”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
เมื่อ 22 ปีก่อน พระราชวัง
ในโถงทางเดินที่ไร้ซึ่งทหารรักษาการและเหล่าอัศวิน พรมสีทองอร่ามที่ปูวางไว้กึ่งกลางของห้องโถงกำลังเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงสด
เมื่อชายหนุ่มเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์ยาวปรกต้นคอ นัยน์ตาสีเลือดที่ดูน่ากลัว ตาเฉี่ยวดุเป็นเอกลักษณ์ ผิวที่ขาวซีดจนดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์
เขาสวมชุดและผ้าคลุมยาวสีดำสนิท ที่หน้าอกข้างขวาติดเข็มกลัดอัญมณีสีแดงเข้มประจำตระกูล ผู้มีตำแหน่งอันสูงส่งเป็นถึง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
เขากำลังลากร่างที่ไร้วิญญาณด้วยมือข้างเดียวเดินมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่ต่างจากฆาตรกรโรคจิตในนวนิยาย
เมื่อผู้อยู่ใต้อำนาจที่กำลังยืนรอผู้เป็นนายหันมาเห็นภาพที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ก็รีบกุลีกุจอเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ท่านราเชล นั่นมันอะไรกันขอรับ!” เขาเอ่ยถามด้วยท่าทางร้อนรน
ร่างกาย เสื้อผ้า ใบหน้า รวมไปถึงเส้นผมมีแต่คราบเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วและไม่มีท่าทีจะเช็ดมันให้สะอาดสะอ้านเหมือนนั่นเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
ทำให้คนที่เห็นมาหลายต่อหลายครั้งอย่างเขาก็ยังแอบหวั่นใจ
แต่คนที่ถูกถามกลับตอบออกมาอย่างหน้าตาเฉยไร้ความรู้สึก
“จะอะไรซะอีกล่ะ ข้าก็เกือบโดนลอบสังหารครั้งที่ร้อยน่ะสิ”
คนที่เพิ่งเดินมาถึงจุดหมายปลายทางค่อยๆ อธิบายเรื่องราวให้รองผู้บัญชาการหน่วยที่ 1 ฟัง
คำตอบที่ได้ยินเป็นสิ่งที่คนฟังพอจะคาดเดาได้ แต่ก็ยังไม่อาจวางใจ เขาเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ท่านราเชลไม่ได้รับบาดตรงไหนใช่หรือไม่ขอรับ”
แม้จะรู้คำตอบอยู่ในใจว่าคนอย่างราเชล ฮาร์ท ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ ณ ตอนนี้ คงไม่มีทางได้รับบาดแผลจากมือสังหารกระจอกๆ ได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
เจ้าของเรือนผมสีขาวยกปลายนิ้วเช็ดรอบปากด้านบนที่เลือดเกือบจะไหลเข้าปากตัวเองก่อนจะตอบกลับด้วยคำถาม
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเคร่งขรึมน่าเกรงขาม
คนที่ได้ยินก้มหัวลงเล็กน้อย
“ขออภัยขอรับ ถ้าเช่นนั้นส่งเจ้านั่นให้-”
ยังไม่ทันพูดจบประโยค ทั้งร่างกายของรองผู้บัญชาการก็หยุดชะงัก เพราะคนตรงหน้าดึงร่างไร้ชีวิตให้ออกห่างจากมือของเขาที่กำลังยื่นไปหวังจะรับมันมา
นัยน์ตาสีเลือดมองตรงไปยังประตูบานใหญ่อย่างพิจารณา
นั่นคือสถานที่ที่เป็นจุดประสงค์ของการกลับมายังเมืองหลวงในครั้งนี้
“ไม่ต้อง เปิดประตูซะ” ราเชลปฏิเสธเสียงแข็งโดยที่ไม่ได้มองคู่สนทนาเพราะสายตายังคงจดจ้องที่ประตู
รองผู้บัญชาการกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
“แต่ว่าถ้าเข้าไปสภาพนี้” เขาพูดเสียงอ่อนในขณะที่ใบหน้าเริ่มถอดสีมองไปยังคนที่กำลังดื้อดึง
“มาร์ติน”
เจ้าของเรือนผมสีขาวเอ่ยเสียงเรียบนิ่งจนคนที่ได้ยินรู้สึกเสียวสันหลัง
“ขอรับ” เขาขานอย่างนอบน้อม
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” คำถามเสียดแทงไปยังข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่ก้มหน้างุด
ถึงแม้จะมีบางครั้งที่เขามีข้อโต้แย้งกับผู้บัญชาการของตนแต่ไม่มีสักครั้งที่กล้าขัดคำสั่ง เพราะความแข็งแกร่งที่ไม่บังอาจเทียบเคียงได้
“ขออภัยขอรับ” เขาก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
“อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ” ราเชลย้ำเสียงหนักแน่นสายตาจ้องที่บานประตูอย่างไม่ลดละ
มาร์ตินยอมถอดใจที่จะหยุดความคิดและการกระทำของราเชล เขาหันหลังไปเปิดประตูบานใหญ่ออก และหลีกทางให้ผู้เป็นนายเข้าไป
ประตูไม้สองบานถูกแรงดันให้เปิดออก ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดัง ‘ปั้ง’ ของร่างไร้ชีวิตที่ถูกเหวี่ยงให้ไปนอนแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะยาวขนาดใหญ่
“เห้ย!!”
