”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ต่อให้มีนักอ่านแค่คนเดียว ก็จะไม่ทอดทิ้งโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
"ราเชล ฮาร์ท" อดีต 1 ใน 7 นักรบ ที่เคยสร้างชื่อในสงครามมาอย่างนับไม่ถ้วน นักดาบเวท เลเวล 9 อัฉริยะของจักรวรรดิ มีน้องชายที่รักมาก "ลูเซียส ฮาร์ท" ที่ต่อสู้เคียงข้างกันมาตลอด ครั้งหนึ่งลูเซียสสูญเสียพลังเวททั้งหมดไปจากการต่อสู้กับราชาปีศาจ แต่เขาก็ฝึกฝนดาบจนได้เป็น ซอร์ตมาสเตอร์
วันหนึ่งสองพี่น้องได้เข้าไปสอดแนมในปราสาทของราชาปีศาจ ราเชลปกป้องน้องจนพลาดท่า ลูเซียสถูกประนามที่อ่อนแอจนทำให้กำลังสำคัญอย่างราเชลต้องตาย แต่แล้วเขาก็เกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา "ดีลักซ์" ครั้งนี้ราเชลต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อจะเป็นนักดาบเวทอีกครั้ง เขาจะต้องแก้แค้นราชาปีศาจในครั้งนี้ให้ได้
#ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล9
ภายในโรงฝึกที่สี่ ที่เรย์เวนมักจะใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมเป็นประจำ ในตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังห้อยหัวโดยใช้ขาสองข้างเกี่ยวคานเหล็กเอาไว้ เป็นสิ่งที่เขาชอบทำเมื่อใช้ความคิดระหว่างฝึกซ้อม
ใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้ม แต่หัวคิ้วขมวดชนกัน ทำให้นักเรียนที่ใช้โรงฝึกเดียวกันที่เห็นภาพนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เรย์เวนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ?
ต่อให้คิดจนหัวแทบระเบิดก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี การประลองบ้านั่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสองวันเนี่ยนะ
ให้ตายเถอะ…
ตั้งแต่มาเกิดใหม่ข้ายังไม่เคยกังวลอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย
ไม่กลัวว่าจะแพ้หรอก แต่กลัวว่าองค์จักรพรรดิจะจำทักษะการต่อสู้ของข้าได้น่ะสิ แล้วที่สำคัญไม่ได้มีเพียงองค์จักรพรรดิคนเดียวเสียด้วย
เด็กหนุ่มกำลังครุ่นคิดในใจอย่างหนักถึงการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้น
และสิ่งที่หนักใจที่สุดสำหรับเขาคงจะเป็น จำนวนผู้เข้าชม เพราะว่าการประลองในครั้งนี้เป็นแบบเปิดที่จะให้ใครเข้ามารับชมก็ได้
ซึ่งในผู้คนเหล่านั้นอาจจะมีคนที่จำทักษะการต่อสู้ของเขาได้เป็นแน่
ปั๊ดโธ่เอ๊ย ข้าควรทำอย่างไรดี
หนีไปได้หรือเปล่านะ ?
“เวน…”
“เรย์เวน !!”
“ฮะ !?”
ในขณะที่กำลังใช้ความคิด ก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจนทำให้เขาเปิดเปลือกตาขึ้นออกมาอย่างตกใจ
“เจ้าห้อยหัวอยู่กับคานเหล็กเช่นนี้แต่ยังหลับลงได้อยู่หรือไง บ้าไปแล้วสินะ”
คนที่เรียกสติของเรย์เวนให้กลับคืนมาเอ่ยถามทันที
“ข้าไม่ได้หลับปีเตอร์ แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”
เด็กหนุ่มตอบกลับก่อนจะเกร็งช่วงบนของลำตัวขึ้น ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างคว้าคานเหล็กด้านบน แล้วม้วนตัวก่อนจะกระโดดลงมาที่พื้น
“ฮึบ !”
