”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 - 6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ผู้แต่ง

fixcblue

เรื่องย่อ


 

ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา


 

"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์


วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้

#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9

สารบัญ

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-บทนำ ข้ามาเกิดใหม่งั้นหรือ?,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-1 คุณชายแห่งนีไอโอเนีย,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-3 เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-4 มาเรียน่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-5 อดีตนักรบ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-7 จุดด่างพร้อยหนึ่งเดียว,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-8 มือสังหาร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-9 การฆ่าครั้งแรก,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-11 นาฬิกาเรือนเก่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-12 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-14 แค่ฝึกซ้อม (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-15 แค่ฝึกซ้อม (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-16 คำสั่งขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2

ทันทีที่เสียงกระแอมในลำคอดังขึ้น ผู้บัญชาการหน่วยทั้งสองคนก็รีบลุกขึ้นคว้าอาวุธคู่กายหันไปทางต้นเสียงอย่างไม่ลังเล

บรรยากาศเศร้าหมองก่อนหน้านี้พลันหายไปจนหมดสิ้นภายในชั่วพริบตา ความสงสัยเกิดขึ้นในความคิด เพราะตั้งแต่ที่ก้าวเดินมายังที่ตรงนี้พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าไม่มีใครเข้ามาใกล้ 

แล้วเหตุใดจึงมีเสียงผู้คน?

จิตสังหารของทั้งคู่แผ่ตรงไปยังหลังต้นไม้ใหญ่หมายจะปลิดชีพคนที่อยู่หลังต้นไม้หากนั่นคือศัตรู

ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือ ผู้ที่ส่งเสียงทักทายก็ก้าวออกมาช้าๆ จนเผยให้เห็นเรือนผมสีเงินยาวสลวยที่ถูกมัดรวบไว้อย่างดีสะท้อนกับแสงจันทร์จนเป็นประกายระยิบระยับ

ใบหน้าครึ่งล่างถูกปกปิดมิดชิดด้วยผ้าสีดำสนิททำให้เห็นนัยน์ตาสีเงินเด่นชัดขึ้น ข้างเอวสอบของเขาเหน็บดาบยาวสองเล่ม จังหวะของย่างก้าวที่สมบูรณ์ไร้ซึ่งเสียงเดิน

 “วิลฟอร์ด!” ครูซและราเชลตะโกนขึ้นพร้อมกัน

 “ใช่ ข้าเอง” คนที่ถูกเรียกชื่อตอบกลับ

 “นึกว่าใคร เจ้ามีอะไรหรือ” ครูซเอ่ยถามพลางลดจิตสังหารและดาบลง

 “ถ้าจะมาซ้ำเติมข้าละก็… พอเลยนะ แค่นี้ข้าก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว” เจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างพูดขึ้นพร้อมเก็บดาบเข้าสู่ฝัก ใบหน้าหงอยๆ ของเขาไม่ต่างจากเด็กน้อย

 “ใครบอกกัน” 

ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างที่ซ่อนไว้ด้านหลังถูกยกออกมาต่อหน้าของชายหนุ่มทั้งสองคน เผยให้เห็นขวดไวน์ชั้นเลิศที่บรรจุของเหลวอยู่เต็มขวดพร้อมแก้วสีใสอีกสามใบ

 “นั่นมัน! / ได้อย่างไรกัน” ทั้งสองคนที่เห็นภาพนั้นก็แสดงอาการตกใจ ดวงตาเบิกโพลง 

 “ว่าแล้วเชียว เจ้านั่นมันโกหกสินะ จริงๆ ก็ใช้เวท-” ครูซยกมือขึ้นลูบคางพึมพำยังไม่ทันจบประโยคดีแต่ก็ถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน

 “ข้าไม่ได้ใช้เวทมนตร์” วิลฟอร์ดแย้งขึ้น

 “จริงสิ เจ้าแค่ใช้ทักษะนั่น!” เหมือนมีหลอดไฟส่องแสงขึ้นมาเหนือศีรษะของราเชล เมื่อจุดประกายความคิดขึ้นมาได้

