”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 - 13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์ โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ผู้แต่ง

fixcblue

เรื่องย่อ


 

ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา


 

"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์


วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้

#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9

สารบัญ

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-บทนำ ข้ามาเกิดใหม่งั้นหรือ?,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-1 คุณชายแห่งนีไอโอเนีย,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-3 เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-4 มาเรียน่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-5 อดีตนักรบ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-7 จุดด่างพร้อยหนึ่งเดียว,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-8 มือสังหาร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-9 การฆ่าครั้งแรก,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-11 นาฬิกาเรือนเก่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-12 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-14 แค่ฝึกซ้อม (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-15 แค่ฝึกซ้อม (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-16 คำสั่งขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์

ในห้องพักรูปทรงสี่เหลี่ยม มีเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่ง 2 หลังอยู่ริมผนังคนละฝั่ง เจ้าของเรือนผมสีขาวกำลังนอนเหยียดกายอยู่บนฝูกนิ่มๆ สายตาเหม่อมองไปยังเพดานสีดำมืด ในหัวพลางคิดถึงรอยยิ้มของน้องชายที่กำลังดีใจกับการได้รับนาฬิกาเรือนโปรดกลับไปใช้ในสภาพสมบูรณ์พร้อม

หรือจะซื้ออะไรให้อีกสักอย่างดีนะ…

เขาคิดในใจก่อนจะเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา

“เรย์เวน วันนี้เจ้าสุดยอดไปเลยนะ”

เสียงเรียกของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิงที่ปลายเตียงดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนจะเหลือบสายตาไปมอง

เขาหุบยิ้มอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะโดนคำถามจากเพื่อนสนิท

“หืม หมายถึงอะไร” 

“ก็ที่สู้กับอาจารย์ใหญ่ได้สูสีขนาดนั้นไง” เดรคที่เอี้ยวตัวจากเก้าอี้หันมาเรย์เวนที่นอนเล่นอยู่บนเตียงอธิบายเพิ่ม

เจ้าของเรือนผมสีขาวคิดย้อนกลับไปถึงการต่อสู้อย่างไม่เป็นทางการกับอาจารย์ใหญ่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

นั่นมันไม่เรียกสู้เสียหน่อย แค่ออกกำลังเล็กน้อยเท่านั้นแล้วไอ้นั่นมันยังขี้โกงอีกต่างหาก

เขาคิดในใจก่อนจะหันกลับไปตอบอีกคนโดยที่ไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียงนอน

“ผิดแล้วเดรค ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย”

“หมายความว่าอะไร” ศีรษะของคนถามเอียงเล็กน้อยด้วยความสงสัย

“ตั้งแต่ที่ข้าเขวี้ยงดาบใส่หน้าแล้วอ้อมไปด้านหลังนั่น อาจารย์ใหญ่มองการโจมตีของข้าออกหมด”

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าว่องไวตั้งขนาดนั้น” เดรคเถียงออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด

“เรื่องจริง” เขาย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เรย์เวนขยับร่างกายให้ลุกขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เพื่อที่จะได้พูดคุยกับอีกคนได้สะดวก

“เจ้าเห็นวงเวทที่พื้นตอนที่ข้าปล่อยฝูงอีกาหรือเปล่า”

“ข้าเห็น” เดรคตอบกลับ

“นั่นแหละ มันเรียกว่า [ไทม์แลปส์] เขาจะเห็นการเคลื่อนไหวของทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในเขตพื้นที่วงเวทเป็นภาพช้า จึงทำให้มองเห็นการโจมตีของข้าทั้งหมดแล้วจงใจหลบดาบไม้ให้ดูฉิวเฉียดเพื่อเปิดช่องโหว่ด้านหลัง” 

คำอธิบายร่ายยาวและละเอียดของเรย์เวนทำให้คนฟังนึกภาพตามได้ง่ายมากขึ้น

“แล้วข้าก็ติดกับเข้าอย่างจัง” คนที่นั่งอยู่บนเตียงนอนหน้าเสียนิดหน่อยเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองเสียท่าในการต่อสู้