ทันทีที่เท้าทั้งสองข้างแตะพื้น ฝ่ามือหนาของปีเตอร์ก็ยื่นเขาไปใกล้หวังจะช่วยดึงรั้งรุ่นน้องให้ลุกขึ้นยืนได้สะดวก
เรย์เวนเห็นอย่างนั้นก็คว้าหมับที่ฝ่ามือก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเริ่มยืดเหยียดร่างกาย
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มีอะไรรึ” เขาเอ่ยถามรุ่นพี่ที่มองเขาตาไม่กะพริบด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ทันทีที่กลับมาจากทำภารกิจ ก็ได้ยินข่าวดีเลยน่ะสิ มีทหารจะพารุ่นน้องไปประจำการที่แนวหน้าไม่ใช่หรือไง”
ปีเตอร์พล่ามออกมายาวเหยียดด้วยน้ำเสียงที่ปะปนความกังวลใจ แต่ทว่าคนฟังกลับทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจ
ก่อนจะแอบคิดในใจ
ทุกคนในสถาบันคงลือเรื่องในโถงกลางเมื่อวานกับการประลองกันไปใหญ่แล้วสินะ
ไม่แปลกหรอก ก็ตอนนั้นคนอยู่เยอะเสียขนาดนั้น
“แล้วก็ยังได้ยินประกาศว่าจะมีการประลองของเจ้ากับลูกศิษย์ของท่านไซอัน นักรบของจักรวรรดิด้วย มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันน่ะ”
เรย์เวนถอนหายใจออกมาราวกับเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะเหลือบมองคนสูงกว่าที่ยังพล่ามไม่หยุด
“ก็เพราะข้าสู้กับเจ้าเมื่อตอนนั้นน่ะสิ เป็นเพราะเจ้านั่นแหละหาเรื่องมาให้ข้า”
เจ้าของเรือนผมสีขาวพูดพลางกอดอกมองหน้าตัวต้นเหตุที่ทำให้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามา
“หมายความว่าอย่างไรกัน เป็นเพราะข้างั้นเหรอ ?”
ใบหน้าของปีเตอร์ซีดเผือด แสดงอาการร้อนรน จนคนที่เห็นแอบขำในใจ
เหมือนหมาจริง ๆ
แกล้งอีกหน่อยแล้วกัน
“ใช่”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปบอกท่านพ่อให้ไปขอร้องกับ
องค์จักรพรรดิให้ เจ้ารอก่อนล่ะ”
ราวกับความรู้สึกผิดครอบงำสติ เจ้าของเรือนผม
สีแดงรีบตั้งท่าเตรียมจะวิ่งออกไปทันที
แต่ถูกฝ่ามือของรุ่นน้องคว้าเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องหรอกน่า… เรื่องไปประจำการนั่นถูกยกเลิกไปแล้ว ส่วนเรื่องการประลองไม่ว่าใครก็ยกเลิกไม่ได้หรอก”
ปีเตอร์ชะงักเล็กน้อย
“เพราะเหตุใดกัน” เขาเอ่ยถามด้วยความกังวล
เรย์เวนส่ายหัว ก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนของคนโตกว่า เพื่อยกขึ้นกอดอก
“เพราะนั่นเป็นความต้องการขององค์จักรพรรดิยังไงล่ะ”
เจ้าของเรือนผมสีแดงขยับเดินเข้ามาใกล้
“เจ้าจะไหวแน่เหรอ รุ่นน้อง”
เรย์เวนเอียงศีรษะมองอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ราวกับคำถามที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงมันเหมือนคำดูถูกเขาเสียมากกว่า
“จากที่สู้กันตอนนั้น เจ้ายังไม่รู้อีกหรือไงว่าข้าแข็งแกร่ง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิ
ทว่าคนโตกว่ายังไม่คลายความกังวล
“แต่นั่นเป็นลูกศิษย์ของนักรบเลยนะ เจ้าไม่ไหวหรอก”
“ไม่ต้องห่วงน่า”
เรย์เวนปัดฝ่ามือไปมาตรงหน้าราวกับว่าความกังวลไม่เข้าเรื่องของปีเตอร์มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
เด็กหนุ่มเริ่มคิดในใจเมื่อเหลือบมองใบหน้ารุ่นพี่เรือนผมสีแดง
ใครจะไปคิด ทั้งที่ตอนเจอกันครั้งแรกยังระแวงเจ้านี่อยู่เลย แต่ตอนนี้ปีเตอร์กลับเรียกข้ารุ่นน้องอย่างนั้น รุ่นน้องอย่างนี้ แถมยังใกล้ชิดข้าได้ถึงเพียงนี้ หากเดรคอยู่ด้วยละก็ มีหวังได้เขม่นใส่กันอีกเป็นแน่
เขาเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ โดยที่อีกคนไม่ทันได้รู้ตัว
“ว่าแต่เจ้าเถอะ วันนั้นบอกว่ามีภารกิจที่ราชอาณาจักรอะดัวร์ แต่กลับมาเร็วเหลือเกินนะ ที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่จะเข้าออกได้ง่ายเลยไม่ใช่หรือไง มีแต่พวกสวะ !”
