”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 - 24 ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม,แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,แอคชั่น,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แก้แค้น,แอคชั่น,ปีศาจ,จอมเวท,เกิดใหม่ ,นักดาบ,ดราม่า,เวทมนตร์,#BL,แฟนตาซี,ต่างโลก

รายละเอียด

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9 โดย fixcblue @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

”ราเชล ฮาร์ท“ นักดาบเวท ที่ปกป้องน้องชายจนพลาดท่าโดนราชาปีศาจฆ่าตาย กลับมาเกิดใหม่ในตระกูลนักเวทสายรักษา “ดีลักซ์” เขาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะไปแก้แค้นราชาปีศาจ ครั้งนี้เขาจะทำได้มั้ยนะ?

ผู้แต่ง

fixcblue

เรื่องย่อ


 ประกาศ 

งดอัพรายตอนใน plotteller สามารถติดตามต่อได้ที่ เพจ facebook : Fixcblue

 

 

สารบัญ

ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-บทนำ ข้ามาเกิดใหม่งั้นหรือ?,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-1 คุณชายแห่งนีไอโอเนีย,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-2 ไอ้เด็กเมื่อวานซืน,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-3 เจ้าเป็นข้ารับใช้ของใคร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-4 มาเรียน่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-5 อดีตนักรบ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-6 ลงทะเบียนเรียนชั้นปีที่ 2,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-7 จุดด่างพร้อยหนึ่งเดียว,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-8 มือสังหาร,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-9 การฆ่าครั้งแรก,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-10 น้ำกับไฟถ้าไกลกันได้ก็ดี,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-11 นาฬิกาเรือนเก่า,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-12 ผู้ใช้เวทห้วงเวลา,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-13 ผสานสามวงแหวนเวทมนตร์,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-14 แค่ฝึกซ้อม (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-15 แค่ฝึกซ้อม (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-16 คำสั่งขององค์จักรพรรดิ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-17 ว่าด้วยเรื่อง ดาบเลือด,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-18 การประชุมสำคัญ (1),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-19 การประชุมสำคัญ (2),ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-20 ดอม เพล แชมเปญ,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-21 องค์รัชทายาท,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-21.1 ‼️แจ้งวางขาย e-book และ แจ้งติดเหรียญ ‼️,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-22 สองรุมหนึ่ง,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-23 ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง,ข้าเคยเป็นนักดาบเวทเลเวล 9-24 ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้

เนื้อหา

24 ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้

ในขณะที่เสียงพูดคุยปะปนเสียงหัวเราะของครอบครัวดีลักซ์ และเพื่อนสนิทของลูกชายดังกึกก้องไปทั่วบริเวณนั้น พวกเขาไม่ได้คิดไว้มาก่อนเลยว่าจะมีใครที่แอบมองภาพนั่นอยู่ไกล ๆ และก้าวเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

จนกระทั่งน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งที่ดูขัดกับใบหน้าสวยราวกับหญิงสาวดังขึ้น

“ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริง ๆ ท่านเอิร์ลดีลักซ์”

ประโยคเอ่ยชมถึงความอบอุ่นจากภาพที่เห็นเรียกความสนใจให้ทุกคนหันมองยังคนที่เดินเข้ามาใหม่

แต่แล้วบรรยากาศก็พลันเปลี่ยนไปในทันที ความอบอุ่นที่ตลบอบอวลอยู่ในอากาศถูกแทนที่ด้วยความเคารพนอบน้อม

ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายรูปงามเรือนผมสีเขียวมรกตยาวสลวยพลิ้วไหวราวกับสายน้ำ สวมชุดสีทองอร่ามประดับด้วยอัญมณีล้ำค่า เข็มกลัดตราสัญลักษณ์ราชวงศ์ประดับอยู่บนอกด้านซ้าย

เขาเดินเข้ามาอย่างสง่างามพร้อมองครักษ์ผู้ยืนเรียงรายอยู่ด้านหลังราวกับกำแพงเหล็กที่คอยปกป้อง

ทุกคนในที่นั้นนั่งคุกเข่าลงหนึ่งข้าง พร้อมกล่าวคำถวายบังคมดังก้องกังวาน

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ ฝ่าบาทผู้เป็นแสงสว่างของจักรวรรดิ !!”

จักรพรรดิหนุ่มทอดสายตาไปยังทุกคนที่แสดงความเคารพ ใบหน้าแย้มยิ้มบาง ๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวสว่าง

เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใย

“ตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาแล้ว เรย์เวน… เจ้าไม่ไปเตรียมตัวหรอกหรือ ?”

เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าประโยคแรกที่ฝ่าบาทเอ่ยขึ้นคือการถามไถ่เขาด้วยความเป็นห่วง

เรย์เวนก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามด้วยความนอบน้อม

“กระหม่อมจะรีบไปเตรียมตัวหลังจากไปส่งท่านพ่อกับท่านแม่ที่เก้าอี้รับชมพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิครุ่นคิดชั่วครู่ ฝ่ามือหนาถูกยกขึ้นลูบปลายคางราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น

“ถ้าเช่นนั้นให้ทั้งสองท่านไปกับเราไม่ดีกว่าหรือ เราเตรียมที่นั่งรับชมไว้ให้แล้วละ ไปพร้อมกันสิ”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ ฝ่าบาท” แวนคลิโอและภริยาก้มศีรษะลงอีกเล็กน้อย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง

แต่ทว่า ธุระที่ต้องพูดคุยกับลูกชายคนเดียวยังไม่หมดไป แวนคลิโอเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้มีอำนาจเหนือกว่า นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

“หากทรงอนุญาตกระหม่อมทูลขออยู่พูดคุยกับลูกชายของกระหม่อมอีกไม่นาน หลังจากนั้นกระหม่อมจะตามเสด็จไปได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าของเรือนผมสีเขียวมรกตได้ยินอย่างนั้น เขาพยักหน้ารับเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม

“ได้สิ งั้นเราจะไปก่อนแล้วกัน” เขาเหลือบกลับไปมองที่เด็กหนุ่มอีกครั้ง นัยน์ตาดูลุ่มลึกคาดเดาได้ยาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เรย์เวน ดีลักซ์”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เจ้าของชื่อขานรับในทันที

จักรพรรดิหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วขณะ สายตาที่มองไปยังคนเด็กกว่ามันซับซ้อนอย่างชัดเจนจนหัวหน้าองครักษ์ที่ยืนประกบอยู่ด้านหลังรู้สึกได้

เขาหรี่ตามองเจ้าของเรือนผมสีเขียวสลับกับเด็กหนุ่มไปมาอย่างนึกสงสัย

“วันนี้เจ้าทำให้เต็มที่ล่ะ เราจะรอดูความสามารถของเจ้า” องค์จักรพรรดิเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

การกระทำนั้นยิ่งทำให้ไซอันรู้สึกแปลกใจมากขึ้นไปอีก เพราะอะไรผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิถึงดูอ่อนโยนกับเด็กที่เพิ่งได้พูดคุยกันไม่นานเช่นนี้

“กระหม่อมจะไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ”

เรย์เวนตอบอย่างมั่นใจ น้ำเสียงของเขาหนักแน่นแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่ต้องเผชิญต่อจากนี้

ใบหน้าหวานขององค์จักรพรรดิเผยรอยยิ้มที่มุมปากพลางพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะก้าวเดินออกไปพร้อมองครักษ์ ทิ้งให้ความเงียบสงบปกคลุมครอบครัวดีลักซ์

หลังจากองค์จักรพรรดิเดินจากไปจนพ้นสายตา ทุกคนลุกขึ้นยืนในทันที

แวนคลิโอหันมาหาลูกชายคนเดียวของตนก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ลูกชาย พ่อมีอะไรจะบอกลูก”

เรย์เวนเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นพ่อ

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มสีเดียวกับคนตรงหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยว่ายังหลงเหลืออะไรที่ต้องบอกเขาอีก

“ครับท่านพ่อ” เขาตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เจ้าของเรือนผมสีเทาหม่นจับบ่าเรย์เวนทั้งสองข้างอย่างเบามือ ความรู้สึกหนักอึ้งมากล้นอยู่ภายในใจ เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของลูกชายด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความกังวล

“พ่อไม่เคยอยากให้ลูกต้องเจ็บตัว เพราะฉะนั้นแล้ว… ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร แม้จะต้องเสียศักดิ์ศรีก็ไม่เป็นไร หากมันเป็นการต่อสู้ที่ยากเกินจะรับมือไหว ลูกก็ต้องเอ่ยปากขอยอมแพ้ในตอนที่ยังทำได้ซะ”

น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ ความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเต็มเปี่ยมปรากฏชัดเจนราวกับคลื่นที่ซัดสาดเข้าใส่เรย์เวนอย่างไม่หยุดยั้ง

