”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 - 5 อดีตนักรบ โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ผู้แต่ง

fixcblue

เรื่องย่อ


 

ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา


 

"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์


วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้

#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9

สารบัญ

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-บทนำ ข้ามาเกิดใหม่งั้นหรือ?,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-1 คุณชายแห่งนีไอโอเนีย,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-3 เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-4 มาเรียน่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-5 อดีตนักรบ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-7 จุดด่างพร้อยหนึ่งเดียว,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-8 มือสังหาร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-9 การฆ่าครั้งแรก,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-11 นาฬิกาเรือนเก่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-12 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-14 แค่ฝึกซ้อม (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-15 แค่ฝึกซ้อม (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-16 คำสั่งขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

5 อดีตนักรบ

แสงอาทิตย์สีส้มทองในยามเย็นตกกระทบกับใบหน้าคมคายของชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์สว่างที่ถูกจัดทรงไว้อย่างดีสะท้อนแสงแดดจนเป็นประกาย นัยน์ตาสีเหลืองอำพันจ้องมองคนที่กำลังก้าวเข้าไปหาอย่างเจ้าเล่ห์ 

เขายกยิ้มที่มุมปากจนทำให้องศาของใบหน้ารับแสงเพิ่มขึ้น เผยให้เห็นรอยแผลเป็นรูปไม้กางเขนที่แก้มขวา เขาอยู่ในชุดสูทสีขาวสลับทอง พร้อมเครื่องประดับหรูหราไม่ต่างจากชนชั้นสูง ข้างเอวเหน็บดาบเวทมนตร์เรเปียร์อาวุธคู่กาย อีกทั้งยังสวมผ้าคลุมที่ปกปิดเพียงไหล่ขวาข้างเดียวไว้

เด็กหนุ่มเงยหน้ามองสบตาอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนที่ริมฝีปากจะขยับขึ้น

“ไอ้เบื๊อก!” 

“อะไร ไอ้งั่งราเชล” เสียงทุ้มต่ำตอบกลับในทันที

ไอ้งั่งบ้านเอ็งสิโว้ย 

เรย์เวนกรีดร้องอยู่ในใจ

[ครูซ ซาติโอ้ นักดาบเวท เลเวล 8 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา อดีตผู้บัญชาการหน่วยที่ 3 และเป็น 1 ใน 7 นักรบ] 

ครูซ หรือ ที่รู้จักกันในตำแหน่ง อาจารย์ใหญ่ของสถาบันทหาร อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของราเชลตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนในสถาบันเมื่อชีวิตก่อน พวกเขาทั้งสองคนฝึกซ้อมดาบ ฝึกเวทมนตร์ และเสี่ยงตายในสนามรบด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วน

และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

เขาเป็นคน ๆ เดียวในตอนนี้ที่รู้ว่า…

เรย์เวน ดีลักซ์ คือ ราเชล ฮาร์ท ที่มาเกิดใหม่

เรื่องมันเกิดเมื่อตอนที่เรย์เวนเข้าเรียนในสถาบันทหารเมื่อตอนปี 1 

ในขณะที่เขากำลังซ้อมดาบในวิชาฝึกฝนด้วยตนเอง อาจารย์ใหญ่ที่ผ่านไปแถวนั้นก็สังเกตเห็นท่าทางที่คุ้นเคย

ทั้งการก้าวเดิน สายตา จังหวะการฟาดฟันดาบ แม้กระทั่งเวทต้นกำเนิด ทุกอย่างล้วนเหมือนกับราเชล ฮาร์ท เพื่อนรักของเขาในอดีตไม่มีผิดเพี้ยน

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อาจารย์ใหญ่ของสถาบันพาตัวนักเรียนชั้นปีที่ 1 ไปสอบสวนหาความจริงถึงในคุกใต้ดิน

ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับและความกดดันแรงกล้าของครูซ จึงทำให้เรย์เวนสารภาพไปจนหมดเปลือก

 “เจ้าอยากตายสินะ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง พลางเชิ่ดคางขึ้น สองมือยกกอดอก 

