”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
กร๊อบ!
เสียงของมาการองที่แตกหัก เศษละอองร่วงหล่นลงสู่โซฟา ทำให้เจ้าของห้องผู้ที่กำลังใช้เวทมนตร์ เพื่อความต้องการของผู้มาเยี่ยมเยือนอย่างกระทันหันและไม่ได้รับอนุญาตหน้านิ่วเล็กน้อย
ท่าทีผ่อนคลายกับการนอนยืดเหยียดกายพาดท่อนขาไว้บนโต๊ะกระจกพร้อมสั่นไหวปลายเท้าอย่างสบายใจ เมื่อเหลือบมองกี่ครั้งก็ต้องส่ายหัวอย่างเอือมระอา
ภายในใจคงครุ่นคิดอย่างหนักว่า
จะเอาไอ้งั่งนี่ออกไปจากห้องได้อย่างไร
“ทำให้มันเร็วๆ หน่อย ลีลาอยู่ได้ ไอ้เบื๊อก”
คนที่นอนเหยียดขาอย่างสบายใจเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ พลางหันไปทางโต๊ะทำงานที่อาจารย์ใหญ่ผู้ใช้เวทห้วงเวลากำลังนั่งจดจ่อกับการซ่อมชิ้นส่วนของนาฬิกาที่เสียหายอยู่
“หุบปากแล้วเอาขาลงจากโต๊ะด้วย”
ครูซที่กำลังตั้งอกตั้งใจตอบกลับทั้งที่สายตายังคงมองล้อเฟืองที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศและมีวงแหวนหลายอันอยู่ล้อมรอบ
“คิดว่าย้อนเวลาชิ้นส่วนเล็กเท่ามดนี่มันง่ายมากนักหรือไง” เขาบ่นอย่างไม่พอใจ
“ฝีมือห่วยแตกซะจนทำอะไรไม่ได้แล้วรึ”
เพื่อนรักในคราบของเด็กหนุ่มพูดจบก็กัดมาการองรสเบอรี่เข้าปากอีกคำ เศษละอองเล็กๆ ร่วงหล่นลงสู่โซฟาอีกครั้ง
“เพราะว่ามันเล็กเลยต้องควบคุมเวทมนตร์อย่างละเอียดต่างหาก บอกให้ย้อนเวลาของนาฬิกาทั้งเรือนไปเลยก็ไม่ได้ เอาใจยากเสียจริง”
“ลูเซียสไม่ต้องการเช่นนั้น รีบๆ ทำได้แล้ว บ่ายโมงข้ามีเรียนต่อ”
“รู้หรือไงว่าเรียนวิชาอะไร” อาจารย์ใหญ่เลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเล็กน้อย
“ไม่รู้ เดี๋ยวต้องไปถามเดรค” เรย์เวนตอบปัดๆ พลางยื่นฝ่ามือไปหยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะอีกชิ้น
“หัดจำเองซะบ้างเถอะ ตารางเรียนน่ะ หากไม่มีเด็กนั่นเจ้าจะทำอย่างไร” คนที่กำลังขมักเขม่นตั้งใจซ่อมนาฬิกาตำหนิน้ำเสียงจริงจัง
เรย์เวนยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะ พร้อมสีหน้าที่คนเห็นแล้วฝ่ามือกระตุกนิดหน่อย
“ก็เข้าเรียนสาย ไม่ก็…ไม่เข้าเรียน เพราะจำตารางเรียนไม่ได้ไง น่าแปลกตรงไหน”
“เห้อ”
เสียงถอนหายใจดังออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายของครูซทำให้คนที่กำลังจะหยิบขนมเข้าปากหันไปมองค้อน
ก็แล้วไงล่ะ ระดับข้าแล้วไม่ต้องเรียนยังได้เลย
เรย์เวนคิดในใจก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาดื่มด่ำกับขนมหวานในมือ
เวลาผ่านไปชั่วครู่แสงสีทองที่สว่างวาบอยู่ตลอดก็พลันหายไป การใช้เวทมนตร์เพื่อซ่อมแซมเสร็จสิ้น
