”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 - 10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ผู้แต่ง

fixcblue

เรื่องย่อ


 

ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา


 

"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์


วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้

#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9

สารบัญ

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-บทนำ ข้ามาเกิดใหม่งั้นหรือ?,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-1 คุณชายแห่งนีไอโอเนีย,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-3 เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-4 มาเรียน่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-5 อดีตนักรบ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-7 จุดด่างพร้อยหนึ่งเดียว,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-8 มือสังหาร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-9 การฆ่าครั้งแรก,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-11 นาฬิกาเรือนเก่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-12 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-14 แค่ฝึกซ้อม (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-15 แค่ฝึกซ้อม (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-16 คำสั่งขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี

ในห้องโถงกลางที่โต๊ะของเด็กหนุ่มสองคนที่มักจะใช้เวลาช่วงพักนั่งอยู่ที่นี่เป็นประจำ ในตอนนี้บรรยากาศกำลังมาคุอย่างหนักหน่วง เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เรย์เวนแอบหนีออกไประหว่างอ่านหนังสือด้วยกันที่ห้องสมุด แล้วยังกลับมาในสภาพที่เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

แม้จะโดนเอ็ดไปพักใหญ่แต่ก็ยังไม่วายคนที่โมโหยังแสดงอาการบึ้งตึงใส่อยู่ตลอดเวลา

เจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายในขณะที่นั่งเท้าคางกับโต๊ะไม้ มองหน้าเพื่อนสนิทที่นั่งอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่ตรงข้าม ไม่แม้แต่จะสนใจในการกระทำอีกฝ่ายเลยสักนิด

ให้ตาย อึดอัดชะมัด

“เดรค นี่เจ้าจะเอาแต่โกรธข้าไปถึงไหนกัน?” 

น้ำเสียงทุ้มต่ำปะปนความไม่พอใจดังขึ้น เรียกความสนใจให้นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลละจากหน้ากระดาษเงยขึ้นเหลือบมองคนตรงข้าม

“ข้าไม่ได้โกรธ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนเรย์เวนรู้สึกไม่สบอารมณ์

“แต่เจ้าไม่คุยกับข้ามาหลายวันแล้วนะ ก็บอกว่าจะไม่หนีแล้วไง ทำไมยังไม่เชื่อข้าอีกเล่า”

อารมณ์ของเด็กหนุ่มเริ่มพลุ่งพล่าน เขาเอ่ยขึ้นมาเสียงดังจนนักเรียนหลายคนที่นั่งอยู่รอบข้างหันมามอง

ฟึ่บ!

เสียงปิดหนังสือเล่มหนาดังขึ้น เรย์เวนสะดุ้งโหยง เพราะสีหน้าเข้ม หางตาชี้ของเดรคดูน่ากลัวไม่ต่างจากแมวป่ากำลังจ้องมองเหยื่อ

“นั่นมันใช่เรื่องสำคัญหรือไง! เจ้าหายไปทำอะไรมาไม่บอกข้าสักคำ เสื้อผ้าก็มีแต่คราบเลือด”

น้ำเสียงปะปนความฉุนเฉียวของเดรคทำให้คนฟังคอหด หงอลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพยายามจะตอบโต้ด้วยเสียงอ่อน

“ข้าบอกว่าไม่ใช่เลือด แต่เป็น…แยมไง”

“เจ้าคิดว่าข้าสมองทึบนักหรือไง ไปบอกหมู หมูมันยังไม่เชื่อเลย!”

“แล้วข้าจะต้องไปบอกหมูมันทำไมกันเล่า!” เรย์เวนตะคอกกลับไปอย่างไม่สนว่าใจความคำพูดของอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร ในใจคิดเพียงแค่อยากแก้ตัวเท่านั้น

“ข้าประชด!”

“แล้วจะประชดทำไม!”

