”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
อยู่ๆ ออร่าสีดำสนิทแฝงไปด้วยความกดดันรุนแรงก็แผ่ตรงมายังหญิงสาว เป็นพลังเวทที่ทรงพลังจนไม่สามารถหยัดยืนอยู่ได้ มาเรียน่าทรุดลงไปกับพื้นห้อง พยายามจะฝืนร่างกายให้ลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้แม้จะเงยหน้าขึ้นมองสบตา เหมือนโดนราชสีห์ตัวใหญ่ใช้อุ้งเท้าที่มีกรงเล็บแหลมคมบดขยี้ลงกับพื้น
นี่ใช่พลังเวทของเด็กสิบขวบจริงหรือ?
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ร่างกายที่เหมือนจะถูกบดขยี้อ่อนแรงลง การหายใจเริ่มติดขัด สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง ของเหลวสีแดงไหลย้อยออกจากมุมปาก
แต่ไม่นานรังสีความกดดันก็เริ่มลดลง จนหายใจได้คล่องขึ้น มาเรียน่าพยายามเงยหน้ามองคนที่ยังไม่หยุดปลดปล่อยพลังเวท
"นะ นาย นะ น้อย"
"เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร" เสียงเอ่ยถามเรียบนิ่งของเรย์เวน ทำให้คนที่ได้ยินรู้เย็นวาบไปทั้งตัว
"ขะ ของ นะ นาย นะ น้อยค่ะ" เธอพยายามตอบกลับอย่างสุดชีวิต
"โกหก!!" รังสีอำมหิตแผ่ตรงเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง ความหนักอึ้งของร่างกายมากกว่าที่ผ่านมา
"แค่ก!" มาเรียน่ากระอั่กโลหิตสีแดงข้นออกมากองที่พื้น ใบหน้าแทบจะแนบชิดไปกับพื้นถ้าไม่ใช้แขนสองข้างค้ำยันไว้
"เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้งั้นหรือ"
ร่างกายของเด็กวัยสิบขวบขยับเขยื้อนเป็นครั้งแรก เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินตรงเข้าหาสาวใช้ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้
"ว่าเจ้ารายงานพฤติกรรมของข้าทุกฝีก้าวให้ท่านพ่อฟังเสมอ"
เมื่อได้ยินว่าเรย์เวนรู้ความจริงมาตลอด มาเรียน่าก็ชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาปิดสนิทเพราะความเจ็บปวด
"ข้ารู้ดีว่าก่อนที่ข้าจะเกิดท่านพ่อช่วยเหลืออะไรเจ้าไว้บ้าง"
เด็กชายลดความกดดันของพลังเวทลงก่อนจะยืดตัวตรงหันหลังให้คนที่กองอยู่ที่พื้น
"แต่เจ้าคิดให้ดีสิ ว่าตอนนี้เจ้าต้องดูแลใคร"
'จากนี้ก็ดูแลลูกชายของข้าด้วยล่ะ นี่เป็นคำสั่ง'
ประโยคที่แวนคลิโอเคยพูดไว้ก็ผุดขึ้นมาในหัว มาเรียน่าฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าตั้งแต่นั้นมาตัวเขาก็ได้กลายเป็นคนของนายน้อยเรย์เวนไปแล้ว แต่เขากลับเฝ้าคอยจับตาดูเด็กน้อยที่มักจะทำตัวโตเกินวัย สายตาและการกระทำผิดแปลกไปจากเด็กทั่วไป ในยามดึกก็มักจะแอบหนีออกนอกคฤหาสน์ไปจัดการมอนสเตอร์ป่าตัวคนเดียว
เด็กที่มีวิถีดาบที่มั่นคง เหมือนคนจับดาบฟาดฟันมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี การเรียนรู้เวทมนตร์ที่รวดเร็วแล้วใช้มันได้ชำนาญเสียยิ่งกว่าพ่อที่เป็นมหาจอมเวท
