”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
“นะ นาย นะ น้อย”
“เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร”
เสียงเอ่ยถามเรียบนิ่งของเรย์เวน ทำให้คนที่ได้ยินรู้เย็นวาบไปทั้งตัว ราวกับสถานที่ถูกเคลื่อนย้ายไปยังลานน้ำแข็งกะทันหัน
“ขะ ของ นะ นาย นะ น้อยค่ะ” แม้ความกดดันรุนแรงจะทำให้การออกเสียงทำได้ไม่ดีนักแต่เธอก็พยายามตอบกลับอย่างสุดชีวิต
“โกหก!!”
รังสีอำมหิตแผ่ตรงเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง ความหนักอึ้งของร่างกายมากกว่าที่ผ่านมา
“แค่ก!” มาเรียน่ากระอั่กโลหิตสีแดงข้นออกมากองที่พื้น ใบหน้าแทบจะแนบชิดไปกับพื้นห้อง ถ้าหากไม่ใช้แขนสองข้างค้ำยันไว้
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้งั้นรึ”
ร่างกายของเด็กวัยสิบขวบขยับเขยื้อนเป็นครั้งแรก เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ค่อยๆ เดินตรงเข้าหาสาวใช้ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้
“ว่าเจ้ารายงานพฤติกรรมของข้าทุกฝีก้าวให้ท่านพ่อฟังเสมอ” น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังของเด็กน้อยแฝงไปด้วยความอัดอั้นอยู่ภายใน
มาเรียน่าชะงักไปชั่วครู่ เปลือกตาของเธอปิดสนิทเพราะความเจ็บปวด เมื่อได้ยินว่าเรย์เวนรู้ความจริงมาตลอด
“ข้ารู้ดีว่าก่อนที่ข้าจะเกิดท่านพ่อเคยช่วยเหลืออะไรเจ้าไว้บ้าง”
เด็กชายลดความกดดันของพลังเวทลงก่อนจะยืดตัวตรงหันหลังให้คนที่หมดสภาพกองอยู่ที่พื้น
“แต่เจ้าคิดให้ดีสิ ว่าตอนนี้เจ้าต้องดูแลใคร”
'จากนี้ก็ดูแลลูกชายของข้าด้วยล่ะ นี่เป็นคำสั่ง'
ประโยคที่แวนคลิโอเคยพูดไว้ก็ผุดขึ้นมาในหัว ชั่วขณะนั้นมาเรียน่าก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
ตั้งแต่นั้นมาตัวเธอก็ได้กลายเป็นคนของนายน้อยเรย์เวนไปแล้ว แต่เธอกลับเฝ้าคอยจับตาดูเด็กน้อยที่มักจะทำตัวโตเกินวัย สายตาและการกระทำผิดแปลกจากเด็กทั่วไป ในยามดึกก็มักจะแอบหนีออกนอกคฤหาสน์ไปจัดการมอนสเตอร์ป่าด้วยตัวคนเดียว
เด็กน้อยที่มีวิถีดาบมั่นคงเหมือนคนจับดาบฟาดฟันมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี การเรียนรู้เวทมนตร์ที่รวดเร็วแล้วใช้มันได้ชำนาญเสียยิ่งกว่าพ่อที่เป็นมหาจอมเวท
เธอเฝ้าตามติดชีวิตของเรย์เวนและรายงานทุกสิ่งให้เจ้าตระกูลอยู่สม่ำเสมอ
ทั้งที่ในใจก็แอบคิดอยู่บ้างว่าทำไมเด็กที่ดูจะเก่งกาจถึงเพียงนี้แต่กลับไม่รู้ตัวสักครั้งว่าถูกจับตามอง
และแล้วความจริงก็ปรากฏ…
เรย์เวนรู้ทุกอย่าง
