”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ประดับไปด้วยของตกแต่งหรูหราอลังการ บนฝาผนังประดับภาพวาดของผู้ที่เคยใช้ห้องนี้มาแล้วหลายต่อหลายรุ่น ที่หน้าต่างบานใหญ่มีชายวัยกลางคนกำลังทอดสายตามองไปยังเบื้องล่างของพระราชวัง
เรือนผมสีเขียวมรกตที่ปล่อยสยายยาวถึงกลางหลังกำลังพลิ้วไหวตามแรงลมที่พัดโชยเข้ามา เหนือศีรษะมีมงกุฎที่ประดับตกแต่งด้วยอัญมณีมากกว่า 200 ชิ้น ที่บ่ากว้างทั้งสองข้างติดพู่ยาวสีแดง สวมผ้าคลุมสีทองอร่ามที่ยาวลากพื้น
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้”
เสียงนุ่มนวลของเจ้าของห้องเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาต
ชายวัยยี่สิบต้นๆ เรือนผมสีขาวสว่าง นั่งคำนับลงที่พื้นทันทีที่สองขาก้าวพ้นประตูห้องทำงานเข้ามา
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์จักรพรรดิผู้เป็นแสงสว่างของจักรวรรดิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
“มาแล้วสินะ เชิญนั่งตามสบายเลย เราเตรียมอาหารว่างไว้ให้เจ้าแล้ว”
เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวมรกตเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังคงเหม่อมองออกจากด้านนอกหน้าต่าง
[แคสเซียน ฟลอเรียส โดรเบตต้า องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโดรเบตต้า]
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขออนุญาตนั่งนะพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ลุกขึ้นยืนก่อนจะขยับร่างกายเดินมานั่งบนโซฟาที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับรับแขก
ด้านหน้ามีโต๊ะกระจกใส ที่เต็มไปด้วยเอกสาร ตราประทับ และสิ่งของจำเป็นอยู่มากมาย
รวมถึงอาหารว่างที่ในจานล้วนเป็นของหวานที่เจ้าตัวโปรดปรานและแก้วเครื่องดื่มทรงสูง
เขาหยิบมันขึ้นมาเพ่งมองด้านในที่บรรจุของเหลวใสสีทอง
“ดอม เพล แชมเปญ”
เสียงพึมพำเบาๆ จากการทายว่าเครื่องดื่มนี้มีชื่อว่าอะไร เรียกความสนใจให้เจ้าของห้องหันมามองคนที่เพิ่งมาเยือน
เจ้าของเรือนผมสีเขียวมรกตยิ้มบางๆ
“ใช่แล้ว เก่งจริงๆ เลยนะ แค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้เสียแล้ว”
ราเชลพยักหน้ารับเบาๆ
“ชื่นชมเกินไปแล้ว ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ยี่หร่ะต่อคำชม
การทายชื่อของเครื่องดื่มเป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิแคสเซียนชอบทำเมื่ออยู่ด้วยกันกับผู้บัญชาการสูงสุด
เพราะมันสิ่งที่ทหารคนสำคัญของเขาโปรดปรานราวกับว่าชีวิตนี้ขอดื่มเหล้าแทนน้ำได้ก็คงจะดี
องค์จักรพรรดิหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อนึกได้ถึงรายงานที่เพิ่งได้รับมาก่อนหน้านี้
“ฮ่าๆ ได้ข่าวว่ามาถึงเจ้าก็ก่อเรื่องเลยงั้นหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ
“ฝ่าบาททรงได้ข่าวรวดเร็วมากเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ทั้งที่กระหม่อมเพิ่งจะออกมาจากห้องประชุมแท้ๆ”
ริมฝีปากที่เพิ่งละจากขอบแก้วเอ่ยตอบกลับโดยที่ไม่ได้หันไปสบตา
“ก็เจ้าเล่นทำพรมของเราเปื้อนเลือดเป็นทางยาวเสียขนาดนั้น สาวใช้บ่นกันใหญ่เลยนะ”
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ” เขาตอบพลางก้มหัวลงเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อยหน่า เรื่องที่เจ้าโดนลอบสังหารเป็นอย่างไรบ้าง”
องค์จักรพรรดิถามโดยที่ยังคงยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างเอี่ยวตัวเล็กน้อยมาหาคู่สนทนา
“มือสังหารนั่นแตะไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผมของกระหม่อมหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าของนัยน์ตาสีเลือดวางแก้วเครื่องดื่มของบนโต๊ะตรงหน้าก่อนจะหันไปสบตาเจ้าของคำถาม
