”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 - 15 แค่ฝึกซ้อม (2) โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ผู้แต่ง

fixcblue

เรื่องย่อ


 

ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา


 

"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์


วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้

#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9

สารบัญ

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-บทนำ ข้ามาเกิดใหม่งั้นหรือ?,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-1 คุณชายแห่งนีไอโอเนีย,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-3 เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-4 มาเรียน่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-5 อดีตนักรบ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-7 จุดด่างพร้อยหนึ่งเดียว,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-8 มือสังหาร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-9 การฆ่าครั้งแรก,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-11 นาฬิกาเรือนเก่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-12 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-14 แค่ฝึกซ้อม (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-15 แค่ฝึกซ้อม (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-16 คำสั่งขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

15 แค่ฝึกซ้อม (2)

ตึ้ง!!

คนเด็กกว่ากระโจนเข้าหาพร้อมฟาดดาบสุดแขนโดยเล็งที่ศีรษะ 

เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงรับแรงกระแทกอันหนักหน่วงด้วยดาบเป็นแนวขวางจากด้านบน ขาข้างซ้ายสั่นระริกก่อนจะถอยร่นคุกเข่าลงกับพื้น 

เสียงดาบไม้ทั้งสองกระทบกันเสียงดังลั่น รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของคนบุกโจมตี

ตัวก็เล็กแต่แรงเยอะชะมัด

ปีเตอร์คิดในใจขณะที่ตั้งรับด้วยแรงทั้งหมดที่มี

“ยังรับได้อยู่สินะ รุ่นพี่”

น้ำเสียงเย้ยหยันของคนตัวเล็กทำเอาคนตั้งรับละสายตาจากดาบไม้เหลือบมองสบตาสีน้ำเงินเข้มของเรย์เวน ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน

“ถ้าแค่นี้รับไม่ได้ ข้าก็ไม่ควรเป็นรุ่นพี่แล้วสิ”

ทันทีที่พูดจบ ปีเตอร์ก็ฝืนหยัดยืนขึ้น สะบัดดาบไม้ที่มีพลังเวทท่วมท้นจนร่างของอีกคนกระเด็นออกไปไม่ไกลนัก 

แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่ฝ่าเท้าของเรย์เวนแตะโดนพื้นเขาก็เคลื่อนที่ไปทั่วโรงฝึกอย่างรวดเร็ว คล้ายจะหาช่องว่างเพื่อเข้าจู่โจม

คนที่รอตั้งรับพยายามมองตามการเคลื่อนไหว แต่ทุกครั้งที่เหมือนจะคาดเดาเส้นทางได้คนตัวเล็กก็หลุดหายไปจากสายตาเสมอ

แต่สีหน้ายังคงแสดงความมั่นใจ มือขวากำดาบแน่นเตรียมตั้งรับจากทั่วทิศทาง

ตึ้งง!!!

คนที่เขาตามหาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังพร้อมกับฟาดดาบลงมาอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงดังสนั่นมากกว่าครั้งก่อน เพราะเขายกดาบไม้ข้ามหัวเพื่อป้องกันจากทางด้านหลังแม้ไม่ได้หันไปมอง 

ทว่าร่างของปีเตอร์ที่ถูกแรงกระแทกเคลื่อนไปด้านหน้าหลายเมตร

ข้ามั่นใจว่าไอ้หมาแดงนี่มันมองตามไม่ทันแน่แต่ตอบสนองไวจริงเชียว

เรย์เวนคิดในใจก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

“อะไรกันครับ~ มองตามไม่ทันแต่ตอบสนองได้ไวมากเลยนะ” 

เรย์เวนพูดพลางแกว่งดาบไม้ในมือขวาอย่างนึกสนุก ทำให้คนที่เพิ่งตั้งหลักได้รีบหันกลับมาเผชิญหน้า

“เจ้าก็ไวอย่างกับหนูไม่มีผิด” คำพูดแดกดันของคนโตกว่าไม่ได้ทำให้เรย์เวนรู้สึกแย่เลยแม้แต่น้อย

เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะแทนคำตอบ

ปีเตอร์กระชับอาวุธในมืออีกครั้งออร่าสีแดงเพลิงห่อหุ้มทั่วคมดาบ ตั้งท่าเตรียมจะพุ่งตัวเข้าไปโจมตีบ้าง 