นาฬิกาพ็อคเก็ตสีน้ำตาลทองรุ่นเก่า ที่ทั้งตัวเรือนและสายคล้องยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยมราวกับถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี และในตอนนี้เข็มของนาฬิกาที่เคยหยุดเดินไปก็กลับมาบอกเวลาได้เช่นเดิม
เจ้าของห้องทำงานเดินอ้อมโต๊ะทำงานของตัวเองมาทางโซฟาด้านหลัง ก่อนจะปล่อยนาฬิกาลงมาในระดับสายของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา โดยที่ปลายนิ้วยังคงเกี่ยวสายคล้องเอาไว้
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองนาฬิกาพ็อคเก็ตสีเงินที่ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้า ฝ่ามือหนากำลังจะโยนมาการองที่เหลือครึ่งชิ้นเข้าปาก เพื่อคว้าของสำคัญมาเก็บไว้
ทว่าก่อนที่มาการองใกล้จะเข้าปากเต็มที ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ก็โน้มตัวลงมางับขนมชิ้นนั้นเข้าไปจนหมด ริมฝีปากนิ่มสัมผัสปลายนิ้วของเรย์เวนเล็กน้อยจนเจ้าตัวตกใจ
แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของเรือนผมสีขาวก็รีบคว้านาฬิกามาไว้ในมือ ก่อนจะหันไปมองค้อนครูซอีกครั้ง
“ไอ้เบื๊อกนี่ อยากกินก็ไปซื้อเองสิวะ”
เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะก่อนจะยืดตัวตรง
“หวานชะมัด” ครูซเอ่ยขึ้นหลังจากที่ได้ลิ้มรสรสชาติของขนม ใบหน้านิ่วเล็กน้อย
“แต่ก่อนเจ้าก็ไม่กินมันมากเท่านี้นี่ เดี๋ยวนี้เจ้ากินตลอด ปากไม่เคยว่าง”
“ตอนนั้นน้องข้าห้ามน่ะสิ”
เรย์เวนตอบกลับอย่างไม่สนใจพลางลุกขึ้นยืน ปัดเสื้อผ้าที่มีเศษขนมเปรอะเปื้อนออกจนหมด ก่อนจะเอื้อมไปหยิบขนมที่เหลืออยู่บนโต๊ะมาถือไว้
“ข้าไปก่อนแล้วกัน”
สองขากำลังจะก้าวออกจากโต๊ะรับแขกเพื่อตรงไปยังประตู แต่เสียงทุ้มต่ำของอาจารย์ใหญ่ด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มต้องหยุดชะงัก
“ช้าก่อน”
“มีอะไร”
เรย์เวนหันไปถามด้วยความสงสัย
ในขณะนั้นเขาก็รู้สึกถึงพลังเวทบางๆ ในจังหวะที่ฝ่ามือของครูซมาแตะเข้าที่บ่ากว้างทั้งสองข้าง แสงสีทองสว่างวาบจนตาพร่า วงแหวนเวทรูปทรงคล้ายนาฬิกาปรากฎขึ้นรอบๆ ทั่วร่างกายของเรย์เวน
นี่มัน…!
[ห้วงเวลาผกผัน] เวทเฉพาะของครูซ ซาติโอ้ ที่สามารถทำให้เวลาของคนที่ถูกสัมผัสหยุดลงและไม่สามารถเคลื่อนที่ได้แต่เวลาของทุกสิ่งทุกอย่างยังของดำเนินต่อไป
อย่าบอกนะ…
“ขอให้เจ้าโดนตัดคะแนนจิตพิสัยที่เข้าเรียนสายแล้วกัน โทษฐานที่ทำขนมหกใส่โซฟาข้า”
ครูซเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะส่งยิ้มน่าหมั่นไส้ให้คนที่ตกอยู่ในห้วงของเวทมนตร์
เจ้าของห้องเดินออกไปโดยที่ไม่ลืมโบกมือลาเพื่อนสนิทพร้อมสีหน้าทะเล้นเพื่อยั่วโมโหอีกหนึ่งครั้ง
ไอ้เวรเอ้ย!!