“นี่มันอะไรกัน!!”
“บัดซบ!!”
เหล่าขุนนางที่นั่งล้อมรอบโต๊ะระหว่างรอการปรากฏตัวของผู้เข้าร่วมประชุมคนสำคัญคนสุดท้ายต่างพากันลุกขึ้นกระจัดกระจายออกจากเก้าอี้อย่างโกลาหล
คำสบถหลุดปากออกมาอย่างไม่สนว่าผู้ที่กระทำพฤติกรรมไม่น่าให้อภัยนี้คือใคร
ใบหน้าดุที่เปื้อนโลหิตของราเชลเผยให้เห็นรอยยิ้มสะใจ
“โถ่ๆ แค่เห็นศพก็ตกใจกันหมดเลยเหรอครับ ไม่ไหวเลยน้า~”
คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่และก่อเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่ พูดขึ้นขณะเดินตรงฝ่าเหล่าขุนนางที่ยังตื่นตระหนกไม่หายมายังเหนือสุดขอบโต๊ะ
โดยมีลูกน้องคนสนิทเดินตามติดมาไม่ห่าง เขาเหลือบมองเหล่าขุนนางอย่างไม่ยี่หร่ะก่อนจะสะบัดผ้าคลุมสีดำสนิทและนั่งลงบนเก้าอี้ว่างที่หรูหราที่สุดเพียงหนึ่งเดียว
“ทำเรื่องพรรค์นี้ทำไมกันผู้บัญชาการ” หนึ่งในขุนนางที่ถอยห่างไปไกลการโต๊ะพูดขึ้น
ราเชลส่งเสียง ‘หึ’ ออกมาจากลำคอก่อนจะแสยะยิ้ม
“จะอะไรเสียอีกล่ะครับท่านมาร์ควิสกลอสเตอร์ ก็หลักฐานว่าทำไมข้าถึงมาสายอย่างไรล่ะ”
เขาพูดพลางพเยิดใบหน้าไปทางศพที่นอนแผ่อยู่กลางโต๊ะประชุม
ทุกสายตาในห้องจับจ้องไปที่จุดเดียวกันสลับกับมองใบหน้าเปื้อนเลือดของผู้บัญชาการทหารสูงสุด
“ไม่เห็นจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ไม่เคารพสถานที่เลยหรือไง นี่มันห้องประชุมใหญ่ของพระราชวังนะ”
ชายแก่ที่หลบหนีไปอยู่มุมห้องเอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจ
“นั่นสิครับท่านมาร์ควิสโวลวินอส ทั้งที่สถานที่แห่งนี้คือพระราชวังแท้ๆ”
แผ่นหลังกว้างของคนที่เพิ่งนั่งลงอย่างสบายใจเอนแนบชิดพนักพิงก่อนจะยกท่อนขาเรียวยาวขึ้นมาไขว่ห้าง สายตาจ้องมองไปยังคู่สนทนา
“แต่กลับมีหนูสกปรกบุกเข้ามาหวังจะสังหารข้าในห้องสุขาเชียว แปลกมากเลยนะครับ”
เขากระดิกปลายนิ้วไปมาบนที่วางแขนอย่างลองเชิง
เมื่อประโยคที่น่าตกใจสิ้นสุดลง บรรยากาศให้ห้องก็เงียบสงัดไร้เสียงตอบกลับอย่างที่ควรจะเป็น
“อ้าว ทำไมเงียบกันล่ะครับ”
ราเชลทอดสายตาไปทั่วห้องที่กว้างขวาง จนไปสะดุดตากับท่าทีน่าสงสัยของบุคคลหนึ่งท่ามกลางเหล่าขุนนาง
นึกไว้แล้วไม่มีผิด
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของราเชลพร้อมยกรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากก่อนจะมองผ่านคนผู้นั้นไป
“ราเชล เจ้าจะบอกว่าศพคนๆ นี้คือมือสังหารงั้นเหรอ”
ผู้ชายวัยสี่สิบปลายๆ ที่มีเรือนผมสีน้ำเงินและดวงตาสีน้ำทะเลเป็นเอกลักษณ์เอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศที่กดดัน
[กุสตาฟ อเลนเดล มหาจอมเวท น้ำ เลเวล 7 ผู้นำตระกูลอเลนเดล]
“ใช่ครับท่านดยุกอเลนเดล” ราเชลตอบเสียงเรียบนิ่ง
นัยน์ตาของคนที่ได้ยินฉายแววสงสัย
“ไม่น่าเป็นไปได้ ที่พระราชวังมีทั้งจอมเวท และนักดาบระดับซอร์ตเอ็กเปิร์ตขั้นสูงขึ้นไป ไม่มีทางที่มือสังหารจะรอดพ้นสายตาเข้ามาได้”