 “ใช่” 

 “สุดยอดไปเลย เจ้าจะให้พวกข้าดื่มด้วยใช่หรือไม่ สหาย” ราเชลรีบวิ่งเข้าไปใกล้ส่งสายตาวิงวอนไปยังคนที่ถือขวดเครื่องดื่ม 

เขานั่งลงคุกเข่ากับพื้นดิน “ได้โปรด…” 

 “ข้าขอร้องด้วย” ครูซไม่รอช้ารีบนั่งลงข้างกายเพื่อนสนิท

ใครจะเชื่อว่าผู้บัญชาการทั้งสองคนจะนั่งคุกเข่าประสานมือพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนเพียงเพื่อต้องการจะดื่มของมึนเมาเช่นนี้

รอยยิ้มเผยขึ้นภายใต้ผ้าปิดหน้าสีดำสนิท แววตาเอ็นดูทอดมองไปยังรุ่นน้อง

 “ไปที่กระโจมของข้า” วิลฟอร์ดพูดจบก็เดินนำออกไปก่อน

 “เย้! / สำเร็จ” 

 บรรยากาศคึกคักในทันตา เสียงหัวเราะอย่างดีใจดังขึ้น สองเพื่อนรักรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เคยเคร่งเครียดตอนนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาวิ่งตามวิลฟอร์ดต้อยๆ ไม่ต่างจากลูกเป็ดน้อยที่วิ่งตามแม่ไปยังกระโจมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

ไม่นานนักเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะปะปนกับเสียงแก้วไวน์กระทบกันเบาๆ ภายในกระโจมส่วนตัวของผู้บัญชาการหน่วยที่สี่ 

ในช่วงเวลาที่ได้ดื่มด่ำไปกับไวน์รสเลิศและเพื่อนร่วมรบที่รู้ใจ ทำให้ชั่วขณะนั้นพวกเขาเหมือนได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่ไร้ซึ่งสงครามและการฆ่าฟัน แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม…

 

 ชายหนุ่มหลับตาลงเมื่อนึกถึงอดีตที่แสนคิดถึง ทว่าเมื่อลืมตาขึ้น เขาก็กลับสู่ปัจจุบันแล้ว ปัจจุบันที่ไม่มีเพื่อนพ้องที่คุ้นเคยอยู่ข้างกาย

ห้องโถงที่กว้างใหญ่ของสถาบันทหารคลาคล่ำไปด้วยเหล่านักเรียนที่จะต้องลงทะเบียนเลือกสายอาชีพก่อนที่จะเริ่มเรียนในชั้นปีที่ 2 

ผู้คนมากมายในชุดนักเรียนทหารสีกรมท่า บนอกซ้ายติดป้ายชื่อสี่เหลี่ยมอย่างเรียบร้อย ขาดก็เสียแต่เข็มกลัดที่ต้องติดไว้กึ่งกลางของปกเสื้อมันถูกเว้นว่างไว้ 

เพราะยังไม่สามารถเลือกสายอาชีพของตัวเองได้

นักเรียนทหารชั้นปีที่ 2 ทุกคนจะต้องเลือกสายอาชีพที่ตนเองสนใจและฝักใฝ่จะเรียนต่อ ซึ่งหากใครสามารถเลือกได้แล้วจะได้รับเข็มกลัดที่มีสีประจำสายนั้นๆ ติดอยู่ที่กึ่งกลางของปกเสื้อเพื่อใช้มันเป็สัญลักษณ์ประจำสายอาชีพในขณะที่อยู่ภายในสถาบัน

เข็มกลัดจะมีทั้งหมดสามสี โดยแบ่งไปตามสายอาชีพ ดังนี้

สีแดง - นักเวท

สีเขียว - นักดาบ

สีน้ำเงิน - นักดาบเวท

และสีเข็มกลัดที่มีมากที่สุด ก็คือ สีแดง เพราะบรรดาลูกหลานขุนนางมักจะเดินตามรอยของตระกูลโดยการเป็นนักเวท เพื่อสืบทอดวิสัยทัศน์เวทมนตร์