เสียงตะโกนใส่กันไปมา จนคนรอบข้างที่หันมาสอดส่องดูสถานการณ์ เริ่มมีเสียงซุบซิบฮือดังขึ้น

ความนิ่งเงียบและสีหน้าเรียบเฉยได้ตอบคำถามของเรย์เวนไปหมดทุกอย่าง ความรู้สึกอึดอัดจุกอยู่ที่ลำคอของคนดื้อดึงเพิ่มมากขึ้น เขาหลุบตามองต่ำไม่กล้าสบตา

คงจะโกหกต่อไปไม่ได้แล้วสินะ ก็เดรคดูจะโกรธมากถึงขนาดนี้

“ถึงมันจะใช่เลือดจริงแต่ก็ไม่ใช่ของข้าเสียหน่อย” น้ำเสียงอ่อนของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่ทำผิดและกำลังรอการลงโทษ

“ของใคร” น้ำเสียงที่เอ่ยถามแฝงความจริงจัง นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลจ้องมองอย่างเค้นคำตอบ

แม้เรย์เวนจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตาตรงๆ แต่รับรู้ถึงรังสีความกดดันอันแรงกล้า

ปัดโธ่เอ๊ย! ข้ากลัวเด็กนี่หรือไงเนี่ย

“ไม่รู้สิ…ข้า…ลืม” เขาตอบกลับเสียงแผ่วเบา

เดรคปิดเปลือกตาลง พร้อมถอนหายใจลากยาวออกมาอย่างเอือมระอา ก่อนจะลืมตาขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปบ้าง

“ไม่รู้เลยหรือไงว่าข้าเป็นห่วงน่ะ”

เจ้าของเรือนผมสีขาวที่ก้มหน้างุด เงยหน้าขึ้นกระพริบตาปริบๆ อย่างนึกสงสัย

เป็นห่วงใคร? ข้าเนี่ยนะ? หึ ข้าไม่ใช่คนที่จะโดนใครจัดการได้ง่ายๆ เสียหน่อย

“ข้าดูแลตัวเองได้”

“อืม” คำตอบสั้นๆ ออกจากปากของเด็กหนุ่มดวงตาสีฟ้า ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

ใบหน้าของเรย์เวนแสดงอาการงุนงงอย่างเห็นได้ชัด เขาเอียงคอมองตามการกระทำของเพื่อนสนิท จนคนที่เห็นสามารถรับรู้ได้ว่าเจ้าตัวกำลังสงสัยว่าเขาจะลุกขึ้นเพราะอะไรกัน

“เจ้าจะกินอะไรข้าจะไปร้านค้า”

“ลูกกวาด! ข้าจะเอาไปนั่งกินในคาบเรียน” แม้จะยังสงสัยและรู้สึกผิดกับเรื่องที่โกหกไปก่อนหน้า แต่เรย์เวนก็รีบตอบกลับไปในทันที

“ได้ เดี๋ยวข้ามา”

เดรคขยับมุมปากเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เอื้อมมือมาละเลงกลุ่มผมของเพื่อนสนิทเสียจนยุ่งเหยิง ก่อนจะเดินตรงไปยังร้านค้าที่ตั้งอยู่ที่มุมเล็กๆ ในห้องโถงใหญ่ ทิ้งให้เรย์เวนนั่งจมอยู่กับความสงสัยเพียงคนเดียว

อะไรกัน?

บทจะหายโกรธก็หายซะดื้อๆ เช่นนี้เลยหรือไง

บางทีเจ้านี่ก็แปลกๆ เสียจนข้าสับสนไปหมด ลูกชายคนเล็กของดยุกอเลนเดลที่น่าจะโดนพี่ๆ ทะนุถนอม เอ็นดู ตามใจมากที่สุด น่าจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่กลับกลายเป็นคนอ่อนโยนที่ใส่ใจ ดูแลคนอื่นได้ดีจนน่าทึ่ง ถึงจะชอบลงไม้ลงมือกับข้าบ่อยๆ ก็เถอะ

แต่…เดรคก็ทำไปเพราะเป็นห่วงข้านั่นแหละ และที่สำคัญข้าก็ไม่เคยเห็นเจ้าเด็กนี่ดูแลใครเท่าข้ามาก่อนเลยนะ กับคนอื่นทำเสียงเข้ม ตาขวาง วางมาด เย่อหยิ่ง แล้วชอบทำท่าขู่คนที่จะมาเข้าใกล้ด้วย

ทำไมกันนะ?