จะแกล้งกันก็ให้มันดูเวลาหน่อยสิวะ ข้าจะทำอย่างไรเนี่ย ต้องรอให้เวทมนตร์มันคลายเองหรือไง แล้วมันเมื่อไหร่กันเล่า!!!
โรงฝึกดาบที่ 4 ของสถาบันทหาร ที่เรียงรายไปด้วยดาบไม้ และอาวุธนานาชนิด ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมอยู่ริมสุดฝั่งขวา หุ่นซ้อมที่แฝงไปด้วยเวทมนตร์ถูกตั้งแบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับการฝึกซ้อมอยู่ริมฝั่งซ้ายของโรงฝึก
ในตอนนี้บรรยากาศกำลังตึงเครียด จากการที่อาจารย์ประจำวิชาลาป่วย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อาจารย์ใหญ่ของสถาบันได้เป็นคนมาทำการสอนแทนชั่วคราว
แต่เมื่อถึงเวลาเริ่มเรียนกลับมีนักเรียนหายไปหนึ่งคน
“ถึงคนจะยังไม่ครบแต่ข้าไม่รอแล้วนะ เริ่มกันเลยแล้วกัน”
น้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดรวมถึงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังของชายวัยสี่สิบห้าปีที่บนแก้มขวามีรอยแผลเป็นรูปไม้กางเขนยืนกอดอกทอดมองนักดาบเวทรุ่นเยาว์ที่ยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้า
“ช้าก่อนครับอาจารย์ใหญ่”
เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินเข้มเอ่ยพลางยกมือขึ้นจนสุดท่ามกลางกลุ่มนักเรียนที่กำลังยืนนิ่งรอการสั่งสอน
“รบกวนขอเวลาอีกสักครู่เถอะครับ เรย์เวนใกล้จะมาแล้วครับ”
“ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องรออีกแล้วเดรค อเลนเดล”
ครั้งผู้เป็นอาจารย์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมสีหน้าเรียบนิ่งทำให้เด็กหนุ่มที่เอ่ยค้านเพราะเพื่อนสนิทยังมาไม่ถึงสถานที่เรียนต้องก้มหน้างุด
เจ้าหายไปไหนกันเนี่ยเรย์เวน วันนี้อาจารย์ใหญ่เข้าสอนแทนอาจารย์เอียนเพจเสียด้วย
เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลคิดในใจพลางแสดงอาการกังวลออกมาชัดเจน
ตึ้ง!
แต่ทันใดนั้น เสียงอะไรบางอย่างกระแทกประตูก็ดังขึ้นจากทางเข้า ทุกคนในโรงฝึกหันขวับไปอย่างไว
ที่ตรงนั้นปรากฏภาพของเด็กหนุ่มผมสีขาวสว่าง ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม มีคราบเลือดเปื้อนที่มุมปากและใต้จมูก ยืนเกาะพิงประตูหอบหายใจถี่จากอาการเหนื่อยล้าที่วิ่งมาอย่างสุดชีวิต
“มาแล้วครับ แฮ่กๆ”
“เรย์เวน!” เดรคที่เห็นภาพนั้นตะโกนเรียกพร้อมวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นทำไมมีเลือดกำเดาไหล ที่มุมปากก็ด้วย”
“ข้าไม่เป็นไร”
สายตาของเด็กหนุ่มจ้องมองไปยังอาจารย์ใหญ่ที่ยืนจับดาบไม้ค้ำยันกับพื้นด้วยความโกรธแค้น