ท่ามกลางความวุ่นวายที่นักเรียนหนุ่มสาวเดินกันควักไขว่ไปมาอย่างรีบร้อน แต่กลับมีเด็กหนุ่มเรียนผมสีขาวสว่างดุจหิมะยืนกอดอกมองภาพนั้นอย่างคุ้นเคย นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองไปยังโต๊ะลงทะเบียนสายนักดาบเวทที่มีคนต่อแถวมากมายเป็นระยะ 

ในใจนึกหวังว่าจะรอให้ผู้คนน้อยลงกว่านี้อีกสักนิดเขาถึงจะก้าวขาเข้าไปบ้าง

แต่แล้วก็มีเสียงหวานเอ่ยทักอย่างสนิทสนมทำให้เขาละสายตาหันกลับมามองตรงหน้า

“เอ้า เรย์เวน เจ้ายังไม่ไปรับเข็มกลัดกับหนังสือเรียนอีกหรือไง” 

นักเรียนสาวในชุดนักเรียนทหารสำหรับผู้หญิงเดินเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าของเด็กหนุ่ม เธอกอดหนังสือเรียนเล่มหนาหลายเล่มไว้แน่น

ดวงตาสีเขียวมิ้นต์สดใสมองหน้าคนที่ยืนอยู่อย่างนึกสงสัย เรือนผมสีน้ำตาลสะท้อนกับแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาจนเป็นประกายแวววาว

[เวโรนิก้า เบนิมอร์ นักเรียนทหารชั้นปีที่ 2 ผู้ใช้เวทพืช] 

“ข้ากำลังรอให้คนน้อยลงกว่านี้อีกหน่อย” เรย์เวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาของเขาเลื่อนมองไปที่เข็มกลัดตรงกึ่งกลางของปกเสื้อ

หื้ม สีแดง?

 “เวโรนิก้า เจ้าไม่ได้เลือกนักดาบหรอกหรือ” เขาถามออกไปทันทีที่สิ่งที่เห็นไม่ตรงกับความคิด

 “ก็ตระกูลข้าเป็นนักเวท ข้าก็ต้องเลือกนักเวทสิมันแปลกตรงไหนกันเล่า” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนตอบกลับเสียงแข็ง คิ้วเริ่มผูกกันเป็นปมเล็กๆ

 “ไม่แปลกได้อย่างไร ตอนปี 1 เจ้าทำได้ดีในการประลองดาบในวิชาเรียนดาบเลยนะ ข้าเสียดายแทนเจ้าต่างหาก” 

 “เห้อ” เวโรนิก้าถอนหายใจออกมาเบาๆ แววตาของเธอเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด 

 “ถ้าข้าเลือกนักดาบ แล้วใครจะสืบทอดวิสัยทัศน์เวทมนตร์ของตระกูลข้ากันล่ะ ข้าเป็นบุตรสาวคนเดียวเสียด้วย...” เธอพูดเสียงเบาพลางกอดหนังสือที่ได้รับมาด้วยแนบอกแน่น

เรย์เวนมองตามการกระทำอย่างพิจารณา

“เจ้าจะไม่เสียใจงั้นหรือ?” 

เวโรนิก้าที่ได้ยินคำถามนั้น นิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหัวออกมาเบาๆ

“ไม่หรอก…” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความผิดหวังทำให้เรย์เวนเข้าใจได้ในทันที

เด็กสาวคนนี้ไม่มีทางเลือก ในเมื่อต้นตระกูลเป็นนักเวทก็ต้องสืบทอดวิสัยทัศน์เวทมนตร์ของตระกูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ใจของเธอต้องการก็ตาม 

ทว่าก็มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ต้องฝืนสืบทอดในสิ่งที่ตนเองไม่ถนัด

