”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 - 17 ว่าด้วยเรื่อง ดาบเลือด โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ผู้แต่ง

fixcblue

เรื่องย่อ


 

ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา


 

"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์


วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้

#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9

สารบัญ

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-บทนำ ข้ามาเกิดใหม่งั้นหรือ?,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-1 คุณชายแห่งนีไอโอเนีย,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-3 เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-4 มาเรียน่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-5 อดีตนักรบ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-7 จุดด่างพร้อยหนึ่งเดียว,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-8 มือสังหาร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-9 การฆ่าครั้งแรก,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-11 นาฬิกาเรือนเก่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-12 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-14 แค่ฝึกซ้อม (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-15 แค่ฝึกซ้อม (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-16 คำสั่งขององค์จักรพรรดิ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-17 ว่าด้วยเรื่อง ดาบเลือด,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-18 การประชุมสำคัญ (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-19 การประชุมสำคัญ (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-20 ดอม เพล แชมเปญ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-21 องค์รัชทายาท,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-21.1 ‼️แจ้งวางขาย e-book และ แจ้งติดเหรียญ ‼️,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-22 สองรุมหนึ่ง

เนื้อหา

17 ว่าด้วยเรื่อง ดาบเลือด

“สรุปว่ามีข่าวลือของเรย์เวนไปถึงพระราชวังเลยงั้นหรือ?” 

อาจารย์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของห้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเรื่องเล่าร่ายยาวถึงสาเหตุที่องค์จักรพรรดิได้ส่งสาส์นมายังนักเรียนในสถาบัน

ตอนนี้สถานที่พูดคุยถูกย้ายมาที่ห้องทำงานของครูซ แทนที่จะเป็นโถงกลางที่เต็มไปด้วยนักเรียนมากมาย

แม้ก่อนหน้านี้เกือบจะมีการปะทะครั้งใหญ่ระหว่าง นักรบของจักรวรรดิ และทหารรักษาพระองค์ 2 คน แต่เมื่อคนที่มีความสามารถด้อยกว่ายอมจำนนจึงไม่มีเหตุผลให้เกิดการลงไม้ลงมือรุนแรง

ที่โซฟาตรงข้ามกับอาจารย์ใหญ่ของสถาบันมีนายทหารทั้งคนนั่งอย่างสงบเสงี่ยม 

และด้านหลังที่นั่งของอาจารย์ใหญ่ 

คนที่มีอำนาจต่ำต้อยที่สุดในบรรดาคนที่อยู่ในห้อง อย่าง เรย์เวน ยืนอยู่ในท่าตามระเบียบพัก ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เพราะทุกครั้งที่เขาเข้ามาในห้องทำงานของเพื่อนรักที่อยู่ในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่เขามักจะนอนแผ่อยู่บนโซฟาได้อย่างสบายใจ

“ขอรับท่านครูซ องค์จักรพรรดิให้ความสนใจกับข่าวลือนี้เป็นอย่างมาก จึงออกคำสั่งให้พวกข้านำสาส์นมายังที่สถาบันแห่งนี้ขอรับ” 

เมื่อได้รับคำถามมาจากผู้สูงศักดิ์กว่า ชายวัยกลางคนก็ตอบออกมาอย่างนอบน้อม

“เรื่องนี้ท่านมหาจอมเวทแวนคลิโอยังไม่ทราบเรื่องใช่หรือไม่ เพราะหากทราบเรื่องแล้วคงไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ท่านผู้นั้นหวงลูกชายคนเดียวซะยิ่งกว่าอะไร” 

ครูซเอ่ยถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ใช่ขอรับ พวกข้าได้รับคำสั่งมาโดยตรงและรีบเดินทางมาที่นี่ทันทีขอรับ”

หนึ่งในทหารตอบกลับทันที

อาจารย์ใหญ่ของสถาบันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ 

เขาได้มีการปิดข่าวเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายในสถาบันได้อย่างดี แต่เพราะอะไรถึงได้มีข่าวรั่วไหลออกไปได้

“แต่ข้ามีเรื่องสงสัย ข่าวลือเรื่องการต่อสู้ที่โรงฝึกมันหลุดออกไปได้อย่างไร ข้ามั่นใจว่าเรื่องนี้ข้าปิดข่าวอย่างดีและมีเพียงนักเรียนในสถาบันเท่านั้นที่รู้เรื่อง”

เจ้าของเรือนผมสีทองสว่างจ้องนายทหารสองคนอย่างเค้นคำตอบ

ชายวัยกลางคนสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่คนหนึ่งจะเอ่ยออกมา

“เราไม่สามารถเอ่ยนามของแหล่งข่าวได้ขอรับ” เขาตอบกลับพลางส่ายหน้า

“แต่ถึงอย่างนั้น การต่อสู้ที่เกินสมควรทางสถาบันก็ได้ทำการลงโทษอย่างสมเหตุสมผลไปแล้ว เหตุใดจึงจะให้ไปประจำการถึงแนวหน้า” 