แต่เขาก็ยังให้มาเรียน่าเป็นผู้ติดตามอยู่ใกล้ตัวไม่ห่าง
ร่างกายที่สะบักสะบอมจากพลังเวทมหาศาลกำลังพยายามฝืนลุกขึ้นนั่งชันเข่าทำความเคารพ แม้จะต้องกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับก็ตาม เพราะช่วงเวลานี้เธอสัมผัสได้ว่าความกดดันอ่อนลงกว่าตอนแรกลงมาก
“จากนี้ฉันจะเป็นข้ารับใช้...ขะ...ของนายน้อย ตะ...แต่เพียงผู้เดียวค่ะ ได้โปรดยกโทษ..กับการกระทำอันโง่เขลาที่ผ่านมาของฉันด้วยนะคะ นายน้อย”
สิ้นสุดประโยคก็พลันรู้สึกได้ว่าพลังเวททั้งหมดมลายหายไปจนสิ้น เหลือเพียงม่านพลังสีดำที่ยังปกคลุมห้องสี่เหลี่ยมนี้อยู่
“ช่วยทำคำสาบานเลือดกับฉันด้วยค่ะ” แขนซ้ายถูกยกขึ้นยืดเหยียดตรงไปหาคนที่ยืนอยู่
[คำสาบานเลือด : เป็นการสาบานโดยใช้เลือดเป็นสื่อกลาง หากผิดคำสาบานจะตายในทันทีและไม่สามารถถอนคำสาบานได้ตลอดชีวิต]
“ไม่จำเป็น” เด็กน้อยปฏิเสธเสียงแข็ง
“ได้โปรดเถอะค่ะนายน้อย ช่วยเชื่อใจฉันอีกสักครั้ง” หญิงสาวรีบตอบกลับอย่างกระวนกระวายใจ ดวงตาแดงก่ำ หยดน้ำสีใสเริ่มเอ่อล้นออกมาจากหางตา
แต่เมื่อได้ยินประโยคที่อีกคนเอ่ยขึ้น ก็ทำให้เธอชะงักอีกครั้ง
“หากจะให้ข้าเชื่อใจ ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องทำคำสาบานเลือดไม่ใช่หรือ ?”
น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนของเด็กชายที่ยังคงยืนหันแผ่นหลังให้สาวใช้เอ่ยขึ้น
“นายน้อย…”
“ข้าขอโทษ…ข้าเพียงแค่อยากทดสอบเจ้าเท่านั้น แต่คงทำเกินไปสินะ”
ร่างของเรย์เวนค่อยๆ หันมาหามาเรียน่า ใบหน้าเผยรอยยิ้มสดใสอย่างที่เคยเป็น นัยน์ตากลับเป็นสีน้ำเงินเข้มเช่นเดิม
แต่เมื่อเห็นภาพนั้นหญิงสาวเรือนผมสองสีกลับก้มหน้างุด น้ำตาสีใสหยดลงที่พื้นห้อง
“ไม่ค่ะ หากนายน้อยไม่ทำเช่นนี้ ฉันคงทำผิดต่อนายน้อยไปเรื่อยๆ นายน้อยไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยค่ะ เป็นฉันเองที่ต้อง-” ยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“ข้าอยากมีคนที่ไว้ใจได้ เจ้าเป็นให้ข้าได้หรือไม่ มาเรียน่า…”
“ได้ค่ะนายน้อย” เธอเงยหน้ามองคนที่อยู่สูงกว่า
“จากนี้ฉันจะเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อนายน้อยแต่เพียงผู้เดียว ได้โปรดเชื่อใจและไว้ใจฉันนะคะ”
5 ปีต่อมา เรย์เวน อายุ 15 ปี
“ขออภัยค่ะนายน้อย ที่ฉันไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ซ้อมดาบให้ได้อีกแล้ว”
มาเรียน่าก้าวขาเข้าในห้องส่วนตัวตามผู้เป็นนายมาก็คุกเข่าลงที่พื้นทันที
ตุ้บ!