เรย์เวน ดีลักซ์ บุตรชายคนเดียวของ มหาจอมเวทรักษาที่เก่งที่สุดของจักรวรรดิ 

สายเลือดของตระกูลดีลักซ์ล้วนเป็นแพทย์มากฝีมือที่จบจากสถาบันการแพทย์ 

แต่เขากลับแตกต่าง ปลีกวิเวกมาเรียนอยู่ที่สถาบันทหารเพียงคนเดียว

ถ้าไม่ได้ท่านพ่อช่วยพูดให้ข้าคงไม่ได้มาเรียนที่นี่ แล้วก็คงไปติดแหง็กอยู่ที่สถาบันการแพทย์เป็นแน่

 “ข้าไปก่อนนะ” หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ เด็กสาวก็เอ่ยปากขอตัวไป

 “ไว้เจอกันเวโรนิก้า” เรย์เวนบอกลาทิ้งท้ายก่อนที่เธอจะเดินเลี่ยงออกไปในทันที

เอาล่ะ ตอนนี้ก็สมควรแก่เวลาที่ข้าจะเข้าไปรับเข็มกลัดกับหนังสือบ้างแล้ว

 เรย์เวนเตรียมตัวที่จะเดินตรงไปยังโต๊ะลงทะเบียน

 แต่ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ปั่ก’ จนหลายคนที่เดินผ่านหันมามองพร้อมความเจ็บปวดแปลบๆ แล่นไปทั่วเหมือนถูกค้อนอันใหญ่ทุบลงกลางหัว

 เรย์เวนสะดุ้งโหยง ฝ่ามือยกขึ้นสัมผัสกลางกระหม่อม เขาหันกลับไปมองด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนจะตะคอกเสียงดัง

 “โอ้ย!… ใครทุบหัวข้า! ดะ เดรค” 

แต่เมื่อสบตาเข้ากับคนที่ลงไม้ลงมือก็ต้องชะงัก 

“ข้าเอง มีปัญหาหรือไงเรย์เวน” น้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้เขาหน้าถอดสี

ให้ตาย อุตส่าห์จะหลบหน้าแล้วนะเนี่ย

เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล หางตาชี้ขึ้นเหมือนแมวป่าเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลผู้ใช้เวทน้ำที่โด่งดังของจักรวรรดิ

 [เดรค อเลนเดล นักเรียนทหารชั้นปีที่ 2 ผู้ใช้เวทน้ำ] 

ในชีวิตนี้เรย์เวนตั้งใจจะไม่คบค้าสมาคมกับผู้ใดเป็นพิเศษ แต่จนแล้วจนรอด ในวันเปิดเทอมปี 1 จดหมายเชิญเข้าเรียนที่สถาบันกลับหายไป ซึ่งไม่ว่าจะค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เขายืนเถียงกับสาวใช้ยกใหญ่อยู่ที่หน้าโต๊ะลงทะเบียน

จนกระทั่งเดรค อเลนเดลเดินเข้ามาและยื่นจดหมายของเรย์เวนให้เจ้าหน้าที่ได้ทันเวลาพอดิบพอดี

เดรคบอกว่าพบจดหมายตกอยู่ที่ย่านการค้าจึงเก็บมาให้ และเหตุการณ์นั้นทำให้พวกเขาทั้งสองคนได้เป็นคนรู้จักและกลายมาเป็นเพื่อนร่วมห้องพัก

เดรคเป็นเหมือนสารานุกรมเดินได้เพราะไม่ว่าเรย์เวนจะถามอะไรเขาก็รู้ไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในหรือภายนอกสถาบัน อีกทั้งยังมีความจำที่ดีเยี่ยม ทำให้คนขี้ลืมอย่างเรย์เวนต้องรบกวนอยู่บ่อยๆ

และเมื่อรู้จักกันนานวันเข้าก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา จนเพื่อนเก่าอย่างครูซถึงกับเอ่ยแซวอย่างน้อยใจ