ครูซชะงักคำพูดก่อนจะหันหน้าไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง 

“นักเรียนที่ยังเรียนไม่จบ หากไปที่นั่นก็มีแต่จะตายอย่างไร้ค่า” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

คำถามพร้อมเหตุผลที่สงสัยของอาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันทหารถูกร่ายยาวออกมา ทำให้นายทหารที่ได้รับคำสั่งมาต้องหันหน้ามองกันอย่างลังเลที่จะตอบ 

แต่เมื่อหันกลับมามองหน้าคนตั้งคำถามที่สีหน้าเรียบนิ่งก็จำเป็นต้องตอบออกมาอย่างจำใจ

 “ [ดาบเลือด] ” 

เจ้าของห้องและเด็กหนุ่มชะงักชั่วครู่เมื่อได้ยินคำตอบสั้นๆ ทั้งสองคนหันหน้ามองสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ทันทีที่รู้ตัวว่าอาจจะเกิดพิรุธให้อีกฝ่ายสงสัยได้ก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางทันที

บัดซบ

เรย์เวนสบถในใจ

「 ครูซ 」

「 เป็นเรื่องจนได้สินะ」

การพูดคุยสั้นๆ ผ่าน [เวทกระซิบ] ของทั้งสองคนทำให้เข้าใจกันและกันได้เป็นอย่างดี

ใบหน้าของเจ้าของเรือนผมสีขาวซีดเผือดแม้จะพยายามเก็บอาการแล้วก็ตาม

ปั๊ดโถ่เอ๊ย ลืมเรื่องสำคัญอย่างเวทมนตร์นี้ไปได้อย่างไรนะ

นายทหารคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แม้ท่านครูซจะพยายามปิดบังเรื่องนี้ไว้แค่ไหน ก็ไม่เป็นผลหรอกขอรับ” สายตาแน่วแน่มองตรงมายังเจ้าของเรือนผมสีทอง 

“ในเมื่อมีนักเรียนที่มีความสามารถด้านดาบเหนือว่านักดาบทั่วไป” 

นายทหารหยุดคำพูดก่อนจะเหลือบมองไปยังเรย์เวนที่ยืนอยู่ด้านหลังของอาจารย์ใหญ่อย่างจ้องจะจับผิด

“และยังสามารถใช้ [ดาบเลือด] เวทมนตร์เฉพาะของอัฉจริยะแห่งจักรวรรดิอย่างท่านราเชลได้แล้วด้วย ไม่มีทางที่องค์จักรพรรดิจะไม่มีทางทราบเรื่องได้หรอกขอรับ”

ความเงียบปกคลุมทั่วห้อง ความตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่วราวกับอนาคตของชายหนุ่มดูเหมือนจะมืดมนลงทันที

ฝ่ามือที่พ่ายหลังไว้ของเรย์เวนกำแน่นจนเส้นเอ็นปูดขึ้นที่หลังมือ

ให้ตายเถอะ

แค่เรื่องที่ข้ามีเวทต้นกำเนิดเป็นเวทเลือดทั้งที่ไม่ได้เป็นสายเลือดตระกูล ‘ฮาร์ท’ จะถูกท่านพ่อหาเรื่องมาลบล้างขอสงสัยกับทางพระราชวังได้แล้วแต่ข้ากลับชะล่าใจเผลอใช้ [ดาบเลือด] ไปเสียได้

เวทมนตร์นี้แม้แต่ลูเซียสน้องข้าเองก็ยังใช้ไม่ได้ แต่เด็กตระกูล ดีลักซ์ กลับใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว ทำไมข้าถึงได้ไร้หัวคิดเช่นนี้

ราเชล เจ้าบ้าไปแล้วสินะ

ตัวตนข้าจะถูกเปิดเผยแล้วหรือไงล่ะเนี่ย ยิ่งองค์จักรพรรดิคนปัจจุบันเป็น ‘คนผู้นั้น’ เสียด้วย

เรย์เวนเถียงกับตัวเองในใจอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งเสียงของครูซที่พยายามแก้ตัวแทนเขาดังขึ้น ทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด

“นั่นเป็นเพราะเรย์เวนได้ร่ำเรียนเวทมนตร์กับลูเซียส อดีตนักรบต่างหากล่ะ” 

เจ้าของเรือนผมสีทองสว่างพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

 แต่ในตอนนั้นเสียงประตูห้องเปิดออกอย่างแผ่วเบา ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ทรงอำนาจ

“ท่านครูซดูจะปกป้องเด็กนักเรียนคนนั้นจนเกินสมควรไปนะครับ”

ทุกคนในห้องหันไปทางต้นกำเนิดเสียงเป็นตาเดียว รูม่านตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ 

