”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
ในห้องพักรูปทรงสี่เหลี่ยม มีเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่ง 2 หลังอยู่ริมผนังคนละฝั่ง เจ้าของเรือนผมสีขาวกำลังนอนเหยียดกายอยู่บนฝูกนิ่มๆ สายตาเหม่อมองไปยังเพดานสีดำมืด ในหัวพลางคิดถึงรอยยิ้มของน้องชายที่กำลังดีใจกับการได้รับนาฬิกาเรือนโปรดกลับไปใช้ในสภาพสมบูรณ์พร้อม
หรือจะซื้ออะไรให้อีกสักอย่างดีนะ…
เขาคิดในใจก่อนจะเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา
“เรย์เวน วันนี้เจ้าสุดยอดไปเลยนะ”
เสียงเรียกของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิงที่ปลายเตียงดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนจะเหลือบสายตาไปมอง
เขาหุบยิ้มอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะโดนคำถามจากเพื่อนสนิท
“หืม หมายถึงอะไร”
“ก็ที่สู้กับอาจารย์ใหญ่ได้สูสีขนาดนั้นไง” เดรคที่เอี้ยวตัวจากเก้าอี้หันมาเรย์เวนที่นอนเล่นอยู่บนเตียงอธิบายเพิ่ม
เจ้าของเรือนผมสีขาวคิดย้อนกลับไปถึงการต่อสู้อย่างไม่เป็นทางการกับอาจารย์ใหญ่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
นั่นมันไม่เรียกสู้เสียหน่อย แค่ออกกำลังเล็กน้อยเท่านั้นแล้วไอ้นั่นมันยังขี้โกงอีกต่างหาก
เขาคิดในใจก่อนจะหันกลับไปตอบอีกคนโดยที่ไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียงนอน
“ผิดแล้วเดรค ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย”
“หมายความว่าอะไร” ศีรษะของคนถามเอียงเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“ตั้งแต่ที่ข้าเขวี้ยงดาบใส่หน้าแล้วอ้อมไปด้านหลังนั่น อาจารย์ใหญ่มองการโจมตีของข้าออกหมด”
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าว่องไวตั้งขนาดนั้น” เดรคเถียงออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด
“เรื่องจริง” เขาย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เรย์เวนขยับร่างกายให้ลุกขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เพื่อที่จะได้พูดคุยกับอีกคนได้สะดวก
“เจ้าเห็นวงเวทที่พื้นตอนที่ข้าปล่อยฝูงอีกาหรือเปล่า”
“ข้าเห็น” เดรคตอบกลับ
“นั่นแหละ มันเรียกว่า [ไทม์แลปส์] เขาจะเห็นการเคลื่อนไหวของทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในเขตพื้นที่วงเวทเป็นภาพช้า จึงทำให้มองเห็นการโจมตีของข้าทั้งหมดแล้วจงใจหลบดาบไม้ให้ดูฉิวเฉียดเพื่อเปิดช่องโหว่ด้านหลัง”
คำอธิบายร่ายยาวและละเอียดของเรย์เวนทำให้คนฟังนึกภาพตามได้ง่ายมากขึ้น