เจ้าของดวงตาสีฟ้าผู้นำตระกูลเวทน้ำพยายามอธิบายถึงเหตุผลและความเป็นไปได้อันน้อยนิดที่มือสังหารจะหลุดรอดเข้ามาในสถานที่ปลอดภัยแห่งนี้
คนที่นั่งอยู่ที่เหนือสุดขอบโต๊ะยิ้มรับกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะขยับร่างกายเอนมาด้านหน้า สองแขนเท้ากับโต๊ะก่อนจะวางใบหน้าของตนลงบนด้านหลังมือพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย
“แล้วถ้าหนูสกปรกตัวนี้ได้รับความช่วยเหลือจากขุนนางที่มาประชุมล่ะครับ” เขาเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ
“เรื่องนั้นมัน...” กุสตาฟยกมือข้างหนึ่งลูบไล้ที่ปลายคางคล้ายกำลังครุ่นคิด
แต่ทว่าคนที่เคยเป็นจุดสนใจในสายตาของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ตวาดออกมาเสียงดังจนคนทั้งห้องจ้องมองกันเป็นตาเดียว
“ท่านพูดอะไรเช่นนั้น มีหลักฐานหรือไงกัน!!”
ราเชลแสยะยิ้มอีกครั้งก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะในใจเขาคิดคำนวณไว้แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น
“ถึงจะไม่มีหลักฐานเป็นรูปธรรมแต่จากหลักฐานแวดล้อมมันก็สมเหตุสมผลไม่ใช่หรือไงครับ”
นัยน์ตาสีเลือดจ้องมองไปยังคนที่โวยวายเพื่อตอกย้ำว่าสิ่งที่ตนพูดคือความจริง
“ผู้บัญชาการ!!”
“ให้ตายเถอะ จะขึ้นเสียงทำไมกันล่ะเนี่ย ข้าไม่ถือสาหรอกนะครับ ถ้าใครในที่นี้คิดจะกำจัดข้า เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางทำได้อยู่แล้ว”
ท่าทางและคำพูดที่พูดออกมาอย่างสบายใจโดยไม่สนเรื่องร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นนั้นสร้างความหงุดหงิดให้กลุ่มขุนนางที่ต่อต้านการดำรงตำแหน่งของราเชลเป็นอย่างมาก
สายตาเหยียดหยามและดูถูกส่งตรงมานับไม่ถ้วน
แต่เจ้าของเรือนผมสีขาวกลับไม่ยี่หร่ะต่อสายตาเหล่านั้น เขาเอ่ยต่ออย่างไม่สนใจ
“และการได้ปลิดชีพพวกกระจอกที่เข้ามาหวังสังหารข้าก็เป็นงานอดิเรกที่สนุกเสียด้วย”
ดวงตาสีเลือดเบนสายตาไปยังแก้วใบหนึ่งที่บรรจุของเหลวสีน้ำตาลเข้มบนโต๊ะ
“แต่ข้าจะขอพูดไว้อย่างหนึ่ง”
ฝ่ามือขวาค่อยๆ ยกแก้วใบนั้นขึ้นมาในระดับสายตาพร้อมกับขยับข้อมือไปมาเพื่อให้สิ่งที่อยู่ในแก้วกระเพื่อมเล็กน้อย
“หากใครคิดพิเรนท์จะลอบสังหารข้าในพระราชวังอีก จนทำให้องค์จักรพรรดิ องค์รัชทายาท และองค์หญิงน้อยอยู่ในอันตรายล่ะก็….”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังที่แฝงไปด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
การกระทำทุกอย่างหยุดชะงัก เขาหันกลับไปมองเหล่าขุนนางที่ยืนเรียงรายรอบโต๊ะประชุม
“ข้าขอสาบานต่อตราของตระกูลฮาร์ท”
ความกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจากร่างกายของผู้บัญชาการทหารสูงสุด
บรรยากาศในห้องน่าอึดอัดชวนให้ลมหายใจติดขัด เหมือนมีพญาเสือตัวใหญ่ที่จ้องจะเอาชีวิตทุกคนในที่นี้นั่งอยู่ตรงหน้า
“ว่าจะฆ่ามันผู้นั้นให้ตายอย่างทรมานและไร้ความปราณีที่สุดเท่าที่คนอย่างข้าจะทำได้เลยล่ะ”
เพล้ง!!