เมื่อประตูห้องที่เปิดออกกว้างเผยให้เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ เรือนผมและดวงตาสีเขียวมรกต เอกลักษณ์เฉพาะของผู้มีเชื้อพระวงศ์ เขาปล่อยผมยาวพลิ้วไสว ใบหน้างดงามราวกับหญิงสาว สวมชุดสีทองอร่ามพร้อมอัญมณีมีค่ามากมาย ที่อกข้างซ้ายติดเข็มกลัดตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์

องค์จักรพรรดิคนปัจจุบัน ไคอุส ฟลอเรียส โดรเบตต้า

เดินเคียงคู่มากับองค์รักษ์ ผู้เป็น 1 ใน 7 นักรบ เช่นเดียวกับราเชลและครูซ ที่วางมือจากแนวหน้าเพื่อมารับใช้ฝ่าบาท 

[ไซอัน วาเลนติเน่ นักดาบระดับแกรนด์มาร์สเตอร์ ฉายานักดาบผู้ตัดห้วงนภา]

ทุกคนในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่รีบคุกเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้น

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทผู้เป็นแสงสว่างของจักรวรรดิ!!” คำกล่าวเพื่อแสดงความเคารพถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกันดังก้องไปทั่วห้อง

คนที่เข้ามาใหม่ยิ้มรับบางๆ

“อะไรกันครับท่านครูซ ลุกขึ้นเถิด ตำแหน่งของท่านไม่เห็นจำเป็นต้องนั่งคุกเข่าก้มหน้าแนบชิดพื้นเช่นนั้นเสียหน่อย” 

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ครูซเอ่ยตอบกลับทั้งที่คงก้มหน้าคุกเข่าอยู่อย่างนอบน้อม

ตอนนี้องค์จักรพรรดิเดินมาประทับที่โซฟากลางห้องโดยมีไซอันเดินตามประกบไม่ห่าง 

ส่วนนายทหารทั้งสองที่เคยอยู่ก็ถูกเชิญออกให้ไปนอกห้องแล้ว เหลือเพียงเด็กหนุ่ม ผู้เป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดและเจ้าของห้องนี้เท่านั้น

นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหลือบมองเด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวอย่างพิจารณา ก่อนจะเลื่อนสายตามาที่อาจารย์ใหญ่ของสถาบัน

“ถ้าเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นเถิดครับ จะพูดคุยกันทั้งที่ท่านครูซก้มหน้างุดเช่นนั้นได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินคำสั่ง ครูซก็ทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งสำคัญ

“ฝ่าบาททรงเสด็จมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เราว่าท่านก็น่าจะทราบดีถึงคำสั่งของเรามิใช่หรือ” เจ้าของเรือนผมสีเขียวเอ่ยถามหยั่งเชิงพลางจ้องมองครูซอย่างเค้นคำตอบ

ในตอนนี้เรย์เวนยังคงก้มหน้ามองพื้นเพราะไม่ได้มีคำสั่งให้เงยหน้า ทำให้เขาแอบว้าวุ่นใจที่ไม่อาจเห็นสีหน้าและแววตาในขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกันได้เลย

 ครูซเม้มปากเป็นเส้นตรงราวกับกำลังลังเลที่จะตอบคำถามของผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิ

“หากเป็นคำสั่งที่จะให้นักเรียนของกระหม่อมไปประจำการที่แนวหน้าทั้งที่ยังไม่สำเร็จการศึกษา กระหม่อมคงขอขัดคำสั่งแม้จะต้องถูกลงโทษก็ตามพ่ะย่ะค่ะ”

คำตอบของอาจารย์ใหญ่ทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่กับพื้นแอบตกใจอยู่เล็กน้อย ที่เพื่อนรักของเขากล้าที่จะขัดคำสั่งของคนที่มีอำนาจสามารถสั่งแขวนคอใครก็ตามได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่องค์จักรพรรดิยกยิ้มราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบออกมาเช่นนี้

เขาเอ่ยถามอีกครั้ง

“ท่านครูซทราบถึงเหตุผลที่เราออกคำสั่งเช่นนี้หรือไม่”

“กระหม่อมไม่อาจทราบได้พ่ะย่ะค่ะ” ครูซตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจในทันทีพลางส่ายหน้าเบาๆ

ใบหน้าสวยราวกับหญิงสาวขององค์จักรพรรดิแสดงถึงความไม่เชื่อเล็กน้อย เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด

“หืม ท่านก็พูดคุยกับทหารของเราอยู่ไม่ใช่หรือไง เป็นเพราะนักเรียนของท่าน….” 

