”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
ทันทีที่เสียงกระแอมในลำคอดังขึ้น ผู้บัญชาการหน่วยทั้งสองคนก็รีบลุกขึ้นคว้าอาวุธคู่กายหันไปทางต้นเสียงอย่างไม่ลังเล
บรรยากาศเศร้าหมองก่อนหน้านี้พลันหายไปจนหมดสิ้นภายในชั่วพริบตา ความสงสัยเกิดขึ้นในความคิด เพราะตั้งแต่ที่ก้าวเดินมายังที่ตรงนี้พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าไม่มีใครเข้ามาใกล้
แล้วเหตุใดจึงมีเสียงผู้คน?
จิตสังหารของทั้งคู่แผ่ตรงไปยังหลังต้นไม้ใหญ่หมายจะปลิดชีพคนที่อยู่หลังต้นไม้หากนั่นคือศัตรู
ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือ ผู้ที่ส่งเสียงทักทายก็ก้าวออกมาช้าๆ จนเผยให้เห็นเรือนผมสีเงินยาวสลวยที่ถูกมัดรวบไว้อย่างดีสะท้อนกับแสงจันทร์จนเป็นประกายระยิบระยับ
ใบหน้าครึ่งล่างถูกปกปิดมิดชิดด้วยผ้าสีดำสนิททำให้เห็นนัยน์ตาสีเงินเด่นชัดขึ้น ข้างเอวสอบของเขาเหน็บดาบยาวสองเล่ม จังหวะของย่างก้าวที่สมบูรณ์ไร้ซึ่งเสียงเดิน
“วิลฟอร์ด!” ครูซและราเชลตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“ใช่ ข้าเอง” คนที่ถูกเรียกชื่อตอบกลับ
“นึกว่าใคร เจ้ามีอะไรหรือ” ครูซเอ่ยถามพลางลดจิตสังหารและดาบลง
“ถ้าจะมาซ้ำเติมข้าละก็… พอเลยนะ แค่นี้ข้าก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว” เจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างพูดขึ้นพร้อมเก็บดาบเข้าสู่ฝัก ใบหน้าหงอยๆ ของเขาไม่ต่างจากเด็กน้อย
“ใครบอกกัน”
ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างที่ซ่อนไว้ด้านหลังถูกยกออกมาต่อหน้าของชายหนุ่มทั้งสองคน เผยให้เห็นขวดไวน์ชั้นเลิศที่บรรจุของเหลวอยู่เต็มขวดพร้อมแก้วสีใสอีกสามใบ
“นั่นมัน! / ได้อย่างไรกัน” ทั้งสองคนที่เห็นภาพนั้นก็แสดงอาการตกใจ ดวงตาเบิกโพลง
“ว่าแล้วเชียว เจ้านั่นมันโกหกสินะ จริงๆ ก็ใช้เวท-” ครูซยกมือขึ้นลูบคางพึมพำยังไม่ทันจบประโยคดีแต่ก็ถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ข้าไม่ได้ใช้เวทมนตร์” วิลฟอร์ดแย้งขึ้น
“จริงสิ เจ้าแค่ใช้ทักษะนั่น!” เหมือนมีหลอดไฟส่องแสงขึ้นมาเหนือศีรษะของราเชล เมื่อจุดประกายความคิดขึ้นมาได้
“ใช่”
“สุดยอดไปเลย เจ้าจะให้พวกข้าดื่มด้วยใช่หรือไม่ สหาย” ราเชลรีบวิ่งเข้าไปใกล้ส่งสายตาวิงวอนไปยังคนที่ถือขวดเครื่องดื่ม
เขานั่งลงคุกเข่ากับพื้นดิน “ได้โปรด…”
“ข้าขอร้องด้วย” ครูซไม่รอช้ารีบนั่งลงข้างกายเพื่อนสนิท
ใครจะเชื่อว่าผู้บัญชาการทั้งสองคนจะนั่งคุกเข่าประสานมือพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนเพียงเพื่อต้องการจะดื่มของมึนเมาเช่นนี้
รอยยิ้มเผยขึ้นภายใต้ผ้าปิดหน้าสีดำสนิท แววตาเอ็นดูทอดมองไปยังรุ่นน้อง
“ไปที่กระโจมของข้า” วิลฟอร์ดพูดจบก็เดินนำออกไปก่อน
“เย้! / สำเร็จ”