จริงๆ จะเรียกว่าติดกับก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะว่าข้าเองก็ตั้งใจเร่งการเคลื่อนไหวแล้วแต่มันก็ยังช้าไปอยู่ดี

เพราะวิธีที่จะจัดการครูซตอนนั้นคือต้องเร็วจนมีเวทมนตร์นั้นก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ 

แต่คนที่ทำแบบนั้นได้ มันไม่ใช่ข้าเนี่ยสิ

หางคิ้วของเรย์เวนกระตุกเล็กน้อย

เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินที่นั่งอยู่อีกฝั่งยกมือขึ้นลูบคางพลางวิเคราะห์การต่อสู้ของเพื่อนสนิทไปด้วย สีหน้ากำลังแสดงออกถึงความสงสัย

“ไม่จริงน่า ตอนนั้นใครๆ ก็ดูออกว่าเจ้าต้อนอาจารย์ได้จนมุมแล้วแต่หลบได้เพราะโชคช่วย” 

“ข้าในตอนนี้ยังสู้เขาไม่ได้หรอก นั่นคือความจริง”

เรย์เวนตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

แม้ในตอนนี้ที่เขากลับมาเกิดใหม่จะยังไม่สามารถเอาชนะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างครูซได้ แต่เขาก็ยังแอบคิดว่าถ้าหากเอาจริงโดยที่ไม่กังวลว่านักเรียนในโรงฝึกตอนนั้นจะได้รับลูกหลงไปด้วย เขาก็คงทำอะไรได้มากกว่านี้แน่นอน

“เอาเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังดีกว่าคนอื่นๆ ที่เข้าไปสู้ช่วงท้ายคาบแล้วโดนปัดกระเด็นภายในไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำ” เดรคพูดเสริมความมั่นใจให้เพื่อนสนิทด้วยสีหน้าภูมิใจ

“ก็ข้าเก่งกว่าเจ้าพวกนั้นนี่” เรย์เวนผุดรอยยิ้มเล็กๆออกมา ก่อนจะยักไหล่รับคำชมจากเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงิน

เดรคส่ายหัวเบาๆ อย่างเอือมระอากับความมั่นใจเกินร้อยของเรย์เวน

“แต่ข้าชอบนะ”

“อะไร” เดรคถามกลับทันที ที่อยู่ๆ เพื่อนสนิทก็พูดขึ้นมา

“เวทมนตร์ของเจ้า อืมมมมมม มันเรียกว่าอะไรนะ” มือข้างหนึ่งของคนกำลังนึกย้อนถึงการต่อสู้ยกขึ้นลูบคางเบาๆ “ที่ใสๆ เหมือนว่าเจ้าต้องการจะขังอาจารย์ใหญ่”

“ [บับเบิ้ล] ” 

“ใช่ๆ มันสามารถกักขัง แล้วยังป้องกันการโจมตีได้ด้วย สุดยอดไปเลยไม่ใช่หรือไง อันนั้นน่ะ” เรย์เวนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่ได้เห็นเวทมนตร์ที่ไม่เคยเห็นเป็นครั้งแรก

“มันกักขังได้ก็จริง ทำให้ลอยได้ด้วย แต่ไม่สามารถป้องกันการโจมตีด้วยพลังเวทได้หรอกนะ ไม่ใช่ [ชีลล์] เสียหน่อย” เดรคพยายามอธิบาย

“งั้นเหรอ เอาไว้สอนข้าบ้างสิ” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายราวกับกำลังขอร้อง

“จะให้สอนไปทำไมเจ้าใช้เวทน้ำไม่ได้” 

“ข้าจะเอาไปปรับใช้กับเวทเลือดข้าไง” 

เดรคส่ายหัวเบาๆ

“ไม่ล่ะ เจ้านำหน้าข้าไปหลายก้าวแล้ว หากสอนไปข้าคงตามไม่ทันกันพอดี”

“ปั๊ดโถ่เอ๊ย!” เรย์เวนสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะล้มตัวลงนอนราบไปกับเตียง

ส่วนคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็หันกลับไปที่โต๊ะหนังสือเช่นเดิม