 “เหอะ” คนตัวสูงกว่าสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่แยแส

เจ้าของเรือนผมสีขาวค่อยๆ ขยับถอยหลังเล็กน้อย แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่เพื่อนรักในคราบอาจารย์ใหญ่

“แล้วมีอะไร” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบนิ่ง 

“คงไม่ได้มาดักรอข้าแบบไม่มีเรื่องราวอะไรหรอกใช่หรือไม่” เรย์เวนหรี่ตามองพยายามจับสังเกตอีกฝ่ายเมื่อเขารู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกที่โอบล้อมอยู่รอบร่างกาย

ครูซนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมาสบตาคู่สนทนาอีกครั้ง

“วิลฟอร์ดตายแล้ว” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเจือความเจ็บปวด

ดวงตาของคนที่ได้ยินข่าวร้ายเบิกโพลง ใบหน้าฉายแววฉงนอย่างเห็นได้ชัด ในใจเขากำลังตำหนิคนตรงหน้าที่กล้าพูดเรื่องล้อเล่นเช่นนี้ออกมา

“อย่ามาอำอะไรไร้สาระ ข้าไม่ตลกด้วยนะไอ้เบื้อกครูซ!” เขาขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ

วิลฟอร์ด นักดาบระดับแกรนด์มาสเตอร์ ฉายานักดาบไร้เงา เขาเป็นคนที่หลบหลีกการโจมตีได้ดีที่สุดในบรรดา 7 นักรบ และมีทักษะการลอบสังหารขั้นสูงจนคนทั้งจักรวรรดิยอมรับ

 “ข้าพูดเรื่องจริง ได้รับการยืนยันจากหน่วยพิราบขาวแล้ว” ครูซยืนยันสิ่งที่ต้องการสื่ออีกครั้ง มือข้างหนึ่งของเขากำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นปูดขึ้

 “ได้อย่างไร?” 

 “องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้ไปแฝงตัวในปราสาทโดยไปอยู่ในหน่วยที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของลูมอส” เขาพยายามอธิบายเพิ่มเติม

 “ถูกจับได้สินะ” 

เรย์เวนพึมพำออกมาเบาๆ แม้จะไม่ได้รับตอบยืนยันสิ่งที่คิดจากคนตรงหน้า แต่แววตาของครูซที่เขามองเห็นก็รับรู้ได้

เขานึกทวนเรื่องที่ได้ยินอีกครั้งในใจ จนทำให้มั่นใจในความเป็นไปได้ที่วิลฟอร์ดจะสิ้นชีพไปแล้วจริงๆ

ลูมอส องครักษ์ลำดับ 1 ของราชาปีศาจ มันเป็นปีศาจที่จมูกดีเสียยิ่งกว่าสุนัข อีกทั้งฉลาดเป็นกรด และยังเป็นองครักษ์ข้างกายที่มีฝีมือและน่ากลัวมากที่สุด โดยเฉพาะเวทควบคุมจิตใจของมัน 

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่วิลฟอร์ดจะแฝงตัวเข้าไปแล้วรอดชีวิตกลับมา

นั่นคงเป็นภารกิจที่เขาเตรียมใจไว้อยู่แล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น ความโกรธแค้นที่ต้องสูญเสียสหายร่วมรบไปก็พลุ่งพล่านขึ้นมา

บัดซบ!

ตำแหน่ง ‘นักรบ’ มีเพียง 7 คนเท่านั้นที่ได้รับแต่งตั้งจากองค์จักรพรรดิ นับตั้งแต่เมื่อหนึ่งพันปีก่อนจนถึงปัจจุบันที่มีการทำสงครามกับราชาปีศาจก็ยังไม่มีใครที่มีความสามารถได้เท่าพวกเขาเหล่านี้

และหนึ่งในนั้นก็คือ วิลฟอร์ด

แต่ในตอนนี้เหล่านักรบทั้ง 7 กลับมีชีวิตเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง

 “ไปดื่มกันเถอะราเชล” น้ำเสียงทุ้มต่ำของครูซทำให้เด็กหนุ่มที่ตกอยู่ในภวังค์ความหลังชะงักเล็กน้อย 

