”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
ชายหนุ่มผิวสีแทนเข้มใส่ชุดทหารเต็มยศเดินผ่านประตูเข้ามา
“แอนเดียส”
[แอนเดียส โฮเลอร์ ซอร์ตเอ็กซ์เปิร์ตระดับกลาง ฉายานักดาบพายุ]
“ทำไมเจ้าพูดกับผู้ใหญ่เช่นนี้ล่ะ ข้าจะฟ้องอาจารย์เจ้านะ” แอนเดียสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ข้าต้องสนใจด้วยหรือไง แล้วมาทำไม” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“มาร้านหนังสือจะให้ข้ามาทำอะไรล่ะ” แอนเดียสเดินตรงมายังเคาน์เตอร์ เขาวางหนังสือเล่มหนึ่งไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนจะเลื่อนมาไว้ตรงหน้าของเรย์เวน “ข้ามาคืนหนังสือที่ยืมไป”
“ข้าไม่ยักรู้ว่านักดาบกระจอกอย่างเจ้าจะอ่านหนังสือเป็น” เขากอดอกแน่นเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเยาะเย้ย
ชายผิวแทนขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลแฝงไปด้วยความไม่พอใจก่อนจะแผ่รังสีกดดันออกมาข่มคนอายุน้อยกว่า
“นี่ พูดจาให้มันดีๆ หน่อยเรย์เวน” น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวมากขึ้น “คิดว่าเจ้าสนิทกับรุ่นพี่ลูเซียสแล้วจะพูดจากับข้าอย่างไรก็ได้งั้นรึ”
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองคนที่ยืนเต็มความสูงตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
เป็นแค่ซอร์ตเอ็กซ์เปิร์ตแท้ๆ ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครคงไม่กล้ายืนประจันหน้าเช่นนี้หรอก
เด็กน้อยเอ๋ย
ถ้าไม่ติดว่าข้าไม่อยากให้ใครรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงแล้วล่ะก็… ข้าคงสั่งสอนเจ้าให้รู้เสียหน่อยว่าใครเหนือกว่า
“ขอโทษทีละกัน” เรย์เวนพูดขอโทษแบบขอไปที เขาไม่ได้แคร์อีกคนเลยแม้แต่น้อย
ฝ่ามือหนาหยิบหนังสือตรงหน้าขึ้นมาตรวจเช็กสภาพตามหน้าที่ ก่อนจะหยิบเงินค่ามัดจำหนังสือในลิ้นชักที่ลงชื่อไว้ส่งคืนให้เจ้าของ
แอนเดียส รุ่นน้องที่จบจากสถาบันทหารหลังจากลูเซียสหลายปี แต่เขาปลาบปลื้มในวิถีดาบของลูเซียสเป็นอย่างมาก และหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ยืนในสนามรบเคียงข้างคนที่ชื่นชอบ
แต่เมื่อจบการศึกษาและถูกส่งไปยังแนวหน้า ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด ลูเซียส ฮาร์ท ลาออกจากทหาร เพื่อมาเปิดร้านหนังสือเล็กๆ เสียก่อน
แอนเดียสจึงใช้เวลาช่วงวันหยุดมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ อดีตนักรบเรื่อยมา โดยหวังว่าสักวันหนึ่งลูเซียสจะกลับมาจับดาบและสั่งสอนวิถีดาบให้เขาบ้าง
แต่คนที่หวงน้องชายเสียยิ่งกว่าอะไรอย่างราเชล ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของเรย์เวน กลับไม่ถูกชะตาตั้งแต่ได้พบหน้าครั้งแรก
ฆ่าเลยดีหรือเปล่านะ
“นึกว่าใครมาซะอีก เอ้านี่ กินสิ”
ความคิดในใจของเรย์เวนถูกขัดด้วยน้ำเสียงดังแว่วมาแต่ไกล
ลูเซียสเอ่ยทักคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ในขณะที่เดินถือจานอาหารออกมาจากด้านหลังร้าน
เขาหยุดยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์และวางจานอาหารลงต่อหน้าเรย์เวน