ใบหน้าที่ปกติจะยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เมื่อเข้าโหมดต่อสู้กลับเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่คนเดิม

กลับกันคนเด็กกว่าที่มักจะไม่สนใจอะไรนอกจากของหวาน เมื่อถึงคราวต่อสู้สีหน้าเขายิ้มแย้มดูเหมือนกำลังเล่นสนุกและไม่มีความคิดว่าความพ่ายแพ้จะมาเยือน

เรย์เวนสังเกตท่าทางของรุ่นพี่ผมสีเพลิงก็เข้าใจได้ และตั้งท่าเตรียมรับกับการปะทะที่กำลังจะเข้ามาใกล้

ไม่นานเกินรอร่างของคนโตกว่าก็พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็วจนเกิดประกายไฟลุกโชนเป็นทางยาว 

ดาบไม้สองเล่มกระทบกันเสียงดังยาวต่อเนื่องเนิ่นนาน โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพลาดท่า ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่มีใครยอมใคร

กึก!

ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังต้านแรงกันด้วยดาบที่ไขว้กันเป็นกากบาทเหมือนพากันหยุดพักหายใจ แต่สายตายังคงแน่วแน่ไม่ต่างกัน

วิถีดาบช้า แต่ตอบสนองได้ไวแหะ น่าสนใจจริงๆ

เรย์เวนชื่นชมคู่ต่อสู้ในใจราวกับว่าไม่เคยเห็นคนรุ่นใหม่ที่มีฝีมือเช่นนี้มาก่อน

แต่ข้าจะทำให้รู้ว่าประสบการณ์เราต่างกัน

ไอ้หมาแดง

เขายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนบิดข้อมือที่ด้ามจับจนคมดาบหันไปอีกทาง เรย์เวนออกแรงดันดาบเสยขึ้นอย่างรวดเร็วจนไปกระแทกเข้ากับใบหน้าของคนโตกว่าเข้าอย่างจัง

ปั๊ก!

“อั่ก!” ปีเตอร์ส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด 

ร่างกายของเขาเซถอยหลัง มือข้างนึงยกขึ้นมากอบกุมบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ  แต่อีกข้างยังคงกระชับดาบตั้งการ์ดอย่างระมัดระวัง

หางคิ้วซ้ายแตก

การพลาดท่าครั้งใหญ่ของรุ่นพี่ตัวเต็งปี 4 ทำเอาคนที่ยืนดูการต่อสู้พากันซุบซิบนินทาจนเสียงฮือดังขึ้น

ท่าทางของปีเตอร์ทำให้เรย์เวนพึงพอใจจนอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

“หากเป็นดาบจริง รุ่นพี่อาจเสียตาซ้ายไปแล้วก็ได้นะครับ” 

เรย์เวนเอ่ยขณะควงดาบไม้ในมือเล่นอย่างนึกสนุก มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่เกรงว่าจะถูกโจมตี 

อาจเป็นเพราะตัวเขามั่นใจว่าจะตั้งรับได้ทุกเมื่อก็เป็นได้

เจ้าของเรือนผมสีแดงเช็ดรอยเลือดที่ซึมออกมาตามบาดแผลอย่างลวกๆ ดวงตาสีแดงเพลิงฉายแววดุดันยิ่งกว่าครั้งไหนๆ 

พลังเวทเอ่อล้นออกมาทั่วร่างกายจนดูน่ากลัว เขาเขวี้ยงดาบไม้ในมือออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะชักดาบเวทมนตร์ประจำกายที่เหน็บเอวข้างซ้ายอยู่ขึ้นมา ฝ่ามือซ้ายลูบไล้คมดาบสีเงินจนแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงจากเปลวไฟที่ลุกโชน

ใบหน้าเคร่งขึมราวกับจะปลิดชีวิตฝ่ายตรงข้ามโดยไม่สนกฎเกณฑ์

คนเด็กกว่าเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย

“เดี๋ยวสิครับรุ่นพี่ แบบนี้ไม่ผิดกติกาไปหน่อยหรอ เราควรใช้ดาบไม้ฝึกซ้อมนะครับ” 

เมื่อเห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของปีเตอร์ เขารีบเอ่ยแย้งขึ้นทันที

“เลิกเล่นสนุกแล้วมาเอาจริงกันดีกว่าเรย์เวน ดีลักซ์”

ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้หรือตั้งตัว ปีเตอร์พุ่งตัวเข้าใส่คู่ต่อสู้ทันที รังสีความกดดันแผ่ซ่านไปทั่ว

“บัดซบเอ๊ย! ข้ายังอยู่ปี 2 จะไปมีดาบได้อย่างไรกัน” 

คำสบถเสียงดังไม่มีผลให้คนที่กำลังเดือดจัดที่กระหายจะเอาชนะหยุดลงได้

“คนเก่งอย่างเจ้า คงจะสู้ข้าได้อยู่แล้วล่ะ” ปีเตอร์ตอบกลับทันควัน 

เรย์เวนทำได้แค่กระโดดถอยห่างเพื่อยื้อเวลาเท่านั้น

ไอ้เด็กนี่ พอเสียหน้าแล้วของขึ้นสินะ

คนที่กำลังตกที่นั่งลำบากรีบโยนดาบไม้ในมือทิ้งไป ออร่าสีดำปรากฎขึ้นทั่วร่างกายก่อนจะแทรกซึมเข้าไปในท่อนแขนซ้าย จนแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทที่มีความแข็งแรงไม่แพ้คมดาบ

ชิ้ง!

คมดาบเวทมนตร์ของปีเตอร์ และ [ดาร์คแฮนด์] ของเรย์เวนปะทะกันจนเกิดเสียงดัง พร้อมกับประกายโลหะวิบวับ 

แรงกระแทกของอากาศกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง

ปีเตอร์ย่นหัวคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นอาวุธของอีกคน

“ซ่อนเวทมนตร์อะไรดีๆ ไว้ด้วยนี่ รุ่นน้อง” 

คนโตกว่าเอ่ยถามในขณะที่ยังคงใส่แรงและพลังเวทลงไปในดาบเพื่อต้านแรงของอีกคน

“ก็มีไว้เผื่อเจอคนเล่นผิดกติกาอย่างรุ่นพี่ไงครับ” เรย์เวนตอบกลับในขณะที่ต้านแรงมหาศาลของอีกคนไว้

ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะยังมีรอยยิ้ม แต่คำพูดประชดประชันและน้ำเสียงที่ใครฟังก็ต้องคิดว่าหัวเสียอยู่ไม่น้อยแน่นอน

ปีเตอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเคย แต่สายตาดุดันราวกับสัตว์ป่า

“งั้นก็เตรียมตัวได้เลย”

คำเตือนของปีเตอร์ยังไม่ทันจบประโยคดีประกายเพลิงสีแดงบนใบดาบเวทมนตร์ก็ลุกโหมรุนแรงจนลามไปยังท่อนแขนของคนตัวเล็กกว่าก่อนจะตวัดดาบฟันอย่างสุดแรงอีกครั้ง

เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดเรย์เวนจึงรีบผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกโพลงอย่างตกใจ แต่ยังคงกักเก็บสีหน้าไว้ได้

เรย์เวนใช้เวทลอยตัวพาตัวเองให้ขึ้นไปอยู่กลางอากาศด้านบน เขาใช้มือขวาที่มีออร่าสีดำสลัวดับเปลวไฟที่ลุกลามไปทั่วแขนเสื้อ 

รอยไหม้ที่เกิดจากเปลวเพลิงไม่ได้ร้ายแรงเท่าบาดแผลที่เป็นทางยาวบริเวณแขนซ้ายจากการโดนฟันเลยแม้แต่น้อย

ของเหลวสีแดงข้นไหลย้อยลงสู่พื้น กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูก เรย์เวนมองบาดแผลที่ท่อนแขนตนเองอย่างไม่ยี่หระ

เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบาดเจ็บ และไม่ใช่ทุกคนที่สร้างความเจ็บปวดให้เขาได้

ในใจรู้สึกตื่นเต้นราวกับเจอเรื่องสนุกในรอบหลายวัน 

ทว่าคนที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ตลอดอย่างเดรคใบหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด กำมือสองข้างแน่น ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลฉายแววกังวลจนคนที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศรับรู้ได้

เรย์เวนเหลือบมองลงมาที่เพื่อนสนิทพลางส่ายหน้าเบาๆ ไม่มีคำพูดใดๆ มากไปกว่านั้นแต่ก็ทำให้คนที่เป็นห่วงเบาใจขึ้นได้ไม่มากก็น้อย 