นัยน์ตาสีเขียวมรกตเลื่อนไปจ้องมองเด็กหนุ่มจนเขารู้สึกได้ถึงความกดดันที่แผ่ซ่านไปยังตนเอง

“เก่งกาจถึงขนาดใช้เวทเฉพาะของอาจารย์ราเชลได้เลย” 

“เรื่องนั้น…” เจ้าของเรือนผมสีทองสว่างอ่ำอึ้งไม่กล้าพูดต่อ

องค์จักรพรรดิยังคงจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มอย่างไม่ลดละ ราวกับกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ทุกอย่างในตัวของเรย์เวน

“ความจริงแล้วเราก็ได้ยินมาอย่างหนาหูเลยล่ะ ที่ท่านเอิร์ลดีลักซ์พยายามเก็บซ่อนความเก่งกาจของลูกชายเพียงคนเดียวมาตลอด แต่เรื่อง [ดาบเลือด] คราวนี้มันสร้างความประหลาดใจให้กับเรามากนะ เรย์เวน ดีลักซ์”

น้ำเสียงที่เน้นย้ำชื่อของเด็กหนุ่มตอนท้ายให้เจ้าของชื่อแอบสะดุ้งเล็กน้อย เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ความเครียดพุ่งขึ้นสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

อยากจะทึ้งหัวตัวเองชะมัด นี่ข้าทำอะไรลงไปกันนะ 

ข้าคงเป็นไอ้งั่งอย่างที่ครูซมันบอกไปแล้วแน่ๆ

เขาคิดในใจพลางกำมือแน่น

ครูซที่เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“วิชานั้นลูเซียสเป็นคนสอนให้เรย์เวนเองพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

 นัยน์ตาสีเขียวมรกตหันควับมามองที่อาจารย์ใหญ่ในทันที

“ลูเซียสใช้วิชานั้นไม่ได้ เรื่องนั้นเรารู้นะ ท่านครูซ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่องค์จักรพรรดิเอ่ยออกมา ใบหน้าของคนที่พยายามแก้ตัวก่อนหน้าซีดเผือด เพราะเขาดันโกหกในสิ่งที่อีกฝ่ายรู้ข้อเท็จจริงอยู่แล้ว

「 ขอบใจในความหวังดีที่แก้ตัวให้นะไอ้เบื๊อก แต่เรื่องแค่นี้เจ้าก็ไม่รู้หรือไง ห๊ะ! 」

「 จะไปรู้หรือไง ลูเซียสใช่น้องข้าหรือไงเล่า 」

ครูซตอบกลับเรย์เวนผ่าน [เวทกระซิบ] ก่อนจะรีบตอบกลับองค์จักรพรรดิด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เขาพูดพลางก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อม

เจ้าของเรือนผมสีเขียวเผยรอยยิ้มบางๆ ที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กๆ

“เราว่าท่านครูซหยุดปกป้องและปล่อยให้เรย์เวนได้ใช้ความสามารถที่มีเพื่อจักรวรรดิไม่ดีกว่าหรือ เก่งกาจเช่นนี้อาจได้เป็นผู้บัญชาการหน่วยที่อายุน้อยที่สุดก็ได้นะ”

เขาพยายามพูดโน้มน้าว

แต่คนที่ฟังกลับไปเคลิ้มตามเลยแม้แต่น้อย

ครูซรีบเอ่ยขัดความคิดขององค์จักรพรรดิทันที

“แม้เด็กคนนี้จะมากฝีมือแค่ไหน แต่ก็ยังขาดประสบการณ์และขาดการฝึกฝนที่ดี จะให้ฝืนส่งตัวไป กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดทรงไตร่ตรองอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ” 

อาจารย์ใหญ่ของสถาบันเอ่ยขอร้องสุดความสามารถ เพราะเขาไม่สามารถปล่อยให้เพื่อนที่กลับมาเกิดใหม่ไปเผชิญอันตรายกับปีศาจในสภาพนี้ได้

องค์จักรพรรดิได้ยินเช่นนั้น เขานิ่งเงียบราวกับกำลังใช้ความคิด ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบคางเบาๆ นัยน์ตาสีเขียวแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่ยากจะอธิบาย

ความเงียบปกคลุมห้องทำงานชั่วขณะ ความกดดันในอากาศยังคงลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ จนเด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวเริ่มอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก

ครูซที่รู้สึกได้เช่นกัน พยายามจะเอ่ยปากโน้มน้าวความคิดขององค์จักรพรรดิอีกครั้ง

“ฝ่าบาท… แม้ราเชล ฮาร์ท ที่อดีตเคยเป็นอาจารย์ของฝ่าบาทจะเก่งกาจเพียงไหน แต่องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนก็ยังเฝ้ารอให้สำเร็จการศึกษาก่อนแล้วค่อยไปประจำการที่แนวหน้ามิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดฝ่าบาททรงเร่งรัดเด็กคนนี้เช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

เขาอธิบายอย่างนุ่มนวลโดยไม่ลืมทิ้งข้อคิดให้องค์จักรพรรดิได้ไตร่ตรองซ้ำ

ทว่าเจ้าของเรือนผมสีเขียวกลับตอบกลับในทันควันโดยประโยคเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาพยายามโน้มน้าวเลยสักนิด