「 ไอ้เบื้อกเอ๊ย 」
เรย์เวนส่งคำพูดในหัวผ่าน [เวทกระซิบ] ไปยังคนที่ทำให้ตนเองต้องทนกัดฟันระเบิดพลังเวทจากภายในเพื่อหลุดพ้นจากเวทมนตร์จนกระอักเลือด
แต่ทันทีที่คู่สนทนาได้ยินเสียงเขากลับมีรอยยิ้มเผยขึ้นที่มุมปากอย่างชอบใจ
「 เจ้าหลุดมาได้อย่างไรกันเนี่ย 」
「 นั่นมันสำคัญหรือไง จะแกล้งอะไรก็ให้มันพอดีหน่อยเถอะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะหลุดมาได้ 」
「 อีกสิบนาทีเจ้าก็เป็นอิสระแล้ว ทำไมไม่รอเล่า 」
「 ข้าไม่สนุกด้วยนะไอ้เบื๊อกครูซ 」
“ยืนรอใครเชิญหรือไง นักเรียนทั้งสองคนมายืนรวมกลุ่มกับเพื่อนได้แล้ว”
คนที่ทำหน้าเคร่งขึมเอ่ยเสียงเรียบนิ่งโดยที่ไม่ได้หันไปมอง
เมื่อได้ยินผู้เป็นอาจารย์เอ่ยเช่นนั้น เดรคและเรย์เวนที่เพิ่งมาถึงก็เดินเข้ามาใจกลางของโรงฝึกที่มีนักเรียนหลายสิบคนยืนรออยู่ แต่แล้วก็ต้องชะงัก
“เรย์เวน ดีลักซ์ โดนหักคะแนนจิตพิสัย 10 คะแนน”
“ห๊ะ!? ได้อย่างไรกัน” ประโยคที่ได้ยินทำให้เจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างหันไปตะคอกถามด้วยความตกตะลึง
“เจ้ามาสายยังจะถามหาเหตุผลอีกหรือไง”
เขากัดกรามด้วยความแค้นเคือง จนทำให้เพื่อนสนิทที่เดินคู่กันมายกมือขึ้นลูบหลังอย่างแผ่วเบาเพื่อให้ใจเย็นลง
「 แค้นนี้ข้าจะเอาคืนไอ้อาจารย์ใหญ่จอมปลอมเอ๊ย 」
「 จงเสียใจซะเถอะที่ตอนนี้เจ้าเด็กกว่าข้า 」
บัดซบ!
คำสบถในใจที่ไม่ได้ออกเสียงแต่ดูเหมือนว่าคู่สนทนาที่ยืนอยู่ด้านหน้าจะเข้าใจได้ จึงเมินต่อท่าทีของเด็กหนุ่มและเริ่มอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องสอนทันที
วิชาการประยุกต์ใช้เวทมตร์กับดาบ เป็นวิชาเฉพาะสำหรับนักดาบเวทที่ต้องเรียนรู้ เพราะการที่จะประสานความรู้ของทั้ง 2 ศาสตร์เข้าด้วยกันต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างมาก
ครูซ ซาติโอ้เป็น 1 ในนักดาบเวทลำดับต้นๆ ที่เก่งที่สุดของจักรวรรดิ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เมื่ออาจารย์ประจำวิชาไม่อยู่จึงได้มาทำการสอนแทน
คำอธิบายเบื้องต้นถูกร่ายยาวเนิ่นนานหลายนาทีพร้อมกับการสาธิตให้ดูเป็นระยะๆ พลังเวทสีทองสว่างวาบออกมาจากดาบเพื่อเพิ่มกำลังและทิศทางในการโจมตี ทำให้นักเรียนที่จดจ่อกับการเรียนตกตะลึงไปตามๆ กัน
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าต้องมาเรียนที่โรงฝึกสี่ ข้าจำได้ว่ายังไม่ได้บอกเจ้านี่”
เสียงกระซิบกระซาบของเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินดังขึ้นข้างๆ หู จึงทำให้เรย์เวนต้องละสายตาจากอาจารย์ผู้สอนหันมาตอบกลับ