หรือว่า…เดรคอยากมีน้องชาย…พอเห็นข้าตัวเล็กกว่านิดหน่อยเลยคิดว่าเป็นน้องชายแล้วก็หวงงั้นหรือ?

เช่นนั้นก็เหมือนข้าเลยน่ะสิ เพราะข้าก็หวงน้องชายมากเหมือนกัน

อืมมมม ไม่อยากคิดแล้วว่าใช่หรือไม่

พักสายตาสักหน่อยดีกว่า….

เด็กหนุ่มฟุบใบหน้าลงบนโต๊ะไม้ ปิดเปลือกตาลงเพื่อพักสายตาระหว่างรอเรียนคาบต่อไป แต่ช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายกับมีเพียงน้อยนิดเพราะรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนนั่งลงขนาบข้าง โดยที่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เลยแม้แต่น้อย

“เจ้าเองเหรอ เรย์เวน ดีลักซ์”

น้ำเสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นพร้อมแรงสะกิดที่บ่า จนทำให้คนที่ฟุบใบหน้าลงกับโต๊ะต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย

ดวงตาและเส้นผมสีแดงเหมือนเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ที่ใบหูทั้งสองข้างติดโลหะชิ้นเล็ก ทรงผมซอยยาวระต้นคอไม่ต่างจากเรย์เวนสักเท่าไหร่ หากจะมีข้อแตกต่างก็คงเป็นการเปียผมทั้งสองข้างแล้วรวบไปมัดที่ด้านหลัง

ไม่ใช่เลดี้ แต่กลับเปียผมงั้นหรือ พิลึกคน

เรย์เวนคิดอยู่ในใจ

คนที่เพิ่งนั่งลงฉีกยิ้มหวานที่ถ้ามองเผินๆ คงจะคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่สดใสเจิดจ้าราวกับดวงตะวันและจริงใจใสซื่อ แต่ในอีกนัยหนึ่งกลับเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่กำลังแผ่ออร่าความเจ้าเล่ห์ออกมาภายใต้รอยยิ้มจอมปลอมนั้น

“ใช่” เจ้าของเรือนผมสีขาวตอบกลับเสียงแข็ง สายตามองกลับอย่างไม่เกรงกลัว

ภายในใจครุ่นคิดว่าอาจจะเป็นเด็กปี 1 ที่เข้ามาเรียนใหม่เพราะรูปลักษณ์ที่ดูเด่นเช่นนี้ไม่มีทางที่เขาจะจำเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้ แต่ถ้าหากเป็นรุ่นน้องจริงๆ ก็คงไม่กล้าเรียกชื่อเรย์เวน ดีลักซ์แบบห้วนๆ เช่นนี้ถ้าไม่อยากตายมันเสียตั้งแต่ยังไม่ทันโต

เรย์เวนไล่สายตามองตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงกึ่งกลางของปกเสื้อ เขาเห็นเข็มกลัดสีน้ำเงิน มันบ่งบอกว่าเป็นนักเรียนทหารที่เลือกสายอาชีพ ‘นักดาบเวท’

คิ้วสองข้างเริ่มขยับเข้าหากันจนขมวดเป็นปม รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่มีคนเรียนสายนี้กันเกลื่อนเหลือเกิน

เขายังไม่หยุดสำรวจร่างกายของคนที่เข้ามาทักทายจนไปสะดุดอยู่ที่ข้างเอวสอบ เด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงเพลิงคนนี้มีดาบเวทมนตร์เป็นของตัวเองแล้ว เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ชัดว่าน่าจะเรียนอยู่ปีสามเป็นอย่างต่ำ

เพราะดาบและคฑาประจำตัวของนักเรียนทหารจะได้รับก็ต่อเมื่อขึ้นเรียนชั้นปีที่ 3 แล้วเท่านั้น ทว่านักเรียนชั้นปีนี้ไม่ควรได้เดินออกมาเผ่นผ่านอยู่ข้างนอกห้องฝึกไร้ขอบเขตได้