บรรยากาศคึกคักในทันตา เสียงหัวเราะอย่างดีใจดังขึ้น สองเพื่อนรักรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เคยเคร่งเครียดตอนนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาวิ่งตามวิลฟอร์ดต้อยๆ ไม่ต่างจากลูกเป็ดน้อยที่วิ่งตามแม่ไปยังกระโจมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
ไม่นานนักเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะปะปนกับเสียงแก้วไวน์กระทบกันเบาๆ ภายในกระโจมส่วนตัวของผู้บัญชาการหน่วยที่สี่
ในช่วงเวลาที่ได้ดื่มด่ำไปกับไวน์รสเลิศและเพื่อนร่วมรบที่รู้ใจ ทำให้ชั่วขณะนั้นพวกเขาเหมือนได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่ไร้ซึ่งสงครามและการฆ่าฟัน แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม…
ชายหนุ่มหลับตาลงเมื่อนึกถึงอดีตที่แสนคิดถึง ทว่าเมื่อลืมตาขึ้น เขาก็กลับสู่ปัจจุบันแล้ว ปัจจุบันที่ไม่มีเพื่อนพ้องที่คุ้นเคยอยู่ข้างกาย
ห้องโถงที่กว้างใหญ่ของสถาบันทหารคลาคล่ำไปด้วยเหล่านักเรียนที่จะต้องลงทะเบียนเลือกสายอาชีพก่อนที่จะเริ่มเรียนในชั้นปีที่ 2
ผู้คนมากมายในชุดนักเรียนทหารสีกรมท่า บนอกซ้ายติดป้ายชื่อสี่เหลี่ยมอย่างเรียบร้อย ขาดก็เสียแต่เข็มกลัดที่ต้องติดไว้กึ่งกลางของปกเสื้อมันถูกเว้นว่างไว้
เพราะยังไม่สามารถเลือกสายอาชีพของตัวเองได้
นักเรียนทหารชั้นปีที่ 2 ทุกคนจะต้องเลือกสายอาชีพที่ตนเองสนใจและฝักใฝ่จะเรียนต่อ ซึ่งหากใครสามารถเลือกได้แล้วจะได้รับเข็มกลัดที่มีสีประจำสายนั้นๆ ติดอยู่ที่กึ่งกลางของปกเสื้อเพื่อใช้มันเป็สัญลักษณ์ประจำสายอาชีพในขณะที่อยู่ภายในสถาบัน
เข็มกลัดจะมีทั้งหมดสามสี โดยแบ่งไปตามสายอาชีพ ดังนี้
สีแดง - นักเวท
สีเขียว - นักดาบ
สีน้ำเงิน - นักดาบเวท
และสีเข็มกลัดที่มีมากที่สุด ก็คือ สีแดง เพราะบรรดาลูกหลานขุนนางมักจะเดินตามรอยของตระกูลโดยการเป็นนักเวท เพื่อสืบทอดวิสัยทัศน์เวทมนตร์
ท่ามกลางความวุ่นวายที่นักเรียนหนุ่มสาวเดินกันควักไขว่ไปมาอย่างรีบร้อน แต่กลับมีเด็กหนุ่มเรียนผมสีขาวสว่างดุจหิมะยืนกอดอกมองภาพนั้นอย่างคุ้นเคย นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองไปยังโต๊ะลงทะเบียนสายนักดาบเวทที่มีคนต่อแถวมากมายเป็นระยะ
ในใจนึกหวังว่าจะรอให้ผู้คนน้อยลงกว่านี้อีกสักนิดเขาถึงจะก้าวขาเข้าไปบ้าง
แต่แล้วก็มีเสียงหวานเอ่ยทักอย่างสนิทสนมทำให้เขาละสายตาหันกลับมามองตรงหน้า
“เอ้า เรย์เวน เจ้ายังไม่ไปรับเข็มกลัดกับหนังสือเรียนอีกหรือไง”
นักเรียนสาวในชุดนักเรียนทหารสำหรับผู้หญิงเดินเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าของเด็กหนุ่ม เธอกอดหนังสือเรียนเล่มหนาหลายเล่มไว้แน่น
ดวงตาสีเขียวมิ้นต์สดใสมองหน้าคนที่ยืนอยู่อย่างนึกสงสัย เรือนผมสีน้ำตาลสะท้อนกับแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาจนเป็นประกายแวววาว
[เวโรนิก้า เบนิมอร์ นักเรียนทหารชั้นปีที่ 2 ผู้ใช้เวทพืช]
“ข้ากำลังรอให้คนน้อยลงกว่านี้อีกหน่อย” เรย์เวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาของเขาเลื่อนมองไปที่เข็มกลัดตรงกึ่งกลางของปกเสื้อ
หื้ม สีแดง?