เขาใช้มือซ้ายละเลงกลุ่มผมของคนตัวเล็กกว่าจนยุ่งเหยิงก่อนจะเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองลอดผ่านปอยผมหน้าม้าที่ขาวสว่างเข้าไปสังเกตนัยน์ตาของอีกคน

เรย์เวนถอนหายใจออกมายาวเหยียดพลางนึกในใจ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าสูญเสียสหาย

เจ้าของเรือนผมสีขาวปัดมือของคนที่สูงกว่าออกเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะเล้น

 “เจ้าชวนเด็กนักเรียนทหารปี 2 ที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ไปดื่มเนี่ยนะ” ตอนนี้สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนกลับมาเจ้าเล่ห์อีกครั้ง แต่แววตายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นปะปนความเสียใจ

 “หรือจะไม่ไป” ครูซเลิกคิ้วเอ่ยถามหยั่งเชิง

 “ไม่ไปได้อย่างไรเล่า” 

แสงจันทร์สีนวลสาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ห้องที่ปกติแล้วเต็มไปด้วยกลิ่นอายของหนังสือเก่าและเวทมนตร์ ตอนนี้กลับดูเงียบสงบและลึกลับยิ่งกว่าปกติ ฝุ่นละอองเล็กๆ ล่องลอยอยู่ในอากาศสะท้อนกับแสงจันทร์จนเป็นประกายระยิบระยับ

บนโซฟาบุผ้ากำมะหยี่สีเข้ม มีชายวัยกลางคนผู้มีเรือนผมสีบอนด์และตรงข้ามคือเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม

โต๊ะกระจกตรงกึ่งกลางระหว่างคนสองคนเต็มไปด้วยขวดแก้วสีชาทรงสูงที่ภายในบรรจุเครื่องดื่มมึนเมาไว้จนเต็มหลายขวด บางขวดก็มีส่วนที่พร่องไปบ้าง 

 “ข้านึกว่าเจ้าจะพาไปดื่มที่บาร์ แต่นี่อะไร มานั่งดื่มอยู่ในห้องทำงานเนี่ยนะ” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย

เขาวางแก้วสีใสที่ภายในบรรจุของเหลวสีดำสนิทแต่รสชาติกลมกล่อมลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนจะมองคนที่อยู่ตรงข้าม

ครูซกำลังค่อยๆ จิบของเหลวในแก้วอย่างพิถีพิถัน

 “น่าหงุดหงิดชะมัด” เขาพูดย้ำความไม่สบอารมณ์ของตัวเอง

เจ้าของห้องที่จิบไวน์เข้าปากจนพอใจก็เริ่มขยับปากตอบกลับบ้าง

 “แล้วจะให้พาเด็กอย่างเจ้าไปบาร์งั้นหรือ ใช้หัวคิดเสียหน่อยเถอะ ไอ้งั่ง” เขาวางแก้วลงบนโต๊ะ ขาสองข้างยกขึ้นไขว้กัน จ้องมองอีกคนอย่างพิจารณา

 “ผมขาว ตาสีน้ำเงินเด่นชัดเช่นนี้ ไม่มีใครในเมืองนี้ไม่รู้จักเจ้าหรอกนะ คุณชายแห่งเมืองนีไอโอเนีย” 

 “ให้ตายเถอะ!” 

เรย์เวนสบถกลับไปอย่างไม่พอใจก่อนจะหยิบแก้วใบเดิมยกขึ้นมากวัดแกว่งมันเพื่อดูของเหลวกระเพื่อมไปมาสลับกับแก้วอีกหนึ่งใบที่วางอยู่บนโต๊ะแต่กลับไม่มีเจ้าของ

นัยน์ตาสีน้ำเงินของเขาฉายแววเศร้าโศกที่เจือไปด้วยความคิดถึง

เขาเลื่อนแก้วในมือไปชนกับใบที่ตั้งแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะเบาๆ

แด่วิลฟอร์ด…

 

เมื่อ 21 ปีก่อน หน้ากระโจมเสบียง กองบัญชาการแนวรบหน้า

“ไม่ได้ขอรับ นี่เป็นคำสั่งของท่านลูเซียสขอรับ" 

นายทหารตำแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วยที่ 7 ยืนกรานเสียงแข็งต่อหน้าผู้มีอำนาจเหนือกว่าทั้งสองคน โดยที่ด้านหลังมีทหารยืนเรียงรายพร้อมปกป้องกระโจมเสบียง

“แต่ข้าเป็นผู้บัญชาการสูงสุดนะ ไอ้เจ้านี่ อยากตายหรือไง ห๊ะ!!” 