“ผมมาคืนหนังสือครับรุ่นพี่” แอนเดียสตอบกลับในทันทีน้ำเสียงเข้มก่อนหน้าแปรเปลี่ยนไป จนเรย์เวนที่นั่งอยู่กรอกตาอย่างหมั่นไส้
“งั้นเหรอ เรย์เวนจัดการเรียบร้อยใช่หรือเปล่า” เจ้าของร้านหันมาถามเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ในเคาน์เตอร์
เรย์เวนพยักหน้าเบาๆ
“ครับ ผมคืนเงินไปให้แล้วด้วย”
“อืม ขอบใจนะ เจ้าก็รีบกินซะ วันนี้ต้องรีบไปเข้าหอไม่ใช่หรือไง” ลูเซียสถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางดันจานอาหารเข้าใกล้เด็กหนุ่มมากขึ้น
“ใช่ครับ” นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของเรย์เวนเปล่งประกายจนเหมือนมีดวงดาวนับร้อยอยู่ด้านในเมื่อเห็นเมนูอาหารในจาน
ออมเล็ตใส่มะเขือเทศ
ของชอบข้าเลยนะเนี่ย
แต่ในขณะที่กำลังปลาบปลื้มกับอาหารจานโปรด ก็ถูกน้ำเสียงเชิงเยาะเย้ยจากคนผิวแทนเข้มเอ่ยขัดจังหวะ
“ที่บ้านของนายน้อยตระกูลดีลักซ์ไม่มีอะไรให้กินหรือไง ถึงได้มาฝากท้องที่ร้านหนังสือแบบนี้”
“ยุ่งไปซะทุกเรื่องเลยนะ”
เด็กหนุ่มละสายตาจากจานอาหารจ้องมองอีกคนด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างทันควัน
พลังเวทสีดำที่ปะปนด้วยจิตสังหารบางๆ แผ่กระจายออกจากร่างกายของเรย์เวนส่งตรงไปยังแอนเดียส
ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปาก แต่สีหน้าของคนที่ตกเป็นเป้าหมายผวาเล็กน้อยพร้อมกับก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว
แปะ!!
“หยุดเลย!”
เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับคำสั่งของลูเซียสทำให้พลังเวททั้งหมดมลายหายไปจนสิ้นเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ถ้าทำแบบนี้อีก ข้าจะโกรธนะเรย์เวน”
ลูเซียสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กดลงต่ำแฝงไปด้วยความจริงจัง เขาโน้มตัวลงมาผ่านเคาน์เตอร์ จนใบหน้าห่างกับเด็กหนุ่มไม่ถึงคืบ ดวงตาสีเลือดจ้องมองอย่างตำหนิ
แต่คนเด็กกว่ากลับไม่มีอาการเกรงกลัว
นี่มันลูกแมวขู่ชัดๆ น้องข้าน่ารักแหะ
“เข้าใจแล้ว” เรย์เวนหลับตาพริ้มพร้อมกับยกแขนสองข้างขึ้นยอมแพ้ก่อนจะเหลือบมองไปยังคนที่ยังทำหน้าถอดสีไม่หาย “ผมไม่แกล้งรุ่นน้องของคุณลูเซียสแล้วครับ”
ลูเซียสยังคงมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยวาจาอะไรออกมาอีก
พลังเวทที่เรย์เวนปลดปล่อยไปเมื่อครู่ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแค่เพียงเสี้ยววินาที แต่ลูเซียสก็สัมผัสได้ว่ามันไม่ได้อันตรายและเป็นเพียงแค่การขู่เล่นเท่านั้น
แต่กลับกันคนที่ยังอ่อนประสบการณ์อย่างแอนเดียส เขาไม่รู้อะไรเลย
แววตาที่สั่นไหวและใบหน้าถอดสีอย่างหวาดกลัว นั่นคือหลักฐาน
ยังอ่อนหัดนัก ไอ้ลูกหมา
หลังจากที่สถานการณ์น่ากดดันสงบลง ลูเซียสก็หันไปพูดคุยกับแอนเดียสอย่างออกรส เสียงหัวเราะค่อยๆ ดังขึ้นก่อนจะแผ่วเบาลงในเวลาต่อมา
ลูเซียสโน้มตัวเอนพิงกับเคาน์เตอร์ ฝ่ามือเรียวบางแตะลงบนโต๊ะเบาๆ ขณะที่แอนเดียสพยักหน้ารับอย่างตั้งใจฟัง
ส่วนเด็กหนุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนา สายตาจับจ้องอยู่ที่จานออมเล็ตมะเขือเทศ ช้อนส้อมตักไข่สีเหลืองเข้าปากอย่างไม่รีบร้อน เขารับฟังการสนทนาของทั้งสองอย่างผ่านๆ ไม่ได้สนใจมากนัก
นี่มันอร่อยจัง ให้ตายเถอะ