“เวโรนิก้า เจ้าไม่ได้เลือกนักดาบหรอกหรือ” เขาถามออกไปทันทีที่สิ่งที่เห็นไม่ตรงกับความคิด
“ก็ตระกูลข้าเป็นนักเวท ข้าก็ต้องเลือกนักเวทสิมันแปลกตรงไหนกันเล่า” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนตอบกลับเสียงแข็ง คิ้วเริ่มผูกกันเป็นปมเล็กๆ
“ไม่แปลกได้อย่างไร ตอนปี 1 เจ้าทำได้ดีในการประลองดาบในวิชาเรียนดาบเลยนะ ข้าเสียดายแทนเจ้าต่างหาก”
“เห้อ” เวโรนิก้าถอนหายใจออกมาเบาๆ แววตาของเธอเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าข้าเลือกนักดาบ แล้วใครจะสืบทอดวิสัยทัศน์เวทมนตร์ของตระกูลข้ากันล่ะ ข้าเป็นบุตรสาวคนเดียวเสียด้วย...” เธอพูดเสียงเบาพลางกอดหนังสือที่ได้รับมาด้วยแนบอกแน่น
เรย์เวนมองตามการกระทำอย่างพิจารณา
“เจ้าจะไม่เสียใจงั้นหรือ?”
เวโรนิก้าที่ได้ยินคำถามนั้น นิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหัวออกมาเบาๆ
“ไม่หรอก…” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความผิดหวังทำให้เรย์เวนเข้าใจได้ในทันที
เด็กสาวคนนี้ไม่มีทางเลือก ในเมื่อต้นตระกูลเป็นนักเวทก็ต้องสืบทอดวิสัยทัศน์เวทมนตร์ของตระกูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ใจของเธอต้องการก็ตาม
ทว่าก็มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ต้องฝืนสืบทอดในสิ่งที่ตนเองไม่ถนัด
เรย์เวน ดีลักซ์ บุตรชายคนเดียวของ มหาจอมเวทรักษาที่เก่งที่สุดของจักรวรรดิ
สายเลือดของตระกูลดีลักซ์ล้วนเป็นแพทย์มากฝีมือที่จบจากสถาบันการแพทย์
แต่เขากลับแตกต่าง ปลีกวิเวกมาเรียนอยู่ที่สถาบันทหารเพียงคนเดียว
ถ้าไม่ได้ท่านพ่อช่วยพูดให้ข้าคงไม่ได้มาเรียนที่นี่ แล้วก็คงไปติดแหง็กอยู่ที่สถาบันการแพทย์เป็นแน่
“ข้าไปก่อนนะ” หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ เด็กสาวก็เอ่ยปากขอตัวไป
“ไว้เจอกันเวโรนิก้า” เรย์เวนบอกลาทิ้งท้ายก่อนที่เธอจะเดินเลี่ยงออกไปในทันที
เอาล่ะ ตอนนี้ก็สมควรแก่เวลาที่ข้าจะเข้าไปรับเข็มกลัดกับหนังสือบ้างแล้ว
เรย์เวนเตรียมตัวที่จะเดินตรงไปยังโต๊ะลงทะเบียน
แต่ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ปั่ก’ จนหลายคนที่เดินผ่านหันมามองพร้อมความเจ็บปวดแปลบๆ แล่นไปทั่วเหมือนถูกค้อนอันใหญ่ทุบลงกลางหัว
เรย์เวนสะดุ้งโหยง ฝ่ามือยกขึ้นสัมผัสกลางกระหม่อม เขาหันกลับไปมองด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนจะตะคอกเสียงดัง
“โอ้ย!… ใครทุบหัวข้า! ดะ เดรค”
แต่เมื่อสบตาเข้ากับคนที่ลงไม้ลงมือก็ต้องชะงัก
“ข้าเอง มีปัญหาหรือไงเรย์เวน” น้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้เขาหน้าถอดสี
ให้ตาย อุตส่าห์จะหลบหน้าแล้วนะเนี่ย
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล หางตาชี้ขึ้นเหมือนแมวป่าเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลผู้ใช้เวทน้ำที่โด่งดังของจักรวรรดิ
[เดรค อเลนเดล นักเรียนทหารชั้นปีที่ 2 ผู้ใช้เวทน้ำ]
ในชีวิตนี้เรย์เวนตั้งใจจะไม่คบค้าสมาคมกับผู้ใดเป็นพิเศษ แต่จนแล้วจนรอด ในวันเปิดเทอมปี 1 จดหมายเชิญเข้าเรียนที่สถาบันกลับหายไป ซึ่งไม่ว่าจะค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เขายืนเถียงกับสาวใช้ยกใหญ่อยู่ที่หน้าโต๊ะลงทะเบียน
จนกระทั่งเดรค อเลนเดลเดินเข้ามาและยื่นจดหมายของเรย์เวนให้เจ้าหน้าที่ได้ทันเวลาพอดิบพอดี
เดรคบอกว่าพบจดหมายตกอยู่ที่ย่านการค้าจึงเก็บมาให้ และเหตุการณ์นั้นทำให้พวกเขาทั้งสองคนได้เป็นคนรู้จักและกลายมาเป็นเพื่อนร่วมห้องพัก