“รับไป” เรย์เวนหยิบของสิ่งหนึ่งที่อยู่ในลิ้นชักข้างเตียงก่อนจะหันมาหาคนที่นั่งคุกเข่ากับพื้นแล้วโยนมันลงตรงหน้า
ดวงตาของเธอเบิกโพลงเมื่อได้เห็น
“นะ นี่มัน” หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาจากพื้น
สิ่งนั้นคือ ป้ายไม้สี่เหลี่ยมภายในสลักอักษรที่ตัวเธอคุ้นเคย
“ป้ายของสำนักดาบในชุงกุก”
“นายน้อยจะไล่ฉันออกจริงๆ เหรอคะ” เสียงเอ่ยคำถามพร้อมสีหน้าลุกลี้ลุกลนทำเอาคนที่ยืนอยู่กุมขมับ
“เห้อ!” เรย์เวนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“อีก 2 ปี ข้าต้องเข้าไปเรียนที่สถาบันทหารในเมืองหลวง” เด็กหนุ่มถอยหลังลงไปนั่งบนเก้าอี้พนักพิง แต่สายตายังคงมองไปที่คู่สนทนาบนพื้น
“เจ้าจะไปดูแลข้าหรือไม่”
“ไปค่ะ!” เธอรีบตอบรับทันที
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปร่ำเรียนเพลงดาบเพิ่มซะ ให้แข็งแกร่งพอที่จะดูแลข้า เจ้ารู้ใช่หรือไม่ ว่าข้าหมายความว่าอย่างไร” นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองเข้าไปในดวงตาของอีกคนอย่างเค้นคำตอบ
“ฉันเข้าใจค่ะนายน้อย ฉันจะไปค่ะ” มาเรียน่าตอบพร้อมพยักหน้ารัวๆ
หัวคิ้วสองข้างของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากัน
“นี่เจ้าไม่สงสัยเลยหรือว่าข้าเป็นใคร ทำไมถึงมีป้ายนั่น”
“เอ๋~”
มาเรียน่าเอียงหัวเล็กน้อยคล้ายมีเรื่องสงสัยก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าทันทีเหมือนคนมีหลากหลายอารมณ์ในคราวเดียว
“จะเป็นใครได้ล่ะคะ ก็เป็นนายน้อยของฉันไงคะ”
“หึ”
คำตอบที่ได้รับทำให้เด็กหนุ่มพอใจจนส่งเสียงออกมาผ่านลำคอเล็กน้อยหัวคิ้วคลายออกอย่างโล่งใจ รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“แต่ว่า” มาเรียน่าก้มหน้างุด กอบกุมป้ายไม้ไว้แนบอก
“ถ้าเจ้าห่วงเรื่องท่านพ่อข้าจะจัดการเอง รีบไปซะเถอะ” เจ้าของเรือนผมสีขาวรีบบอกปัด
“ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ” เธอพูดพลางส่ายหัว
“แล้วมีอะไร” เรย์เวนถามย้ำ
“หากฉันไม่อยู่ใครจะเตรียมอาหารให้นายน้อยล่ะคะ ใครจะเตรียมเสื้อผ้าให้ ใครจะทำความสะอาดห้องให้ นายน้อยไม่ให้สาวใช้คนไหนเข้ามาได้เลย แล้วที่สำคัญใครจะอาบน้ำให้นายน้อยคะ ฉันทำมาตั้งแต่นายน้อยเกิดจนตอน- โอ๊ย!”
ประโยคที่สาธยายมาอย่างยืดยาวถูกขัดจังหวะด้วยกำปั้นหนาทุบเข้าที่ศีรษะจนเกิดเสียงดัง ‘ปั่ก’
“หุบปากแล้วไปซะ ข้าโตแล้ว ข้าจัดการตัวเองได้ ไป!!”