“แล้วข้าก็ติดกับเข้าอย่างจัง” คนที่นั่งอยู่บนเตียงนอนหน้าเสียนิดหน่อยเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองเสียท่าในการต่อสู้
จริงๆ จะเรียกว่าติดกับก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะว่าข้าเองก็ตั้งใจเร่งการเคลื่อนไหวแล้วแต่มันก็ยังช้าไปอยู่ดี
เพราะวิธีที่จะจัดการครูซตอนนั้นคือต้องเร็วจนมีเวทมนตร์นั้นก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
แต่คนที่ทำแบบนั้นได้ มันไม่ใช่ข้าเนี่ยสิ
หางคิ้วของเรย์เวนกระตุกเล็กน้อย
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินที่นั่งอยู่อีกฝั่งยกมือขึ้นลูบคางพลางวิเคราะห์การต่อสู้ของเพื่อนสนิทไปด้วย สีหน้ากำลังแสดงออกถึงความสงสัย
“ไม่จริงน่า ตอนนั้นใครๆ ก็ดูออกว่าเจ้าต้อนอาจารย์ได้จนมุมแล้วแต่หลบได้เพราะโชคช่วย”
“ข้าในตอนนี้ยังสู้เขาไม่ได้หรอก นั่นคือความจริง”
เรย์เวนตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
แม้ในตอนนี้ที่เขากลับมาเกิดใหม่จะยังไม่สามารถเอาชนะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างครูซได้ แต่เขาก็ยังแอบคิดว่าถ้าหากเอาจริงโดยที่ไม่กังวลว่านักเรียนในโรงฝึกตอนนั้นจะได้รับลูกหลงไปด้วย เขาก็คงทำอะไรได้มากกว่านี้แน่นอน
“เอาเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังดีกว่าคนอื่นๆ ที่เข้าไปสู้ช่วงท้ายคาบแล้วโดนปัดกระเด็นภายในไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำ” เดรคพูดเสริมความมั่นใจให้เพื่อนสนิทด้วยสีหน้าภูมิใจ
“ก็ข้าเก่งกว่าเจ้าพวกนั้นนี่” เรย์เวนผุดรอยยิ้มเล็กๆออกมา ก่อนจะยักไหล่รับคำชมจากเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงิน
เดรคส่ายหัวเบาๆ อย่างเอือมระอากับความมั่นใจเกินร้อยของเรย์เวน
“แต่ข้าชอบนะ”
“อะไร” เดรคถามกลับทันที ที่อยู่ๆ เพื่อนสนิทก็พูดขึ้นมา
“เวทมนตร์ของเจ้า อืมมมมมม มันเรียกว่าอะไรนะ” มือข้างหนึ่งของคนกำลังนึกย้อนถึงการต่อสู้ยกขึ้นลูบคางเบาๆ “ที่ใสๆ เหมือนว่าเจ้าต้องการจะขังอาจารย์ใหญ่”
“ [บับเบิ้ล] ”
“ใช่ๆ มันสามารถกักขัง แล้วยังป้องกันการโจมตีได้ด้วย สุดยอดไปเลยไม่ใช่หรือไง อันนั้นน่ะ” เรย์เวนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่ได้เห็นเวทมนตร์ที่ไม่เคยเห็นเป็นครั้งแรก
“มันกักขังได้ก็จริง ทำให้ลอยได้ด้วย แต่ไม่สามารถป้องกันการโจมตีด้วยพลังเวทได้หรอกนะ ไม่ใช่ [ชีลล์] เสียหน่อย” เดรคพยายามอธิบาย
“งั้นเหรอ เอาไว้สอนข้าบ้างสิ” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายราวกับกำลังขอร้อง
“จะให้สอนไปทำไมเจ้าใช้เวทน้ำไม่ได้”
“ข้าจะเอาไปปรับใช้กับเวทเลือดข้าไง”
