ก็ต้องหยุดชะงักกลับคำพูดเมื่อสายตาสบเข้ากับคนที่ก้าวผ่านประตูเข้ามา

ชายหนุ่มเรือนผมและดวงตาสีน้ำตาล ผิวสีแทนเข้ม มีแผลเป็นที่มุมปาก ด้านหลังสะพายดาบใหญ่ ใส่ชุดทหารเต็มยศ

“แอนเดียส”

 

To be continued


น้องเรย์เวนฆ่าแหลกตั้งแต่ต้นเรื่องเลย มาเรียน่าก็ไม่มีท่าทีกลัวน้องสักนิด คือชินกับนิสัยแล้วแหละ55555555

ขอแนะนำตัวละคร เรย์เวน ดีลักซ์

อายุ 18 ปี เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล เวทรักษา "ดีลักซ์" มีคนสนิทที่เป็นทุกอย่างให้คือ มาเรียน่า ปัจจุบันกำลังเข้าเรียนสถาบันทหารชั้นปีที่ 2 เลือกเดินสายนักดาบเวทเหมือนชีวิตก่อน นิสัยเหมือนเดิมเป๊ะ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่แอบมีความลับเรื่องกลับมาเกิดใหม่ที่บอกใครไม่ได้ พ่อแม่สงสัยในตัวตนตั้งแต่เด็กแต่ก็ปล่อยผ่าน เพราะสีของดวงตาและสภาพร่างกายที่ฟื้นฟูได้เร็วเหมือนกับทุกคนในตระกูล แสดงความเป็นตัวเองได้มากที่สุดก็ต่อเมื่ออยู่กับมาเรียน่าเท่านั้น ทั้งที่ไม่รู้ตัวตนของเรย์เวนแต่ก็ไม่ถามไม่สงสัยและรับใช้อย่างซื่อสัตย์ ชอบกินของหวานมากกว่าเดิมเพราะชีวิตก่อนโดนน้องชายดุบ่อยๆ แต่ชีวิตนี้มีแต่คนตามใจ ไปไหนมาไหนมีขนมติดมือตลอด ปากไม่เคยว่าง

รูปลักษณ์

ผมสีขาวยาวระต้นคอ (เป็นส่วนเดียวในร่างกายที่เหมือนชีวิตที่แล้ว) ดวงตาสีน้ำเงินเหมือนทะเลสาบตอนกลางคืน ตากลมโต หน้าหวาน แก้มเยอะ (กินเก่ง) ผิวขาว สูง 178 cm

คำติดปาก : ให้ตาย,ให้ตายเถอะ