เรย์เวนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อาณาจักรอะดัวร์ ไม่ต่างจากศูนย์รวมพวกทหาร
นอกรีต มือสังหาร นักฆ่า นักเวทศาสตร์มืด หรือพวกที่แต่ละประเทศล้วนไม่ต้องการจนขับไสไล่ส่งออกไป
หากใครได้ภารกิจไปที่แห่งนั้น ก็ไม่อาจจะสำเร็จภารกิจได้ง่าย ๆ และการที่อีกฝ่ายกลับมาเร็วเช่นนี้
คงไม่ใช่แค่ไปตามหาแมวหายหรอกนะ
ปีเตอร์ที่ได้ยินอย่างนั้นยกยิ้มขึ้นอย่างภูมิใจ
“พอดีข้าเก่งเกินไปเลยจบภารได้รวดเร็วยังไงล่ะ” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“เหอะ !” เจ้าของเรือนผมสีขาวเค้นเสียงออกมาจากลำคอพลางหันหน้าหนี
“นี่รุ่นน้อง”
คนโตกว่าเอ่ยเรียกอีกคนเสียงเรียบ ก่อนจะก้าวเดินเข้าใกล้เรย์เวนเรื่อย ๆ
ร่างกายที่สูงกว่าเข้ามาใกล้เสียจนเห็นนัยน์ตาสีเพลิงเด่นชัด
อะไรของมันเนี่ย
ใกล้ขนาดนี้จะข่มข้าหรือไง
เรย์เวนคิดในใจพลางขมวดคิ้ว
“เจ้ารู้จักอะดัวร์ดีจังเลยนะ เคยไปมาหรือไง ?”
ปีเตอร์เอ่ยถามอย่างคาดคั้น ใบหน้าขยับเข้าใกล้ จ้องมองเข้าในดวงตาสีน้ำเงินราวกับกำลังจับผิด
เรย์เวนแอบชะงักไปชั่วครู่
“ปะ เปล่า” เขาตอบกลับอย่างตะกุตะกัก
“งั้นเหรอ”
ดวงตาของปีเตอร์ตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ศีรษะที่เอียงเล็กน้อย หางตาหรี่ลงคล้ายจะจับผิดอีกครั้ง
ความจริงแล้วเรย์เวนเคยไปอะดัวร์มาเมื่อครั้งที่ยังเป็น ราเชล ฮาร์ท นักเรียนทหารชั้นปีที่ 4 เช่นกัน
เพราะสาเหตุที่ทำให้อะดัวร์เละเทะมาจนถึงตอนนี้ นั่นมันก็เป็นเพราะเขาเอง
ภารกิจเดี่ยวครั้งแรก ‘สังหารกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์แห่งอะดัวร์’ โทษฐานกบฏต่อต้านมวลมนุษย์คิดจะไปร่วมมือกับพวกปีศาจ
ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้นยังไม่มีอะไรมายืนยันแน่ชัด แต่หลายประเทศก็ร่วมลงความเห็นว่าให้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้สิ่งเลวร้ายนั้นมันเกิดขึ้นจริง
และตัวเขาที่ได้รับเลือกให้ไปทำภารกิจนั้นเพราะว่า…
เฮ้อ
เรย์เวนแอบถอนหายใจอยู่ในใจ
คิดแล้วก็แอบขายหน้า ข้าไม่น่าไปโวยวายกับพวกอธิการของสถาบันเลยว่าภารกิจที่ได้รับก่อนหน้านั้นมันง่ายไป ต้องการภารกิจที่ยากและท้าทายกว่านี้
สรุปสุดท้าย ข้าเลยได้ภารกิจใหญ่มาครอบครอง และที่สำคัญเลยก็คือ…
ข้าไปคนเดียว
ก็ปางตายอยู่นะตอนนั้น
เด็กหนุ่มหลับตาปี๋ ใบหน้าแสดงออกถึงความเจ็บใจอย่างเห็นได้ชัด
เจ้าของเรือนผมสีแดงที่สังเกตอาการของรุ่นน้องอีกคนมาตลอด เริ่มขยับเข้าใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
เขาโน้มตัวลงมาใกล้จนเห็นแววตาของเรย์เวนชัด
คนเด็กกว่าที่รู้ตัวว่ารุ่นพี่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ก็รีบดีดตัวออกห่างในทันที
“อะไรของเจ้าเนี่ย” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่สบอารมณ์
“แววตาเจ้าดูเหมือนโกหกนะ”
ปีเตอร์เอ่ยพลางกอดอกจ้องมองคนตัวเล็กอย่างไม่ลดละ
“จริง ๆ เจ้าก็ดูเหมือนโกหกอยู่ตลอดเวลาด้วยแหละ”
เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงเผยรอยยิ้มจนตาปิดพร้อมยืดตัวตรง