ทว่าเรย์เวนกลับยังดื้อดึงความมุ่งมั่นในดวงตาของเขาไม่ลดลงเลยคล้ายว่าจะกลัวเสียศักดิ์ศรีหากทำตามที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นมา

“แต่ว่า…” เขาพยายามเอ่ยค้าน แต่เสียงของเขาดังแผ่วเบาราวกับกำลังต่อสู้กับความรู้สึกภายใน

แวนคลิโอรีบพูดขัดขึ้นมาน้ำเสียงของเขาหนักแน่นกว่าก่อนหน้านี้

“ห้ามฝืนร่างกายตัวเองเป็นอันขาด ถึงร่างกายของลูกที่มีสายเลือดของดีลักซ์ไหลเวียนอยู่ แต่พ่อไม่ได้อยากให้มันต้องมีบาดแผลจากการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น”

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวที่แฝงไปด้วยความรักและความห่วงใยจนทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกได้

เรย์เวนหลุบสายตาลงต่ำ เขานิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป แต่ทว่าประโยคต่อไปที่ได้ยินกลับทำให้เขาทวีคูณความรู้สึกผิดเข้าไปอีก

“พ่อรู้เรื่องที่ลูกฝืนร่างกายเข้าไปอยู่ในกองเพลิงตอนที่สู้กับลูกชายของดยุกพาเทนเซียแล้ว”

“ท่านพ่อ…” เด็กหนุ่มพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

แวนคลิโอจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของลูกชายอีกครั้ง

“สัญญากับพ่อได้หรือไม่… ว่าลูกจะไม่ฝืนตัวเองเช่นนั้นอีก”

เสียงของเจ้าตระกูลดีลักซ์แผ่วเบาราวกับปุยนุ่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายจนแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของเด็กหนุ่ม

เรย์เวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ครับ ผมสัญญา จะไม่ทำเช่นนั้นอีกครับ”

ฝ่ามือหนาของแวนคลิโอเอื้อมมือไปลูบหัวลูกชายอย่างเบามือ ความโล่งใจปะปนกับความห่วงใยก่อเกิดขึ้นภายในใจจนมันยากจะบรรยายเป็นคำพูดออกมา

แม้เขาจะมีตำแหน่งเป็นถึง…ผู้ปกครองเมืองนีไอโอเนีย อาจารย์ใหญ่ของสถาบันการแพทย์ หรือแม้แต่ เจ้าตระกูลดีลักซ์

ทุกตำแหน่งนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาปฏิเสธคำสั่งขององค์จักรพรรดิและหยุดยั้งการประลองที่ไม่สมเหตุสมผลครั้งนี้ได้

สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ขอร้องและหวังว่าลูกชายของเขาจะจบการประลองได้อย่างไร้บาดแผลที่สาหัสมากเกินไป

“เรย์เวน”

น้ำเสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังของเจ้าของเรือนผมสีเทาหม่น เรย์เวนหันมองตามเสียงเรียกก็พบว่าซาร่ามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เด็กหนุ่มละจากผู้เป็นพ่อขยับเข้าใกล้ในทันที ร่างของคนที่เป็นห่วงลูกชายไม่ต่างจากสามีโผเข้ากอดอย่างรวดเร็ว

ฝ่ามือขาวเนียนลูบแผ่นหลังลูกชายที่สูงกว่าตนเองอย่างแผ่วเบา เป็นสัมผัสที่อ่อนหวานแต่แอบแฝงไปด้วยความกังวลใจ

เด็กหนุ่มหลับตาพริ้มกอดตอบผู้เป็นแม่

“ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไรนะลูก เมื่อตอนที่แม่ยังเรียนอยู่ที่สถาบัน แม่เองก็เคยได้ประลองอยู่หลายครั้ง”

ไม่นานนักอ้อมกอดของซาร่าก็เกี่ยวรัดแน่นขึ้นจน เรย์เวนรู้สึกอึดอัด ความอบอุ่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความกดดัน จนความตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ

ทั่วร่างกายของเด็กหนุ่มขนลุกชูชัน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงราวกับว่าอ้อมกอดที่อบอุ่นกำลังกลายเป็นกรงเหล็กที่คับแคบ

“แต่แม่ไม่เคยพ่ายให้ใคร... ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครหน้าไหนทั้งนั้น

น้ำเสียงของเคาน์เตสดีลักซ์หนักแน่นราวกับคำสาปที่ผูกพันกับชะตาชีวิตของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีเอาไว้ ความเงียบปกคลุมโดยรอบอีกครั้ง