เดรคเป็นเหมือนสารานุกรมเดินได้เพราะไม่ว่าเรย์เวนจะถามอะไรเขาก็รู้ไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในหรือภายนอกสถาบัน อีกทั้งยังมีความจำที่ดีเยี่ยม ทำให้คนขี้ลืมอย่างเรย์เวนต้องรบกวนอยู่บ่อยๆ
และเมื่อรู้จักกันนานวันเข้าก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา จนเพื่อนเก่าอย่างครูซถึงกับเอ่ยแซวอย่างน้อยใจ
แม้จะเป็นลูกชายคนเล็กของดยุกอเลนเดล ที่เป็นถึงคนสนิทขององค์จักรพรรดิ แต่เดรคกลับไม่เคยถือตัวกับเรย์เวนเลยสักครั้ง ทั้งดูแลเอาใจใส่ คอยช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้ จนมีหลายครั้งที่เรย์เวนแอบคิดว่าเดรคคือมาเรียน่าปลอมตัวมา เพราะนิสัยของทั้งคู่ไม่ต่างกันเลยสักนิด
แต่ก็มีอยู่หนึ่งอย่างที่ทำมั่นใจว่าไม่ใช่แน่นอน คือ เดรคกล้าที่จะลงไม้ลงมือกับเขา ซึ่งถ้าหากเป็นมาเรียน่าจริงๆ คงไม่กล้าทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน
“ข้าเจ็บไงเล่า” เจ้าของเรือนผมสีขาวโอดครวญพลางลูบศีรษะไปด้วย
“เหอะ ยังน้อยไป” เดรคสลัดข้อมือเบาๆ อย่างไม่รู้สึกผิด ก่อนจะจ้องมองเพื่อนสนิท
“เมื่อคืนเจ้าไปไหนมา บอกข้าว่าจะไปส่งคุณมาเรียน่าแต่ก็หายหัวไปเลย” น้ำเสียงของเขาจริงจังราวกับทหารต้องการจะสอบสวนนักโทษไม่มีผิด
แต่คนที่ได้ยินคำถามกลับยังยืนนิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยปากตอบกลับ
คนที่ต้องการคำตอบหรี่ตาลงเล็กน้อย
“แล้วเมื่อเช้าเจ้าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตอนที่ข้าอาบน้ำใช่หรือไม่”
“อืม ใช่”
เรย์เวนตอบโดยที่พยายามเบี่ยงเบนสายตาไปทางอื่น มือข้างที่ลูบหัวตัวเองเปลี่ยนเป็นเกาหนังหัวแกรกๆ เหมือนคนทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกตำหนิ
“แล้วสรุปเจ้าหายหัวไปไหนมา” เดรคกดเสียงต่ำถามย้ำอีกครั้งอย่างจริงจัง
ข้าจะบอกเจ้าได้อย่างไรล่ะว่าเมาหลับอยู่ที่ห้องไอ้อาจารย์ใหญ่นั่น ขืนบอกไปโดนทุบอีกรอบแน่นอน
แต่ถ้าอ้ำอึ้งก็จะโดนเหมือนกัน
“คือข้าลืมของไว้ที่บ้านพักของตระกูลน่ะ” คนที่ถูกคาดคั้นตอบออกมาอย่างตะกุตะกัก พร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ
“พอไปเอาของที่ลืมไว้ข้าก็เลยตัดสินใจนอนที่บ้านเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจหนีเจ้าไปไหนเสียหน่อย” เขาพยายามอธิบายเพิ่มเติมหวังจะให้คนตรงหน้าเชื่อในสิ่งที่ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา
“งั้นหรือ?” เดรคเลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกสงสัย เขาดูออกว่าเพื่อนสนิทกำลังโกหก
“แล้วจะหลบหน้าข้าทำ-”
'ประกาศ นักเรียนชั้นปีที่ 2 ที่ยังไม่ได้เลือกสายการเรียน ให้รีบมาที่ห้องลงทะเบียนในเวลานี้ด้วยค่ะ'
แต่แล้วเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะพูดคุยของทั้งคู่ได้ทันเวลาพอดิบพอดี
เดรคจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เหลือบมองไปทางโต๊ะลงทะเบียนที่ผู้คนเริ่มหร่อยหรอ ก็จะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“เห้อ เจ้าก็ยังไม่เลือกสายใช่หรือไม่” เขาหันกลับมาถามคนที่ยืนข้างกาย
“ใช่”
“ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปกัน”
เดรคพูดจบก็สาวเท้าก้าวเดินนำตรงไปก่อน โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่เดินตามหลังแสดงท่าทีโล่งใจมากแค่ไหนที่ไม่ถูกคาดคั้นอีก