“เมื่อท่านครูซมองเด็กคนนั้น ไม่รู้สึกแปลกใจหรือคุ้นเคยบ้างเลยหรือ ทั้งพลังเวทต้นกำเนิดสองธาตุที่เหมือนกัน ผมสีขาวเหมือนหิมะ วิถีดาบที่เก่งกาจเหมือนมีประสบการณ์มามากมาย ท่านไม่คิดว่าเหมือนใครเลยหรือไง” 

 น้ำเสียงจริงจังและหนักแน่นของผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิทำให้บรรยากาศในห้องเงียบสงัดราวกับเวลาทั้งหมดหยุดนิ่ง 

 เรย์เวนตัวแข็งค้าง ความเครียดทวีคูณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อได้ยินคำพูดของคนที่รู้จักตัวตนในอดีตของตนเองได้ดีไม่แพ้ เพื่อนรักอย่างครูซ และน้องชายคนเดียวอย่าง ลูเซียส

เมื่อก่อนในตอนที่เขายังเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ในทุกเดือนราเชลจะต้องละจากแนวหน้า กลับมายังเมืองหลวงเพื่อเข้าประชุมสำคัญและสั่งสอนเวทมนตร์รวมไปถึงการสร้างวิถีดาบให้กับองค์จักรพรรดิ ที่ในตอนนั้นยังคงเป็นแค่องค์รัชทายาท

ทำให้เขาตัวติดกับฝ่าบาทอยู่เสมอ 

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่ องค์จักรพรรดิไคอุสจะรู้จักฝีมือของเขาได้ดีไม่แพ้ใคร

ให้ตาย…ข้าจะแก้ตัวอย่างไรดีนะ

เรย์เวนสบถในใจ

ครูซที่เริ่มอยู่ไม่สุขพยายามจะแก้ตัวอีก

“กระหม่อมทราบดีว่าฝ่าบาทคิดเช่นไร แต่เด็กคนนี้คือเรย์เวน ดีลักซ์พ่ะย่ะค่ะ หาใช่ราเชล ฮาร์ท เพื่อนรักของกระหม่อมไม่ ที่สำคัญไปกว่านั้น ราเชลได้สิ้นชีพต่อหน้าต่อตากระหม่อมไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 18 ปีก่อน ภาพนั้นยังคงติดตากระหม่อมอยู่จนถึงทุกวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดทำให้องค์จักรพรรดิชะงักไปชั่วขณะ

“เรื่องนั้นเรารู้ดี เพราะเราเองก็ได้เห็นร่างที่ไร้วิญญาณของอาจารย์ด้วยตาตัวเองเช่นกัน แต่ถ้าเป็นลูกชายล่ะ เป็นไปไม่ได้เลยหรือ”

เจ้าของเรือนผมสีเขียวเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

รูม่านตาของเรย์เวนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

ห๊ะ? ลูกชาย??

ให้ตายเถอะฝ่าบาท ชีวิตก่อนข้าเอาแต่สู้รบกับปีศาจยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำจะไปมีลูกชายได้อย่างไร

โอ๊ยยยย จากที่เครียดอยู่ข้าอยากจะขำออกมาให้คอแตกเสียตอนนี้

ครูซส่ายหน้ารัวๆ ก่อนจะตอบกลับอย่างนอบน้อม

“ไม่มีทางพ่ะย่ะค่ะ หากเพื่อนรักของกระหม่อมมีคนรัก ไม่มีทางที่กระหม่อมและน้องชายอย่างลูเซียสจะไม่ทราบหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เขายืนยัน

“แล้วท่านครูซจะอธิบายสิ่งที่เราสงสัยทั้งหมดได้อย่างไรกัน” องค์จักรพรรดิถามกลับในทันที

ครูซหลับตาพริ้มราวกับกำลังตั้งสมาธิ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“หากเป็นเวทต้นกำเนิดที่แตกต่างจากต้นตระกูลดีลักซ์ กระหม่อมเคยค้นเจอในตำราโบราณว่าแม้จะมีโอกาสน้อยนิดแต่ก็เป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ ถึงจะไม่สามารถใช้เวทรักษาเหมือนผู้เป็นพ่อได้ แต่เด็กคนนี้ใช้เวทลวงตาที่สืบสายเลือดมาจากแม่ อย่างท่านซาร่าได้พ่ะย่ะค่ะ ส่วนเรื่องความสามารถการฟันดาบของแบบนี้หากฝึกฝนตั้งแต่เด็กก็ไม่ใช่เรื่องน่าครหาเลยพ่ะย่ะค่ะ”

「 นี่เจ้าไปค้นตำราโบราณมาจริงหรือ 」

「 ก็ต้องปั้นน้ำเป็นตัวอยู่แล้วสิ 」

「 ไอ้เวรเอ๊ย แล้วแบบนี้องค์จักรพรรดิจะเชื่อหรือไงเล่า 」

「 หุบปากน่า เดี๋ยวข้าไม่มีสมาธิคิดข้อแก้ตัวให้เจ้า ไอ้งั่งเอ๊ย 」

“สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปเช่นนี้เองสินะ”

