”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?
ในขณะที่เสียงพูดคุยปะปนเสียงหัวเราะของครอบครัวดีลักซ์ และเพื่อนสนิทของลูกชายดังกึกก้องไปทั่วบริเวณนั้น พวกเขาไม่ได้คิดไว้มาก่อนเลยว่าจะมีใครที่แอบมองภาพนั่นอยู่ไกล ๆ และก้าวเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งที่ดูขัดกับใบหน้าสวยราวกับหญิงสาวดังขึ้น
“ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริง ๆ ท่านเอิร์ลดีลักซ์”
ประโยคเอ่ยชมถึงความอบอุ่นจากภาพที่เห็นเรียกความสนใจให้ทุกคนหันมองยังคนที่เดินเข้ามาใหม่
แต่แล้วบรรยากาศก็พลันเปลี่ยนไปในทันที ความอบอุ่นที่ตลบอบอวลอยู่ในอากาศถูกแทนที่ด้วยความเคารพนอบน้อม
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายรูปงามเรือนผมสีเขียวมรกตยาวสลวยพลิ้วไหวราวกับสายน้ำ สวมชุดสีทองอร่ามประดับด้วยอัญมณีล้ำค่า เข็มกลัดตราสัญลักษณ์ราชวงศ์ประดับอยู่บนอกด้านซ้าย
เขาเดินเข้ามาอย่างสง่างามพร้อมองครักษ์ผู้ยืนเรียงรายอยู่ด้านหลังราวกับกำแพงเหล็กที่คอยปกป้อง
ทุกคนในที่นั้นนั่งคุกเข่าลงหนึ่งข้าง พร้อมกล่าวคำถวายบังคมดังก้องกังวาน
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ ฝ่าบาทผู้เป็นแสงสว่างของจักรวรรดิ !!”
จักรพรรดิหนุ่มทอดสายตาไปยังทุกคนที่แสดงความเคารพ ใบหน้าแย้มยิ้มบาง ๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวสว่าง
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใย
“ตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาแล้ว เรย์เวน… เจ้าไม่ไปเตรียมตัวหรอกหรือ ?”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าประโยคแรกที่ฝ่าบาทเอ่ยขึ้นคือการถามไถ่เขาด้วยความเป็นห่วง
เรย์เวนก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามด้วยความนอบน้อม
“กระหม่อมจะรีบไปเตรียมตัวหลังจากไปส่งท่านพ่อกับท่านแม่ที่เก้าอี้รับชมพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิครุ่นคิดชั่วครู่ ฝ่ามือหนาถูกยกขึ้นลูบปลายคางราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
“ถ้าเช่นนั้นให้ทั้งสองท่านไปกับเราไม่ดีกว่าหรือ เราเตรียมที่นั่งรับชมไว้ให้แล้วละ ไปพร้อมกันสิ”
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ ฝ่าบาท” แวนคลิโอและภริยาก้มศีรษะลงอีกเล็กน้อย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง
แต่ทว่า ธุระที่ต้องพูดคุยกับลูกชายคนเดียวยังไม่หมดไป แวนคลิโอเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้มีอำนาจเหนือกว่า นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“หากทรงอนุญาตกระหม่อมทูลขออยู่พูดคุยกับลูกชายของกระหม่อมอีกไม่นาน หลังจากนั้นกระหม่อมจะตามเสด็จไปได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าของเรือนผมสีเขียวมรกตได้ยินอย่างนั้น เขาพยักหน้ารับเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม
“ได้สิ งั้นเราจะไปก่อนแล้วกัน” เขาเหลือบกลับไปมองที่เด็กหนุ่มอีกครั้ง นัยน์ตาดูลุ่มลึกคาดเดาได้ยาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เรย์เวน ดีลักซ์”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เจ้าของชื่อขานรับในทันที
จักรพรรดิหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วขณะ สายตาที่มองไปยังคนเด็กกว่ามันซับซ้อนอย่างชัดเจนจนหัวหน้าองครักษ์ที่ยืนประกบอยู่ด้านหลังรู้สึกได้
เขาหรี่ตามองเจ้าของเรือนผมสีเขียวสลับกับเด็กหนุ่มไปมาอย่างนึกสงสัย
“วันนี้เจ้าทำให้เต็มที่ล่ะ เราจะรอดูความสามารถของเจ้า” องค์จักรพรรดิเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
การกระทำนั้นยิ่งทำให้ไซอันรู้สึกแปลกใจมากขึ้นไปอีก เพราะอะไรผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิถึงดูอ่อนโยนกับเด็กที่เพิ่งได้พูดคุยกันไม่นานเช่นนี้
“กระหม่อมจะไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ”
เรย์เวนตอบอย่างมั่นใจ น้ำเสียงของเขาหนักแน่นแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่ต้องเผชิญต่อจากนี้