ชายหนุ่มเรือนผมสีขาวสว่าง ในชุดออกรบสีดำสนิท ตะโกนเสียงดังลั่น สายตาจ้องมองไปยังคนที่ขัดคำสั่ง

“ขออภัยด้วยขอรับท่านราเชล แต่ข้าไม่สามารถขัดคำสั่งของท่านลูเซียสได้ขอรับ” นายทหารยืนยันคำตอบเดิมพร้อมก้มหัวให้เล็กน้อย

“เห้ย นี่มันจะมากไปแล้วนะ พวกข้าแค่ต้องการเสบียงก็เท่านั้น หลบไปซะ” เสียงตะโกนดังขึ้นมาอีกครั้งจากผู้บัญชาการหน่วยที่สาม

“เสบียงของท่านครูซและท่านราเชลได้ถูกเตรียมไว้ให้ที่กระโจมแล้วขอรับ” 

“จิ๊!” ราเชลจิ๊ปากเสียงดังก่อนจะหันมาหาเพื่อนสนิทที่ยืนเคียงข้างกาย “เอาไงดีครูซ” 

“ข้าว่าเราล่องหนเข้าไปก็จบแล้ว จะมาเจรจาให้ยืดยาวไปทำไม” 

ครูซใช้แขนซ้ายคว้าคอคนตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้ยกมือซ้ายขึ้นมาป้องที่ใบหูอีกคนก่อนจะกระซิบออกมาเสียงแผ่วเบา

แต่การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของหัวหน้าทหารเฝ้ายาม

“หากท่านทั้งสองกำลังคิดว่าจะใช้เวทมนตร์เพื่อเข้าไปด้านใน…” 

ทันทีที่ถูกจับได้ว่าต้องการจะทำอะไร ผู้บัญชาการทั้งสองคนจึงหันขวับมาอย่างไวพร้อมคว่ำปากแสดงอาการไม่พอใจ

“ข้าต้องขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆ เพราะท่านเฮอร์เซียได้ร่ายเวทป้องกันไว้หมดแล้ว นอกจากเวทน้ำแข็งเพื่อถนอมอาหารจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ใดในกระโจมได้อีกขอรับ” 

 “บัดซบ!” ราเชลสบถพร้อมกอดอกเบือนหน้าหนีอย่างหัวเสีย

 “รุ่นพี่เฮอร์เซียก็ร่วมมือด้วยงั้นหรือ” ครูซยกมือขวาขึ้นลูบคางตัวเองเบาๆ เหมือนคนกำลังใช้ความคิด ก่อนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมา “นี่ ชาร์ล…” 

 “ถึงจะเกลี้ยกล่อมข้าอย่างไร ข้าก็ขอปฏิเสธขอรับ” นายทหารเห็นท่าทางจึงรีบปฏิเสธทันควัน

 “เฮ้! ให้โอกาสข้าก่อนสิ” ผู้บัญชาการหน่วยที่สามเดินอ้อมหลังหัวหน้าทหารเฝ้ายามก่อนจะเท้าแขนข้างหนึ่งไว้บนบ่าอีกคน

 “จะทำอะไร” ราเชลหรี่ตามองการกระทำของเพื่อนพร้อมเอ่ยคำถาม

 “คอยดูเหอะหน่า” ครูซรีบบอกปัด “ชาร์ล ช่วงนี้เจ้าอยู่แต่สนามรบไม่ได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวเลยไม่ใช่หรือ"

สีหน้าของชาร์ลที่เรียบนิ่งเริ่มออกอาการเล็กน้อย ดูเหมือนว่าประโยคที่พูดออกไปจะไปสะกิดใจหรืออะไรสักอย่างแน่นอน