เดรคส่ายหัวเบาๆ
“ไม่ล่ะ เจ้านำหน้าข้าไปหลายก้าวแล้ว หากสอนไปข้าคงตามไม่ทันกันพอดี”
“ปั๊ดโถ่เอ๊ย!” เรย์เวนสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะล้มตัวลงนอนราบไปกับเตียง
ส่วนคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็หันกลับไปที่โต๊ะหนังสือเช่นเดิม
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องพักของนักเรียนชายสองคนอีกครั้ง ดวงตาของคนที่นอนอยู่ปิดลงช้าๆ ราวกับกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราแม้ช่วงเวลาจะยังไม่ดึกมากก็ตาม
กึกๆๆๆๆๆ
ทันใดนั้น เสียงเคาะนิ้วชี้รัวๆ กับโต๊ะไม้ของเดรคที่มักจะทำเสมอเวลาใช้ความคิดก็ทำให้เรย์เวนเปิดเปลือกตาขึ้นก่อนจะเหลือบไปมอง
วงแหวนเวทมนตร์สีฟ้าอ่อน 3 อันลอยอยู่ตรงหน้าของเดรคที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
เรย์เวนนอนมองเพื่อนสนิทเรือนผมสีน้ำเงินเข้มที่เอาแต่เขียนๆ ลบๆ วงเวทซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น จนเริ่มหงุดหงิดตามไปด้วย
ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ
วูบ
วาบ
ฝ่ามือสองข้างของคนที่นั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้พนักพิงขยับเข้าหากัน วงเวททั้งสามค่อยๆ เคลื่อนตัวมาอยู่ตรงกลางแสงสีขาวสว่างวาบจนเกือบตาพร่า แต่ยังไม่ทันที่จะเกิดการหลอมรวมได้ดี วงเวทก็ดีดกลับไปอยู่ที่เดิมพร้อมกับแสงสว่างมลายหายไป
ใบหน้าของเดรคแสดงความผิดหวังออกมาเล็กน้อย เหมือนความพยายามที่ตั้งใจทำมาเนิ่นนานจะไม่สำเร็จสักที
เรย์เวนที่มองการกระทำนั้นอยู่สักพักก็เริ่มคิดในใจ
คงตั้งใจจะผสานวงแหวนเวทมนตร์ทั้งสามเข้าด้วยกันงั้นสินะ เพิ่งจะเลเวล 4 เองแท้ๆ แต่ทะเยอทะยานสมกับเป็นอเลนเดลเสียจริง
ข้าในตอนนี้ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ชีวิตก่อนที่ทำได้ก็ปาไปตอนบรรลุเลเวล 6 ก็อย่างว่าล่ะนะเรื่องอะไรที่ไม่ถนัดก็อย่าไปฝืนมัน
แต่แล้วท่าทางของคนที่ผิดหวังก็แปรเปลี่ยนไป เขาใช้ปลายนิ้วชี้ที่เคลือบพลังเวทเริ่มสร้างวงแหวนอีกครั้ง
ความไม่ยอมแพ้ของเดรคทำให้เรย์เวนนึกอยากช่วยขึ้นมา
เขาขยับร่างกายให้ลุกขึ้นจากฝูกนิ่ม ก่อนจะเอ่ยเรียกคนที่กำลังตั้งใจ
“เดรค”
น้ำเสียงเรียบนิ่งของเรย์เวน ทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินหันกลับไปมอง
“อ๊ะ! โทษที” ฝ่ามือซ้ายของคนที่ถูกเรียกยกขึ้นรวบวงแหวนทั้งหมดให้หายไปอย่างร้อนรน “มันรบกวนเจ้าสินะ”
“เปล่าเลย” เรย์เวนตอบกลับทันที
เขาลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจให้สักพักก็เดินตรงไปที่โต๊ะของคนที่กำลังว้าวุ่นใจ