“นั่นสินะ แต่เข้ามาถึงในวังเชียว เห็นทีคงต้องดุพวกทหารเสียหน่อยแล้วล่ะ”
“อย่าทรงทำเช่นนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้ตัวคนที่พาเข้ามาและข่มขู่ไปนิดหน่อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ใครงั้นเหรอ”
คำถามถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างกายที่เริ่มขยับเขยื้อนมายังโซฟาตรงข้ามคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“กระหม่อมขอจัดการเองนะพ่ะย่ะค่ะ”
แววตาที่บ่งบอกถึงความมั่นใจถูกส่งตรงไปยังองค์จักรพรรดิ
รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเจ้าของเรือนผมสีเขียวมรกตอีกครั้ง
“ได้สิ ตามใจเจ้าแล้วกัน” เขานั่งลงตรงข้ามผู้บัญชาการสูงสุด ก่อนจะเหลือบมองสบตา
“ไม่มีอะไรจะรายงานเรางั้นเหรอ”
เมื่อได้ยินคำถามจากผู้มีอำนาจเหนือกว่า เขาขยับร่างกายนั่งหลังตรงให้ดูสง่างามมากขึ้น ก่อนจะเริ่มรายงานถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายเป็นการส่วนตัว
“กระหม่อมได้ทำการสังหารกลุ่มคนที่ก่อกบฏในราชอาณาจักรเดมีเทเรียจนหมดสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ความเสียหายจากสงครามที่ยืดเยื้อก่อนที่กระหม่อมจะไปถึงมันหนักมากจนขาดแคลนอาหารและเครื่องอุปโภค บริโภคอยู่พอสมควรเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าของเรือนผมสีขาวร่ายยาวถึงภารกิจที่ได้รับอย่างนอบน้อม
คนที่รับฟังอย่างตั้งใจครุ่นคิดชั่วครู่
“ถ้าเช่นนั้นเราควรส่งสิ่งของที่จำเป็นไปให้สินะ”
“กระหม่อมก็คิดเห็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” ราเชลตอบกลับพลางก้มหัวให้เล็กน้อย
“ไว้เราจะบอกให้ดยุกอเลนเดลจัดส่งสิ่งของที่จำเป็นไปให้ราชอาณาจักรเดมีเทเรียภายใน 2 วันนี้แล้วกัน”
เมื่อองค์จักรพรรดิพูดจบ ฝ่ามือหนาก็คว้าตราประทับใกล้มือ ก่อนจะลงน้ำหนักประทับลงไปในเอกสารใบหนึ่ง
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิยังคงวุ่นวายอยู่กับเอกสารตรงหน้า โดยที่ไม่ได้สังเกตคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ฝ่ามือขาวซีดข้างซ้ายของเจ้าของนัยน์ตาสีเลือดจับเสื้อคลุมขยับออกเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาจะล้วงเข้าไปด้านในหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ
ทำให้เจ้าของห้องที่เหมือนจะลืมว่ามีคนนั่งอยู่ด้วยหันกลับมาสนใจ
“นะ นี่มัน” แววตาสีเขียวมรกตฉายแววตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะนำมันมาครอบครองได้
“ดอกลิลลี่สีรุ้งที่มีฤทธิ์ช่วยถอนคำสาปพ่ะย่ะค่ะ” ราเชลตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ดอกลิลลี่สีรุ้ง ดอกไม้ป่าหายากที่ขั้นตอนการปลูกมันให้เติบโตได้ยากยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่า
เพราะมันเป็นพืชที่อ่อนไหวต่อสภาพอากาศและพลังเวทรอบๆ เป็นอย่างมาก และสถานที่ที่มันจะเติบโตได้ ก็คือ ป่าต้องห้าม
สายตาขององค์จักรพรรดิจับจ้องไปที่พืชหายากสลับกับคนที่นำมันมาวางไว้ตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
“เราไม่ได้บอกให้นำมันมาเสียหน่อย เจ้าเอามันมาได้อย่างไร”
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ เมินต่อคำถาม
“ใช้สิ่งนี้ทำยาแล้วหมั่นเสวยเช้าเย็นเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ออกไป
สายตาเหลือบไปมองท่อนแขนของคนตรงข้าม ท่อนแขนที่พันผ้าสีขาวสะอาดไว้ทั่วคล้ายจะปกปิดสิ่งที่ไม่ควรจะให้ผู้อื่นรับรู้ไว้
“แล้วก็…อย่าทรงประชวรไปมากกว่านี้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงที่แม้จะเรียบนิ่งแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใยจนอีกคนรับรู้ได้
องค์จักรพรรดิเผยรอยยิ้มเล็กๆ
“ไม่คิดเลยว่าราเชลจะเป็นห่วงเรามากถึงเพียงนี้”
ฝ่ามือหนาที่ละจากเอกสารตรงหน้าเปลี่ยนมาลูบท่อนแขนตัวเองอย่างแผ่วเบาพร้อมส่งรอยยิ้มเล็กๆ ให้อีกคน
“กระหม่อมเกรงว่าหากฝ่าบาททรงประชวรหนักจนล้มลง แล้วองค์รัชทายาทจะต้องแบกรับภาระหน้าที่หนักหน่วงเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”
เด็กหนุ่มพูดพลางหลบสายตาต่ำลง
สิ่งที่ได้ยินทำให้เจ้าของห้องหลุกหัวเราะออกมาเต็มเสียง จนทำให้คนที่หลบสายตาหันกลับมามองได้
“ฮ่าๆ ไม่ได้เป็นห่วงเราแต่เป็นห่วงไคอุสสินะ”
เจ้าของเรือนผมสีขาวกระแอมเล็กน้อย
“องค์รัชทายาทยังทรงเยาว์วัยมากนักพ่ะย่ะค่ะ” ราเชลตอบกลับพลางเบี่ยงสายตาไปทางอื่น ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อราวกับเด็กสาวที่กำลังเขินอาย
“เราชักแปลกใจเสียแล้วสิว่าเด็กนั่นเป็นลูกใครกันแน่”
องค์จักรพรรดิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความทีเล่นทีจริง
“แน่นอนว่าต้องเป็นพระราชโอรสของฝ่าบาทอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่า…” คำพูดขององค์จักรพรรดิหยุดชะงักชั่วครู่
นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองไปยังเบื้องหน้า เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงองค์รัชทายาทในดวงตาของทหารคนสนิท
แต่ก็ยังมีบางอย่างปะปนอยู่ด้วยเช่นกัน
“ถ้าหากถึงวันนั้นขึ้นมา เจ้าก็มาอยู่เคียงข้างไคอุสเสียสิ” เขาเอ่ยเสียงอ่อน
“หากสังหารปีศาจจนหมดสิ้นแล้ว กระหม่อมยินดีอย่างยิ่งที่จะทำหน้าที่นั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ราเชลตอบกลับอย่างหนักแน่นในทันทีไร้ซึ่งความลังเล
สิ่งที่ได้ยินทำให้เจ้าของเรือนผมสีเขียวหางคิ้วกระตุกเล็กน้อย
แม้จะเป็นคำตอบที่ไม่เกินความคาดหมายแต่เขาก็ยังแอบหวังว่าจะได้รับคำตอบอีกอย่างกลับมา
“ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องล้างแค้นให้จงได้ก่อนสินะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงยืนกรานและหนักแน่นของผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำให้องค์จักรพรรดิแคสเซียนตระหนักถึงสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ภายในแววตาสีเลือดของราเชล
ความแค้นเมื่อครั้งที่ได้รับภารกิจเดี่ยวในเมื่อครั้งยังเป็นเพียงนักเรียนทหารชั้นปีที่ 4 และเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องชายเมื่อไม่นานมานี้ยังคงติดตราตรึงใจของเด็กหนุ่มคนนี้มากเหลือเกิน
หากไม่ได้สังหารตัวต้นเรื่องให้สิ้นชีพอย่างทรมานถึงที่สุด เขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากวังวนความแค้นนี้ไปได้
ช่างเป็นคนแข็งแกร่งที่น่าสงสาร…
ความคิดถึงผุดขึ้นมาในหัวขององค์จักรพรรดิ
“เข้าใจแล้วล่ะ”
แกร๊ก!
เสียงของกลอนประตูที่ถูกดันให้ปิดสนิทดังขึ้น เมื่อคนที่หมดธุระกับองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เดินออกมาจากห้อง
“อ้าว มารอเข้าเฝ้าฝ่าบาทกันเหรอครับ ดยุกอเลนเดล แล้วก็…” เขาเอ่ยถามทันทีก้าวเดินออกมาจากห้องทำงานขององค์จักรพรรดิ
เมื่อพบเข้ากับชายวัยกลางคนสองคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว
นัยน์ตาสีเลือดเบี่ยงไปที่ด้านข้างของดยุกอเลนเดล
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ เอิร์ลดีลักซ์ ในห้องประชุมเมื่อครู่ยังไม่ได้ทักทายกันดีๆ เลย ยินดีที่ได้พบนะครับ”
ราเชลก้มศีรษะลงเล็กน้อยทักทายคนอายุมากกว่าทั้งสองคน
“ยินดีที่ได้พบเช่นกันครับ ผู้บัญชาการสูงสุด” แวนคลิโอตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไร้พิษภัย
ราเชลยิ้มอ่อนตอบกลับ
“ตั้งแต่เอิร์ลดีลักซ์วางมือจากแนวหน้า น้องชายข้าเรียกก็หาท่านตลอดเลยนะครับ”