เธอเฝ้าตามติดชีวิตของเรย์เวนและรายงานเจ้าตระกูลสม่ำเสมอ ทั้งที่แม้จะติดใจอยู่นิดหน่อยว่าทำไมเด็กที่ดูจะเก่งกาจถึงเพียงนี้แต่กลับไม่รู้ตัวสักครั้งว่าถูกจับตามอง
และแล้วความจริงก็ปรากฏ…
เรย์เวนรู้ทุกอย่าง
แต่เขาก็ยังให้มาเรียน่าเป็นผู้ติดตามอยู่ใกล้ตัวไม่ห่าง
ร่างกายที่สะบักสะบอมจากพลังเวทมหาศาลกำลังพยายามฝืนลุกขึ้นนั่งชันเข่าทำความเคารพ แม้จะต้องกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับก็ตาม เพราะช่วงเวลานี้ความกดดันอ่อนลงกว่าตอนแรกลงมาก
"จากนี้ฉันจะเป็นข้ารับใช้...ขะ...ของนายน้อย ตะ...แต่เพียงผู้เดียวค่ะ ได้โปรดยกโทษ..กับการกระทำอันโง่เขลาที่ผ่านมาของฉันด้วยนะคะ นายน้อย"
สิ้นสุดประโยคก็รู้สึกได้ว่าพลังเวททั้งหมดมลายหายไปจนสิ้น เหลือเพียงม่านพลังสีดำที่ยังปกคลุมห้องสี่เหลี่ยมนี้อยู่
"ช่วยทำคำสาบานเลือดกับฉันด้วยค่ะ" แขนซ้ายถูกยกขึ้นยืดเหยียดตรงไปหาคนที่ยืนอยู่
[คำสาบานเลือด เป็นการสาบานด้วยเลือดเป็นสื่อกลาง หากผิดคำสาบานจะตายในทันทีและไม่สามารถถอนคำสาบานได้ตลอดชีวิต]
"ไม่จำเป็น"
"ได้โปรดเถอะค่ะนายน้อย ช่วยเชื่อใจฉันอีกสักครั้ง" หญิงสาวรีบตอบกลับอย่างกระวนกระวายใจ ดวงตาแดงก่ำ หยดน้ำสีใสเริ่มเอ่อล้นออกมา แต่เมื่อได้ยินประโยคที่อีกคนเอ่ยถึงกลับต้องหยุดชะงัก
"ข้าขอโทษ" เสียงพูดแฝงไปด้วยความอ่อนโยนของเด็กชายที่ยังคงยืนหันแผ่นหลังให้สาวใช้เอ่ยขึ้น
"นายน้อย…"
"ข้าเพียงแค่อยากทดสอบเจ้าเท่านั้น แต่ข้าคงทำเกินไปสินะ" ร่างของเรย์เวนค่อยๆ หันมาหามาเรียน่า ใบหน้าเผยรอยยิ้มสดใสอย่างที่เคยเป็น ดวงตากลับเป็นสีน้ำเงินเข้มเช่นเดิม
แต่เมื่อแบบนั้นหญิงสาวกลับก้มหน้างุด น้ำตาหยดลงที่พื้นห้อง
"ไม่ค่ะ หากนายน้อยไม่ทำเช่นนี้ ฉันคงทำผิดต่อนายน้อยไปเรื่อยๆ นายน้อยไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยค่ะ เป็นฉันเองที่ต้อง-" ยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
"ข้าอยากมีคนที่ไว้ใจได้ เจ้าเป็นให้ข้าได้หรือไม่ มาเรียน่า"
"ได้ค่ะนายน้อย" เธอเงยหน้ามองคนที่อยู่สูงกว่า
"จากนี้ฉันจะเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อนายน้อยแต่เพียงผู้เดียว ได้โปรดเชื่อใจและไว้ใจฉันนะคะ"
5 ปีต่อมา เรย์เวน อายุ 15 ปี
"ขออภัยค่ะนายน้อย ที่ฉันไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ซ้อมดาบให้ได้อีกแล้ว" ทันทีที่มาเรียน่าก้าวขาเข้าในห้องส่วนตัวตามผู้เป็นนายมาก็คุกเข่าลงที่พื้นทันที
ตุ้บ
"รับไป" เรย์เวนหยิบของสิ่งหนึ่งที่อยู่ในลิ้นชักข้างเตียงก่อนจะหันมาหาอีกคนแล้วโยนมันลงตรงหน้า