ตลอดทั้งปีการศึกษาของปีสามจะต้องฝึกฝนเวทมนตร์และสร้างวิถีดาบเป็นของตัวเอง

นักดาบต้องคิดค้นวิถีดาบ

นักเวทก็ต้องสร้างแขนงเวท

นักดาบเวทจะต้องทำทั้งสองอย่างให้สำเร็จ

โดยจะมีอาจารย์คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกผ่านเวทสังเกตการณ์ หากมีใครใช้มานาจนเกินขีดจำกัดก็จะเข้าไปยับยั้งและช่วยฟื้นฟูเพื่อการฝึกฝนต่อไป

แล้วไอ้หมาหัวแดงนี่มันเป็นใครกันแน่?

“จ้องจนข้าจะทะลุอยู่แล้วนะ แบบนี้ข้าก็เขินแย่เลยสิ” เด็กหนุ่มปริศนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้าหยอกเหมือนคนสนิท

ฝ่ามือของเรย์เวนกระตุกนิดหน่อยคล้ายจะไม่พอใจ

“ถ้าจะมาเพื่อพูดเรื่องไร้สาระ ก็ไสหัวไปซะ"

“เย็นชาจังนะ ข้าแค่อยากมาทำความรู้จักกับคนของตระกูลดีลักซ์ก็เท่านั้นเอง"

“แต่ข้าไม่” เขาเบือนหน้าหนีและกำลังจะฟุบหน้าลงตามเดิม แต่ก็ต้องหยุดชะงัก

“เอ๋~ ว่าแต่เจ้าเถอะ ใช่ดีลักซ์แน่หรือ” เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงพูดเสียงทะเล้นพร้อมกับเท้าแขนกับโต๊ะไม้ เอียงคอเล็กน้อย “สีผมที่ควรจะเป็นสีเทาหม่นเหมือนหมอกหนาในยามเช้า กลับกลายเป็นสีขาวสว่างดุจหิมะโปรยปรายในหน้าหนาว ช่างแตกต่างจากดีลักซ์ที่ข้าเคยพบเจอ”

เหมือนประโยคที่ได้ยินทิ่มแทงเข้าไปในเบื้องลึกจิตใจของเรย์เวน เขามาเกิดใหม่ แม้หน้าตาจะเปลี่ยนแปลงไปแต่มีสิ่งเดียวที่นอกเหนือจากพลังเวทต้นกำเนิดที่เหมือนกับชาติก่อนก็คือ สีผม… มันต่างจากของท่านแม่กับท่านพ่อและสายเลือดของตระกูลคนอื่นๆ เขารู้อยู่เต็มอกถึงเรื่องนั้นดีกว่าใคร

แววตาของเขาฉายแววหม่นหมองลงชั่วขณะ แต่เมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้นั่งอยู่ตัวคนเดียว แววตาของเขาก็กลับมาแข็งกร้าวดังเดิม

“รู้ดีนักนะ”

“แต่ข้าก็มั่นใจเรื่องหนึ่งนะ”

“อะไร”

“ดวงตาสีน้ำเงินเข้มราวกับทะเลสาบในยามค่ำคืน แววตาลุ่มลึกยากจะหยั่งถึงที่เมื่อจ้องมองนานเข้าก็เหมือนจะฉุดดึงรั้งข้าลงไปในห้วงเหวที่มืดสนิท”

“พล่ามอะไรของเจ้าน่ะ!”

ประโยคเปรียบเปรยที่สาธยายยืดยาวดูจะสร้างความหงุดหงิดให้คนฟังอย่างเห็นได้ชัด เขาตะคอกกลับไปเสียงแข็ง

แต่คนพูดพล่ามกลับส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาอย่างสนุกสนาน ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทะเล้น

“คำพูดคำจาเสียดแทงจังนะ น่าสั่งสอนเป็นการส่วนตัวเสียจริง” ใบหน้าและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เคลื่อนเข้าไปใกล้เรย์เวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนปลายจมูกใกล้จะแตะโดนกันเต็มที

ซู่มมมม!