 “ถ้าเจ้าให้ข้าเข้าไป แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ข้าจะให้วันหยุดเจ้าหนึ่งสัปดาห์” นิ้วชี้ถูกชูขึ้นต่อหน้าผู้ถูกต่อรอง “เป็นอย่างไรบ้าง ข้อเสนอข้าน่าสนใจใช่หรือไม่” 

 “สองสัปดาห์ไปเลย ข้าอนุญาต” 

เจ้าของเรือนผมสีขาวรีบเสริมความเห็นของตัวเองขึ้นทันที เมื่อรับรู้ถึงจุดประสงค์ที่เพื่อนของเขาที่เริ่มทำตัวแปลกๆ

 “เอาล่ะ คราวนี้ก็ให้ข้าเข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่” 

 ยังไม่มีคำตอบใดๆ ออกจากปากชาร์ล แต่ผู้บัญชาการเอาแต่ใจที่กระหายเครื่องดื่มมึนเมาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปด้านในทันที

แต่แล้วเสียงของดาบทั้งสองเล่มกระทบกันจนคนที่ตั้งใจเข้าไปด้านในสะดุ้งเฮือก หันขวับกลับมาด้านหลังที่มีคนสั่งการยืนอยู่

แค่เพียงฝ่ามือถูกยกขึ้น เหล่าทหารที่มีอาวุธครบมือก็ยกมันขึ้นมาปิดทางเข้าทันที 

 “อะไรอีกวะเนี่ย!! ข้าก็ให้วันหยุดเจ้าไปแล้ว หรือเจ้าต้องการอะไรอีก!” ราเชลตวาดลั่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

 “ไม่ต้องการขอรับ เพราะถ้าข้าขัดขวางท่านทั้งสองได้ ข้าก็จะได้วันหยุดหนึ่งเดือนขอรับ"

 “นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ข้าคัดค้าน!!” เป็นอีกครั้งที่เจ้าของเรือนผมสีขาวดุจหิมะในหน้าหนาวตะโกนออกมาเสียงดัง

 “ใช่ แค่ลูเซียสคนเดียวไม่มีอำนาจขนาดนั้นหรอก” ครูซรีบพูดเสริม

 “ท่านลูเซียส ท่านเฮอร์เซียและท่านไซอัน รวมสามคนขอรับ” 

หัวหน้าทหารเฝ้ายามเอ่ยรายชื่อคนอนุมัติวันหยุดขึ้นมาพร้อมชูขึ้นมาสามนิ้วต่อหน้าทั้งคู่

 “ให้ตายเถอะ!” 

เสียงสบถของผู้บัญชาการหน่วยที่ 1 ที่ควบตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดดังขึ้นพร้อมสีหน้าหงุดหงิดพร้อมจะทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง

 “เห้ย ราเชล" ฝ่ามือหนาคว้าบ่าของเพื่อนให้หันมามองหน้า "น้องเจ้าทำเกินไปแล้วนะ” 

 “แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า!” ราเชลร้องโอดครวญ

 “โอ๊ย! พวกข้าก็แค่จะดื่มเหล้าเองนะ สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้มันก็ต้องดื่มหน่อยไม่ใช่หรือไง” สองมือของครูซยกขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างจนปัญญา

แต่ในขณะนั้นดวงตาสีเลือดของราเชลฉายแววดุดันพร้อมปลิดชีพคนที่ขัดใจ 

 “ฆ่าเลยแล้วกัน” 

เสียงเยือกเย็นดังขึ้นพร้อมกับมือขวาคว้าด้ามจับดาบยาวที่เหน็บอยู่ที่เอวสอบเตรียมตัวที่จะดึงมันออกมา

ทางครูซเองที่เห็นเช่นนั้นก็ยกฝ่ามือขึ้นเผยวงแหวนเวทมนตร์สีทองขนาดไม่ใหญ่มากนัก พร้อมที่จะสู้เสริมแรงเพื่อนสนิท