ความเงียบเข้าปกคลุมห้องพักของนักเรียนชายสองคนอีกครั้ง ดวงตาของคนที่นอนอยู่ปิดลงช้าๆ ราวกับกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราแม้ช่วงเวลาจะยังไม่ดึกมากก็ตาม

กึกๆๆๆๆๆ

ทันใดนั้น เสียงเคาะนิ้วชี้รัวๆ กับโต๊ะไม้ของเดรคที่มักจะทำเสมอเวลาใช้ความคิดก็ทำให้เรย์เวนเปิดเปลือกตาขึ้นก่อนจะเหลือบไปมอง

วงแหวนเวทมนตร์สีฟ้าอ่อน 3 อันลอยอยู่ตรงหน้าของเดรคที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก 

เรย์เวนนอนมองเพื่อนสนิทเรือนผมสีน้ำเงินเข้มที่เอาแต่เขียนๆ ลบๆ วงเวทซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น จนเริ่มหงุดหงิดตามไปด้วย

ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ

วูบ

วาบ

ฝ่ามือสองข้างของคนที่นั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้พนักพิงขยับเข้าหากัน วงเวททั้งสามค่อยๆ เคลื่อนตัวมาอยู่ตรงกลางแสงสีขาวสว่างวาบจนเกือบตาพร่า แต่ยังไม่ทันที่จะเกิดการหลอมรวมได้ดี วงเวทก็ดีดกลับไปอยู่ที่เดิมพร้อมกับแสงสว่างมลายหายไป

ใบหน้าของเดรคแสดงความผิดหวังออกมาเล็กน้อย เหมือนความพยายามที่ตั้งใจทำมาเนิ่นนานจะไม่สำเร็จสักที

เรย์เวนที่มองการกระทำนั้นอยู่สักพักก็เริ่มคิดในใจ

คงตั้งใจจะผสานวงแหวนเวทมนตร์ทั้งสามเข้าด้วยกันงั้นสินะ เพิ่งจะเลเวล 4 เองแท้ๆ แต่ทะเยอทะยานสมกับเป็นอเลนเดลเสียจริง

ข้าในตอนนี้ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ชีวิตก่อนที่ทำได้ก็ปาไปตอนบรรลุเลเวล 6 ก็อย่างว่าล่ะนะเรื่องอะไรที่ไม่ถนัดก็อย่าไปฝืนมัน

แต่แล้วท่าทางของคนที่ผิดหวังก็แปรเปลี่ยนไป เขาใช้ปลายนิ้วชี้ที่เคลือบพลังเวทเริ่มสร้างวงแหวนอีกครั้ง

ความไม่ยอมแพ้ของเดรคทำให้เรย์เวนนึกอยากช่วยขึ้นมา

เขาขยับร่างกายให้ลุกขึ้นจากฝูกนิ่ม ก่อนจะเอ่ยเรียกคนที่กำลังตั้งใจ

“เดรค” 

น้ำเสียงเรียบนิ่งของเรย์เวน ทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินหันกลับไปมอง

“อ๊ะ! โทษที” ฝ่ามือซ้ายของคนที่ถูกเรียกยกขึ้นรวบวงแหวนทั้งหมดให้หายไปอย่างร้อนรน “มันรบกวนเจ้าสินะ”

“เปล่าเลย” เรย์เวนตอบกลับทันที

เขาลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจให้สักพักก็เดินตรงไปที่โต๊ะของคนที่กำลังว้าวุ่นใจ 

“เจ้าจะผสานวงแหวนใช่หรือไม่ ลองทำอีกที เดี๋ยวข้าช่วยดูให้”

ฝ่ามือหนาค้ำที่พนักเก้าอี้ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้กับคนที่นั่งอยู่

เดรคที่รับรู้ถึงความต้องการของเพื่อนก็ใช้ฝ่ามือข้างเดิมที่รวบเก็บวงแหวนโบกสะบัดขึ้นอีกครั้ง ปรากฎวงเวททั้งสามขึ้นมาเหมือนก่อนหน้านี้