หลังจากได้ยินคำข้ออ้างยืดยาวที่อาจารย์ใหญ่ของสถาบันตั้งใจแถเสียจนสีข้างถลอก 

องค์จักรพรรดิก็พึมพำออกมาเบาๆ แล้วเงียบไปสักพัก ก่อนที่เจ้าของเรือนผมสีทองสว่างจะเปิดปากถามเพื่อทำลายบรรยากาศอันแสนตึงเครียดนี้อีกครั้ง

“ฝ่าบาทจะทรงยกเลิกคำสั่งที่ให้ไปประจำการที่แนวหน้าของนักเรียนของกระหม่อมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิพยักหน้าเบาๆ

“อืมมมม ได้สิเราจะยกเลิกให้”

ในที่สุด! ข้าไม่ต้องฝืนสภาพร่างกายไปแนวหน้าแล้ว ครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้เพื่อนรักของข้าเลยนะเนี่ย

เรย์เวนกรีดร้องในใจอย่างคนได้รับชัยชนะ

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ” ครูซเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางก้มศีรษะลงเล็กน้อย

แต่น้ำเสียงจริงจังของผู้มีอำนาจสูงสุดที่ดังขึ้นทำให้ความตึงเครียดคลอบคลุมพื้นที่อีกครั้ง

“แต่เรามีข้อแม้ 1 ข้อ” ท่อนแขนหนาข้างซ้ายของเจ้าของเรือนผมสีเขียวเท้าเข้ากับที่วางแขน ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยออกมา

ใบหน้าของครูซแสดงออกถึงความสงสัยอย่างชัดเจน

“ฝ่าบาททรงต้องการสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

คนที่ถูกถามไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่กลับเบี่ยงสายตาไปยังเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งคุกเข่ากับพื้น

“เรย์เวน ดีลักซ์” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่เอ่ยชื่อ ทำเอาคนที่ไม่คิดว่าจะถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย

“กระหม่อม เรย์เวน ดีลักซ์ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เขาเอ่ยรับคำเรียกพลางเงยหน้าขึ้นมองสบตา 

ราวกับโลกหยุดหมุนชั่วขณะเมื่อสายตาสองคู่สบกัน ภาพจำขององค์จักรพรรดิเมื่อครั้งเยาว์วัยแล่นเข้ามาในความทรงจำของเรย์เวนอย่างไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่แฝงไปด้วยความไร้เดียงสาที่เขาเห็นมาตลอดทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวเบาๆ 

แม้ในตอนนี้จะไม่หลงเหลือความน่าเอ็นดูอย่างแต่ก่อน เพราะถูกแทนที่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือแทน แต่ก็ทำให้เขาที่แอบภูมิใจอยู่ในใจเล็กๆ

โตขึ้นมากเลยนะ ท่านไคอุส

เขาคิดในใจ

องค์จักรพรรดิยิ้มบางๆ กับท่าทีของอีกคนก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เจ้าจงแสดงความสามารถทั้งหมดให้เราได้เห็นกับตาผ่านการประลองกับองค์รักษ์ของเราทีได้หรือไม่”

เหมือนประโยคที่ได้ยินเรียกสติของเรย์เวนที่หวนนึกถึงอดีตให้กลับคืนมา พร้อมกับความตกใจอย่างสุดขีด

ห๊ะ คืออย่างไรนะ!? องครักษ์ที่ว่าคือรุ่นพี่ไซอันที่ยืนข้างหลังนั่นน่ะเหรอ

เวรของแท้

“ฝ่าบาท!!” 

ครูซที่ได้ยินถึงกับตะโกนออกมาเสียงดังจนองค์จักรพรรดิหันมองค้อน

“ท่านครูซ เรากำลังถามเรย์เวนอยู่” เขาเอ่ยเตือน

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แต่การประลองนั่นมันไม่เกินไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ รุ่นพี่ไซอันกับเด็กคนนี้ฝีมือต่างกันราวฟ้ากับก้นเหวลึก เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่มิอาจโคจรมาเจอกันได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” 

ครูซพยายามอธิบายด้วยท่าทางอ่อนน้อม

เจ้าของเรือนผมสีเขียวยกยิ้มอีกครั้ง

“นึกว่าท่านครูซจะกังวลอะไรเสียอีก ไม่ขัดข้องที่เราให้มีการประลองเพื่อแสดงความสามารถ แต่ขัดข้องเรื่องคู่ต่อสู้เองหรอกเหรอเนี่ย”

“คะ คือ…” 

เมื่อรู้ตัวว่าตนเองผิดพลาดอะไรไป ท่าทางที่อยู่ไม่สุขของครูซก็แสดงออกมาชัดเจนจนองค์จักรพรรดิแอบขำเบาๆ

“เอาอย่างไรดีล่ะท่านไซอัน” 