“แต่ช่างมันเถอะ รุ่นน้องจะเคยไปหรือไม่เคย ข้าก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้นี่น่า” เขาเอ่ยพร้อมน้ำเสียงเจือความทะเล้นนิดหน่อย “ใคร ๆ ก็ล้วนมีความลับกันทั้งนั้น ข้าเข้าใจ”
ตอนนี้คนโตกว่าทำท่าทางยักคิ้วหลิ่วตาจนคนที่เห็นแอบหมั่นไส้
“ข้าไปห้องสมุดเพียงครู่เดียว ไม่คิดว่าจะมีเห็บไรมาเกาะติดเจ้าเสียด้วยนะ เรย์เวน”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเอ่ยคำพูดรุนแรงทันทีที่เดินเข้ามาใกล้ทั้งสองคน เรียกความสนใจให้คนที่กำลังหมั่นไส้รุ่นพี่หันไปมองที่ต้นเสียง
ปีเตอร์ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรตอบกลับไป เพียงแค่มองหน้าคนพูดด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่านั้น
ตั้งแต่ที่เรย์เวนตบปากรับคำว่าจะเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่หัวแดงคนนี้ เดรคก็ทวีคูณความรุนแรงในคำพูดใส่อีกฝ่ายอย่างไม่หยุดยั้ง
“เดรค เจ้าหาเรื่องก่อนนะรอบนี้” เจ้าของเรือนผมสีขาวพูดเตือนคนที่เดินเข้ามาใหม่
เดรคไม่ตอบอะไร ทำได้เพียงแค่เดินหลบมายืนด้านข้างโดยเมินสายตาของคู่อริไปเท่านั้น
“ข้าหาข้อมูลคู่ต่อสู้ของเจ้ามาให้แล้ว เอาไปอ่านสิ”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินยื่นกระดาษที่ถือไว้มาให้
ภายในกระดาษประกอบไปด้วยรูปวาดของคนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ในอีกสองวันของเรย์เวน พร้อมทั้งประวัติโดยย่อ
“ฟิลช์ รัคเน่ นักดาบระดับซอร์ตเอ็กซ์เปิร์ตขั้นสูงงั้นหรือ” คนที่รับกระดาษมาอ่านพูดออกเสียงขึ้นมาเบา ๆ
“คนนี้ข้ารู้จักนะ”
ปีเตอร์เอ่ยขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อ พร้อมทำท่าทางเหมือนพยายามจะเข้าร่วมวงสนทนาด้วยแต่กลับโดนคนหวงเพื่อนอย่างเดรคเอาตัวมากั้นเพื่อขัดขวาง
“อะไรของเจ้าเนี่ย อเลนเดล” ปีเตอร์ถามพลางขมวดคิ้วจ้องมองเดรคอย่างไม่พอใจ
เดรคเงยหน้ามองคนที่สูงกว่านิดหน่อยด้วยแววตาแข็งกร้าว
“ถ้าจะพูดก็ยืนห่าง ๆ ครับ จะเข้ามาใกล้ทำไม”
“เสียสติไปแล้วสินะ”
ตอนนี้ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากันอีกครั้ง พร้อมส่งสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร
การกระทำของทั้งคู่ทำให้เรย์เวนกุมขมับ อาการปวดหัวแล่นเข้ามาในโสตประสาท
จนต้องก้าวเข้าไปคั่นกลางอีกครั้ง
“พอได้แล้วน่า ทั้งคู่เลย”
เขาพูดปรามอย่างท้อแท้ ก่อนจะใช้ฝ่ามือดันร่างของเดรคให้หลบไปด้านข้างเหมือนเดิม เพื่อมองหน้าคู่สนทนา
“เจ้ารู้จักงั้นเหรอ ปีเตอร์” เรย์เวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ใช่ นักดาบชนชั้นทาสที่ถีบตัวเองขึ้นมาจนได้อันดับหนึ่งของชั้นปี แล้วไปเข้าตาของท่านไซอัน นักรบของจักรวรรดิจนได้เป็นลูกศิษย์ไงเล่า เหมือนว่าตอนนี้กำลังเตรียมตัวเลื่อนขั้นจากทหารรักษาการณ์ไปเป็นผู้บัญชาการที่แนวหน้าด้วย”
ปีเตอร์สาธยายสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมายืดยาว ทำให้คนฟังแอบครุ่นคิดเล็กน้อย
ชนชั้นทาสงั้นหรือ ?