แม้ในใจของเดรคจะอยากเข้าไปห้ามการต่อสู้ในครั้งนี้ แต่ถ้าหากทำเช่นนั้นเพื่อนของเขาที่เป็นคนเอ่ยปากอยากสู้เองคงรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมเป็นแน่

“ใบหน้าเจ้าตอนนี้ช่างงดงามจริงๆ เลยนะ” 

เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความกระเซ้าเย้าแหย่ของปีเตอร์เรียกสติให้เรย์เวนหันกลับมามองคู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องล่าง

“คำพูดพวกนั้นเก็บไว้ชมเลดี้ที่ตามเกาะติดรุ่นพี่เถอะครับ” 

คนเด็กกว่าตอบกลับขณะที่ใช้ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไล้ท่อนแขนตัวเองอย่างแผ่วเบา 

“จากนี้คงไม่ใช่การปะทะวิถีดาบอย่างเช่นก่อนหน้านี้แล้วใช่หรือไม่ครับ”

“แน่นอนสิ” เขาตอบเสียงหนักแน่น

มือข้างซ้ายของปีเตอร์ยื่นออกไปข้างลำตัวจดสุดแขนปรากฎวงแหวนสีแดงขึ้นที่ฝ่ามือ 

“ทั้งเจ้าและข้าหาใช่นักดาบธรรมดาที่ไหนกัน มาสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรีเถอะ” 

คำพูดอธิบายยังไม่ทันจบประโยคดีเปลวไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นที่วงเวททันทีที่คำพึมพำร่ายเวทเบาๆ จบลง 

เพียงเสี้ยววินาทีก็มีบางอย่างพุ่งออกมาจากวงแหวนเวทมนตร์อย่างรวดเร็ว

มันคือเปลวเพลิงรูปร่างคล้ายสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจเหนือกว่าเทพและมนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่ในอดีตคือผู้ครอบครองเวทมนตร์ไว้แต่เพียงผู้เดียว

‘มังกร’

ทั้งร่างกายของมังกรคือเปลวไฟบริสุทธิ์ไม่ใช่กายเนื้อ เกิดจากการควบคุมเพลิงอย่างละเอียดของผู้ใช้วิชาจนเกิดเป็นรูปร่าง

ปีกใหญ่คล้ายค้างคาวสะบัดออกจนเกิดลมรุนแรงราวจะเกิดภัยพิบัติ ปลายหางยาวมีลักษณะสามเหลี่ยมเหมือนหอก กรงเล็บแหลมคมที่สามารถเฉือดเฉือนทุกสิ่งให้พังทลาย มันกำลังพุ่งตรงเข้าหาคนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว

แต่ในขณะเดียวกันเรย์เวนที่ไล่ปลายนิ้วไปมาบนท่อนแขนที่ได้รับบาดเจ็บก็ออกแรงเกร็งฝ่ามือแล้วจิกเล็บลงไปในบาดแผลที่เกิดจากการโดนฟัน 

เนื้อเยื่อปากแผลเปิดออกเป็นทางยาวมากกว่าเดิม โลหิตไหลทะลักออกมาจนน่ากังวล

ทว่าของเหลวสีแดงที่ควรจะหยดลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงกลับกลายเป็นของแข็งที่มีลักษณะคล้ายด้ามจับของดาบ

สายตาที่ทอดมองลงไปเบื้องล่างของเรย์เวนสบเข้ากับนัยน์ตาประกายเพลิงของรุ่นพี่ที่ตอนนี้กำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเพิ่งจะทำลงไป

ไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้ล่ะสิ ไอ้ลูกหมา…

เรย์เวนคิดในใจพลางยกยิ้มทะเล้น

“อะไรกัน ไม่คิดว่าคนงดงามอย่างข้าจะทำอะไรบ้าบิ่นเช่นนี้งั้นหรือ รุ่นพี่” 

ฝ่ามือข้างขวาคว้าหมับเข้าที่ด้ามจับก่อนจะดึงออกมาจากปากแผลที่เปิดออกปรากฏ ดาบยาวสีเลือด อาวุธที่อัฉริยะของจักรวรรดิมักจะใช้มันในยามฉุกเฉิน