ใบหน้าหวานขององค์จักรพรรดิเผยรอยยิ้มที่มุมปากพลางพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะก้าวเดินออกไปพร้อมองครักษ์ ทิ้งให้ความเงียบสงบปกคลุมครอบครัวดีลักซ์
หลังจากองค์จักรพรรดิเดินจากไปจนพ้นสายตา ทุกคนลุกขึ้นยืนในทันที
แวนคลิโอหันมาหาลูกชายคนเดียวของตนก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ลูกชาย พ่อมีอะไรจะบอกลูก”
เรย์เวนเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นพ่อ
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มสีเดียวกับคนตรงหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยว่ายังหลงเหลืออะไรที่ต้องบอกเขาอีก
“ครับท่านพ่อ” เขาตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เจ้าของเรือนผมสีเทาหม่นจับบ่าเรย์เวนทั้งสองข้างอย่างเบามือ ความรู้สึกหนักอึ้งมากล้นอยู่ภายในใจ เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของลูกชายด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความกังวล
“พ่อไม่เคยอยากให้ลูกต้องเจ็บตัว เพราะฉะนั้นแล้ว… ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร แม้จะต้องเสียศักดิ์ศรีก็ไม่เป็นไร หากมันเป็นการต่อสู้ที่ยากเกินจะรับมือไหว ลูกก็ต้องเอ่ยปากขอยอมแพ้ในตอนที่ยังทำได้ซะ”
น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ ความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเต็มเปี่ยมปรากฏชัดเจนราวกับคลื่นที่ซัดสาดเข้าใส่เรย์เวนอย่างไม่หยุดยั้ง
ทว่าเรย์เวนกลับยังดื้อดึงความมุ่งมั่นในดวงตาของเขาไม่ลดลงเลยคล้ายว่าจะกลัวเสียศักดิ์ศรีหากทำตามที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นมา
“แต่ว่า…” เขาพยายามเอ่ยค้าน แต่เสียงของเขาดังแผ่วเบาราวกับกำลังต่อสู้กับความรู้สึกภายใน
แวนคลิโอรีบพูดขัดขึ้นมาน้ำเสียงของเขาหนักแน่นกว่าก่อนหน้านี้
“ห้ามฝืนร่างกายตัวเองเป็นอันขาด ถึงร่างกายของลูกที่มีสายเลือดของดีลักซ์ไหลเวียนอยู่ แต่พ่อไม่ได้อยากให้มันต้องมีบาดแผลจากการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวที่แฝงไปด้วยความรักและความห่วงใยจนทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกได้
เรย์เวนหลุบสายตาลงต่ำ เขานิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป แต่ทว่าประโยคต่อไปที่ได้ยินกลับทำให้เขาทวีคูณความรู้สึกผิดเข้าไปอีก
“พ่อรู้เรื่องที่ลูกฝืนร่างกายเข้าไปอยู่ในกองเพลิงตอนที่สู้กับลูกชายของดยุกพาเทนเซียแล้ว”
“ท่านพ่อ…” เด็กหนุ่มพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
แวนคลิโอจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของลูกชายอีกครั้ง
“สัญญากับพ่อได้หรือไม่… ว่าลูกจะไม่ฝืนตัวเองเช่นนั้นอีก”
เสียงของเจ้าตระกูลดีลักซ์แผ่วเบาราวกับปุยนุ่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายจนแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของเด็กหนุ่ม
เรย์เวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ครับ ผมสัญญา จะไม่ทำเช่นนั้นอีกครับ”
ฝ่ามือหนาของแวนคลิโอเอื้อมมือไปลูบหัวลูกชายอย่างเบามือ ความโล่งใจปะปนกับความห่วงใยก่อเกิดขึ้นภายในใจจนมันยากจะบรรยายเป็นคำพูดออกมา
แม้เขาจะมีตำแหน่งเป็นถึง…ผู้ปกครองเมืองนีไอโอเนีย อาจารย์ใหญ่ของสถาบันการแพทย์ หรือแม้แต่ เจ้าตระกูลดีลักซ์
ทุกตำแหน่งนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาปฏิเสธคำสั่งขององค์จักรพรรดิและหยุดยั้งการประลองที่ไม่สมเหตุสมผลครั้งนี้ได้
สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ขอร้องและหวังว่าลูกชายของเขาจะจบการประลองได้อย่างไร้บาดแผลที่สาหัสมากเกินไป
“เรย์เวน”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังของเจ้าของเรือนผมสีเทาหม่น เรย์เวนหันมองตามเสียงเรียกก็พบว่าซาร่ามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เด็กหนุ่มละจากผู้เป็นพ่อขยับเข้าใกล้ในทันที ร่างของคนที่เป็นห่วงลูกชายไม่ต่างจากสามีโผเข้ากอดอย่างรวดเร็ว