“เจ้าจะผสานวงแหวนใช่หรือไม่ ลองทำอีกที เดี๋ยวข้าช่วยดูให้”
ฝ่ามือหนาค้ำที่พนักเก้าอี้ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้กับคนที่นั่งอยู่
เดรคที่รับรู้ถึงความต้องการของเพื่อนก็ใช้ฝ่ามือข้างเดิมที่รวบเก็บวงแหวนโบกสะบัดขึ้นอีกครั้ง ปรากฎวงเวททั้งสามขึ้นมาเหมือนก่อนหน้านี้
“ข้าวาดวงแหวนตามสูตร ปรับมันให้เหมาะกับมานา และใส่พลังเวทลงไปทั้งหมดแล้ว แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ามันติดขัดที่ใดพลังเวทถึงไม่หมุนเวียนและผสานเข้ากันไม่ได้สักที”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มเริ่มร่ายยาวถึงปัญหาที่ตนเองพบเจอแต่ไม่สามารถหาสาเหตุได้
เรย์เวนก้มตัวลงไปให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับวงแหวนเวทมนตร์เพื่อตรวจสอบรายละเอียดทีละจุด
ปลายนิ้วเรียวยาวไล่ชี้ดูทีละจุด เขาหรี่ตาลง และเพ่งเล็งเพิ่มมากขึ้นราวกับคนที่มองเห็นไม่ชัด
ดวงดาวตรงนี้องศาและตำแหน่งดีมาก…ไม่มีปัญหา
ดวงจันทร์ทั้งสามก็รองรับมานาได้ดี…ไม่มีปัญหา
เขาคิดในใจพลางไล่ดูไปเรื่อยๆ
“เรย์เวน” เสียงทุ่มต่ำของเดรคเอ่ยขึ้น
“อะไร ข้ากำลังดูให้อยู่” เขาตอบกลับโดยที่ยังไม่ละสายตาจากวงแหวนเวทมนตร์
“ต้องเพ่งใกล้ขนาดนั้นเพราะผมเจ้ามันยาวปิดหน้าปิดตานี่ไง อยู่นิ่งๆ ก่อนข้าจะมัดให้”
เดรคพูดถึงสาเหตุของการที่เรย์เวนต้องหรี่ตามองแม้ใบหน้าจะอยู่ไม่ห่างมากนัก
เขาเอื้อมมือไปหยิบสายรัดผมบนโต๊ะก่อนจะเอื้อมมือไปรวบปอยผมหน้าม้าที่ยาวปิดหน้าปิดตาของเพื่อนสนิทขึ้น และบรรจงมัดรวบให้อย่างดี
เส้นหยักตรงนี้แทนคลื่นหรือเปล่านะ แต่ตำแหน่งมันก็ดีมากแล้วนี่…ไม่น่ามีปัญหา
เรย์เวนยังคงตั้งใจตรวจสอบวงเวทอย่างละเอียดทีละจุด โดยที่เดรคยังคงพยายามมัดผมของข้าไม่ให้บดบังการมองเห็น
ร่างของเจ้าของเรือนผมสีขาวขยับมานั่งเบียดคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน
ไม่นานนักดวงตาสีน้ำเงินก็เบิกกว้างขึ้นราวกับเจอจุดที่ผิดพลาดบนวงแหวนเข้าให้แล้ว
เดรคที่เห็นใบหน้าของเพื่อนที่อยู่ห่างกับตัวเองไม่ไกลก็พยายามมองตามสายตาแต่กลับไม่พบจุดที่น่าสงสัย
เส้นตรงนี้มันแปลกๆ แหะ
มันควรจะเชื่อมจากเส้นขนานมุมซ้ายแล้วดิ่งตรงลงมาไม่ใช่หรือไง
“เดรค”
“หืม” คนที่ถูกเรียกชื่อครางรับในลำคอเบาๆ
“ตรงนี้” เรย์เวนใช้ปลายนิ้วชี้ไปยังจุดที่ผิดปกติ “เส้นมันควรจะตรงลงมาข้างล่างไม่ใช่หรอกหรือ ทำไมมันถึงทแยงลงมาทางขวากันล่ะ”
คำถามของเรย์เวนทำให้เดรคชะงักเล็กน้อย แววตาฉายแววครุ่นคิด มือใหญ่รีบร้อนลบเส้นที่ผิดพลาดออกแล้วลงมือวาดใหม่ด้วยความระมัดระวัง
วิ้ง!