กรุ๊งกริ๊ง
แต่แล้วเสียงระฆังอันเล็กก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทุกคนหยุดชะงัก หันไปมองที่ต้นเสียง
หญิงสาวเรือนผมสองสีชะโงกหน้าผ่านบานประตูไม้เข้ามา ก้มหัวเล็กน้อยทำความเคารพเจ้าของร้านก่อนจะกวาดสายตามองหาผู้เป็นนาย
เรย์เวนเห็นท่าทางนั้น เขาวางช้อนส้อมอย่างเบามือ
“มีอะไร” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบนิ่ง
“ตอนนี้ใกล้ได้เวลาแล้วค่ะนายน้อย หากช้ากว่านี้จะไม่ทันเข้าหอพักนักเรียนทหารนะคะ” คนที่ยืนอยู่หน้าประตูพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวตามออกไป”
ทางออกด้านหลัง หอพักนักเรียนทหาร ชั้นปีที่ 2
“ตอนนี้ไม่เหลือของอะไรในรถม้าแล้วค่ะนายน้อย” มาเรียน่าพูดพลางชะโงกหัวออกมาจากด้านหลังรถม้า
เรย์เวนที่ยืนมองดูการกระทำของสาวใช้คนสนิทอยู่ไม่ห่างก็หยิบอัญมณีสีเหลืองอ่อนในกระเป๋าเสื้อคลุมขึ้นมา ก่อนจะหาจังหวะโยนให้
“เอาไป อาร์ตี้แฟคสื่อสาร”
[อุปกรณ์เวทมนตร์สำหรับสื่อสาร มีทั้งแบบที่สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้ และรับฟังสารได้เพียงอย่างเดียว]
มาเรียน่าคว้าหมับไว้ได้ทันที
“ระหว่างที่ข้าอยู่ในสถาบันเจ้าก็ดูแลบ้านพักไปค่อยมาตอนที่ข้าเรียก ถ้าหากมีเวลา-” คำสั่งของเด็กหนุ่มยังไม่จบประโยคดี แต่เสียงของหญิงวัยกลางคนก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันรู้แล้วค่ะ หากมีเวลาว่างฉันจะไปช่วยงานท่านลูเซียสค่ะ”
“อืม” เจ้าของเรือนผมสีขาวพยักหน้าเบาๆ กับสิ่งที่ได้ยิน
“แต่ว่านะคะนายน้อย…” มาเรียน่าชะงักคำพูดไปชั่วครู่พลางเก็บอาร์ตี้แฟคที่เพิ่งได้รับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
“อะไร”
“ที่นายน้อยให้ฉันไปช่วยงานท่านลูเซียสบ่อยๆ เพราะว่าอยากให้เราสองคนรักกันใช่หรือเปล่าคะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น ทำท่าเขินอายบิดไปมา สองมือกอบกุมใบหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับเด็กสาวที่กำลังมีความสุข
เรย์เวนที่เห็นภาพนั้นถอนหายใจออกมาเบาๆ
ให้ตาย อายแทนชะมัด
“เหลวไหล ลูเซียสไม่มีทางชอบเจ้าหรอก” เรย์เวนปฏิเสธสิ่งที่สาวใช้คิดอย่างหนักแน่น
“ทำไมคะ ฉันออกจะงดงามขนาดนี้”
เป็นอีกครั้งที่มาเรียน่าพูดออกมาอย่างมั่นใจด้วยท่าทางประหลาดๆ โยกตัวไปมา ราวกับกำลังเต้นรำโดยไร้ซึ่งเสียงดนตรี
“หยุดทำท่าแบบนั้นเถอะ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เด็กหนุ่มขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตากลมโตหรี่ลงมองอย่างไม่สบอารมณ์
แต่อีกคนกลับไม่มีท่าทีเกรงกลัว เธอยกแขนสองข้างขึ้นเท้าเอว รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ถ้านายน้อยฆ่าฉัน ฉันก็ตายสิคะ”
เอ้า ก็ต้องตายสิ
“เห้อ!” เสียงถอนหายใจบวกกับท่าทางเบื่อหน่ายของเด็กหนุ่มทำให้หญิงสาวเรือนผมสองสีหัวเราะคิกคักชอบใจใหญ่
มาเรียน่า เป็นคนรับใช้คนเดียวที่เรย์เวนไว้ใจจนสามารถพูดคุยกันได้โดยไม่ต้องใช้คำสุภาพ ส่วนเหตุผลที่เป็นเช่นนั้น แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร
อาจจะเป็นเพราะตอนที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างนี้ มาเรียน่าเป็นคนแรกๆ ที่เขาพบเจอพร้อมกับท่านพ่อและท่านแม่ก็เป็นได้