"นะ นี่มัน" หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาจากพื้น ป้ายไม้สี่เหลี่ยมภายในสลักอักษรที่ตัวเธอคุ้นเคย
"ป้ายของสำนักดาบในชุงกุก"
"นายน้อยจะไล่ฉันออกจริงๆ หรือคะ" เสียงเอ่ยคำถามพร้อมสีหน้าลุกลี้ลุกลนทำเอาคนที่ยืนอยู่กุมขมับ
"เห้อ! อีก2ปีข้าต้องเข้าไปเรียนที่สถาบันทหารในเมืองหลวง" เด็กหนุ่มถอยหลังลงไปนั่งบนเก้าอี้พนักพิง แต่สายตายังคงมองไปที่คู่สนทนาบนพื้น
"เจ้าจะไปดูแลข้าหรือไม่"
"ไปค่ะ!" ครั้งนี้เธอรีบตอบรับทันที
"เช่นนั้นเจ้าก็ไปร่ำเรียนเพลงดาบเพิ่มซะ ให้แข็งแกร่งพอที่จะดูแลข้า เจ้ารู้ใช่มั้ย ว่าข้าหมายความว่าอย่างไร"
"ฉันเข้าใจค่ะนายน้อย ฉันจะไปค่ะ"
"นี่เจ้าไม่สงสัยเลยหรือว่าข้าเป็นใคร ทำไมถึงมีป้ายนั่น"
"เอ๋~" มาเรียน่าเอียงหัวเล็กน้อยคล้ายมีเรื่องสงสัยก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าทันทีเหมือนคนมีหลากหลายอารมณ์ในคราวเดียว
"จะเป็นใครได้ล่ะคะ ก็เป็นนายน้อยของฉันไงคะ"
"หึ" คำตอบที่ได้รับทำให้เด็กหนุ่มพอใจจนส่งเสียงออกมาผ่านลำคอเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก
"แต่ว่า"
"เรื่องท่านพ่อข้าจะจัดการเอง รีบไปซะเถอะ"
"ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ" เธอพูดพลางส่ายหัว
"แล้วมีอะไร"
"หากฉันไม่อยู่ใครจะเตรียมอาหารให้นายน้อยล่ะคะ ใครจะเตรียมเสื้อผ้าให้ ใครจะทำความสะอาดห้องให้ นายน้อยไม่ให้สาวใช้คนไหนเข้ามาได้เลย แล้วที่สำคัญใครจะอาบน้ำให้นายน้อยคะ ฉันทำมาตั้งแต่นายน้อยเกิดจนตอน- โอ๊ย!" ประโยคที่สาธยายมาอย่างยืดยาวถูกขัดจังหวะด้วยกำปั้นหนาทุบเข้าที่ศีรษะ
"หุบปากแล้วไปซะ ข้าโตแล้ว ข้าจัดการตัวเองได้ ไป!!" เด็กหนุ่มอดทนฟังไม่ไหวที่รีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ตอนนี้กำลังคว้าแขนคนใช้ที่นั่งกับพื้นให้ลุกขึ้นยืนแล้วดันหลังให้ออกจากห้องไป
"นายน้อยสำหรับฉันยังตัวเท่าฝ่ามืออยู่เลยนะคะ ฮรึก!" มาเรียน่าฝืนรั้งตัวเองไว้พร้อมทำท่าเช็ดน้ำตาปลอมๆ จนเรย์เวนหมั่นไส้
"หยุดเหลวไหลแล้วไปซะ"
"โถ่ นายน้อยยยย"
"ไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า"
2 ปีต่อมา เรย์เวนอายุ 17 ปี
ท้องฟ้าในตอนกลางคืนที่ควรจะมืดสนิทแต่กลับสว่างไสวเพราะดวงจันทร์เต็มดวงที่สาดส่องแสงลงมาจนแทบจะมองไม่เห็นดวงดาวระยิบระยับ บรรยากาศหนาวเย็นในยามค่ำคืนทำให้ต้องใส่เสื้อผ้าอุ่นๆ เพื่อบรรเทา
ในชั้นสองของคฤหาสน์หลังใหญ่ มีห้องหนึ่งที่ไฟเปิดสว่างจ้าทั้งที่ควรเป็นเวลาเข้านอน เด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวดุจหิมะในหน้าหนาวกำลังนั่งกำหนดลมหายใจเพื่อฝึกฝนการควบคุมมานาในร่างกายอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ หน้าต่างที่เปิดค้างไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท มีลมหนาวพัดเข้ามากระทบใบหน้าเป็นระยะ