และน้อยคนนักที่ได้เห็นมัน 

[เวทเลเวล 5 : ดาบเลือด ดาบที่เกิดจากการแข็งตัวของเลือดด้วยพลังเวท มีลักษณะเหมือนดาบเวทมนตร์ทั่วไปแต่มีข้อเสียคือเมื่อใช้ดาบเลือดจะสามารถควบคุมได้แค่เพียงเวทเลือดเท่านั้น ไม่สามารถควบคุมเวทมืดได้]

เขาใช้ดาบรับการโจมตีจากกรงเล็บของมังกรเพลิงไว้ได้ในทันที 

แต่ความร้อนระอุที่แม้แต่เกราะเวทก็ต้านทานไว้ไม่อยู่ทำให้ต้องลำบากในการต่อสู้เป็นอย่างมาก

ข้าล่ะเกลียดเวทไฟของพาเทนเซียชะมัด รุนแรงเกินไปแล้ว

เรย์เวนกำลังต่อสู้กับเปลวเพลิงรูปร่างมังกรด้วยดาบ ทั้งกรงเล็บ คมเคี้ยว หางที่แหลมคม เขารับการโจมตีไว้ได้ทั้งหมดแม้จะแอบทุลักทุเลไปบ้าง

ฉึก!

เพียงแค่การต่อสู้ด้านหน้าก็หนักหน่วงเกินพอ แต่ปีเตอร์ไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาอันแสนโอชะหลุดลอยไป 

เขาใช้เวทลอยตัวพุ่งเข้าโจมตีอีกคนจากจุดบอดทางด้านหลัง 

แม้คนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากจะทันรู้สึกตัวถึงอันตรายและเอี้ยวตัวหลบได้

แต่ก็ไม่พ้น

เขาโดนปลายดาบเฉี่ยวเข้าที่หัวไหล่ขวา ความเจ็บปวดแล่นเข้าโสตประสาท ใบหน้าเหยเกไปชั่วขณะ 

แต่เมื่อตั้งสติได้ ปลายนิ้วขยับเล็กน้อย หยดเลือดที่พื้นก็ลอยขึ้น รูปร่างวงกลมแปรเปลี่ยนเป็นแส้หนามเกี่ยวพันร่างของมังกรเพลิงไว้จนหยุดชะงัก

เวทเลเวล 4 : แส้หนามโลหิต ตรึงร่างและโจมตีศัตรู หากสัมผัสโดนเลือดจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแส้หนามได้ ]

เรย์เวนหันความสนใจมาที่ปีเตอร์เพียงฝ่ายเดียว คมดาบทั้งสองปะทะกันกลางอากาศอย่างหนักหน่วง เสียงของโลหะกระทบกันดังลั่นผสานกับเสียงของเหล่าผู้ชมด้านล่างที่พากันโห่ร้อง ตะโกนเชียร์ผู้ที่ตนคิดว่าจะเป็นฝ่ายชนะ 

แม้ช่วงเวลานี้ท้องฟ้าที่เคยมีแสงสีทองยามเย็นจะถูกย้อมไปด้วยสีดำ ดวงดาวเริ่มส่องแสงระยิบระยับแต่ยังไม่มีนักเรียนทหารคนใดคิดจะก้าวขาออกจากโรงฝึกที่ 4 เพราะการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่ได้มีให้พบเห็นกันได้บ่อยครั้งนัก

เวลาผ่านไปไม่นานแส้หนามที่รั้งร่างของมังกรไว้เริ่มอ่อนแรงลงเพราะความร้อนจากเปลวเพลิงและสมาธิของผู้ใช้วิชาที่จดจ่อกับการต่อสู้ตรงหน้าเริ่มถอดถอย 

ตอนนี้ต้องหาทางทำให้ปีเตอร์คลายวิชาให้ได้ ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะแย่จริงๆ ก็ได้

ฉั๊วะ!

ฉึก!

แม้จะต้องต่อสู้อย่างพะวงหน้าพะวงหลังแต่วิถีดาบที่ชำนาญและได้เปรียบด้านประสบการณ์ของคนเด็กกว่าทำให้หาช่องโหว่ สร้างรอยแผลที่แขนขวา และต้นขาซ้ายของปีเตอร์ได้

 ในขณะที่เห็นช่องว่างจากคนที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บ เรย์เวนก็กระชับดาบในมือแน่นพุ่งฟาดฟันดาบเข้าทางสีข้าง

เมื่อความอันตรายใกล้มาเยือน เจ้าของเรือนผมสีแดงจึงกำมือแน่นระเบิดพลังเวทของมังกรจนแส้หนามสลายหายไป เกิดทะเลเพลิงลุกไหม้กลางอากาศ ความร้อนระอุแผ่กระจายไปถึงผู้รับชมด้านล่าง 

ซู่มมม!