“ข้าวาดวงแหวนตามสูตร ปรับมันให้เหมาะกับมานา และใส่พลังเวทลงไปทั้งหมดแล้ว แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ามันติดขัดที่ใดพลังเวทถึงไม่หมุนเวียนและผสานเข้ากันไม่ได้สักที” 

เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มเริ่มร่ายยาวถึงปัญหาที่ตนเองพบเจอแต่ไม่สามารถหาสาเหตุได้

เรย์เวนก้มตัวลงไปให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับวงแหวนเวทมนตร์เพื่อตรวจสอบรายละเอียดทีละจุด

ปลายนิ้วเรียวยาวไล่ชี้ดูทีละจุด เขาหรี่ตาลง และเพ่งเล็งเพิ่มมากขึ้นราวกับคนที่มองเห็นไม่ชัด

ดวงดาวตรงนี้องศาและตำแหน่งดีมาก…ไม่มีปัญหา

ดวงจันทร์ทั้งสามก็รองรับมานาได้ดี…ไม่มีปัญหา

เขาคิดในใจพลางไล่ดูไปเรื่อยๆ

“เรย์เวน” เสียงทุ่มต่ำของเดรคเอ่ยขึ้น

“อะไร ข้ากำลังดูให้อยู่” เขาตอบกลับโดยที่ยังไม่ละสายตาจากวงแหวนเวทมนตร์

“ต้องเพ่งใกล้ขนาดนั้นเพราะผมเจ้ามันยาวปิดหน้าปิดตานี่ไง อยู่นิ่งๆ ก่อนข้าจะมัดให้”

เดรคพูดถึงสาเหตุของการที่เรย์เวนต้องหรี่ตามองแม้ใบหน้าจะอยู่ไม่ห่างมากนัก

เขาเอื้อมมือไปหยิบสายรัดผมบนโต๊ะก่อนจะเอื้อมมือไปรวบปอยผมหน้าม้าที่ยาวปิดหน้าปิดตาของเพื่อนสนิทขึ้น และบรรจงมัดรวบให้อย่างดี

เส้นหยักตรงนี้แทนคลื่นหรือเปล่านะ แต่ตำแหน่งมันก็ดีมากแล้วนี่…ไม่น่ามีปัญหา

เรย์เวนยังคงตั้งใจตรวจสอบวงเวทอย่างละเอียดทีละจุด โดยที่เดรคยังคงพยายามมัดผมของข้าไม่ให้บดบังการมองเห็น 

ร่างของเจ้าของเรือนผมสีขาวขยับมานั่งเบียดคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน 

ไม่นานนักดวงตาสีน้ำเงินก็เบิกกว้างขึ้นราวกับเจอจุดที่ผิดพลาดบนวงแหวนเข้าให้แล้ว

เดรคที่เห็นใบหน้าของเพื่อนที่อยู่ห่างกับตัวเองไม่ไกลก็พยายามมองตามสายตาแต่กลับไม่พบจุดที่น่าสงสัย

เส้นตรงนี้มันแปลกๆ แหะ

มันควรจะเชื่อมจากเส้นขนานมุมซ้ายแล้วดิ่งตรงลงมาไม่ใช่หรือไง

“เดรค”

“หืม” คนที่ถูกเรียกชื่อครางรับในลำคอเบาๆ

“ตรงนี้” เรย์เวนใช้ปลายนิ้วชี้ไปยังจุดที่ผิดปกติ “เส้นมันควรจะตรงลงมาข้างล่างไม่ใช่หรอกหรือ ทำไมมันถึงทแยงลงมาทางขวากันล่ะ”

คำถามของเรย์เวนทำให้เดรคชะงักเล็กน้อย แววตาฉายแววครุ่นคิด มือใหญ่รีบร้อนลบเส้นที่ผิดพลาดออกแล้วลงมือวาดใหม่ด้วยความระมัดระวัง

วิ้ง!