 แต่คนที่ต้องเชิญเรื่องอันตรายกลับไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน

 “หากข้ากดหินเรืองแสงในอาร์ตี้แฟคเคลื่อนย้าย อันนี้” มือขวาของชาร์ลยกอาร์ตี้แฟคที่พูดถึงขึ้นมา ปลายนิ้วชี้ไปที่หินเรืองแสงสีเขียว “ท่านไซอันและท่านลูเซียสจะมาที่นี่ทันทีขอรับ” 

[อุปกรณ์เวทมนตร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายคน สัตว์ หรือสิ่งของได้]

หลังจากได้ยินสิ่งที่ชาร์ลพูด บรรยากาศกดดันก่อนหน้าก็มลายหายไปจนสิ้น ก่อนที่เสียงตะโกนจากปากของราเชลก็ดังขึ้นด้วยความไม่พอใจ

 “อ๊ากกกกกกกกกกกก!” สองมือถูกยกขึ้นรวบกลุ่มผมไว้แน่นจนยุ่งเหยิง

 “ปั๊ดโถ่เว้ย!” ผู้บัญชาการหน่วยที่สามสบถตามมาด้วยเช่นกัน

 “ถอดใจแล้วกลับไปที่กระโจมเถอะขอรับ” เมื่อพูดจบหัวหน้าทหารยามก็เก็บอาร์ตี้แฟคลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะผายมือไปยังกระโจมที่พักของทั้งคู่

 “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” 

ครูซพูดเสียงกระแทกกระทั้นใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาของรุ่นน้องก่อนจะดึงรั้งแขนของราเชลที่ยังพึมพำถึงเครื่องดื่มมึนเมาไม่หยุดปากให้เดินออกห่างอย่างหมดหนทาง

ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่ลานว่างไม่ห่างจากที่พักมากนัก 

พวกเขาล้มตัวลงนั่งกับพื้นดินความหมดอาลัยตายอยากแทรกซึมเข้าจิตใจของทั้งคู่ สีหน้าเหม่อลอยจนทหารที่เดินผ่านมาเห็นต้องรีบปลีกตัวหนีไปให้ไกล

 “นี่หรือ…คือผู้บัญชาการที่น่าเกรงขามในสนามรบ” 

 “ตอนนี้กำลังนั่งทำหน้าเศร้าเพราะอดดื่มเหล้าเนี่ยนะ?” 

 “ถ้าไม่เห็นกับตาใครจะเชื่อ…” 

เสียงซุบซิบนินทาจากเหล่าทหารที่เดินผ่านดังขึ้นเป็นระยะ แต่ผู้บัญชาการสองคนกลับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้สติของเขาคิดอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 “น้องเจ้าทำขนาดนี้ไปเพื่ออะไรกัน” ครูซเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างน่าเวทนา

 “เจ้าอยากรู้ก็ไปถามเอาเอง ให้ตายเหอะ ข้าอยากดื่มใจจะขาดอยู่แล้ว อ๊ากกกกก!!!” 

ราเชลล้มตัวลงนอนกลิ้งอยู่ที่พื้นไม่ต่างจากเด็กน้อยที่อ้อนแม่ซื้อของเล่นแล้วถูกปฏิเสธพร้อมกับแหกปากตะโกนดังลั่น

 “อะแฮ่ม!” 

เสียงกระแอมในลำคอดังออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่อยู่ไม่ไกล ทำให้ทั้งสองคนที่นอนราบกับพื้นดีดตัวลุกขึ้นมาคว้าอาวุธในทันที

 “ใคร! / หยุดอยู่ตรงนั้น!"

 

To be continued


นักรบทั้ง 7 ไม่ใช่รุ่นเดียวกันทั้งหมด ไซอัน (นักดาบ) เป็นพี่ใหญ่ รองลงมาคือเฮอร์เซีย (นักเวท) เอมิลี่ (นักเวท) วิลฟอร์ด (นักดาบ) ครูซกับราเชล (นักดาบเวท) และน้องเล็ก ลูเซียส (เคยเป็นนักดาบเวทหลังจากสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปก็ผันตัวเป็นนักดาบ)