แม้จะเป็นลูกชายคนเล็กของดยุกอเลนเดล ที่เป็นถึงคนสนิทขององค์จักรพรรดิ แต่เดรคกลับไม่เคยถือตัวกับเรย์เวนเลยสักครั้ง ทั้งดูแลเอาใจใส่ คอยช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้ จนมีหลายครั้งที่เรย์เวนแอบคิดว่าเดรคคือมาเรียน่าปลอมตัวมา เพราะนิสัยของทั้งคู่ไม่ต่างกันเลยสักนิด 

แต่ก็มีอยู่หนึ่งอย่างที่ทำมั่นใจว่าไม่ใช่แน่นอน คือ เดรคกล้าที่จะลงไม้ลงมือกับเขา ซึ่งถ้าหากเป็นมาเรียน่าจริงๆ คงไม่กล้าทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน

 “ข้าเจ็บไงเล่า” เจ้าของเรือนผมสีขาวโอดครวญพลางลูบศีรษะไปด้วย

 “เหอะ ยังน้อยไป” เดรคสลัดข้อมือเบาๆ อย่างไม่รู้สึกผิด ก่อนจะจ้องมองเพื่อนสนิท

 “เมื่อคืนเจ้าไปไหนมา บอกข้าว่าจะไปส่งคุณมาเรียน่าแต่ก็หายหัวไปเลย” น้ำเสียงของเขาจริงจังราวกับทหารต้องการจะสอบสวนนักโทษไม่มีผิด

แต่คนที่ได้ยินคำถามกลับยังยืนนิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยปากตอบกลับ

คนที่ต้องการคำตอบหรี่ตาลงเล็กน้อย

“แล้วเมื่อเช้าเจ้าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตอนที่ข้าอาบน้ำใช่หรือไม่” 

“อืม ใช่” 

เรย์เวนตอบโดยที่พยายามเบี่ยงเบนสายตาไปทางอื่น มือข้างที่ลูบหัวตัวเองเปลี่ยนเป็นเกาหนังหัวแกรกๆ เหมือนคนทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกตำหนิ

“แล้วสรุปเจ้าหายหัวไปไหนมา” เดรคกดเสียงต่ำถามย้ำอีกครั้งอย่างจริงจัง

ข้าจะบอกเจ้าได้อย่างไรล่ะว่าเมาหลับอยู่ที่ห้องไอ้อาจารย์ใหญ่นั่น ขืนบอกไปโดนทุบอีกรอบแน่นอน

แต่ถ้าอ้ำอึ้งก็จะโดนเหมือนกัน

 “คือข้าลืมของไว้ที่บ้านพักของตระกูลน่ะ” คนที่ถูกคาดคั้นตอบออกมาอย่างตะกุตะกัก พร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ

 “พอไปเอาของที่ลืมไว้ข้าก็เลยตัดสินใจนอนที่บ้านเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจหนีเจ้าไปไหนเสียหน่อย” เขาพยายามอธิบายเพิ่มเติมหวังจะให้คนตรงหน้าเชื่อในสิ่งที่ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา

 “งั้นหรือ?” เดรคเลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกสงสัย เขาดูออกว่าเพื่อนสนิทกำลังโกหก

 “แล้วจะหลบหน้าข้าทำ-” 

'ประกาศ นักเรียนชั้นปีที่ 2 ที่ยังไม่ได้เลือกสายการเรียน ให้รีบมาที่ห้องลงทะเบียนในเวลานี้ด้วยค่ะ'

แต่แล้วเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะพูดคุยของทั้งคู่ได้ทันเวลาพอดิบพอดี 

เดรคจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เหลือบมองไปทางโต๊ะลงทะเบียนที่ผู้คนเริ่มหร่อยหรอ ก็จะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

 “เห้อ เจ้าก็ยังไม่เลือกสายใช่หรือไม่” เขาหันกลับมาถามคนที่ยืนข้างกาย

 “ใช่” 

 “ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปกัน” 

เดรคพูดจบก็สาวเท้าก้าวเดินนำตรงไปก่อน โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่เดินตามหลังแสดงท่าทีโล่งใจมากแค่ไหนที่ไม่ถูกคาดคั้นอีก