เมื่อปลายนิ้วของเดรคหยุดชะงัก ออร่าของวงเวทก็สว่างขึ้นเล็กน้อย ปรากฎการไหลเวียนของพลังเวทที่สมดุลให้เห็น

“รออะไร รีบผสานซะสิ” เรย์เวนเรียกสติของคนที่แก้ไขปัญหาได้แล้วแต่ยังคงนั่งนิ่ง 

“เป็นอะไร ใช้สองมือผสานวงเวทเร็วเข้า ข้าเองก็อยากเห็นสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นนะ” น้ำเสียงของเจ้าของเรือนผมสีเงินเริ่มเสียงดังขึ้นฉายแววตำหนิเล็กๆ 

สายตาของเดรคหลุบมองลงต่ำ ตอนนี้ร่างกายของเด็กหนุ่มตัวใหญ่สองคนกำลังนั่งเบียดเสียดอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ฝ่ามือข้างซ้ายของเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินคว้าเอวสอบของเรย์เวนเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าเพื่อนที่กำลังตั้งใจช่วยเหลือจะพลาดตกเก้าอี้

เรย์เวนที่รู้ถึงสาเหตุที่มืออีกข้างของเพื่อนไม่ว่างยกขึ้นมาผสานวงแหวนเวทมนตร์เพราะอะไร หัวคิ้วก็เริ่มขมวดเป็นปม

“ปล่อยมือเจ้าจากเอวข้าก่อนแล้วลงมือซะ” เขาพูดโพล่งออกมาก่อนจะตีฝ่ามือของเดรคที่รั้งเอวไว้ไม่แรงมากนัก

“อ๊ะ! ก็เจ้ามานั่งเบียดเช่นนี้ ถ้าหากข้าไม่รั้งเจ้าไว้ก็ตกเก้าอี้กันพอดีน่ะสิ” เดรครีบปล่อยมือพร้อมกับอธิบายเหตุผลด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะรีบหันควับกลับมามองที่วงเวท

แปลกพิลึก ร้อนหรือไง

เรย์เวนที่เห็นท่าทางของเพื่อนก็คิดในใจ

“ช่างเรื่องหยุมหยิมนั่นเถอะน่า เร็วเข้า” 

เจ้าของเรือนผมสีขาวลุกขึ้นยืนเพราะฝ่ามือที่รั้งเอวไว้คลายพอดีก่อนจะเร่งเร้าอีกครั้ง

“ยังไม่ได้หรอก ถ้าผสานสำเร็จ” คำพูดของเดรคหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องพัก 

“ห้องนี้ได้เละไม่มีชิ้นดีแน่ เพราะข้าตั้งใจสร้างคลื่นยักษ์ที่สามารถทำลายทั้งทวีปได้น่ะ”

คนที่ยืนอยู่เบิกตากว้าง

ให้ตายสิ เจ้าเด็กนี่

ก็ว่าอยู่ทำไมมีสัญลักษณ์แทนคลื่นอะไรมากมายขนาดนั้น นี่เจ้าเตรียมตัวไปบุกประเทศอื่นหรือไงกัน

เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา” 

เรย์เวนยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นในระดับอก ทำให้ปลายนิ้วทั้งสิบแตะชนกัน เป็นรูปสามเหลี่ยมโดยมีนิ้วหัวแม่มือทั้งสองเป็นฐาน ปรากฎลูกบาศก์เรืองแสงขึ้นตรงบริเวณช่องว่าง 

“ข้าจะสร้างพื้นที่สี่มิติให้”

ทันใดนั้น พื้นที่ในห้องพักสี่เหลี่ยมก็กลายเป็นทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่หาจุดสิ้นสุดไม่เจอ บรรยากาศยามค่ำคืนที่เมื่อมองออกไปทางหน้าต่าง ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นหายไปหมดสิ้น แปรเปลี่ยนท้องฟ้ายามกลางวันที่บรรยากาศร่มรื่นแทนที่ 

มีเพียงตัวเด็กหนุ่มสองคน และวงแหวนทั้งสามที่ยังคงอยู่เช่นเดิม

ความประหลาดใจปรากฎอยู่ในแววตาของเด็กเรือนผมสีน้ำเงินพร้อมกับมองพื้นที่รอบๆ

“ข้าคงไว้ได้แค่ 2 นาทีเท่านั้นนะเดรค” เรย์เวนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

คำพูดเรียกสติของเขาทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหันกลับไปสนใจสิ่งที่พยายามมาเนิ่นนาน