"กลับมาแล้วงั้นหรือ" เสียงเอ่ยถามของเด็กหนุ่มพูดขึ้นทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท
"รู้ได้อย่างไรคะนายน้อย ฉันลบตัวตนก่อนถึงคฤหาสน์ตั้งหนึ่งกิโลเมตร"
หญิงสาวเรือนผมสีดำสลับขาว ในชุดนักดาบสีดำล้วนจากประเทศฝั่งตะวันออก หน้าอกมีเกาะโลหะที่สลักตัวอักษรของชุงกุก ใบหูห้อยต่างหูพู่ยาว ที่เอวเหน็บดาบยาวสีเงินพูดขึ้นขณะนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ขอบหน้าต่าง
"เพราะว่าช่วงนี้ เวลานี้มันเงียบมาก ประสาทสัมผัสของข้าเลยรับรู้ได้ดีขึ้น" เขาตอบพร้อมกับค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปมองคู่สนทนา
"นายน้อยเก่งขึ้นมากเลยนะคะ" เมื่อสิ้นสุดประโยคหญิงสาวก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มก่อนจะนั่งคุกเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้น
"ฉันกลับมาแล้วค่ะนายน้อย" ใบหน้ายิ้มแย้มของข้ารับใช้ที่เรย์เวนไม่ได้เห็นมานานกว่าสองปี เขาพยักหน้ารับกับคำกล่าวของหญิงสาว
แค่มองด้วยตาเปล่าก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนที่จะส่งตัวไปยังต่างทวีป
[มาเรียน่า สุดยอดเซียนระดับสูง เพลงดาบแสงจันทร์]
"อืม ไปเตรียมตัวซะมาเรียน่า พรุ่งนี้ข้าจะทดสอบเจ้า"
"ฉันเพิ่งกลับมาก็เริ่มเลยหรือคะนายน้อย ให้ฉันพักก่อนสิคะ" มาเรียน่าพูดจบก็เบะปากกอดอก แต่คนที่เห็นภาพนั้นกลับสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
"เห้อ! ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้มันกลางดึกข้าจะปะทะวิถีดาบกับเจ้าเอาซะตอนนี้เลย" เขาพูดพร้อมหรี่ตามองอีกคนอย่างเบื่อหน่าย
"นายน้อยใจร้าย"
"ไปได้แล้ว ข้าจะฝึกควบคุมมานาต่อ"
"รับทราบค่ะนายน้อย" พูดจบมาเรียน่าก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางประตูทันที
"พรุ่งนี้ค่อยไปรายงานท่านพ่อว่าเจ้ากลับมาแล้ว"
"ได้ค่ะ ว่าแต่นายน้อยบอกนายท่านว่าฉันไปไหนมาหรือคะ" หญิงสาวหันกลับมาถามอีกครั้ง
"ข้าบอกว่า เจ้าไปตามหารักแท้ที่ต่างทวีป"
"จริงหรือคะนายน้อย!!?" เมื่อได้ยินคำตอบมาเรียน่าก็กระโจนเข้าเข้าหาคนที่นั่งอยู่บนปลายเตียงนอนขนาดใหญ่
"ทำไมข้าต้องโกหก" เรย์เวนพูดพลางทำหน้าตาไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว
"กรี๊ดดดดด มันไม่ใช่เรื่องจริงนี่คะ ทำไมนายน้อยพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นคะ" ท่าทางวิตกกังวลแสดงออกมาอย่างชัดเจน มือสองข้างยกขึ้นมาทึ้งหัวตัวเอง
"ไม่นะๆๆ ฉันจะแก้ตัวอย่างไรดีล่ะคะเนี่ย"
"นั่นมันเรื่องของเจ้า เจ้าก็จัดการเองสิ"
"นายน้อย!!!"