เดรคที่คอยเฝ้าสังเกตสถานการณ์อยู่ตลอดใช้กำแพงน้ำทำเป็นโดมขนาดใหญ่ปกป้องทุกคนเอาไว้ได้ สายตาสอดส่องผ่านม่านน้ำเพื่อมองหาร่างของเพื่อนแต่กลับไม่พบจนความกังวลเริ่มกัดกินภายในใจ

ร่างกายของผู้ใช้เวทไฟสามารถกลมกลืนไปกับเปลวเพลิงได้แต่สำหรับคนอื่นมันคนละเรื่องกัน ตอนนี้ชัยชนะจะต้องตกเป็นของปีเตอร์แน่นอน 

ถ้าเขาไม่เหลือบไปเห็น [เกราะเลือด] วงกลมที่อยู่ใจกลางทะเลเพลิงนั่น

ทว่าสภาพของเกราะกำบังที่เกิดจากเวทเลือดไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มันละลาย จนเกิดช่องว่างหลายจุดเพราะความร้อนมากกว่าสองร้อยองศา 

ปีเตอร์ยังไม่ชะล่าใจและจดจ่อกับการต่อสู้อีกครั้ง เปลวเพลิงลุกโชนคลอบคลุมดาบในมือ เขากระโจนเข้าใส่เกราะกลมสีเลือดหวังว่าจะคว้าเทพีแห่งชัยชนะมาอยู่ในกำมือ

วืดดด!!

ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ร่างของคนตัวเล็กไปแอบอยู่ที่ไหนแต่เมื่อรู้ตัวอีกที ร่างกายของเรย์เวนที่มีร่องรอยของการถูกเผาไหม้ก็ปรากฎตัวอยู่ด้านหลังของปีเตอร์ 

เรย์เวนตวัดดาบเล็งไปที่ลำคออย่างสุดแรง แต่ไหวพริบและการตอบสนองที่ดีของคนโตกว่าทำให้รับรู้ได้ทัน เขาหันมาและเอนตัวไปหลบได้อย่างเฉียดฉิวจนรู้สึกเสียววาบที่ลำคอ

บ้าเอ๊ย เกือบคอขาดแล้วไหมล่ะ

ปีเตอร์สบถในใจ

แต่ยังไม่ทันได้โล่งใจ เพราะเรย์เวนหมุนตัวกลางอากาศ ท่อนขาเรียวยาววาดออกเป็นวงกว้าง ตอกส้นเท้าเข้าที่แก้มซ้ายอย่างจัง

ปั่ก!!

ตู้มม!

ร่างของปีเตอร์กระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงจนเกิดรอยร้าว

แท้จริงแล้วแค่เพียงแรงเตะธรรมดาไม่อาจทำให้เกิดความเสียหายขนาดนั้นได้ 

แต่ในจังหวะที่พลาดการโจมตีด้วยดาบ เรย์เวนก็เคลื่อนย้ายพลังเวทไปรวมอยู่ที่เท้าจนทำให้ใบหน้าที่ไร้ซึ่งการป้องกันรับแรงกระแทกเข้าเต็มๆ

เรย์เวนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นราวกับคนเสียสติ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน

“ฮ่าๆ รสชาติส้นเท้าข้าถูกปากหรือเปล่าล่ะครับ รุ่นพี่!” 

ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนคราบเขม่าควันไฟและมีรอยไหม้กำลังยิ้มกว้างอย่างสะใจที่ได้ทำดาเมจรุนแรงจนร่างของคนที่คิดว่าจะชนะลอยกระเด็นไปไกล

ร่างที่สะบักสะบอมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ความรู้สึกเจ็บแปล๊บแล่นทั่วร่างกายเพราะกระดูกบางส่วนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แก้มซ้ายบวมฉึ่งของเหลวสีแดงไหลย้อยออกจากมุมปาก

เวรเอ๊ย ขายหน้าชะมัด

“ถุย!”