ในทุกครั้งที่เธอได้รับคำสั่งจากเรย์เวน อาจจะมีบ้างที่เธอพูดคุยหยอกล้อ หรือโต้เถียงอย่างเป็นกันเอง แต่เมื่อถึงเวลาจริงจัง เธอไม่เคยตั้งข้อสงสัยในคำสั่ง และลงมือทำอย่างไม่อิดออด แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการปลิดชีพใครสักคนก็ตาม…
“มาเรียน่า”
เด็กหนุ่มที่ยกมือข้างขวาขึ้นกอบกุมใบหน้าเพราะความเบื่อหน่ายเมื่อครู่เอ่ยเรียกชื่อสาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงข้าม
“ขา นายน้อย” คนที่ถูกเรียกขานรับด้วยเสียงอ่อนหวาน
“เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร”
เสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามเอ่ยออกมา สายตามองลอดผ่านร่องนิ้วที่ปกปิดใบหน้า นัยน์ตาที่เคยเป็นสีน้ำเงินเข้ม ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดคล้ายโลหิต
หญิงสาวเห็นภาพตรงหน้าจึงรีบนั่งลงคุกเข่าลงกับพื้นดินทันที
เธอรู้ได้ในทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาของเรย์เวนจะเปลี่ยนเป็นสีเลือด ก็ต่อเมื่อ…
โกรธ
จริงจัง
คับแค้นใจ
ใช้พลังเวทเกินขีดจำกัด
หรือ
กำลังลงมือฆ่าใครสักคน…
“ฉันเป็นข้ารับใช้ของนายน้อยแต่เพียงผู้เดียวค่ะ”
เมื่อ 8 ปีก่อน เรย์เวนอายุ 10 ขวบ
คฤหาสน์ตระกูลดีลักซ์ เมืองนีไอโอเนีย
“เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ นายท่าน”
หญิงสาวในชุดคนรับใช้แบบตะวันตกเต็มยศยืนโบกมือ พร้อมใบหน้ายิ้มแย้มให้รถม้าของเจ้าของคฤหาสน์และภริยาที่กำลังเดินทางไปทำกิจธุระที่เมืองอื่น
แต่เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวไปไกลจนลับสายตา ดวงตาสีเทาของเธอก็ฉายแววดุดันในทันทีเมื่อหันไปหาอัศวินหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
“ส่งอัศวินตามไปคุ้มกันนายท่านเพิ่มอีกสักสี่ถึงห้าคน แล้วก็แอบๆ ไปล่ะ เพราะนายท่านไม่ชอบให้ขบวนรถม้ามันวุ่นวายเอิกเกริก”
“รับทราบครับ”
เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้ที่มียศสูงกว่า อัศวินก็รีบไปปฏิบัติตามทันที
สองขาเรียวยาวก้าวเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ แค่เพียงเปรยตามองก็ทำให้คนรับใช้คนอื่นๆ พากันก้มหน้างุดด้วยความเกรงกลัว
[มาเรียน่า จอมยุทธระดับสูง เพลงดาบแสงจันทร์]
อดีตนักดาบหญิงแห่งชุงกุก ที่ปัจจุบันกลับกลายมาเป็นหัวหน้าคนรับใช้ คนสนิทของมหาจอมเวท และคู่ซ้อมดาบให้คุณชายของตระกูลดีลักซ์
[ชุงกุก (중국) ในภาษาเกาหลี หมายถึง ประเทศจีน]
หญิงสาวในชุดคนรับใช้คล้ายกันเดินตรงเข้ามาก้มหัวให้เล็กน้อย
“คุณมาเรียน่าคะ นายน้อยเรย์เวนเรียกพบที่ห้องค่ะ”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
มาเรียน่าเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนของเรย์เวน มือขวาจับที่ลูกบิดประตูแน่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก และพ่นออกมาอย่างใจเย็น รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ห้องนอนของนายน้อยเรย์เวน ดีลักซ์ พื้นที่ต้องห้ามของคฤหาสน์ นอกจากแวนคลิโอผู้เป็นพ่อ และซาร่าผู้เป็นแม่ ก็มีเพียงแค่มาเรียน่าเท่านั้นที่จะสามารถก้าวเข้าไปได้
แกร๊ก!