ฝ่ามือขาวเนียนลูบแผ่นหลังลูกชายที่สูงกว่าตนเองอย่างแผ่วเบา เป็นสัมผัสที่อ่อนหวานแต่แอบแฝงไปด้วยความกังวลใจ
เด็กหนุ่มหลับตาพริ้มกอดตอบผู้เป็นแม่
“ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไรนะลูก เมื่อตอนที่แม่ยังเรียนอยู่ที่สถาบัน แม่เองก็เคยได้ประลองอยู่หลายครั้ง”
ไม่นานนักอ้อมกอดของซาร่าก็เกี่ยวรัดแน่นขึ้นจน เรย์เวนรู้สึกอึดอัด ความอบอุ่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความกดดัน จนความตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
ทั่วร่างกายของเด็กหนุ่มขนลุกชูชัน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงราวกับว่าอ้อมกอดที่อบอุ่นกำลังกลายเป็นกรงเหล็กที่คับแคบ
“แต่แม่ไม่เคยพ่ายให้ใคร... ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครหน้าไหนทั้งนั้น”
น้ำเสียงของเคาน์เตสดีลักซ์หนักแน่นราวกับคำสาปที่ผูกพันกับชะตาชีวิตของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีเอาไว้ ความเงียบปกคลุมโดยรอบอีกครั้ง
ความกดดันที่หนักอึ้งทำให้เรย์เวนรู้สึกหมดแรง สองมือที่เคยเกาะกุมหญิงวัยกลางคนเอาไว้ค่อย ๆ หลุดออกราวกับว่ากำลังปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง
“ได้โปรดเอามีดมาแทงข้าทีเถอะ”
บรรยากาศภายในสนามประลองตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความกดดัน เพราะสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเมื่อ ฟิลช์ คว้าอาวุธคู่กายออกมา
ใบหน้าของคู่ต่อสู้ที่อายุน้อยกว่าซีดเผือดลงในทันที
“ทำไมหน้าเจ้าถึงเป็นเช่นนั้น ? ดาบที่ข้าถือมันทำให้เจ้าคิดกลัวขึ้นมาหรือไง”
คนโตกว่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสนใจพลางตั้งท่าเตรียมพร้อมอย่างชำนาญในการต่อสู้
เมื่อคำถามที่ไม่ได้คาดหวังในคำตอบจบลง เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าเริ่มประลองได้ก็ดังขึ้นจนไม่อาจทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ทัน
ไม่ทันไรร่างของคนโตกว่าก็มาอยู่ตรงหน้าของคนที่กำลังหวาดกลัวพร้อมดาบยาวที่ฟาดลงมาอย่างหนักหน่วง สายลมพัดพลิ้วรอบตัวขึ้นมากะทันหัน
สายตาที่สั่นไหวราวกับลูกนกตัวน้อยเจอศัตรูที่ไม่อาจต่อกรได้ เขามองตามการเคลื่อนไหวไม่ทัน กว่าที่คนเด็กกว่าจะรู้สึกตัวแล้วยกมีดสั้นเวทมนตร์ขึ้นมาตั้งรับมันก็สายไปเสียแล้ว
เขาต้านทานแรงมหาศาลไว้ไม่ไหว…
ตู้มมม
ร่างของเขาถูกดาบฟาดด้วยแรงมหาศาล จนกระเด็นไปกระแทกกำแพงเข้าอย่างจัง แผ่นหลังกระทบเข้ากับหินที่เรียงรายจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของเด็กหนุ่มสะบักสะบอมกระดูกทั่วแผ่นหลังแตกหักไม่มีชิ้นดี
“อึก !” เด็กหนุ่มร้องครางด้วยความเจ็บปวดดวงตาปิดสนิท กระอักเลือดสีแดงสดออกมากองกับพื้น
“ข้าจะไม่เข้าไปซ้ำ ลุกขึ้นมาแล้วตั้งท่าใหม่อีกครั้งซะ !”
เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยกดาบชี้ไปทางร่างที่ไร้เรี่ยวแรงที่นั่งอยู่ริมสุดของขอบสนาม
ดวงตาสีน้ำเงินจดจ้องมองกลับมาอย่างเคียดแค้น ร่างกายสั่นเทาราวกับไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ได้
“เรย์เวน ดีลักซ์…”
To be continued
ท่านแม่จี้มาก แพ้ก็ไม่เป็นไรแต่แม่ไม่เคยแพ้ เอ้อ เอาเข้าไป เป็นเรย์เวนก็เหนื่อยใจแบบนี้แหละนะ 55555555555
ปล. ตอนท้ายนั่นมันอะไร พะ แพ้ หรอ??? เรย์เวนลูกกกกกกก
อยากรู้ว่าแพ้หรือไม่ ? สามารถจิ้มลิ้งค์นี้เพื่อซื้อ e-book และอ่านก่อนใครได้เลยค่ะ
และขอประกาศอย่างเป็นทางการ
หลายคนอาจจะตกใจกับสีของหน้าปกที่เปลี่ยนไป พอดีมีคนแจ้งเข้ามาค่ะ ว่าหน้าปกของเรื่องนี้ไปคล้ายกับหน้าปกเว็บตูนเรื่องหนึ่ง
อาจจะด้วยโทนสีแดง และ คอมโพสคล้ายคลึงกัน
(ซึ่งจริงๆมันเป็นโมเดลทั่วไปที่นักวาดใช้กัน)
ทางนักวาดเลยได้ปรับสีให้มันคอนทราสกันมากขึ้น ซึ่งมันก็สวยมากเลยค่ะ ถูกใจนักเขียนสุดๆ เพราะฉะนั้นอย่าตกใจนะคะ ที่ปกเปลี่ยนไป
สุดท้ายนี้ ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