เด็กหนุ่มที่อดทนฟังไม่ไหวรีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ตอนนี้กำลังคว้าแขนคนใช้ที่นั่งกับพื้นให้ลุกขึ้นยืนแล้วดันหลังให้ออกจากห้องไป
“นายน้อยสำหรับฉันยังตัวเท่าฝ่ามืออยู่เลยนะคะ ฮรึก!” มาเรียน่าฝืนรั้งตัวเองไว้พร้อมทำท่าเช็ดน้ำตาปลอมๆ จนเรย์เวนหมั่นไส้
“หยุดเหลวไหลแล้วไปซะ”
“โถ่ นายน้อยยยย”
“ไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”
2 ปีต่อมา เรย์เวนอายุ 17 ปี
ท้องฟ้าในตอนกลางคืนที่ควรจะมืดสนิทแต่กลับสว่างไสวเพราะดวงจันทร์เต็มดวงที่สาดส่องแสงลงมาจนแทบจะมองไม่เห็นดวงดาวระยิบระยับ บรรยากาศหนาวเย็นในยามค่ำคืนทำให้ต้องใส่เสื้อผ้าอุ่นๆ เพื่อบรรเทา
ในชั้นสองของคฤหาสน์หลังใหญ่ มีห้องหนึ่งที่ไฟเปิดสว่างจ้าทั้งที่ควรเป็นเวลาเข้านอน เด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวดุจหิมะในหน้าหนาวกำลังนั่งกำหนดลมหายใจเพื่อฝึกฝนการควบคุมมานาในร่างกายอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ หน้าต่างที่เปิดค้างไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท มีลมหนาวพัดเข้ามากระทบใบหน้าเป็นระยะ
“กลับมาแล้วงั้นเหรอ”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามของเด็กหนุ่มพูดขึ้นทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท
“รู้ได้อย่างไรคะนายน้อย ฉันลบตัวตนก่อนถึงคฤหาสน์ตั้งหนึ่งกิโลเมตร”
หญิงสาวเรือนผมสีดำสลับขาว ในชุดนักดาบสีดำล้วนจากประเทศฝั่งตะวันออก หน้าอกมีเกาะโลหะที่สลักตัวอักษรของชุงกุก ใบหูห้อยต่างหูพู่ยาว ที่เอวเหน็บดาบยาวสีเงินพูดขึ้นขณะนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ขอบหน้าต่าง
“เพราะว่าช่วงนี้ เวลานี้มันเงียบมาก ประสาทสัมผัสของข้าเลยรับรู้ได้ดีขึ้น”
เขาตอบพร้อมกับค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปมองคู่สนทนา
“นายน้อยเก่งขึ้นมากเลยนะคะ”
เมื่อสิ้นสุดประโยคหญิงสาวก็ขยับร่างกายลงจากขอบหน้าต่างเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม ก่อนจะนั่งคุกเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้น
“ฉันกลับมาแล้วค่ะนายน้อย”
ใบหน้ายิ้มแย้มของข้ารับใช้ที่เรย์เวนไม่ได้เห็นมานานกว่าสองปี
เขาพยักหน้ารับกับคำกล่าวของหญิงสาว
แค่มองด้วยตาเปล่าเรย์เวนก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนที่จะส่งตัวไปยังต่างทวีป
เจ้าของเรือนผมสีขาวยกยิ้มขึ้นอย่างภูมิใจ
[มาเรียน่า สุดยอดเซียนระดับสูง เพลงดาบแสงจันทร์]
“อืม ไปเตรียมตัวซะมาเรียน่า พรุ่งนี้ข้าจะทดสอบเจ้า”
“ฉันเพิ่งกลับมาก็เริ่มเลยหรือคะนายน้อย ให้ฉันพักก่อนสิคะ” มาเรียน่าพูดจบก็เบะปากกอดอกทันที
แต่คนที่เห็นภาพนั้นกลับสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
“เห้อ! ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้มันกลางดึกข้าจะปะทะวิถีดาบกับเจ้าเอาซะตอนนี้เลย” เขาพูดพร้อมหรี่ตามองอีกคนอย่างเบื่อหน่าย