เสียงประกาศช่วยชีวิตข้าไว้แท้ๆ เลย โล่งอกไปที
เรย์เวนเดินตรงไปยังโต๊ะลงทะเบียนที่มีป้ายไม้ ระบุข้อความว่า…
‘นักดาบเวท’
เขาเดินเข้าไปเอ่ยชื่ออย่างไม่ลังเล และประทับลายนิ้วมือลงบนวงแหวนเวทมนตร์ทันที แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาหลังจากประทับลายนิ้วมือเสร็จสิ้น
ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งเข็มกลัดกับหนังสือเรียนที่จำเป็นต้องใช้ภายในปีการศึกษานี้ทั้งหมดมาให้
นักดาบเวท ผู้ที่ชำนาญศาสตร์ของเวทมนตร์และมีวิถีดาบที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถประสานการโจมตีของทั้ง 2 ศาสตร์เข้าด้วยกันได้อย่างไร้ที่ติ
สายอาชีพที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะร่ำเรียน แต่กลับมีผู้สำเร็จการศึกษาแค่เพียงหยิบมือ
ชีวิตก่อนข้าเคยเป็นนักดาบเวท เลเวล 9 มาแล้ว
เขาจ้องมองเข็มกลัดสีน้ำเงินในมือ แววตาของเขาดูลุ่มลึกยากจะหยั่งถึงราวกับกักเก็บเรื่องราวมากมายไว้ภายในใจ
แต่แล้วเพียงวูบหนึ่งในนัยน์ตาของเขาก็สั่นไหวราวกับความแค้นที่มีในใจมันจะปะทุออกมา
“เรย์เวน!” เสียงตะโกนของเดรคทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด
“เป็นอะไร ทำไมไม่ติดเข็มกลัด”
เดรคเอ่ยถามด้วยความสงสัยก่อนจะวางหนังสือที่เพิ่งได้รับมาไว้กับโต๊ะไม้ใกล้ๆ ฝ่ามือหนาคว้าเข็มกลัดสีน้ำเงินจากมือของคนที่เพิ่งได้สติ แล้วบรรจงติดมันที่กึ่งกลางของปกเสื้อ
“คิดอะไรอยู่หรือไง”
เรย์เวนส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบ ก่อนจะเหลือบมองไปที่เข็มกลัดของอีกคน
สีน้ำเงิน
ความสงสัยผุดขึ้นมาในความคิด
“เดรค เจ้าไม่ได้เลือกนักเวทหรอกหรือ เพราะอะไรกัน…”
ผู้ใช้เวทน้ำที่ตอนนี้อยู่เลเวล 4 แล้วแต่กลับเลือกนักดาบเวทเนี่ยนะ
“ถามอะไรอย่างนั้น” เขาย้อนถามพลางจัดปกเสื้อของเพื่อนไปด้วย สายตาสอดส่องไปทั่วร่างกายเพื่อตรวจความเรียบร้อย
“ถ้าข้าไม่ไปเรียนกับเจ้า แล้วใครจะคอยบอกเจ้าล่ะว่าคาบต่อไปต้องเรียนอะไร” เดรคตอบก่อนจะละสายตาจากชุดที่อีกคนสวมใส่ขึ้นมามองกับดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
แค่เหตุผลนี้น่ะหรือที่ทำให้เจ้าไม่เลือกที่จะเป็นนักเวท
นั่นมันเป็นปัญหาของข้าไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องมาเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องด้วย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ถนัดเรื่องดาบเสียหน่อย
“แต่เรื่องดาบของเจ้า…” เรย์เวนพึมพำออกมา แววตาฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เดรคยกมือขึ้นตบบ่าคนตรงหน้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม
“ช่วงปิดเทอมข้าไปเรียนมาเพิ่มแล้วล่ะ แต่ว่าก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ จากนี้เจ้าก็เป็นคู่ซ้อมให้ข้าด้วยแล้วกัน เรย์เวน” ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขามองอีกคนอย่างคาดหวังในคำตอบ
“ข้าซ้อมหนักนะ”
“ข้าก็ต้องการเช่นนั้นอยู่แล้ว”
สีหน้ามั่นใจของเดรคบ่งบอกว่าเขาได้เตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมที่จะเผชิญทุกปัญหาเป็นอย่างดี
ทำให้เรย์เวนที่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
“ได้เลย” เขาตอบกลับเหสียงหนักแน่นพลางยกยิ้มขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ แต่รอยยิ้มก็หุบลงอย่างรวดเร็ว
“แต่ว่านะ...เราเรียนคาบแรกวิชาอะไรงั้นหรือ?”