“ข้าเห็นตัวอักษรเวทที่เจ้าเขียนไว้บนโต๊ะในโถงกลาง” เรย์เวนตอบโดยที่สายตาจดจ้องไปที่เพื่อนสนิทอีกคนในคราบอาจารย์ใหญ่
“อ่อ ดีแล้วที่ข้าเขียนทิ้งไว้ แล้วเจ้าหายไปไหนมา ข้าตามหาไปทั่ว”
“เอาของไปให้หมามันซ่อมมา”
“หมา?” เดรคเอียงคออย่างสงสัย
“นักเรียนที่คุยกันอยู่ด้านหลัง ออกมาด้านหน้า” เสียงเรียกจากอาจารย์ผู้สอนทำเอาเดรคและเรย์เวนสะดุ้งโหยง
ทุกสายตาของนักเรียนที่อยู่ด้านหน้าหันกลับมามองด้านหลังเป็นตาเดียวกัน
เรย์เวนสบตาเข้ากับตัวการของการมาสายในครั้งนี้ก็รับรู้ได้ทันทีว่าคนที่ต้องให้ออกไปไม่ใช่เพื่อนที่ยืนข้างๆ หรอก
แต่เป็น…
“ข้าไปเอง”
เด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ ก่อนจะก้าวเดินออกไปเผชิญหน้ากับอาจารย์ใหญ่
เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“จะให้ผมทำอะไรครับอาจารย์”
“เมื่อครู่ไม่ได้ฟังที่พูดไปเลยสินะ” คนโตกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“ต้องขออภัยด้วยครับ” เรย์เวนก้มหัวลงอีกครั้ง
“ไปหยิบดาบไม้มา แล้วมาสู้กับข้า” ครูซพูดพลางเหลือบมองดาบไม้ที่วางอยู่บนแท่นอาวุธ
“สู้หรอครับ?”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยความงุนงง แต่ก็ขยับร่างกายไปหยิบดาบไม้ที่วางเรียงรายใกล้กับผนังของโรงฝึกก่อนจะเดินกลับมายืนมองหน้าคู่สนทนาอีกครั้ง
「 ผีเข้าหรือไง 」
ทันทีที่หันกลับไปสบตาเขาก็ส่งข้อความในหัวไปให้ครูซ
“ใช่ ทำเป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆ ดู ว่านักดาบเวทเขาสู้กันอย่างไร”
ผู้เป็นอาจารย์สบัดแขนข้างขวาที่ถือดาบไปมาเหมือนเป็นการวอร์มก่อนจะเริ่มต่อสู้พร้อมถอยหลังหนึ่งก้าว
「 ให้โอกาสเจ้าเอาคืนไงล่ะ 」
“แบบนี้เองสินะครับ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาฝ่ายตรงข้ามก็เหมือนร่างกายจะรับรู้ได้เอง เด็กหนุ่มขยับข้อต่อของร่างกายไม่ว่าจะเป็นต้นคอ หัวไหล่ ข้อมือ หัวเข่า ข้อเท้า รวมถึงยืดเหยียดแขนและขาจนสุด
“คงตั้งใจเลือกผมอยู่แล้วใช่หรือไม่ครับอาจารย์”
「 ระวังจะขายหน้าต่อหน้านักเรียน 」
“ข้าได้ข่าวว่าคุณชายแห่งนีไอโอเนียเก่งนักหนา”
สองขาของครูซเริ่มตั้งท่าเตรียมตั้งรับการต่อสู้ มือซ้ายสบัดผ้าคลุมออกไปให้พ้นทาง สายตาจดจ้องการกระทำของเรย์เวนอย่างไม่วางตา
「 อย่าลีลาหน่าไอ้งั่งราเชล 」
“ข่าวจริงไม่มีเท็จเลยครับ”
ฟิ้วววว
ทันทีที่จบประโยคร่างของเด็กหนุ่มก็หายวับไปปรากฎอยู่กลางอากาศด้านหลังของอาจารย์ใหญ่ สองมือที่จับด้ามดาบไม้ฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง
แกร๊ง!