เมื่อปลายนิ้วของเดรคหยุดชะงัก ออร่าของวงเวทก็สว่างขึ้นเล็กน้อย ปรากฎการไหลเวียนของพลังเวทที่สมดุลให้เห็น
“รออะไร รีบผสานซะสิ” เรย์เวนเรียกสติของคนที่แก้ไขปัญหาได้แล้วแต่ยังคงนั่งนิ่ง
“เป็นอะไร ใช้สองมือผสานวงเวทเร็วเข้า ข้าเองก็อยากเห็นสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นนะ” น้ำเสียงของเจ้าของเรือนผมสีเงินเริ่มเสียงดังขึ้นฉายแววตำหนิเล็กๆ
สายตาของเดรคหลุบมองลงต่ำ ตอนนี้ร่างกายของเด็กหนุ่มตัวใหญ่สองคนกำลังนั่งเบียดเสียดอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ฝ่ามือข้างซ้ายของเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินคว้าเอวสอบของเรย์เวนเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าเพื่อนที่กำลังตั้งใจช่วยเหลือจะพลาดตกเก้าอี้
เรย์เวนที่รู้ถึงสาเหตุที่มืออีกข้างของเพื่อนไม่ว่างยกขึ้นมาผสานวงแหวนเวทมนตร์เพราะอะไร หัวคิ้วก็เริ่มขมวดเป็นปม
“ปล่อยมือเจ้าจากเอวข้าก่อนแล้วลงมือซะ” เขาพูดโพล่งออกมาก่อนจะตีฝ่ามือของเดรคที่รั้งเอวไว้ไม่แรงมากนัก
“อ๊ะ! ก็เจ้ามานั่งเบียดเช่นนี้ ถ้าหากข้าไม่รั้งเจ้าไว้ก็ตกเก้าอี้กันพอดีน่ะสิ” เดรครีบปล่อยมือพร้อมกับอธิบายเหตุผลด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะรีบหันควับกลับมามองที่วงเวท
แปลกพิลึก ร้อนหรือไง
เรย์เวนที่เห็นท่าทางของเพื่อนก็คิดในใจ
“ช่างเรื่องหยุมหยิมนั่นเถอะน่า เร็วเข้า”
เจ้าของเรือนผมสีขาวลุกขึ้นยืนเพราะฝ่ามือที่รั้งเอวไว้คลายพอดีก่อนจะเร่งเร้าอีกครั้ง
“ยังไม่ได้หรอก ถ้าผสานสำเร็จ” คำพูดของเดรคหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องพัก
“ห้องนี้ได้เละไม่มีชิ้นดีแน่ เพราะข้าตั้งใจสร้างคลื่นยักษ์ที่สามารถทำลายทั้งทวีปได้น่ะ”
คนที่ยืนอยู่เบิกตากว้าง
ให้ตายสิ เจ้าเด็กนี่
ก็ว่าอยู่ทำไมมีสัญลักษณ์แทนคลื่นอะไรมากมายขนาดนั้น นี่เจ้าเตรียมตัวไปบุกประเทศอื่นหรือไงกัน
เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”
เรย์เวนยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นในระดับอก ทำให้ปลายนิ้วทั้งสิบแตะชนกัน เป็นรูปสามเหลี่ยมโดยมีนิ้วหัวแม่มือทั้งสองเป็นฐาน ปรากฎลูกบาศก์เรืองแสงขึ้นตรงบริเวณช่องว่าง
“ข้าจะสร้างพื้นที่สี่มิติให้”
ทันใดนั้น พื้นที่ในห้องพักสี่เหลี่ยมก็กลายเป็นทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่หาจุดสิ้นสุดไม่เจอ บรรยากาศยามค่ำคืนที่เมื่อมองออกไปทางหน้าต่าง ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นหายไปหมดสิ้น แปรเปลี่ยนท้องฟ้ายามกลางวันที่บรรยากาศร่มรื่นแทนที่
มีเพียงตัวเด็กหนุ่มสองคน และวงแหวนทั้งสามที่ยังคงอยู่เช่นเดิม
ความประหลาดใจปรากฎอยู่ในแววตาของเด็กเรือนผมสีน้ำเงินพร้อมกับมองพื้นที่รอบๆ
“ข้าคงไว้ได้แค่ 2 นาทีเท่านั้นนะเดรค” เรย์เวนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คำพูดเรียกสติของเขาทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหันกลับไปสนใจสิ่งที่พยายามมาเนิ่นนาน
เดรคยกวงแหวนเวทมนตร์ทั้งสามขึ้นเหนือศีรษะ ฝ่ามือสองข้างค่อยๆ เลื่อนเข้าหากันช้าๆ พร้อมกับวงเวทที่ขยับเข้าใกล้เพื่อหลอมรวมกัน
“แค่นั้นก็เพียงพอ” เขาพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความมั่นใจ
เมื่อวงแหวนทั้งสามผสานรวมกันเป็นหนึ่ง แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นจนตาพร่ามัว จนต้องหรี่ตาลงเพื่อมองดู
แต่เพียงเวลาไม่นานสายตาก็สามารถปรับแสงและมองเห็นได้ปกติ สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองคนคือวงเวทสีฟ้าอ่อนขนาดใหญ่ พลังเวทมหาศาลเอ่อล้นจนใกล้จะทะลักออกมา
“บับเบิ้ล”
เป๊าะ!