ป๊าบ!
ทันทีที่ได้ยินคำถามเดรคก็ฟาดฝ่ามืออรหันต์ลงไปกลางหลังของเรย์เวนทันที
“โอ๊ย!”
ปั๊ดโถ่เอ๊ย! ข้าโดนอีกแล้ว
“เจ้าโง่นี่!” เดรคตะคอกเสียงแข็ง รีบหันไปคว้ากระดาษใบหนึ่งที่อยู่ร่วมกับกองหนังสือเรียนที่เพิ่งวางมันลงบนโต๊ะ
“ทำไมถึงไม่ดูตารางเรียนที่เจ้าหน้าที่เขาก็แจกให้เมื่อครู่กันเล่า!”
คนที่เริ่มหัวเสียกรอกสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชี้ข้อความระบุวิชาเรียนในกระดาษแล้วยกขึ้นจนเกือบกระแทกใบหน้าหวานของเรย์เวน
“วิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์”
To be continued
อยากจะบอกว่าพี่วิลฟอร์ดในจินตนาการเราคือหล่อมาก หล่อโฮกกกกกก เป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ปิดหน้าตลอด น้อยคนที่จะเห็นหน้าที่แท้จริง อารมณ์แบบเปิดหน้าไม่ได้เดี๋ยวสาวๆ รุมจีบ แต่เขาตายค่ะ แอแง จริงๆ พี่เขาอายุมากกว่าครูซและราเชลนะคะ แต่พี่แกให้ทั้งสองคนไม่ต้องเรียกแบบพี่ก็ได้ แล้วก็มักจะคอยขำกับการกระทำปัญญาอ่อนของคู่หูคนรั่วด้วยค่ะ
วันนี้เปิดตัว หนึ่งในตัวละครหลักอีกคนค่ะ ‘เดรค อเลนเดล’
ข้อมูลตัวละคร
อายุ 18 ปี เป็นลูกคนสุดท้องของตระกูล อเลนเดล (ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับราเชลในชีวิตก่อน) เอ็นดูและดูแลเรย์เวนหนักมาก ประคบประหงมสุดๆ คอยตามใจเรื่องของกินตลอด ปกติเป็นคนใจเย็น แต่หวงเพื่อนมากใครเข้าใกล้ไม่ได้เลยจะกัดคอให้ได้ เดือดสุดๆ ตอน.... (นายคนนั้น) ....เข้าใกล้เรย์เวน สนิทกันเพราะจดหมายเข้าเรียนและได้เป็นรูมเมทกัน อยู่ในสถาบันคือตัวติดกันตลอด หัวขาวหัวน้ำเงินเป็นของคู่กัน ด้วยความเป็นตระกูลนักเวทแต่เลือกเรียนนักดาบเวทตามเรย์เวน เพราะอยากตามไปดูแลบวกกับคอยบอกตารางเรียน เพราะเรย์เวนไม่เคยจำได้เลย โถ่ๆๆ และความเก่งกาจก็เพียงพอที่จะเคียงข้างเรย์เวนได้เพราะแค่พลังเวทอย่างเดียวก็เก่งเทียบเท่าเรย์เวนในปัจจุบันเลย
รูปลักษณ์
ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล หางตาชี้เหมือนแมว ผมสีน้ำเงินเข้ม ผิวขาว สูง 183 cm. อิมเมจคือแมวป่า หรือ เสือกระต่าย