แต่เพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างครูซ ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายขนาดนั้นเขายกดาบขึ้นมารับการโจมตีได้ทัน
เสียงของดาบไม้สองเล่มกระทบกันเสียงดังลั่นโรงฝึก แรงกระแทกของอากาศกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง นักเรียนพากันถอยหลังกรูออกห่างจากการต่อสู้
“ทำได้แค่นี้หรอครับอาจารย์”
บนพื้นที่เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองยืนอยู่ปรากฎวงแหวนเวทมนตร์ขึ้น เส้นเงาสีดำรั้งร่างใหญ่ของครูซหวังให้ล้มลง
แต่ร่างกายของคนที่ถูกฉุดดึงยังสามารถต้านแรงไว้ได้ เด็กหนุ่มชักดาบไม้กลับพร้อมเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วกลางอากาศ อ้อมเข้าโจมตีที่จุดบอดของอีกฝ่าย
ดาบไม้เกิดแสงสีดำสลัวสว่างวาบขึ้น เขาออกแรงทั้งหมดฟาดเข้าช่วงเอวหนาด้านซ้าย
ทว่าในจังหวะที่คิดว่าโจมตีโดนเข้าอย่างจังก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อคนที่ถูกเส้นเงาดำพันธนาการไว้ฝืนต้านแรงดึง เขาขยับฝ่ามือเพื่อสร้างวงแหวนเวทสีทองรับการโจมตีของดาบไม้เคลือบพลังเวทรุนแรงไว้แทน
“ว่องไวดีแต่การโจมตีอ่านง่ายไปหน่อยนะนักเรียน” ครูซพูดประชด
ร่างของเรย์เวนกระเด็นออกไปไกลจากแรงสะท้อนของเวทมนตร์ เขาหมุนตัวกลางอากาศ ใช้ขาสองข้างยันกับผนังของโรงฝึกและดีดตัวกลับมาพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง
มือข้างหนึ่งยกขึ้นในระดับอก นิ้วชี้และนิ้วกลางชี้ขึ้นด้านบน ปรากฎวงแหวนเวท 4 อันขึ้นที่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม ฝูงอีกานับร้อยตัวบินออกมาจากวงเวทเข้าก่อกวนและบดบังทัศนวิสัยของครูซ
[เวทเลเวล 4 : อีกาดำ ปล่อยฝูงอีกาจากวงแหวนเวทเพื่อก่อกวนและปิดการมองเห็นของศัตรู]
“เร็วไปที่จะตัดสินนะครับ”
ทันใดนั้นอาจารย์ใหญ่ที่คลาดสายตาจากนักเรียนหนุ่มที่พุ่งเข้ามาโจมตีก็รีบขยับริมฝีปากร่ายมนตร์อย่างรวดเร็ว
แสงสีส้มทองสว่างวาบออกมาจากร่างกาย วงแหวนขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นที่ใต้เท้าของผู้ใช้วิชา เขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในวงเวทเคลื่อนที่ช้าลง ทั้งฝูงอีกา และเด็กหนุ่มว่องไวอีกหนึ่งคน
เขาใช้ดาบไม้ที่ใส่พลังเวทของตัวเองลงไปปัดป้องการก่อกวนของอีกาที่เคลื่อนที่ช้าลงและสอดส่องหาร่างของคู่ต่อสู้ที่หวังจะแฝงตัวเข้ามาโจมตี
แต่เมื่อเห็นร่างและกำลังจะยื่นฝ่ามือไปคว้าตัวไว้
ฟิ้ววว
ดาบไม้ที่มีพลังเวทสีดำเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านหน้าของครูซที่เอี้ยวตัวหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว แต่เมื่อหันกลับไปมองยังจุดเดิมก็ไร้วี่แววของคนที่ขว้างมาเสียแล้ว
แปะ!
ตู้มม!
เสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านหลัง ไม่ทันที่คนตัวสูงจะหันไปมองก็เกิดระเบิดรุนแรงขึ้นทันที กลุ่มควันลอยฟุ้งจนนักเรียนที่ยืนอยู่ห่างจากการต่อสู้สำลักควันกันระงม
“แบบนี้มันหน้าหงุดหงิดครับอาจารย์”
เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะเดินฝ่ากลุ่มควันสีเทาเข้าไปหาร่างของอาจารย์ใหญ่ที่อาจจะได้รับบาดเจ็บจากระเบิดพลังเวทของตัวเอง
ทว่าเมื่อกลุ่มควันจางลงก็พบว่ามีเกราะเวทสีทองล้อมรอบร่างกายเพื่อป้องกันอยู่ ทำให้เด็กหนุ่มที่เห็นภาพนั้นคิ้วขมวดเป็นปม
“ทำได้ดีมากเรย์เวน ดีลักซ์”
เสียงดีดนิ้วดัง ‘เป๊าะ’ เกราะเวทที่เคยครอบคลุมร่างกายก็สลายหายไป ก่อนจะหันมาหานักเรียนที่เฝ้ามองการต่อสู้ของทั้งคู่
“ได้เห็นการต่อสู้เมื่อครู่แล้วใช่หรือไม่ หวังว่านักเรียนทุกคนจะจดจำและนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง”
ในขณะที่อาจารย์ใหญ่หันหน้าไปพูดคุยกับนักเรียนคนอื่นๆ เรย์เวนที่ยังมีอารมณ์พุ่งพล่านไม่อยากจะจบการต่อสู้ เขาขยับปลายนิ้วเล็กน้อย
ดาบไม้ที่เขาเคยขว้างมันเฉียดผ่านใบหน้าคนโตกว่าก็ลอยขึ้นอย่างช้าๆ โดยไม่มีใครทันสังเกต
เมื่อลอยขึ้นเหนือพื้นในระดับที่พอเหมาะ ปลายนิ้วก็ขยับอีกครั้ง ดาบไม้พุ่งเข้าหาครูซอย่างรวดเร็ว
แต่การโจมตีที่ไม่ได้มุ่งหวังจะเอาชีวิต ก็โดนอาจารย์ใหญ่สกัดไว้ได้จนดาบไม้ร่วงหล่นลงสู่พื้น
“ยังอยากจะต่ออีกงั้นเหรอ” ครูซเอ่ยถามพลางชี้ปลายดาบตรงมาทางเจ้าของเรือนผมสีขาว
ไร้การตอบกลับจากอีกฝ่ายมีเพียงใบหน้างดงามของเด็กหนุ่มที่จ้องมองด้วยแววตาแข็งกร้าวไม่สบอารมณ์ ที่ค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะหยุดนิ่งในระยะที่ไม่ห่างกันมากนัก
「 ไอ้ขี้โกง เจ้าใช้ [ไทม์แลปส์] เวทเลเวล 7 กับข้าที่เพิ่งจะบรรลุเลเวล 5 」
เมื่อรับรู้ได้ถึงต้นตออาการหงุดหงิดของเพื่อนสนิทในร่างเด็กหนุ่ม ผู้เป็นอาจารย์ก็ลดดาบลง เผยรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะหันกลับไปหาเหล่านักเรียนที่ยืนรอ
「 ไม่ได้กำหนดเสียหน่อยว่าห้ามใช้เวทมนตร์เลเวทสูงกว่าคู่ต่อสู้ 」
「 ไอ้หน้าบากเอ๊ย! ข้าจะฆ่าเจ้า 」
「 อย่าด่าแรงนักสิ ใจข้ามันรับไม่ไหวหรอกนะ 」
To be continued
พวกแกเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี รู้ไต๋กันหมดจะสู้กันยังไงเอ่ยยยยยยย
ปล. อะไรคือการที่นายครูซไปแย่งกินมาการองจากมือน้องเรย์เวนคะ แย่มาก เด็กกำลังโตไปแย่งได้ไง
ปล.2 ใจข้ารับไม่ไหวหรอ รับไม่ไหวที่โดนด่าหรือหน้าตางดงามของเพื่อนคะ คุรพี่ ?