แบบนี้ก็เหมือนกับรุ่นพี่ไซอันเลยน่ะสิ เพราะอย่างนั้นถึงได้รับเป็นลูกศิษย์หรือเปล่านะ
“ปีเตอร์ หลังจากเรียนจบองค์จักรพรรดิพระราชทานนามสกุลให้งั้นเหรอ”
“ใช่แล้ว” เจ้าของเรือนผมสีแดงตอบกลับทันที
“ข้อมูลพวกนั้นมันก็มีอยู่ในเอกสารนั่นไง ทำไมเจ้าไม่อ่านเองเล่าเรย์เวน”
เดรคเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประชดประชันพลางทำหน้ามุ่ยบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ
ให้ตาย… เมื่อครู่ข้าแค่กลอกตาอ่านผ่าน ๆ เท่านั้น
ไหนดูซิ…
เรย์เวนคิดในใจก่อนจะก้มมองกระดาษในมืออีกครั้ง
เขาตั้งใจจะอ่านให้ละเอียดอย่างจริงจัง กวาดสายตาอ่านไปทีละบรรทัดจนมาสะดุดตากับประโยคหนึ่งในกระดาษ
ฉายานักดาบผู้ตัดผ่านลมพายุ ?
คงเป็นนักดาบประเภทที่เน้นความเร็วและฟาดฟันดาบอย่างรุนแรงสินะ ช่างเหมาะสมที่จะเป็นลูกศิษย์ของรุ่นพี่เสียจริง แบบนี้คงจัดการไม่ยากเท่าไร
“สีหน้าดูเครียดเชียว เจ้ากังวลมากเลยงั้นหรือ ?” เสียงเอ่ยถามของเพื่อนเรือนผมสีน้ำเงินทำให้เรย์เวนละสายตาจากกระดาษเงยหน้ามองสบตา
“ข้าไม่เคยกังวลไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครหน้าไหนทั้งนั้น”
เขาตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ
สิ่งที่เรย์เวนกังวลที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ ทักษะการต่อสู้
เพราะการประลองแบบเปิดจะมีผู้คนมากมายเข้ามารับชม จึงทำให้เขาไม่อาจจะปิดบังสิ่งที่เป็นไว้ได้เลย
“อย่ามั่นใจไป ข้ารู้ว่าเจ้าเก่ง แต่นั่นลูกศิษย์ท่านไซอันเชียวนะ” ปีเตอร์ที่ยืนอยู่ห่างพูดเตือน
“อย่าห่วงน่า ข้ามีวิธีรับมือ”
เจ้าของเรือนผมสีขาวก้าวเดินออกห่างจากทั้งสองคนไปหยุดอยู่หน้าแท่นวางอาวุธที่อยู่ไม่ไกล
“นักดาบที่เน้นความเร็วและวิถีดาบที่รุนแรงจนตัดผ่านลมพายุได้น่ะ…”
แสงสีดำสว่างวาบที่ฝ่ามือทำให้กระดาษที่ถือไว้อันตรธานหายไป ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงไปหยิบดาบไม้ขึ้นมา สองเล่ม
“แค่กำจัดจุดแข็งนั้นไปได้ การต่อสู้ก็ไม่ยากแล้วละ”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมั่นใจ
ก่อนที่จะโยนดาบไม้ในมือไปให้ปีเตอร์และเดรค ทั้งสองคนรับมันไว้ในมือด้วยสีหน้างุนงงคล้ายว่ายังไม่เข้าใจในสิ่งที่เรย์เวนต้องการจะสื่อ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่” เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ถ้าได้ลองสู้ดูก็รู้เอง”
“หยุดก่อน” ฝ่ามือหนาของเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงยกขึ้นมาห้ามให้เด็กหนุ่มหยุดพูด “เจ้าหมายถึงสู้กับใครกันแน่”
เรย์เวนส่ายหน้าเบา ๆ
ตอนนี้คนที่อยู่ตรงนี้ก็มีเพียงแค่พวกเจ้าเท่านั้น จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ
เขาคิดในใจ
“ปีเตอร์มีวิถีดาบที่เน้นการโจมตีรุนแรง แต่กลับเชื่องช้า ส่วนเดรค…ความเร็วในวิถีดาบของเจ้าไม่เป็นสองรองใคร”
เขาพูดในขณะที่หันไปหยิบดาบไม้ขึ้นมาอีกสองเล่ม ก่อนจะกระชับไว้ในมือแน่น
“หากไม่สู้กับพวกเจ้าทั้งสองคนพร้อมกันจะให้ไปสู้กับใครได้อีก อย่างไรก็ว่างกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“เรย์เวน เจ้าจะไม่เป็นไรแน่นะ”
เดรคพูดด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วง แต่สายตากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เพราะเขาจ้องมองดาบไม้ในมือก่อนจะเริ่มควงมันเล่นอย่างชำนาญ
“นั่นสิรุ่นน้อง กล้าสู้สองต่อหนึ่งเลยงั้นหรือ หากเจ็บตัวก่อนวันประลองขึ้นมาจะทำอย่างไรกัน”
ปีเตอร์พูดพลางขยับข้อต่อแต่ละส่วนเป็นการวอร์มร่างกาย
“เสแสร้งให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ ทั้งคู่เลย” เรย์เวนเอ่ยประชดประชันพลางตั้งท่าพร้อมรับการโจมตีจากทั่วทุกทิศทาง
เขากำลังคิดว่าปีเตอร์คงจะรอเวลาเอาคืนเขาจากเมื่อครั้งที่แล้วอยู่ จึงไม่แปลกใจนักที่รุ่นพี่เจ้าเล่ห์คนนี้จะเริ่มขยับร่างกายเตรียมพร้อมอย่างดี
แต่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มแปลกใจคือท่าทีของเพื่อนสนิทเรือนผมสีน้ำเงินเสียมากกว่า เพื่อนที่เขาไว้ใจ แต่สายตากลับดูดุดันจ้องจะเอาชีวิตเขาเสียอย่างนั้น
แค้นที่ไม่เคยปัดดาบจากมือข้าได้หรือไงกัน
เรย์เวนคิดในใจ
ตอนนี้ทั้งสองคนขยับร่างกายอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้ส่งสัญญาณ
คนหนึ่งดักข้างหน้า อีกคนดักข้างหลัง แม้นั่นจะเป็นกลยุทธ์พื้นฐานสำหรับการสู้สองต่อหนึ่ง แต่การกระทำนั่นก็ทำให้เรย์เวนแอบขมวดคิ้วเพราะเขารู้สึกว่าสองคนนี้ดูเข้าขากันแปลก ๆ ชอบกล
“พวกเจ้านี่ล้อมหน้าล้อมหลังข้าทันทีเลยนะ ร้ายกาจกันจริง ๆ”
To be continued
เอาล่ะค่ะ น้องเรย์เวนเกือบโป๊ะไปแล้ว ก็อย่างว่า พูดมากปากจะพาซวยเอาได้ เล่นไปพูดในสิ่งที่เด็ก18ไม่ควรจะรู้ได้ซะได้ ปีเตอร์ก็ดันฉลาดเสียด้วยสิ
เอาล่ะค่ะ น้องเรย์เวนเกือบโป๊ะไปแล้ว ก็อย่างว่า พูดมากปากจะพาซวยเอาได้ เล่นไปพูดในสิ่งที่เด็ก18ไม่ควรจะรู้ได้ซะได้ ปีเตอร์ก็ดันฉลาดเสียด้วยสิ
ขอแจ้งอีกครั้งนะคะ ตอนนี้ ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 มี e-book เล่ม 1 แล้วค่ะ
จำนวน 40 ตอน + 2 ตอนพิเศษ และมีราคาโปร ด้วยนะคะ คุ้มมาก !!!
จิ้มลิ้งค์นี้เพื่อซื้อได้เลย >>> https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMjU3MzU4MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjM1MDgxOSI7fQ
สำหรับใครที่กดซื้อแล้ว หากอ่านจบรบกวนรีวิวให้นักเขียนหน่อยนะคะ ว่าคิดเห็นอย่างไรบ้างกับ เล่ม 1
ตรงนี้เลยค่ะ !!! ขอบคุณล่วงหน้านะคะ