แก้วใสที่อยู่ในมือของราเชลแตกออกจากการออกแรงบีบมันจนของเหลวด้านในกระจายและร่วงหล่นลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง
เมื่อได้ยินประโยคชี้ขาดที่เน้นถึง ความตาย และการกระทำอันป่าเถื่อนของผู้บัญชาการสูงสุด หลายคนพากันกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
แต่ก็ยังมีคนที่มั่นใจว่าข้อความที่เขาได้ยินไม่ได้ส่งถึงตัวเอง เพราะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ยังคงยืนรับฟังอยู่ได้อย่างปกติ
“จะขู่อะไรก็ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ ราเชล ฮาร์ท”
เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงที่ยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลจากที่นั่งตนเองพูดขึ้นทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด เขามองไปยังคนที่นั่งสุดขอบโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัว
[อัสโตร พาเทนเซีย มหาจอมเวท ไฟ เลเวล 7 ผู้นำตระกูลพาเทนเซีย]
ราเชลยักไหล่พลางสะบัดฝ่ามือที่อาจจะมีเศษแก้วติดอยู่ออกไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“โถ่ๆ ข้าไม่ได้คิดจะขู่เสียหน่อยครับท่านดยุกพาเทนเซีย แต่พูดจริงต่างหาก”
“เหอะ เราเสียเวลามามากพอแล้ว เริ่มประชุมกันเสียทีเถอะ”
คนที่อายุมากกว่าเมินคำพูดของผู้บัญชาการสูงสุดก่อนจะส่งสายตาให้คนอื่นๆ เดินกลับมาที่โต๊ะประชุม
แต่เหล่าขุนนางคนอื่นๆ ยังคงลังเล
“มีศพนอนอยู่กลางโต๊ะประชุมเช่นนี้ พวกเราจะนั่งได้ที่ไหนกัน”
เสียงพึมพำของชายคนหนึ่งพร้อมแสดงอาการที่ไม่อยากเข้าใกล้สิ่งที่พูดถึง ก่อนจะเหลือบสายตาไปที่เหนือสุดของขอบโต๊ะ
ราเชลเลิกคิ้วอย่างสงสัยกับสายตาที่ถูกมองมา แม้จะรู้สิ่งที่ต้องการจากคนผู้นั้น แต่เขากลับแกล้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อยั่วโมโห
ไม่นานนักนิสัยเสียของเขาก็ถูกเสียงกระแอมของอัสโตรทักท้วงให้หยุดแต่โดยดี
“นั่นสินะ ไหนๆ ทุกคนก็รับรู้ถึงสาเหตุที่ข้ามาสายแล้ว ศพนี้ก็ไม่จำเป็น”
เจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างยกแขนขวาขึ้นมาในระดับสายตา หันฝ่ามือไปทางศพที่นอนแผ่อยู่บนโต๊ะไม้
ทันใดนั้น ออร่าสีดำก็ปรากฏขึ้น พลังเวทหลอมรวมจนเกิดหลุมดำขนาดใหญ่
ร่างของมือสังหารและรอยเลือดที่กระเด็นเปรอะเปื้อนจนไม่น่ามองก็ถูกดูดเข้าไปในหลุมดำจนหมดสิ้นท่ามกลางสายตาของทุกคนในห้อง
“เท่านี้ก็เรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดขัดขวางการประชุมอันแสนสำคัญได้อีกแล้ว”
เมื่อไร้สิ่งที่กีดขวางการประชุมหายไป ผู้คนก็พากันเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเอง
ทว่าก่อนที่จะเริ่มจะหยิบเอกสารขึ้นมาเพื่อเริ่มพูดคุยวาระแรก ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งจากอีกฝั่งของสุดขอบโต๊ะพูดขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง
“เดี๋ยวก่อนครับ ท่านราเชลไม่ได้รับบาดเจ็บที่ใดใช่หรือเปล่าครับ” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน
“หื้มม เรื่องนั้น…” ราเชลหันไปมองยังต้นกำเนิดเสียง
เขาพบผู้เข้าร่วมประชุมที่เคยพบเจอในสนามรบมาก่อน ชายหนุ่มเรือนผมสีเทาหม่นเหมือนม่านหมอกและดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ผู้ถือครองพลังเวทรักษาที่ทรงพลัง
เขายกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรก่อนจะตอบกลับเสียงใส
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับท่านเอิร์ลดีลักซ์ แต่เลือดนี่ไม่ใช่ของข้าหรอก เป็นของหนูสกปรกเมื่อครู่น่ะ ข้าไม่ได้มีบาดแผลที่ใดเลย”
เขาตอบกลับพลางใช้ปลายนิ้วมือข้างซ้ายเช็ดรอยเลือดบนแก้มออกไป
เมื่อมีคนที่เห็นต่างกับองค์จักรพรรดิเรื่องแต่งตั้งเด็กหนุ่มอายุน้อยและไร้ประสบการณ์อย่างราเชลขึ้นมานั่งตำแหน่งอันสูงส่ง ก็ย่อมมีคนที่เห็นด้วยและไม่เคยแสดงท่าทีต่อต้านในความสามารถของเด็กหนุ่ม และคนคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
[แวนคลิโอ ดีลักซ์ จอมเวท รักษา เลเวล 6 ผู้นำตระกูลดีลักซ์]
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้วครับ” แวนคลิโอตอบกลับ
ราเชลพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอนหลังแนบชิดพนักพิง
“จริงสิ มาร์ติน” เขาพูดพลางยกแขนส่งสัญญาณให้รองผู้บัญชาการที่ยืนอยู่ด้านหลังเข้ามาใกล้
“ขอรับ” ร่างสูงใหญ่โน้มตัวเข้ามาหาผู้เป็นนาย
“ไปเอาผ้าชุบน้ำมาให้ที ข้าคงต้องเช็ดเลือดให้สะอาดหมดจดเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นผู้สูงศักดิ์ที่นี้จะใจฝ่อจนไม่มีสมาธิประชุมกันได้ แล้วก็เก็บกวาดเศษแก้วนี่ด้วยล่ะ”
เขาเอ่ยเหน็บแนมจนมีบางคนกำหมัดแน่น รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินแต่ไม่สามารถขัดอะไรได้
มาร์ตินก้มหัวลงเล็กน้อยน้อมรับคำสั่ง
“รับทราบขอรับท่านราเชล”
ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องไปในทันที
ทิ้งให้ภายในห้องเงียบสงัดกับความกดดันจากสายตาของราเชลที่สอดส่องไปยังเหล่าขุนนางทุกคนอย่างเช่นผู้มีอำนาจเหนือกว่า
แต่ทว่ามีอยู่หนึ่งคนที่เหมือนจะรับรู้ได้เองว่าถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษราวกับคนที่แอบทำความผิดใหญ่หลวงอย่างไม่น่าให้อภัย
To be continued
ขออนุญาตชี้แจงงค่ะ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในการอ่าน
ลำดับขั้นขุนนาง
ดยุก/ดัตเชส > มาร์ควิส/มาร์เชอเนส > เอิร์ล/เคาน์เตส > ไวเคานต์/ไวเคานเตส > บอรอน/บารอนเนส
การประชุมนี้เข้าได้ตั้งแต่ ตำแหน่งเอิร์ล/เคาน์เตส ขึ้นไปนะคะ
และมีภาพประกอบของท่านราเชลอยู่ที่เพจเฟซบุ้ค : Fixcblue ด้วยนะคะ สามารถเข้าไปชมคนเถื่อนชุ่มเลือดได้เลยค่ะ >.<