ความกดดันที่หนักอึ้งทำให้เรย์เวนรู้สึกหมดแรง สองมือที่เคยเกาะกุมหญิงวัยกลางคนเอาไว้ค่อย ๆ หลุดออกราวกับว่ากำลังปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง

“ได้โปรดเอามีดมาแทงข้าทีเถอะ”

 

 

บรรยากาศภายในสนามประลองตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความกดดัน เพราะสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเมื่อ ฟิลช์ คว้าอาวุธคู่กายออกมา

ใบหน้าของคู่ต่อสู้ที่อายุน้อยกว่าซีดเผือดลงในทันที

“ทำไมหน้าเจ้าถึงเป็นเช่นนั้น ? ดาบที่ข้าถือมันทำให้เจ้าคิดกลัวขึ้นมาหรือไง”

คนโตกว่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสนใจพลางตั้งท่าเตรียมพร้อมอย่างชำนาญในการต่อสู้

เมื่อคำถามที่ไม่ได้คาดหวังในคำตอบจบลง เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าเริ่มประลองได้ก็ดังขึ้นจนไม่อาจทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ทัน

ไม่ทันไรร่างของคนโตกว่าก็มาอยู่ตรงหน้าของคนที่กำลังหวาดกลัวพร้อมดาบยาวที่ฟาดลงมาอย่างหนักหน่วง สายลมพัดพลิ้วรอบตัวขึ้นมากะทันหัน

สายตาที่สั่นไหวราวกับลูกนกตัวน้อยเจอศัตรูที่ไม่อาจต่อกรได้ เขามองตามการเคลื่อนไหวไม่ทัน กว่าที่คนเด็กกว่าจะรู้สึกตัวแล้วยกมีดสั้นเวทมนตร์ขึ้นมาตั้งรับมันก็สายไปเสียแล้ว

เขาต้านทานแรงมหาศาลไว้ไม่ไหว…

ตู้มมม

ร่างของเขาถูกดาบฟาดด้วยแรงมหาศาล จนกระเด็นไปกระแทกกำแพงเข้าอย่างจัง แผ่นหลังกระทบเข้ากับหินที่เรียงรายจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของเด็กหนุ่มสะบักสะบอมกระดูกทั่วแผ่นหลังแตกหักไม่มีชิ้นดี

“อึก !” เด็กหนุ่มร้องครางด้วยความเจ็บปวดดวงตาปิดสนิท กระอักเลือดสีแดงสดออกมากองกับพื้น

“ข้าจะไม่เข้าไปซ้ำ ลุกขึ้นมาแล้วตั้งท่าใหม่อีกครั้งซะ !”

เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยกดาบชี้ไปทางร่างที่ไร้เรี่ยวแรงที่นั่งอยู่ริมสุดของขอบสนาม

ดวงตาสีน้ำเงินจดจ้องมองกลับมาอย่างเคียดแค้น ร่างกายสั่นเทาราวกับไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ได้

“เรย์เวน ดีลักซ์…”

 

 

To be continued


ท่านแม่จี้มาก แพ้ก็ไม่เป็นไรแต่แม่ไม่เคยแพ้ เอ้อ เอาเข้าไป เป็นเรย์เวนก็เหนื่อยใจแบบนี้แหละนะ 55555555555

ปล. ตอนท้ายนั่นมันอะไร พะ แพ้ หรอ??? เรย์เวนลูกกกกกกก

อยากรู้ว่าแพ้หรือไม่ ? สามารถจิ้มลิ้งค์นี้เพื่อซื้อ e-book และอ่านก่อนใครได้เลยค่ะ 

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMjU3MzU4MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjM1MDgxOSI7fQ

และขอประกาศอย่างเป็นทางการ 

หลายคนอาจจะตกใจกับสีของหน้าปกที่เปลี่ยนไป พอดีมีคนแจ้งเข้ามาค่ะ ว่าหน้าปกของเรื่องนี้ไปคล้ายกับหน้าปกเว็บตูนเรื่องหนึ่ง

อาจจะด้วยโทนสีแดง และ คอมโพสคล้ายคลึงกัน

(ซึ่งจริงๆมันเป็นโมเดลทั่วไปที่นักวาดใช้กัน)

ทางนักวาดเลยได้ปรับสีให้มันคอนทราสกันมากขึ้น ซึ่งมันก็สวยมากเลยค่ะ ถูกใจนักเขียนสุดๆ เพราะฉะนั้นอย่าตกใจนะคะ ที่ปกเปลี่ยนไป

สุดท้ายนี้ ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