ปัจจุบัน
ทางออกด้านหลัง หอพักนักเรียนทหาร
"ยิ้มอะไร" เด็กหนุ่มเอ่ยถามคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า
"อ้ะ! ฉันแค่นึกถึงเรื่องเก่าๆ เท่านั้นค่ะนายน้อย" มาเรียน่าตอบกลับโดยที่ยังคงก้มหน้าลงมองพื้นดิน
"ไร้สาระ" ในตอนนี้ดวงตาเปลี่ยนกลับไปเป็นสีน้ำเงินเข้มเช่นเดิม "ไปได้แล้ว"
"รับทราบค่ะนายน้อย" หญิงสาวลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหลังก้าวขึ้นบนรถม้าเธอหันมายิ้มให้ผู้เป็นนายหนึ่งครั้งแล้วบังคับให้ม้าทั้งสองตัวออกวิ่ง
เรย์เวนยังคงยืนมองรถม้าที่ขับเคลื่อนออกไปจนลับสายตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
บรรยากาศยามเย็นที่มีแสงสีส้มอ่อนสาดส่องลงสู่พื้นดิน ในตอนนี้ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที ใกล้ถึงเวลาที่จะปิดประตูของหอนักเรียนทหารแล้วด้วย
เด็กหนุ่มในชุดสีดำสนิทที่มีผ้าคลุมยาวเกือบถึงพื้นหันหลังเดินกลับเข้ามาด้านในประตูของสถานที่ที่ต้องร่ำเรียนไปอีก 3 ปี
สถาบันทหาร สถานที่ฝึกและสั่งสอนเด็กที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป โดยที่ไม่แบ่งชนชั้น ไม่ว่าจะเป็น เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง สามัญชน หรือชนชั้นทาส ทุกคนในจักรวรรดิล้วนมีสิทธิ์ได้รับการศึกษา
สถานศึกษาของจักรวรรดิแบ่งออกเป็น 3 แห่ง
สถาบันการแพทย์ เป็นสถานที่ที่รวบรวมเด็กที่มีความสามารถในการใช้เวทรักษาไว้ทั้งหมด
สถาบันวิชาการและวิจัยพัฒนาเวทมนตร์ สถาบันนี้ แบ่งย่อยได้อีก 2 ส่วน
1. สำหรับนักเรียนที่ไม่ถนัดสายต่อสู้ เน้นวิชาการเป็นหลัก ที่ส่วนใหญ่ก็จบไปเป็นอาจารย์
2. คือวิศวกรรมเวทมตร์ เป็นส่วนที่ค่อนข้างทันสมัยและน่าตื่นเต้น ที่เหมาะกับคนที่มีแนวคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ และผสานเวทมนตร์เข้ากับวิศวกรรมได้อย่างดีเยี่ยม
และสุดท้าย
สถาบันทหาร ในทุกๆ ประเทศทั่วโลกมักจะมีบุคลากรที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ทหาร เมื่ออยู่ในโลกที่มีปีศาจเผ่นพ่านไปทั่วแล้วด้วย สถาบันทหารจะสั่งสอนเด็กที่ถนัดในการต่อสู้ โดยแบ่งออกเป็นสามสายหลัก นักดาบ นักเวท และนักดาบเวท
สถาบันทั้งสามตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงล้อมรอบพระราชวังไว้ ทำให้เด็กที่อายุถึงเกณฑ์จากเมืองต่างๆ หลั่งไหลเข้ามารวมตัวกันที่นี่
เรย์เวนก็เช่นกัน
เขาเลือกสถาบันทหาร เพราะจุดประสงค์บางอย่าง...
"เป็นทั้งแม่นม แม่บ้าน คนขับรถม้า คนรับใช้ แล้วยังเป็นดาบที่มีชีวิตให้อีก มาเรียน่าช่างสารพัดประโยชน์เสียจริง" เมื่อก้าวเดินเข้ามาด้านในได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงพูดกระแหนะกระแหนของคนๆ หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเดินออกมาจากมุมมืด
"อย่าบอกนะว่าเจ้าอิจฉาข้า" เด็กหนุ่มตอบกลับทันทีเมื่อที่หันไปมองอีกคน
"ต้องอิจฉาด้วยหรือไง" ผู้มาเยือนกอดอกยืนพิงต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าจ้องมองมาที่เด็กหนุ่มพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ว่างมากนักสินะ ถึงได้มาดักรอข้าที่ประตูเช่นนี้" เรย์เวนเดินตรงเข้าไปหาอีกคนอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้า ร่างกายที่เล็กกว่าทำให้ต้องเงยหน้ามองอีกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ไอ้เบื๊อก!"
To be continue
นั่นแหละค่ะ มีเพียงคนเดียวที่ต่อปากต่อคำกับนายน้อยเรย์เวนได้ก็คือมาเรียน่าเท่านั้น
***ชุงกุก = เป็นภาษาเกาหลีที่ใช้เรียกประเทศจีนค่ะ
ซึ่งก็หมายความว่า มาเรียน่าจริงๆเป็นคนจีน แล้วมีเรื่องที่ทำให้มาอยู่ที่ทวีปนี้และได้ดูแลรับใช้ตระกูลดีลักซ์ นางเป็นนักดาบที่ใช้อาวุธเย็น ไม่มีเวทมนตร์และฝึกฝนเพลงดาบอย่างเดียว
รูปลักษณ์
ตาสีเทาเข้า ผมตรงยาวถักเปียหนึ่งข้างแล้วพาดไว้ด้านหน้า เส้นผมสีขาวสลับดำ สูง 180 cm. (สูงกว่าเรย์เวน) อายุ 43 ปี
แล้วไอ้คนท้ายมันเป็นใครกันนะ เรย์เวนของเราถึงเรียกไอ้เบื๊อก!!?