“แบล็กบาเรีย”
[เวทเลเวล 3 : แบล็กบาเรีย สร้างโดมสีดำจากพลังเวทเพื่อปิดกั้นเสียงและปิดกั้นการมองเห็นจากด้านนอก]
ทันทีที่สองขาก้าวเข้ามาในห้อง เสียงร่ายเวทของเด็กน้อยวัยสิบปีก็ดังขึ้น พื้นที่โดยรอบถูกล้อมด้วยโดมสีดำอันใหญ่ที่ปกคลุมห้องส่วนตัวของเรย์เวนไว้ทั้งหมด
“โห่ เรียกฉันมาอวดพลังเวทใช่มั้ยคะเนี่ย นายน้อยของมาเรียน่าเก่งที่สุดเลยค่ะ”
หญิงสาวเงยหน้ามองม่านพลังสีดำก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม
แต่ประโยคที่เอื้อนเอ่ยออกไปกลับไปไม่ได้รับเสียงตอบรับ เธอหันไปยังเด็กน้อยที่นั่งไขว่ห้างกับเก้าอี้พนักพิงแขนซ้ายท้าวเข้ากับโต๊ะข้างหัวเตียง สายตาดุดันจนผิดสังเกต มองมาที่เธอเหมือนจ้องจะเอาชีวิตและที่ยิ่งไปกว่านั้น
ดวงตาเป็นสีแดงเหมือนเลือด
อยู่ๆ ออร่าสีดำสนิทแฝงไปด้วยความกดดันรุนแรงก็แผ่ตรงมายังหญิงสาว พลังเวททรงพลังจนไม่สามารถหยัดยืนอยู่ได้ มาเรียน่าทรุดลงไปกับพื้นห้อง พยายามจะฝืนร่างกายให้ลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้แม้จะเงยหน้าขึ้นมองสบตา
เหมือนโดนราชสีห์ตัวใหญ่ใช้อุ้งเท้าที่มีเล็บแหลมคมบดขยี้ลงกับพื้น
นี่ใช่พลังเวทของเด็กสิบขวบจริงเหรอ?
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ร่างกายที่เหมือนจะถูกบดขยี้อ่อนแรงลง การหายใจเริ่มติดขัด สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง ของเหลวสีแดงไหลย้อยออกจากมุมปาก
แต่เวลาผ่านไปไม่นานรังสีความกดดันก็เริ่มลดลง จนหายใจได้คล่องขึ้น
มาเรียน่าพยายามเงยหน้ามองคนที่ยังไม่หยุดปลดปล่อยพลังเวท
“นะ นาย นะ น้อย”
“เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร”
To be continued
จุดเริ่มต้นของคู่หูนายน้อยเรย์เวนและข้ารับใช้อย่างมาเรียน่าค่ะ
ข้อมูลตัวละคร ราเชล ฮาร์ท
อายุ 26 ปี เป็นอันริยะทั้งดาบและเวทมนตร์ ได้เป็นผู้บัญชาการหน่วยที่ 1 (คนเก่าตายพอดี) ตั้งแต่เรียนจบ (อายุ 21 ปี) บรรลุเลเวล 9 ตอนอายุ 23 ปี มีอารมณ์ขัน ทะเล้น แต่หน้าดุ ปากจัด ติดเหล้า ชอบกินพุดดิ้ง ขี้ลืมโดยเฉพาะตารางเรียน รักน้องชายมากๆ ในสนามรบจะเลือดเย็น ฆ่าเหมือนเล่นสนุก แต่รักพวกพ้องมาก คติของราเชลคือต้องชนะ ศึกโดยเสียทหารในหน่วยให้น้อยที่สุด เป็นที่มาของสมญานาม วีรบุรุษแห่งสนามรบ เนื่องจากเป็นผู้บัญชาการสูงสุดเวลาประชุมทางทหารที่พระราชวังมักจะทะเลาะกับเหล่าขุนนางบ่อยๆ เรื่องงบในสงคราม แต่องค์จักรพรรดิชอบราเชลมากเพราะเป็นคนเก่งที่หาคนแทนได้ยาก เลยทำให้ราเชลไม่กลัวใครหน้าไหนไม่ก้มหัวให้ใครยกเว้นองค์จักรพรรดิคนเดียวส่วนคนอื่นด่าหมดตี้ (^ ^)
รูปลักษณ์
ผมสีขาวเหมือนหิมะในหน้าหนาวยาวระต้นคอที่ไว้ผมยาวเพราะไม่ชอบให้แดดโดนต้นคอ ร้อน) ดวงตาสีเลือด ตา
เฉี่ยวดุ ผิวขาวซีด สูง 185 cm อิมเมจคือเสือดาวหิมะ
คำติดปาก : ให้ตาย ให้ตายเถอะ…