“เป็นเกียรติมากครับ แต่แพทย์คนอื่นๆ ของตระกูลเราก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กัน”
“เรื่องนั้นข้าทราบดีครับ อย่างไรก็ยินดีด้วยกับการได้ขึ้นมาเป็นเจ้าตระกูลคนใหม่และก็ฝากความคิดถึงไปยังท่านแอเมทิสต์ด้วยนะครับ ตอนนี้คงพักร้อนอย่างสบายใจอยู่แน่เลย”
ใบหน้าของเจ้าของดวงตาสีเลือดปรากฏรอยยิ้มน่ารักสมวัย แต่คนที่เห็นมันเป็นครั้งแรกอย่างดยุกอเลนเดลถึงกับแปลกใจ
ถึงเด็กคนนี้จะชอบแสดงท่าทีเป็นกันเองกับคนอายุมากกว่า แต่กลับไม่เคยเห็นสักครั้งที่เขาจะแสดงท่าทีอ่อนน้อมไร้ความเจ้าเล่ห์ให้เห็น
เขาเหลือบมองราเชลกับแวนคลิโอสลับกันไปมาอย่างนึกสงสัย อะไรในตัวของเจ้าตระกูลดีลักซ์ที่ทำให้ เด็กเวร ไร้มารยาท คนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“ใช่ครับ ตอนนี้ท่านพ่อพักร้อนอยู่ทางตอนใต้น่ะครับ แล้วข้าจะบอกให้นะครับว่าผู้บัญชาการสูงสุดคิดถึง”
“ครับๆ อย่างไรข้าขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ ทั้งสองท่าน”
ราเชลเอ่ยลาก่อนจะส่งสัญญาณให้ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่ยืนรออยู่ไม่ไกลให้เดินตามไป
ทิ้งความสงสัยไว้ในใจของกุสตาฟ
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเหลือบมองคนที่ยืนข้างกายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความฉงน
“ดูจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกันนะระหว่างเจ้ากับเด็กนั่น”
เจ้าของเรือนผมสีเทาหม่นหันมาตอบกลับในทันที
“ที่สนามรบก็มีพูดคุยกันอยู่บ้างน่ะครับ แล้วเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถมากจริงๆ”
“เรื่องนั้นไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรอก แต่พฤติกรรมของเด็กนั่นต่างหากที่เป็นปัญหา”
คนอายุมากกว่าพูดพลางเหลือบไปมองด้านหลังของคนที่เดินห่างออกไปไกล
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของผู้ที่ถือครองพลังเวทรักษามองตามสายตาของอีกคน
“อาจเป็นเพราะเขายังเด็กมากแต่ก็ต้องมารับหน้าที่ใหญ่หลวงจึงไม่มีคนให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาก็ได้นะครับ”
แวนคลิโอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
คนที่ได้ยินรู้สึกสะกิดใจเล็กๆ กับบรรยากาศรอบตัวของคนตรงหน้า และเด็กเวรที่เขาเพิ่งพูดถึง
“เหมือนเจ้าจะเอ็นดูเด็กนั่นอยู่มากนะ”
“คงจะเป็นอย่างนั้นครับ เขาก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งนี่ครับท่านกุสตาฟ”
รอยยิ้มร่าเริงค้างอยู่บนใบหน้าของเจ้าตระกูลดีลักซ์ สร้างความแปลกใจให้กุสตาฟเพิ่มมากขึ้น
แม้ความสามารถของ ราเชล ฮาร์ท จะน่าทึ่งเพียงใด แต่น้อยคนนักจะคิดแบบเดียวกับแวนคลิโอ
เด็กที่ได้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี แต่กลับแสดงความเย่อหยิ่งในพลังของตนเอง ข่มขวัญผู้อื่นด้วยทักษะการต่อสู้ กดหัวผู้มีอำนาจต่ำกว่าด้วยตำแหน่ง
แล้วไม่คิดจะก้มหัวให้ใครยกเว้นเพียงแต่องค์จักรพรรดิเท่านั้น
หรือแท้จริงแล้ว…
พฤติกรรมที่ก้าวร้าวนั้น จะทำเพียงเพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันตัวเองกันนะ
แต่คนที่สังเกตเห็นสิ่งนั้น คือ…แวนคลิโอ ดีลักซ์ งั้นเหรอ?
To be continued
ทุกคนได้กลิ่นอะไรจากแวนคลิโอและราเชลมั้ยคะ อือๆๆ นั่นแหละๆ เขามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ประมาณว่ามีชะตาต้องกันค่ะ พอราเชลเกิดใหม่เลยได้ไปเป็นลูกชายของแวนคลิโอเสียเลย
ขอแจ้งข่าวค่าาาาา ตอนนี้ e-book เล่ม 1 ใกล้จะเสร็จสิ้นพร้อมวางขายแล้วนะคะ มีภาพคอมมิค 3 ช่อง 2 ภาพ + ตอนพิเศษ Q&A ท้ายเล่ม
และมีเสียงพากย์ของตัวละครหลักด้วยค่ะ สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook : Fixcblue ได้เลยนะคะ