“นายน้อยใจร้าย” มาเรียน่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงเชิงน้อยใจ
“ไปได้แล้ว ข้าจะฝึกควบคุมมานาต่อ” เรย์เวนโบกมือไล่
“รับทราบค่ะนายน้อย” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางประตูทันที
แต่ในจังหวะที่ฝ่ามือจะสัมผัสโดนกลอนประตู เสียงของเด็กหนุ่มก็ขัดขึ้นมาจนเธอหันกลับไปมอง
“พรุ่งนี้ค่อยไปรายงานท่านพ่อว่าเจ้ากลับมาแล้ว”
“ได้ค่ะ ว่าแต่นายน้อยบอกนายท่านว่าฉันไปไหนมาหรือคะ” หญิงสาวหันกลับมาถามอีกครั้ง
ริมฝีปากบางของเด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเล็กๆ ที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“ข้าบอกว่าเจ้าไปตามหารักแท้ที่ต่างทวีป” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แววตากลับฉายแววความสนุกสนาน
คำพูดของผู้เป็นนายราวกับระเบิดลูกเล็กๆ ที่จุดชนวนความตื่นตระหนกในใจของมาเรียน่า เธอเบิกตาโพลง ใบหน้าหวานซีดเผือด
“จริงเหรอคะนายน้อย!!?” เธอกระโจนเข้าเข้าหาคนที่นั่งอยู่บนปลายเตียงนอนขนาดใหญ่ด้วยท่าทางกระวนกระวาย
“ข้าจะโกหกไปเพื่ออะไร” เรย์เวนพูดพลางทำหน้าตาไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวพยายามหันมองไปทางอื่น
“กรี๊ดดดดด มันไม่ใช่เรื่องจริงนี่คะ ทำไมนายน้อยพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นคะ”
มาเรียน่ากรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอับอาย สองมือยกขึ้นมาทึ้งศีรษะตัวเองจนเส้นผมชี้ฟู สีหน้าแสดงออกถึงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่นะๆๆ ฉันจะแก้ตัวอย่างไรดีล่ะคะเนี่ย”
“นั่นมันเรื่องของเจ้า เจ้าก็จัดการเองสิ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทางไร้ซึ่งความรู้สึกผิด
“นายน้อย!!!”
ปัจจุบัน
ทางออกด้านหลัง หอพักนักเรียนทหาร
“ยิ้มอะไร” เด็กหนุ่มเอ่ยถามคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า
“อ้ะ! ฉันแค่นึกถึงเรื่องเก่าๆ เท่านั้นค่ะนายน้อย” มาเรียน่าตอบกลับโดยที่ยังคงก้มหน้าลงมองพื้นดิน
“ไร้สาระ” ในตอนนี้นัยน์ตาของเรย์เวนเปลี่ยนกลับไปเป็นสีน้ำเงินเข้มเช่นเดิม “ไปได้แล้ว”
“รับทราบค่ะนายน้อย”
หญิงสาวลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหลังก้าวขึ้นบนรถม้าเธอหันมายิ้มให้ผู้เป็นนายหนึ่งครั้ง
สองมือสะบัดเชือกอย่างแรงจนทำให้ม้าทั้งสองตัวเริ่มออกวิ่ง
เรย์เวนยังคงยืนมองรถม้าที่ขับเคลื่อนออกไปจนลับสายตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
บรรยากาศยามเย็นที่มีแสงสีส้มอ่อนสาดส่องลงสู่พื้นดิน ในตอนนี้ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที และมันก็ใกล้ถึงเวลาที่จะปิดประตูของหอพักนักเรียนทหารอีกด้วย
เด็กหนุ่มในชุดสีดำสนิทที่มีผ้าคลุมยาวเกือบถึงพื้นหันหลังเดินกลับเข้ามาด้านในประตูของสถานที่ที่ต้องร่ำเรียนไปอีก 3 ปี