ถ้อยคำร่ายคาถาดังขึ้นพร้อมกับเสียงดีดนิ้วของเดรค ทำให้ออร่าสีฟ้าอ่อนปรากฏล้อมรอบตัวของคนที่ยังคงใช้ [เวทพื้นที่ 4 มิติ] ให้ลอยขึ้นเหนือพื้น
ซู่มมมมมม!!
วู่มมมมม!!
คลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ไหลทะลักออกมาจากวงแหวนเวทก่อตัวล้อมรอบร่างกายของผู้ใช้วิชา จนคล้ายพายุหมุนรุนแรง ก่อนมันจะขยายใหญ่ขึ้นและซัดทำลายธรรมชาติรอบด้านจนราบเป็นหน้ากอง
พื้นที่ไกลโพ้นที่เคยเห็นเป็นทุ่งดอกไม้ตอนนี้หายวับไปเหลือเพียงร่องรอยของกระแสน้ำที่ยังคงสั่นไหว
คำที่เดรดได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า สามารถทำลายได้ทั้งทวีป นั่นไม่เกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่เหมือนความรุนแรงของคลื่นยักษ์นั้นจะเกินกว่าที่เรย์เวนคาดคิดไว้มาก จนพื้นที่สี่มิติที่เรย์เวนสร้างขึ้นเริ่มรับแรงกระแทกมหาศาลไว้ไม่ไหว
เรย์เวนที่ฝืนใช้พลังเวทตนเองไม่ถนัดจึงคงสภาพไว้ได้ไม่นาน แม้อยากจะให้เดรคได้ลองทำอีกครั้งก็ตาม
“เดรค อีก 30 วินาที!!”
เสียงตะโกนบอกเวลาของเจ้าของเรือนผมสีขาวดังขึ้นจากกลางอากาศ ทำให้เด็กนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเงยหน้าขึ้นมอง
เขาเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวจากการคงสภาพพื้นที่ของเรย์เวน ทำให้เขาเบิกตาโพลงอย่างตกใจ
ไม่มีการตอบกลับจากผู้ใช้เวทน้ำ เขารีบหันกลับมาที่วงแหวน เขาโบกสะบัดมือสองข้างเล็กน้อย น้ำทั้งหมดในพื้นที่ก็มลายหายไปในทันที เหลือเพียงทุุ่งหญ้าเขียวขจีให้เห็น พร้อมกับ [บับเบิ้ล] ใส ที่อยู่ล้อมรอบตัวเพื่อนสนิทก็ค่อยๆ เคลื่อนที่ลงมาสู่พื้น
ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกถอนออกมาพลางสลายเวท [เวทพื้นที่ 4 มิติ] ให้สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับมาเป็นเพียงห้องพักเช่นเดิม
ทว่าทันทีที่พื้นที่ถูกปรับเปลี่ยน ความอึดอัดรัดแน่นก็ถาโถมเข้าหาเรย์เวน เพราะเดรควิ่งเข้ามาสวมกอดอย่างกะทันหัน
“ขอบใจมากนะเรย์เวน ถ้าไม่ได้เจ้าช่วยข้าคงทำไม่สำเร็จแน่” คนที่เพิ่งทำสิ่งที่จินตนาการไว้ได้สำเร็จเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปะปนความดีใจ
แต่เหมือนว่าการกอดรัดที่แน่นเกินไป จนทำให้เรย์เวนอึดอัดจนเริ่มหายใจไม่ออก
“อ่า ไม่เป็นไร” เรย์เวนพูดพลางออกแรงดันร่างอีกคนให้ถอยห่าง