ฝ่าบาทละสายตาจากคนที่นั่งตรงข้ามแล้วหันไปเค้นคำตอบกับองครักษ์ที่ยืนด้านหลังอยู่แทน

คนที่ยืนเงียบอยู่นานพยักหน้าเล็กน้อย

“กระหม่อมก็เห็นด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ เด็กคนนี้ยังไม่คู่ควรที่จะปะทะฝีดาบกับกระหม่อม แต่ถ้าหากฝ่าบาทต้องการคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียม กระหม่อมขอเสนอลูกศิษย์ของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาสีอำพันของครูซเบิกโพลงอย่างตกตะลึง

“รุ่นพี่ไซอัน!” เขาตะโกนออกมาเสียงดัง

“นั่นสินะ หากเป็นลูกศิษย์ของท่านไซอัน ท่านครูซก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ”

องค์จักรพรรดิเมินต่อท่าทีของคนที่ต่อต้านอย่างครูซและเห็นชอบกับข้อเสนอขององครักษ์

ครูซมองจ้องเข้าไปในดวงตาของผู้มีอำนาจเหนือกว่าอย่างไม่มั่นใจ

“ฝ่าบาททรงต้องการเช่นนั้นจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิยักไหล่เล็กน้อยราวกับเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“แน่นอนสิหรือมีเรื่องขัดข้องใจอะไรอีกล่ะ เราเพียงแค่อยากเห็นฝีมือของเด็กคนนี้ว่าจะเก่งกาจตามข่าวลือที่เคยได้ยินมาหรือไม่ก็เท่านั้นเอง อย่าได้มีเรื่องขัดข้องอีกเลยนะ เราไม่อยากยื่นคำสั่งเด็ดขาดกับเรื่องเพียงแค่นี้”

 คำอธิบายของฝ่าบาทแฝงไปด้วยบารมีที่น่าเกรงขามเฉกเช่นผู้มีอำนาจเหนือกว่า 

เขามองจ้องกดดันไปที่ครูซอย่างไม่วางตาราวกับว่าถ้าหากอีกฝ่ายตั้งใจจะขัดคำสั่งอีกครั้ง เขาคงสั่งแขวนคอนักรบของจักรวรรดิได้อย่างไม่ลังเล

เจ้าของเรือนผมสีทองก้มหน้ายอมรับสิ่งที่องค์จักรพรรดิต้องการอย่างเลี่ยงไม่ได้

“กระหม่อมไม่มีเรื่องใดขัดข้องอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

เขาพูดเสียงอ่อนก่อนจะเหลือบสายตาหันไปมองเด็กหนุ่ม

“แต่เด็กคนนี้จะสมัครใจหรือไม่…” 

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจนจบประโยค เจ้าของเรือนผมสีเขียวก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียงแข็ง

“เรย์เวน ดีลักซ์ เจ้าจะแสดงความสามารถให้เราเห็นผ่านการประลองได้หรือไม่” 

เรย์เวนแอบถอนหายใจเบาๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

เขารู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำสั่งเด็ดขาดได้ แต่ความกังวลมีอยู่เต็มหัวใจ

“กระหม่อมทำได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ว่า…” น้ำเสียงของเขาขาดหายไปชั่วครู่

ทำให้คนที่กำลังรับฟังแอบแปลกใจ

“มีอะไรงั้นเหรอ” องค์จักรพรรดิเอ่ยถาม

เรย์เวนกลั้นใจตอบไปด้วยเสียงหนักแน่นพลางหลับตาปี๋ไม่กล้าสบตา

“กระหม่อมยังไม่มีดาบเวทมนตร์พ่ะย่ะค่ะ โดยปกติแล้วนักเรียนในสถาบันทหารจะได้รับอาวุธประจำกายก็ต่อเมื่อขึ้นชั้นปีที่ 3 แต่กระหม่อมยัง-”

ในขณะที่เขาพยายามอธิบายสิ่งที่ติดอยู่ในใจ องค์จักรพรรดิก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล

ฝ่ามือหนาเอื้อมหยิบของสิ่งหนึ่งที่เหน็บอยู่ด้านหลังตัวเองภายใต้ผ้าคลุมที่ทองอร่ามออกมาไว้ตรงหน้า

 คนที่นั่งหลับตาอยู่กับพื้นรู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้เขาจึงค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ทำให้พบกับสิ่งที่ไม่ได้เห็นมานาน

 เรย์เวนเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้วยความสงสัย

“นะ นี่คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก

เจ้าของเรือนผมสีเขียวมรกตยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะเอ่ยออกมา

“มีดสั้น เราให้ยืมใช้ในการประลองครั้งนี้”

มีดสั้นสีดำ ความยาวประมาณ 1 ศอก เป็นอาวุธที่ราเชลมักจะเหน็บไว้ที่แผ่นหลังเสมอ มันทำมาจากวัสดุเดียวกับดาบเวทมนตร์สีดำทมิฬอาวุธประจำกายของเขา