เดรคยกวงแหวนเวทมนตร์ทั้งสามขึ้นเหนือศีรษะ ฝ่ามือสองข้างค่อยๆ เลื่อนเข้าหากันช้าๆ พร้อมกับวงเวทที่ขยับเข้าใกล้เพื่อหลอมรวมกัน

“แค่นั้นก็เพียงพอ” เขาพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความมั่นใจ

เมื่อวงแหวนทั้งสามผสานรวมกันเป็นหนึ่ง แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นจนตาพร่ามัว จนต้องหรี่ตาลงเพื่อมองดู

แต่เพียงเวลาไม่นานสายตาก็สามารถปรับแสงและมองเห็นได้ปกติ สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองคนคือวงเวทสีฟ้าอ่อนขนาดใหญ่ พลังเวทมหาศาลเอ่อล้นจนใกล้จะทะลักออกมา

“บับเบิ้ล”

เป๊าะ!

ถ้อยคำร่ายคาถาดังขึ้นพร้อมกับเสียงดีดนิ้วของเดรค ทำให้ออร่าสีฟ้าอ่อนปรากฏล้อมรอบตัวของคนที่ยังคงใช้ [เวทพื้นที่ 4 มิติ] ให้ลอยขึ้นเหนือพื้น

ซู่มมมมมม!!

วู่มมมมม!!

คลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ไหลทะลักออกมาจากวงแหวนเวทก่อตัวล้อมรอบร่างกายของผู้ใช้วิชา จนคล้ายพายุหมุนรุนแรง ก่อนมันจะขยายใหญ่ขึ้นและซัดทำลายธรรมชาติรอบด้านจนราบเป็นหน้ากอง 

พื้นที่ไกลโพ้นที่เคยเห็นเป็นทุ่งดอกไม้ตอนนี้หายวับไปเหลือเพียงร่องรอยของกระแสน้ำที่ยังคงสั่นไหว

คำที่เดรดได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า สามารถทำลายได้ทั้งทวีป นั่นไม่เกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่เหมือนความรุนแรงของคลื่นยักษ์นั้นจะเกินกว่าที่เรย์เวนคาดคิดไว้มาก จนพื้นที่สี่มิติที่เรย์เวนสร้างขึ้นเริ่มรับแรงกระแทกมหาศาลไว้ไม่ไหว

เรย์เวนที่ฝืนใช้พลังเวทตนเองไม่ถนัดจึงคงสภาพไว้ได้ไม่นาน แม้อยากจะให้เดรคได้ลองทำอีกครั้งก็ตาม

“เดรค อีก 30 วินาที!!” 

เสียงตะโกนบอกเวลาของเจ้าของเรือนผมสีขาวดังขึ้นจากกลางอากาศ ทำให้เด็กนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเงยหน้าขึ้นมอง 

เขาเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวจากการคงสภาพพื้นที่ของเรย์เวน ทำให้เขาเบิกตาโพลงอย่างตกใจ

ไม่มีการตอบกลับจากผู้ใช้เวทน้ำ เขารีบหันกลับมาที่วงแหวน เขาโบกสะบัดมือสองข้างเล็กน้อย น้ำทั้งหมดในพื้นที่ก็มลายหายไปในทันที เหลือเพียงทุุ่งหญ้าเขียวขจีให้เห็น พร้อมกับ [บับเบิ้ล] ใส ที่อยู่ล้อมรอบตัวเพื่อนสนิทก็ค่อยๆ เคลื่อนที่ลงมาสู่พื้น

ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกถอนออกมาพลางสลายเวท [เวทพื้นที่ 4 มิติ] ให้สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับมาเป็นเพียงห้องพักเช่นเดิม

ทว่าทันทีที่พื้นที่ถูกปรับเปลี่ยน ความอึดอัดรัดแน่นก็ถาโถมเข้าหาเรย์เวน เพราะเดรควิ่งเข้ามาสวมกอดอย่างกะทันหัน