เสียงประกาศช่วยชีวิตข้าไว้แท้ๆ เลย โล่งอกไปที

เรย์เวนเดินตรงไปยังโต๊ะลงทะเบียนที่มีป้ายไม้ ระบุข้อความว่า…

 ‘นักดาบเวท’ 

เขาเดินเข้าไปเอ่ยชื่ออย่างไม่ลังเล และประทับลายนิ้วมือลงบนวงแหวนเวทมนตร์ทันที แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาหลังจากประทับลายนิ้วมือเสร็จสิ้น

ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งเข็มกลัดกับหนังสือเรียนที่จำเป็นต้องใช้ภายในปีการศึกษานี้ทั้งหมดมาให้

นักดาบเวท ผู้ที่ชำนาญศาสตร์ของเวทมนตร์และมีวิถีดาบที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถประสานการโจมตีของทั้ง 2 ศาสตร์เข้าด้วยกันได้อย่างไร้ที่ติ

สายอาชีพที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะร่ำเรียน แต่กลับมีผู้สำเร็จการศึกษาแค่เพียงหยิบมือ

ชีวิตก่อนข้าเคยเป็นนักดาบเวท เลเวล 9 มาแล้ว

เขาจ้องมองเข็มกลัดสีน้ำเงินในมือ แววตาของเขาดูลุ่มลึกยากจะหยั่งถึงราวกับกักเก็บเรื่องราวมากมายไว้ภายในใจ 

แต่แล้วเพียงวูบหนึ่งในนัยน์ตาของเขาก็สั่นไหวราวกับความแค้นที่มีในใจมันจะปะทุออกมา

 “เรย์เวน!” เสียงตะโกนของเดรคทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด

 “เป็นอะไร ทำไมไม่ติดเข็มกลัด” 

เดรคเอ่ยถามด้วยความสงสัยก่อนจะวางหนังสือที่เพิ่งได้รับมาไว้กับโต๊ะไม้ใกล้ๆ ฝ่ามือหนาคว้าเข็มกลัดสีน้ำเงินจากมือของคนที่เพิ่งได้สติ แล้วบรรจงติดมันที่กึ่งกลางของปกเสื้อ

“คิดอะไรอยู่หรือไง” 

เรย์เวนส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบ ก่อนจะเหลือบมองไปที่เข็มกลัดของอีกคน

สีน้ำเงิน

ความสงสัยผุดขึ้นมาในความคิด

 “เดรค เจ้าไม่ได้เลือกนักเวทหรอกหรือ เพราะอะไรกัน…” 

ผู้ใช้เวทน้ำที่ตอนนี้อยู่เลเวล 4 แล้วแต่กลับเลือกนักดาบเวทเนี่ยนะ 

 “ถามอะไรอย่างนั้น” เขาย้อนถามพลางจัดปกเสื้อของเพื่อนไปด้วย สายตาสอดส่องไปทั่วร่างกายเพื่อตรวจความเรียบร้อย

 “ถ้าข้าไม่ไปเรียนกับเจ้า แล้วใครจะคอยบอกเจ้าล่ะว่าคาบต่อไปต้องเรียนอะไร” เดรคตอบก่อนจะละสายตาจากชุดที่อีกคนสวมใส่ขึ้นมามองกับดวงตาสีน้ำเงินเข้ม

แค่เหตุผลนี้น่ะหรือที่ทำให้เจ้าไม่เลือกที่จะเป็นนักเวท

นั่นมันเป็นปัญหาของข้าไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องมาเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องด้วย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ถนัดเรื่องดาบเสียหน่อย

“แต่เรื่องดาบของเจ้า…” เรย์เวนพึมพำออกมา แววตาฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

เดรคยกมือขึ้นตบบ่าคนตรงหน้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม

“ช่วงปิดเทอมข้าไปเรียนมาเพิ่มแล้วล่ะ แต่ว่าก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ จากนี้เจ้าก็เป็นคู่ซ้อมให้ข้าด้วยแล้วกัน เรย์เวน” ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขามองอีกคนอย่างคาดหวังในคำตอบ