“แต่อย่าเหลิงไปล่ะ เจ้าไม่ใช่นักเวท แต่เป็นนักดาบเวทนะ” เขาเอ่ยเตือน
“ข้ารู้…” เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ตรงข้าม โบกสะบัดฝ่ามือทำให้ปรากฎวงเวทอีกครั้ง เขาจ้องมองมันอย่างภาคภูมิใจ
การกระทำนั้นอยู่ในสายตาของเรย์เวนตลอด ทำให้เขานึกขึ้นมาได้
หากวัดเพียงแค่ระดับพลังเวทอย่างเดียว เดรคเก่งกว่านักเรียนคนอื่นๆ ในชั้นปี 2 เสียด้วยซ้ำ
แต่สายอาชีพที่เดรคเลือกคือ นักดาบเวท จึงทำให้พัฒนาฝีมือด้านเวทมนตร์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ และตัวเรย์เวนเองก็เคยเอ่ยปากบอกว่าจะเป็นคู่ซ้อมดาบให้ ทว่าเขากลับยังไม่เคยฝึกซ้อมให้เพื่อนสนิทอย่างจริงจังเสียที
ทำได้เพียงแค่ออกไปวิ่งด้วยกันทุกเช้ามืดแค่นั้น และในตอนเย็นหลังเลิกเรียนเขาก็ออกไปด้านนอกสถาบันทุกวัน
เห็นทีข้าคงต้องปั้นเด็กนี่อย่างเอาจริงเอาจังสักหน่อยแล้ว
“อื้มมม ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำแล้ว”
ประโยคพึมพำกับตัวเองเบาๆ ของเรย์เวนทำให้คนที่สนใจวงแหวนของตัวเองหันมามอง
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าจะเป็นคู่ซ้อมให้เจ้าแล้วกัน ข้าเคยบอกไว้แต่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลก็ส่องประกายพร้อมส่งรอยยิ้ม
“ข้าคิดว่าเจ้าจะลืมเสียแล้ว”
“เปล่าหรอก งั้นตามนี้แล้วกัน”
“ฝากตัวด้วยนะเรย์เวน” เดรคพูดพลางยกมือขึ้นมาละเลงกลุ่มผมของอีกคนจนยุ่งเหยิงด้วยท่าทางเป็นกันเอง
ให้ตายสิ
“ซื้อของหวานมาให้ข้าด้วยแล้วกัน”
เรย์เวนยกแขนขึ้นปัดมือเดรคออกเบาๆ ก่อนใช้ปลายนิ้วมือดึงเชือกรัดผมออก แล้วพยายามจัดทรงผมให้เข้าที่ ก่อนจะเดินตรงไปที่เตียงนอนของตัวเอง
“ถ้าไม่มีอะไรกิน ข้าคงอารมณ์เสียจนพลั้งมือทำให้เจ้าเจ็บตัวก็ได้” เขาล้มตัวลงนอนบนฝูกนิ่มๆ ราวกับไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าหวานจุ่มลงบนหมอนสี่เหลี่ยมสีขาวที่ภายในจุไปด้วยขนเป็ดจนนุ่มฟู
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินมองตามเพื่อนสนิทก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“แล้วข้าเคยไม่ตามใจเจ้าหรือไง”
To be continued
เอ้ออออออออ นายเพื่อนสนิทก็นะ เป็นสาราณุกรมเดินได้ไม่พอยังเป็นถุงเงินเดินได้อีก เรย์เวนอยากกินอะไรมีหรอที่เดรคจะไม่ซื้อให้กิน ผมก็เลี้ยงของผมมาอย่างดีอะเนอะๆ