อยู่ๆ กำแพงน้ำก็ปรากฎขึ้นขวางกั้นใบหน้าของเรย์เวนและเด็กหนุ่มปริศนาไว้ได้ทันเวลาพอดี

เจ้าของเรือนผมสีขาวไม่ต้องหันไปมองก็รับรู้ได้ว่าคนที่จะทำอะไรแบบนี้ ก็คงจะมีอยู่แค่คนเดียว เดรค อเลนเดล

“ช่วยออกห่างจากคนของผมด้วยครับ พาเทนเซีย”

น้ำเสียงหงุดหงิดดังขึ้นพร้อมกับร่างกายของเรย์เวนถูกดึงรั้งให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้ฝ่ามือหนาดันร่างกายที่เล็กกว่าให้หลบด้านหลัง 

ดวงตาของคนที่ไม่ทันตั้งตัวเบิกโพลงตกใจกับการกระทำไม่คาดคิด แต่ในใจก็แอบคิดว่า นี่มันเดจาวูชัดๆ เหมือนเหตุการณ์แบบนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นไปไม่นานนี่เอง

คนที่ตกใจไม่ต่างจากเรย์เวน ก็คือเด็กหนุ่มเรือนผมสีแดง เขามองตามการกระทำของเดรค รอยยิ้มเจ้าเล่ห์หุบลงทันที สายตาแปรเปลี่ยนเป็นมองคาดโทษ

“อเลนเดลงั้นหรือ? หึ” เขากล่าวออกมาพร้อมกับเบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์

“เดรค เจ้ารู้จักด้วยหรือ” ฝ่ามือหนาแตะที่บ่าของคนที่เพิ่งเข้ามาขัดขวางการพูดคุยพร้อมกับเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ปีเตอร์ พาเทนเซีย ลูกชายคนเล็กของดยุกพาเทนเซีย”

[ปีเตอร์ พาเทนเซีย นักเรียนทหารชั้นปีที่ 4 ผู้ใช้เวทไฟ]

เมื่อได้ยินชื่อเต็มของเด็กหนุ่มปริศนาที่เข้าหาเขาก็ฉุกคิดขึ้นได้

ข้าลืมไปได้ไง ตาและสีผมสีแดงเพลิง ตระกูลจอมเวทไฟที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับตระกูลอเลนเดล ก็มีเพียงแค่ พาเทนเซีย เท่านั้น

เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินหันกลับมาหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะวางอะไรถุงลูกกวาดลงบนศีรษะคนตัวเล็กกว่าอย่างเบามือ

“เขาเรียนอยู่ปีสี่”

หัวคิ้วของเรย์เวนขยับเข้าชิดกันอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปีเตอร์ ก่อนจะชะเง้อผ่านช่วงไหล่ของคนตรงหน้าไปมอง

“แล้วเข้าหาข้าทำไม”

คนที่ได้ยินคำถามหันมาก่อนแจกยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

“เจ้าทำสิ่งนี้ตกไว้น่ะ” ปีเตอร์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ โดยที่ยังมีเดรคยืนคั่นกลางอยู่ก่อนจะส่งอะไรบางอย่างมาให้ “ไม่รู้ตัวเลยหรือ”

ป้ายรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ในนั้นสลักชื่อเจ้าของไว้ เรย์เวน ดีลักซ์

ดวงตาสีน้ำเงินมองสิ่งของในมือของคนที่ยื่นมันมาให้สลับกับหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ก่อนจะสบถในใจ

ให้ตายสิ มันร่วงไปเมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย

ในวินาทีที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปรับกลับมาแต่ยังมีอีกคนที่ไวกว่าคว้ามันไปก่อนแล้วรีบหันมาบรรจงติดป้ายชื่อที่เสื้อให้ด้วยใบหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ

“ทำไมไม่ดูแลของเลย มันติดอยู่ที่อกเจ้านะ” เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินบ่นอุบอิบ

“อะ อ้าว ข้าผิดหรือไง”

“จริงๆ เลยเจ้าน่ะ”