“ข้าซ้อมหนักนะ” 

“ข้าก็ต้องการเช่นนั้นอยู่แล้ว” 

สีหน้ามั่นใจของเดรคบ่งบอกว่าเขาได้เตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมที่จะเผชิญทุกปัญหาเป็นอย่างดี

ทำให้เรย์เวนที่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

“ได้เลย” เขาตอบกลับเหสียงหนักแน่นพลางยกยิ้มขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ แต่รอยยิ้มก็หุบลงอย่างรวดเร็ว

“แต่ว่านะ...เราเรียนคาบแรกวิชาอะไรงั้นหรือ?” 

ป๊าบ!

ทันทีที่ได้ยินคำถามเดรคก็ฟาดฝ่ามืออรหันต์ลงไปกลางหลังของเรย์เวนทันที 

“โอ๊ย!” 

ปั๊ดโถ่เอ๊ย! ข้าโดนอีกแล้ว

“เจ้าโง่นี่!” เดรคตะคอกเสียงแข็ง รีบหันไปคว้ากระดาษใบหนึ่งที่อยู่ร่วมกับกองหนังสือเรียนที่เพิ่งวางมันลงบนโต๊ะ

“ทำไมถึงไม่ดูตารางเรียนที่เจ้าหน้าที่เขาก็แจกให้เมื่อครู่กันเล่า!” 

คนที่เริ่มหัวเสียกรอกสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชี้ข้อความระบุวิชาเรียนในกระดาษแล้วยกขึ้นจนเกือบกระแทกใบหน้าหวานของเรย์เวน

 “วิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์” 

 

To be continued


อยากจะบอกว่าพี่วิลฟอร์ดในจินตนาการเราคือหล่อมาก หล่อโฮกกกกกก เป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ปิดหน้าตลอด น้อยคนที่จะเห็นหน้าที่แท้จริง อารมณ์แบบเปิดหน้าไม่ได้เดี๋ยวสาวๆ รุมจีบ แต่เขาตายค่ะ แอแง จริงๆ พี่เขาอายุมากกว่าครูซและราเชลนะคะ แต่พี่แกให้ทั้งสองคนไม่ต้องเรียกแบบพี่ก็ได้ แล้วก็มักจะคอยขำกับการกระทำปัญญาอ่อนของคู่หูคนรั่วด้วยค่ะ

วันนี้เปิดตัว หนึ่งในตัวละครหลักอีกคนค่ะ ‘เดรค อเลนเดล’

ข้อมูลตัวละคร

อายุ 18 ปี เป็นลูกคนสุดท้องของตระกูล อเลนเดล (ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับราเชลในชีวิตก่อน) เอ็นดูและดูแลเรย์เวนหนักมาก ประคบประหงมสุดๆ คอยตามใจเรื่องของกินตลอด ปกติเป็นคนใจเย็น แต่หวงเพื่อนมากใครเข้าใกล้ไม่ได้เลยจะกัดคอให้ได้ เดือดสุดๆ ตอน.... (นายคนนั้น) ....เข้าใกล้เรย์เวน สนิทกันเพราะจดหมายเข้าเรียนและได้เป็นรูมเมทกัน อยู่ในสถาบันคือตัวติดกันตลอด หัวขาวหัวน้ำเงินเป็นของคู่กัน ด้วยความเป็นตระกูลนักเวทแต่เลือกเรียนนักดาบเวทตามเรย์เวน เพราะอยากตามไปดูแลบวกกับคอยบอกตารางเรียน เพราะเรย์เวนไม่เคยจำได้เลย โถ่ๆๆ และความเก่งกาจก็เพียงพอที่จะเคียงข้างเรย์เวนได้เพราะแค่พลังเวทอย่างเดียวก็เก่งเทียบเท่าเรย์เวนในปัจจุบันเลย

รูปลักษณ์

ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล หางตาชี้เหมือนแมว ผมสีน้ำเงินเข้ม ผิวขาว สูง 183 cm. อิมเมจคือแมวป่า หรือ เสือกระต่าย