“ขอบใจมากนะเรย์เวน ถ้าไม่ได้เจ้าช่วยข้าคงทำไม่สำเร็จแน่” คนที่เพิ่งทำสิ่งที่จินตนาการไว้ได้สำเร็จเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปะปนความดีใจ

แต่เหมือนว่าการกอดรัดที่แน่นเกินไป จนทำให้เรย์เวนอึดอัดจนเริ่มหายใจไม่ออก

“อ่า ไม่เป็นไร” เรย์เวนพูดพลางออกแรงดันร่างอีกคนให้ถอยห่าง 

“แต่อย่าเหลิงไปล่ะ เจ้าไม่ใช่นักเวท แต่เป็นนักดาบเวทนะ” เขาเอ่ยเตือน

“ข้ารู้…” เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ตรงข้าม โบกสะบัดฝ่ามือทำให้ปรากฎวงเวทอีกครั้ง เขาจ้องมองมันอย่างภาคภูมิใจ

การกระทำนั้นอยู่ในสายตาของเรย์เวนตลอด ทำให้เขานึกขึ้นมาได้

หากวัดเพียงแค่ระดับพลังเวทอย่างเดียว เดรคเก่งกว่านักเรียนคนอื่นๆ ในชั้นปี 2 เสียด้วยซ้ำ 

แต่สายอาชีพที่เดรคเลือกคือ นักดาบเวท จึงทำให้พัฒนาฝีมือด้านเวทมนตร์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ และตัวเรย์เวนเองก็เคยเอ่ยปากบอกว่าจะเป็นคู่ซ้อมดาบให้ ทว่าเขากลับยังไม่เคยฝึกซ้อมให้เพื่อนสนิทอย่างจริงจังเสียที

ทำได้เพียงแค่ออกไปวิ่งด้วยกันทุกเช้ามืดแค่นั้น และในตอนเย็นหลังเลิกเรียนเขาก็ออกไปด้านนอกสถาบันทุกวัน

เห็นทีข้าคงต้องปั้นเด็กนี่อย่างเอาจริงเอาจังสักหน่อยแล้ว

“อื้มมม ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำแล้ว” 

ประโยคพึมพำกับตัวเองเบาๆ ของเรย์เวนทำให้คนที่สนใจวงแหวนของตัวเองหันมามอง 

“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าจะเป็นคู่ซ้อมให้เจ้าแล้วกัน ข้าเคยบอกไว้แต่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลก็ส่องประกายพร้อมส่งรอยยิ้ม 

“ข้าคิดว่าเจ้าจะลืมเสียแล้ว”

“เปล่าหรอก งั้นตามนี้แล้วกัน” 

“ฝากตัวด้วยนะเรย์เวน” เดรคพูดพลางยกมือขึ้นมาละเลงกลุ่มผมของอีกคนจนยุ่งเหยิงด้วยท่าทางเป็นกันเอง

ให้ตายสิ

“ซื้อของหวานมาให้ข้าด้วยแล้วกัน” 

เรย์เวนยกแขนขึ้นปัดมือเดรคออกเบาๆ ก่อนใช้ปลายนิ้วมือดึงเชือกรัดผมออก แล้วพยายามจัดทรงผมให้เข้าที่ ก่อนจะเดินตรงไปที่เตียงนอนของตัวเอง 

“ถ้าไม่มีอะไรกิน ข้าคงอารมณ์เสียจนพลั้งมือทำให้เจ้าเจ็บตัวก็ได้” เขาล้มตัวลงนอนบนฝูกนิ่มๆ ราวกับไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าหวานจุ่มลงบนหมอนสี่เหลี่ยมสีขาวที่ภายในจุไปด้วยขนเป็ดจนนุ่มฟู

เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินมองตามเพื่อนสนิทก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ 

“แล้วข้าเคยไม่ตามใจเจ้าหรือไง” 


 

To be continued


เอ้ออออออออ นายเพื่อนสนิทก็นะ เป็นสาราณุกรมเดินได้ไม่พอยังเป็นถุงเงินเดินได้อีก เรย์เวนอยากกินอะไรมีหรอที่เดรคจะไม่ซื้อให้กิน ผมก็เลี้ยงของผมมาอย่างดีอะเนอะๆ