“นี่ๆ จะไม่ขอบคุณข้าหน่อยเหรอ ข้าเป็นคนเก็บได้แล้วเอามาคืนนะ” ใบหน้าทะเล้นเอียงหลบคนที่ยืนขวางโน้มเข้ามาใกล้คนที่ตัวเล็กกว่านิดหน่อย พยายามขัดจังหวะเพื่อนรักสองคนคุยกัน

“ขอบ-” เรย์เวนเห็นอย่างนั้นเขากำลังจะอ้าปากพูดคำขอบคุณ แต่กลับโดนอีกคนเอ่ยขัดเสียก่อน

“ไม่จำเป็นหรอกครับ” เดรคพูดโดยที่ยังไม่ได้หันหน้าไปมองคู่สนทนาก่อนจะดันร่างของเพื่อนสนิทให้ออกห่างเล็กน้อย แล้วหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเรือนผมสีแดง “เพราะถึงคุณไม่เก็บได้ ผมก็จะเป็นคนที่หาเจออยู่ดี”

สีหน้าของปีเตอร์ปรับเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อสบสายตาเข้ากับคนที่ขัดจังหวะ หางคิ้วกระตุกเล็กน้อย

“ปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะอเลนเดล”

“ไม่ต้องชมครับ”

“แล้วยังไร้มารยาทอีกด้วย”

“มารยาทควรใช้กับคนที่คู่ควร ซึ่งคนนั้นไม่ใช่คุณ”

การปะทะฝีปากของทั้งคู่ไม่ต่างจากคนที่เกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังปลดปล่อยพลังเวทปะทะกันรุนแรงไม่แพ้กับฝีปากและสายตา ออร่าสีแดงเพลิงกำลังลุกโชนล้อมรอบตัวของปีเตอร์ ส่วนเดรคก็ไม่น้อยหน้าพลังเวทน้ำทรงพลังเหมือนคลื่นยักษ์กลางทะเลก็เริ่มก่อตัวรอบๆ เช่นกัน

นักเรียนภายในห้องโถงเริ่มทนแรงกดดันมหาศาลเอาไว้ไม่ไหว พากันถอยกรูออกห่าง บ้างก็รีบเดินหนีออกไปนอกห้องโถง

สถานการณ์ตรงหน้าทำเอาคนที่ยืนอยู่ใกล้มากกว่าใครๆ ถึงกับส่ายหัว

ครั้งที่แล้วเพิ่งจะยืนเถียงกับอาจารย์ใหญ่ไป ครั้งนี้นักเรียนมาตีกันเองคงไม่ดีแน่

ให้ตายเถอะ โถงกลางเริ่มไม่น่านั่งแล้วสิ

“พอกันเลยทั้งสองคน”

พรึ่บ!

เรย์เวนระเบิดพลังเวทลบล้างความกดดันของทั้งคู่ให้สงบลงในชั่วพริบตาก่อนจะเดินอ้อมเดรคไปยืนคั่นกลาง ฝ่ามือสองข้างดันทั้งคู่ให้ออกห่างกันอีกนิดหน่อย

“ไม่ต้องแสดงให้ชาวบ้านรู้นักก็ได้ว่าทั้งสองตระกูลไม่ถูกกันขนาดไหน” สายตาที่จ้องมองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในตอนนี้หันขวับมามองที่เรย์เวนแทน

ปีเตอร์ส่งยิ้มหวานมาให้คนที่เดินเข้ามาใกล้เหมือนเมื่อครู่ไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด แต่นัยน์ตาสีแดงเพลิงนั่นฉายแววสงสัยในตัวตน

เรย์เวน ดีลักซ์ต้องแข็งแกร่งระดับไหน ถึงได้ลบล้างพลังเวทของคนสองคนได้ในชั่วพริบตาเช่นนี้

คนตัวเล็กที่ยืนคั่นกลางมองจ้องกลับไปในนัยน์ตาของอีกฝ่าย เขารับรู้ได้ว่าปีเตอร์กำลังสงสัยในระดับพลังเวทของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ตอบกลับอะไรกลับไป เขาทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย

อ่านง่ายจังแหะ เด็กคนนี้

ยังไม่ทันได้มีบทสนทนาอะไรต่อ เดรคที่เริ่มสงบใจลงได้ก็เล็งเห็นว่าทั้งสองคนยิ้มให้กัน ฝ่ามือหนารีบคว้าท่อนแขนของเรย์เวนเข้าไปใกล้อีกครั้ง จนคนที่ถูกดึงตัวไปเซนิดหน่อยเพราะไม่ได้ตั้งตัว

เรย์เวนมองหน้าเดรคอย่างคาดโทษก่อนจะบ่นอย่างไม่สบอารมณ์

“โถ่เอ้ยเดรค ดึงข้าเป็นหนังยางเลยนะ”

“ขอโทษที”

คนตัวเล็กกว่าเห็นสายตาของเดรคที่มองปีเตอร์ราวกับคนที่กักเก็บความคับแค้นไว้ในใจและท่าทางที่แสดงออกมาทั้งหมดก็เริ่มเข้าใจได้

คงจะไม่ถูกกันมากเลยสินะ ถ้าเช่นนั้นอยู่ตรงนี้ไปก็คงจะไม่ดีนัก

“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ข้าว่าเราไปเรียนกันเถอะ ต่อไปเรียนอะไรล่ะ” เขาเอ่ยถามเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงิน

“สมุนไพรศาสตร์”

ข้าล่ะเกลียดวิชานี้ชะมัด จริงๆ ก็เกลียดตาแก่ที่สอนนั่นแหละ ชาติก่อนเขาแอบแกล้งข้าโดยการเอาสมุนไพรพิษที่ทำให้มานาไม่หมุนเวียนชั่วคราวมาให้ข้าดื่ม ทำให้ต้องนอนซมช่วงวันหยุดไปสองวันเต็มไม่ได้ออกไปเที่ยวงานเทศกาล ข้ายังจำไม่ลืม แล้วยังต้องมาเข้าเรียนอีกเนี่ยนะ

เห้อ ให้ตายเถอะ

“งั้นไปกัน” แม้สีหน้าของเรย์เวนจะดูเหนื่อยหน่าย แต่ก็เป็นคนเอ่ยปากเร่งเร้าให้อีกคนไปเข้าเรียนหลีกหนีสถานการณ์ที่น่าอึดอัด

เดรคพยักหน้ารับ และรีบพาเจ้าของเรือนผมสีขาวเดินออกจากห้องโถงทันที โดยทิ้งให้ปีเตอร์ยืนยิ้มไม่ต่างจากคนเสียสติไว้อยู่เบื้องหลัง โบกมือลาเหมือนคนสนิทชิดเชื้อ ก่อนจะขยับปากตะโกนเสียงดัง

“ไว้ เจอ กัน น้า เรย์ เวน ดี ลักซ์!!”

เสียงตะโกนทำเอาคนที่ต้องการพาเรย์เวนออกไปจากห้องโถงให้เร็วที่สุดต้องหันไปมองค้อนใส่ พร้อมส่งสายตาอาฆาตไปอีกหนึ่งรอบ

ให้ตาย อะไรกันเนี่ย เจ้าพวกนี้

 

To be continued

 

 


"คน ของ ผม" เดรคคคคคคคค แกพูดอะไรน่ะ น้องเรย์เวนรู้ตัวยังว่าเป็นคนของแกอะ รายนั้นน้องจากน้องชายก็ไม่น่ามีใจให้ใครเลยนะ โถ่ๆๆๆๆๆ นายเพื่อนสนิท

แล้วอีตาหมาหัวแดงนั่นคืออะไร ตายิ้มพริมใจที่ไม่น่าไว้ใจสุดๆ อย่ามาเข้าใกล้ลูกฉันนะ ออกไปเลยไอ้เจ้าเล่ห์ 5555555555555

ที่สำคัญเลยนะคะ เรื่องนี้ไม่วายค่ะไม่วาย เป็นแนวมิตรภาพ (แบบใด?) แอคชั่น ไม่วายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ปล. เดรคคคคคคค แกลืมหนังสืออยู่บนโต๊ะ กลับไปเอาด้วยเลยนะ