คุณสมบัติมันไม่ต่างกันมากนัก เพราะสามารถควบคุมเวทมนตร์ได้ทั้งเวทมืดและเวทเลือด 

เมื่อเห็นสิ่งนั้นทำให้ความทรงจำเมื่อก่อนผุดขึ้นมา เขาฝากมันไว้ที่องครัชทายาทก่อนไปทำสงครามที่คร่าชีวิตตนเอง

ไม่คิดเลยว่าท่านไคอุสจะยังเก็บมันไว้อยู่จนถึงตอนนี้

“จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มถามด้วยความแปลกใจแม้จะอยากได้มันมาไว้ในครอบครองก็ตาม

คนที่ยืนอยู่พยักหน้าเบาๆ

“รับไปเถอะ เราเป็นคนอยากเห็นเจ้าสู้เอง เราก็ควรต้องอำนวยความสะดวกให้เท่าที่จะทำได้มิใช่หรือ” 

แววตาที่ไร้ความลังเลพร้อมกับยื่นมีดสั้นเข้าไปใกล้คนที่นั่งคุกเข่ากับพื้นมากขึ้น 

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง กระหม่อมจะใช้มันอย่างดีเลยพ่ะย่ะค่ะ” 

เรย์เวนก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมฝ่ามือหนาไปรับมันมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทันทีที่ฝ่ามือสัมผัสกับอาวุธที่เคยใช้ในชีวิตก่อน พลังเวทในร่างกายของเด็กหนุ่มก็เอ่อล้นขึ้นจนน่าประหลาด 

แสงสีดำสลัวและสีเลือดสว่างวาบขึ้นบนมีดสั้น ออร่าบางๆ หมุนวนโอบล้อมร่างกาย คล้ายจะทักทายเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน

แค่มีดสั้นที่เคยใช้ยังทำให้รู้สึกดีเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าถ้าหากดาบของข้ายังคงอยู่แล้วได้สัมผัสมันเหมือนสถานการณ์ตอนนี้ข้าจะรู้สึกดีแค่ไหน

เรย์เวนคิดในใจ

คนที่เห็นภาพนั้นใกล้ๆ อย่างองค์จักรพรรดิเผยรอยยิ้มออกมาราวกับบรรลุสิ่งที่ตัวเองต้องการ

“มันดูตอบสนองต่อพลังเวทของเจ้านะเรย์เวน” 

เจ้าของเรือนผมสีเขียวพูดก่อนจะหันไปหาครูซตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างกัน

“เรื่องการประลอง ท่านครูซจะช่วยจัดการให้ใช่หรือไม่”

เมื่อได้รับคำถามจากองค์จักรพรรดิทำให้ครูซส่ายหัวรัวๆ ราวกับสะบัดความตกใจให้หายไปก่อนจะตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะดำเนินการภายในสุดสัปดาห์นี้พ่ะย่ะค่ะ”

คำตอบที่ได้ยินทำให้องค์จักรพรรดิพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองไปที่เด็กหนุ่มอีกครั้ง

“เรย์เวน” น้ำเสียงเรียบนิ่งของเจ้าของเรือนผมสีเขียวทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตา

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” 

“ไว้เจอกันนะ”

คำพูดทิ้งท้ายที่มอบให้เด็กหนุ่มก่อนที่เขาจะก้าวเดินออกจากห้องไป 

ทำให้คนที่ได้ยินชะงักไปชั่วครู่ราวกับจิตใจหลุดลอยไปในห้วงแห่งความทรงจำเมื่อครั้งอดีต

ภาพที่เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ยืนอยู่ต่อหน้าและพูดออกมาด้วยความเชื่อใจว่าเราจะได้พบกันอีกเมื่อสงครามสิ้นสุดปรากฏขึ้นในความทรงจำ

‘กระหม่อมจะกลับมาก่อนที่ท่านไคอุสจะฝึกใช้มีดสั้นได้คล่องนะพ่ะย่ะค่ะ’

‘อื้ม ไว้เจอกันนะ ราเชล’ 

 

To be continued


อะแฮ่ม องค์จักรพรรดิคนนี้แท้จริงแล้วเขามีอดีตกับพระเอกของเราค่ะ ราเชลเคยเป็นอาจารย์สอนดาบและเวทมนตร์ให้กับองค์รัชทายาทเมื่อตอนยังเด็ก แม้จะไม่ได้สอนตลอดและสอนได้แค่ช่วงที่กลับมาเมืองหลวงไม่กี่วันในแต่ละครั้ง แต่ก็ยังถือว่าทั้งสองคนสนิทกันพอสมควรเลยค่ะ

แอบใบ้ว่าตอนหน้าจะย้อนอดีตไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตั้งแต่พระเอกเรายังเป็นราเชล สายโหด ปากดีไม่เคยกลัวใครในที่ประชุมนะคะ แล้วก็มีเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับราชวงศ์ด้วยค่ะ

ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