สถาบันทหาร สถานที่ฝึกฝนและสั่งสอนเด็กที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป โดยที่ไม่แบ่งชนชั้น ไม่ว่าจะเป็น เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง สามัญชน หรือชนชั้นทาส ทุกคนในจักรวรรดิล้วนมีสิทธิ์ได้รับการศึกษา
สถานศึกษาของจักรวรรดิแบ่งออกเป็น 3 แห่ง
สถาบันการแพทย์ เป็นสถานที่ที่รวบรวมเด็กที่มีความสามารถในการใช้เวทรักษาไว้ทั้งหมด
สถาบันวิชาการและวิจัยพัฒนาเวทมนตร์ สถาบันนี้ แบ่งย่อยได้อีก 2 ส่วน
1. สำหรับนักเรียนที่ไม่ถนัดสายต่อสู้ เน้นวิชาการเป็นหลัก ที่ส่วนใหญ่ก็จบไปเป็นนักวิชาการ หรืออาจารย์ตามสถาบันต่าง ๆ
2. วิศวกรรมเวทมตร์ เป็นส่วนที่ค่อนข้างทันสมัยและน่าตื่นเต้น เหมาะกับคนที่มีแนวคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ และผสานเวทมนตร์เข้ากับวิศวกรรมได้อย่างดีเยี่ยม
สุดท้าย
สถาบันทหาร
ในทุกๆ ประเทศทั่วทุกทวีปมักจะมีบุคลากรที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ทหาร เมื่ออยู่ในโลกที่มีปีศาจเผ่นพ่านไปทั่วแล้วด้วย สถาบันทหารจะสั่งสอนเด็กที่ถนัดในการต่อสู้ โดยแบ่งออกเป็นสามสายอาชีพหลัก นักดาบ นักเวท และนักดาบเวท
สถาบันทั้งสามตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงล้อมรอบพระราชวังไว้ ทำให้เด็กที่อายุถึงเกณฑ์จากเมืองต่างๆ หลั่งไหลเข้ามารวมตัวกันที่นี่
เรย์เวนก็เช่นกัน
เขาเลือกสถาบันทหาร เพราะจุดประสงค์บางอย่าง…
ในขณะที่เด็กหนุ่มก้าวเข้าเขตสถาบันได้ไม่ทันไรน้ำเสียงกระแหนะกระแหนของคนๆ หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเดินออกมาจากมุมมืด
“เป็นทั้งแม่นม แม่บ้าน คนขับรถม้า คนรับใช้ แล้วยังเป็นดาบที่มีชีวิตให้อีก มาเรียน่าช่างสารพัดประโยชน์เสียจริง”
ดวงตาลุ่มลึกของเรย์เวนหันไปมองคนที่เอ่ยคำพูดชวนหาเรื่องอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเอ่ยหยั่งเชิง
“อย่าบอกนะว่าเจ้าอิจฉาข้า”
“ต้องอิจฉาด้วยหรือไง” ผู้มาเยือนกอดอกยืนพิงต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าจ้องมองมาที่เด็กหนุ่มพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ว่างมากนักสินะ ถึงได้มาดักรอข้าที่ประตูเช่นนี้”
เรย์เวนเดินตรงเข้าไปหาอีกคนอย่างไร้ความวิตกกังวล จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายผู้นั้น ร่างกายอีกฝ่ายที่สูงใหญ่กว่าทำให้เขาต้องเงยหน้ามองอีกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไอ้เบื๊อก!”
To be continued
นั่นแหละค่ะ มีเพียงคนเดียวที่ต่อปากต่อคำกับนายน้อยเรย์เวนได้ก็คือมาเรียน่าเท่านั้น จริงๆ เป็นคนจีนนะคะ แล้วมีเรื่องที่ทำให้มาอยู่ที่ทวีปนี้และได้ดูแลรับใช้ตระกูลดีลักซ์ นางเป็นนักดาบที่ใช้อาวุธเย็น ไม่มีเวทมนตร์และฝึกฝนเพลงดาบอย่างเดียว
รูปลักษณ์
ตาสีเทาเข้า ผมตรงยาวถักเปียหนึ่งข้างแล้วพาดไว้ด้านหน้า เส้นผมสีขาวสลับดำ สูง 180 cm. (สูงกว่าเรย์เวน) อายุ 43 ปี