ร่างหนาพ่นเลือดที่คละคลุ้งอยู่ทั่วปากลงกับพื้น ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดออกอย่างลวกๆ 

“แท้จริงแล้วเจ้าไม่ได้อยู่ในเกราะนั่นสินะ” 

เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เงยหน้ามองรุ่นน้องที่แสดงสีหน้าสะใจอยู่กลางอากาศ 

“มันก็แน่อยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่ารุ่นพี่จะหลงกลอุบายกระจอกๆ นั่น ฮ่าๆ สะใจเป็นบ้า!!” 

คำพูดยั่วยุพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นของเรย์เวน ทำให้ความคิดที่อยากจะเอาชนะแปรเปลี่ยนเป็นความอาฆาต จิตสังหารน่ากลัวพวยพุ่งออกจากร่างของปีเตอร์ เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นในดวงตาของเด็กหนุ่ม

โอ้โห น่ากลัวจังแหะ ไม่ได้สู้สนุกๆ เช่นนี้มานานแล้วเหมือนกัน

เรย์เวนพึมพำในใจ สายตาจับจ้องไปที่เจ้าของเรือนผมสีแดงราวกับรอคอยการโจมตีอย่างใจจดใจจ่อ โดยไร้ซึ่งความเกรงกลัวกลับกันเขารู้สึกอยากเอาชนะมากกว่าเดิม  ดาบสีเลือดในมือสั่นระริกไปด้วยความตื่นเต้น 

ผู้รับชมทั้งหลายพากันกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ใบหน้าถอดสี ความอึดอัดกดดันจุกอยู่ที่ลำคอ เพราะตอนนี้พลังเวทของทั้งคู่เอ่อล้นออกมาเสียจนถ้ามีคนธรรมดาอยู่ที่นั่นคงเสียสติสัมปชัญญะไปจนหมดสิ้น

ปึ้ง!

ไร้ซึ่งการส่งสัญญาณใดๆ แต่ทั้งสองคนกลับออกตัวพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ความมุ่งมั่นและความตั้งใจแรกหายไปเป็นปลิดทิ้ง ทั้งสองกำลังวิ่งเข้าใส่กันโดยมีความคิดที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน 

ระยะห่างร่นลงจนเหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว คมดาบก็คงจะเฉือดเฉือนบางส่วนของร่างกายคู่ต่อสู้ได้แล้ว 

แต่ทันใดนั้นก็ปราฏร่างของชายวัยกลางคนขึ้นตรงกึ่งกลางของจุดปะทะ ผ้าคลุมสีทองยาวสะบัดพริ้วไหวตามแรงลม มือซ้ายถือฝักดาบ มือขวากำด้ามดาบเรเปียร์แน่น 

เรย์เวนเห็นคนตรงหน้าทำให้เรียกคืนสติที่ขาดไปชั่ววูบคืนได้ 

ให้ตายเถอะ มันมาอย่างไรล่ะเนี่ย

เขาพยายามจะฝืนร่างกายของตัวเองไม่ให้เข้าปะทะแต่ระยะห่างที่สั้นเกินไป เขาหยุดยั้งร่างกายไว้ไม่ทัน

ตู้ม!

ฝั่งซ้ายฝักดาบในมือของชายผู้นั้นรับดาบที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ฝั่งขวายกดาบคู่กายขึ้นมารับคมดาบสีเลือดก่อนจะตวัดแขนสองข้างจนร่างกายของคนที่กำลังเข้าปะทะทั้งสองข้างกระเด็นออกไปไกล 

เรย์เวนที่รู้สึกตัวตั้งแต่เห็นใบหน้าคนคุ้นเคยแล้วตั้งสติได้ก่อน เขาม้วนตัวกลางอากาศใช้ดาบสีเลือดในมือปักลงกับพื้นเพื่อชะลอความเร็วจากการถูกเหวี่ยง 

จนหยุดได้ในที่สุด

แต่ปีเตอร์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกเหวี่ยงอย่างสุดแรงไปชนกับกำแพงของโรงฝึกอีกครั้ง จนร่างกายที่สะบักสะบอมเป็นทุนเดิมฟุบลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ทางสถาบันไม่อนุญาตให้ฆ่ากัน แล้วนี่พวกเจ้าทำบ้าอะไรกัน ห๊ะ!!”

 

To be continued


ตีกันจะตาย สาเหตุคืออะไร อย่าบอกนะว่าจะแย่งสาวน้อยอย่างน้องเดรคกันน่ะ หนุ่มๆใจเย็นๆกันเถอะจ้าาาาาาา