อดีตที่ฝั่งใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สร้างบาดแผลให้แต่ละคน มักจะเป็นตัวกำหนดตัวตนของคนๆ นั้นเสมอ ทุกคนจึงมีที่มาเป็นของตัวเองเสมอ เรื่องราวการผจญภัญของเด็กหนุ่มคนนึ่ง ที่ต้องพบพานกับการสูญเสีย การหักหลัง ความรัก และมิตรภาพ ร่วมลุ้นกับโชคชะตาที่แสนจะพลิกพลัน และการเติบโตไปพร้อมกับ ตัวละครที่จะพาคุณโลดแล่นสู้โลกของจินตการกัน

The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม - องค์ที่ 14 แผนลวง โดย Diamondink @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รัก,ผจญภัย,แอคชั่น,พระเอกเทพ,พระเอกอบอุ่น,ปีศาจ,เทพเซียน,แอคชั่น,รักโรแมนติด,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รัก,ผจญภัย,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเทพ,พระเอกอบอุ่น,ปีศาจ,เทพเซียน,แอคชั่น,รักโรแมนติด,แฟนตาซี,ดราม่า

รายละเอียด

The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม โดย Diamondink @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อดีตที่ฝั่งใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สร้างบาดแผลให้แต่ละคน มักจะเป็นตัวกำหนดตัวตนของคนๆ นั้นเสมอ ทุกคนจึงมีที่มาเป็นของตัวเองเสมอ เรื่องราวการผจญภัญของเด็กหนุ่มคนนึ่ง ที่ต้องพบพานกับการสูญเสีย การหักหลัง ความรัก และมิตรภาพ ร่วมลุ้นกับโชคชะตาที่แสนจะพลิกพลัน และการเติบโตไปพร้อมกับ ตัวละครที่จะพาคุณโลดแล่นสู้โลกของจินตการกัน

ผู้แต่ง

Diamondink

เรื่องย่อ


สารบัญ

The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 1 บทนำ,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 2 การจากลา และการพบพาน,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 3 การจากลา และการพบพาน 2,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 4 การปรับตัว,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 5 การปรับตัว 2,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 6 การเรียนรู้,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 7 การบุกรุก,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 8 ฆ่าหรือถูกฆ่า,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 9 ช่วยเหลือ,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 10 ขวาง,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 11 เจ้าชายแห่งอคาด้า,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 12 มิตรภาพ,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 13 สายสัมพันธ์,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 14 แผนลวง,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 15 พายุที่กำลังก่อตัว,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 16 พายุโหมกระหน่ำ,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 17 แสงแห่งนภา,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 18 ผู้มาเยือน,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 19 พันธะโลหิต,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 20 สองสาวอาร์ชิบัส,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 21 1 วันก่อนการประลอง,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 22 การทดสอบขั้นพื้นฐาน,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 23 การประลอง,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 24 มีอา เพดราก้อน,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 25 มนูเอล บรอสมันด์,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 26 งานเลี้ยงประกาศตน

เนื้อหา

องค์ที่ 14 แผนลวง

หลังการจากไปของอลูคาร์ด  ราฟาเอลโร่ก็ใช้ช่วงเวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกซ๊อม  คอพิอุสก็ยังคงยุ่งวุ่นวายกับภาระกิจที่รัดตัว แต่ยังคงสามารถเคี่ยวกรำเขา ผ่านเกรนเดลผู้มากความสามารถ

เพราะหากยังมิลืมเลือนราฟาเอลโร่ยังคงต้องฝึกปรือธาตุที่กำเนิดมาพร้อมกับเขาอีกสองธาตุให้ชำนาญ นั้นคือแสงสว่างที่ช่างหักล้างกับความมืด แต่ดูเหมือนหนุ่มน้อยผู้นี้จะครอบความขัดแย้งนั้นไว้ในกายเนื้อ

แม้ราฟาเอลโร่จะบากบั่นต่อการฝึกฝนเพียงใด เขาก็มิลืมเลือนที่จะแวะไปเยียมเยือนวิหคเพลิงที่เปรียบได้กับสหายอีกคนของเขา  เขามักจะเสวนาหลายๆ สิ่งให้วิหคเพลิงได้ที่สดับรับฟังอยู่เสมอ แม้จะมิได้มีสุ่มเสียงใดๆ ตอบกลับมา

 “อลูคาร์ดเป็นเพื่อนที่ดี  เป็นคนที่ชั่งสังเกตุ และห่วงใย  ข้าอาจจะมิมีวันได้พบเจอสหายแบบเขาอีก”

ราฟาเอลโร่ที่นั่งพิงลำตัวของวิหคเพลิงอย่างใกล้ชิด  และแลดูเหมือนมันเองก็มิได้รังเกียจเบียดฉันอันใดเขาเลย  มันกลับพยายามปลอยโยนเขา โดยการใช้ศรีษะดันไปที่ตัวเขาเบาๆ ก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตา

 “ขอบคุณ ถึงจะเหงา แต่ข้าก็ไม่เป็นไร”

ถือเป็นการคาดเดาที่ดี ถึงแม้เขาเองก็ไม่ได้แน่ใจนัก ว่านั้นเป็นการปลอยโยนสะทีเดียว  เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเข้ารู้เปล่า  แต่การได้พูดออกมาก็ทำให้เขาสงบขึ้น

แอสโทรเฟียนครหลวงอันอันรุ่งเรือง  อีกแห่งของเผ่าพันธุ์เอลฟ์  ที่นี้อุดมไปด้วยทรัพยากรอันมากมาย ที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ  การบรรจบของสายธารพลังเวทย์อันยิ่งใหญ่ที้เกิดขึ้นเอง  ที่ทำให้ทุกชีวิตที่นี้เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต 

และปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่งดงามเนื่องด้วยเป็นนครแห่งเดียวที่มีครบทั้งเบญจาตฤดู  แม้ในยามที่รัตติกาลมาเยือน  หากมิได้นับรวมแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่มิมีวันมอดดับแห่งวิลเวอร์ซันแล้ว  ก็ยังคงมีหลายชีวิตที่เจิดจรัสในราตรีอันมืดมิด  หิ่งห้อยลวงตาก็ไปหนึ่งในนั้น  พวกมันเปร่งประกายแสงแห่งชีวิตหลายหลากสี  บินตอมดอกไม้เรืองแสงที่ถูกปลูกไว้อย่างสวยงามตามระเบียงที่สร้างจากหินอ่อนพันปี  ณ  ปราสาทแอสโทรเฟีย

 “พระองค์ทรงเรียกพบข้าหรือฝ่าบาท"

 “มาถึงแล้วงั้นรึ คอพิอุส”

เป็นน้ำเสียงที่ทรงพลัง แต่ทว่าก็อ่อนโยนนุ่มลึกในเวลาเดียวกัน  กษัตริย์เอลฟ์ที่ได้รับคำกล่าวขานว่า ทรงพระปรีชาสามารถ  ตั้งแต่เริ่มรัชสมัย ก็ก่อให้เกิดความผาสุขได้ตั้งแต่ทรงบัลลังก์ คอโดลาส ดิ กลาเดียร์ ทรงขึ้นครองราชหลังพระบิดาสวรรคต ในช่วงสงครามของเหล่าทวยเทพและราชันปีศาจ เรียกกันว่า ศึกบุปผาทองคำ

 “พะยะคะ แลดูเหมือนหลังการประชุมโต๊ะกลาง มีเหตุให้ทรงกังวลพระหฤทัยหรือฝ่าบาท"

ร้อยยิ้มบางๆ นั้นถูกยกขึ้นที่มุมปาก มันเป็นการประทับรอยยิ้มด้วยความชื่นชม แต่น่าเสียดายยิ่งเมื่อคู่สนทนานั้น ได้ยลเพียงแผ่นหลัง

 “หากขาดเจ้าไปข้าจะทำเยี่ยงไร คอพิอุส ข้าหวั่นความเงียบสงัดนี่เหลือเกิน เงียบเสียจนข้าเกรงว่าจะถูกความมืดมิดเบื้องหน้ากลืนกิน"

ของราชาผูเจับจองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้ากล่าวขึ้น

 “ข้าเอง ก็อยากเหลือเกินให้สัมผัสอันเฉียบคมของพระองค์นั้นคลาดเคลื่อน  แต่เหล่าวิญญาณในสายลมรอบตัวข้ากลับกระซิบบอกถึงสิ่งที่เรานั้นมองไม่เห็น"

บรรยากาศที่เคยผ่อนคลาย  ตอนนี้กลับหนักอึ้ง แม้กระทั่งเหล่าหิ่งห้องที่บินอวดแสงสี  ยังต้องดับแสงเพื่อเร้นกายให้พ้นจากความกระอักกระอวนนี้

 “นิมิตข้าเลือนรางอย่างที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน นัยน์ตาข้ามืดบอด  เหมือนเราคล้ำทางในความมืดอันไร้จุดหมาย"

 “พระองค์ทรงไว้พระทัยข้าหรือไม่"

 “เจ้าเป็นเพียงผู้เดียว ที่ข้าจะมิมีวันเคลือบแคลง คอพิอุส"

รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคอพิอุสปะปนไปด้วยความรู้สึกหลายสิ่งหลายอย่าง

 “ทรงวางพระทัยเถิด ข้าและคนของพระองค์จะตีฝ่าขวากหนาม และทอดเส้นทางไปสู่แสงที่ทอสว่างไสวเบื้องหน้าให้พระองค์เองฝ่าบาท"

 การปรากฏกายดั่งฝูงมดที่ทำรังจากใบพฤกษา ของเหล่าปีศาจจากอเวจี  เริ่มมีให้ประจักษ์บ่อยครั้งจนนับมิได้  ทำให้ความถี่ในการออกทำภารกิจนะ้นเพิ่มขึ้น

ราฟาเอลโร่ที่เหน็ดเหนื่อยกลับมาจากการสู่รบที่ติดต่อกันร่วมสัปดาห์  เมื่อถึงห้องเขาก็ไม่รีรอที่จะถอดชุดไพรเวทย์ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเหล่าปีศาจ ที่แห้งกรังอีกทั่งยังเหม็นสาบออกจากร่างกาย 

แล้วพร่ำบอกตัวเองว่าหลังจากวันพรุ่งนี้เขาจะมีเวลาได้พักแล้ว  ชุดไพรเวทย์ถูกเก็บออกจากห้องพักโดยเหล่าโนมรับใช้  และนำไปทำความสะอาด  ต่อด้วยเวทย์แห่งการชะล้าง

 “นี้เป็นชุดไพรเวทย์ของท่านราฟาเอลโร่”

โนมรับใช้ที่มีเรือนที่เงาเป็นสีเขียว รูปร่างที่มิต่างไปจากเด็กชายคนนึ่ง ส่งต่อตะกร้าอาภรณ์ที่ต้องทำความสะอาดให้โนมหญิงตนนึ่ง

 “ร่วมหกปักษ์ได้แล้ว ที่ชุดไพร่เวทย์อาภรณ์ที่ เปอะเปือนโลหิตแล้วชำล้างมิได้"

( 1 ปักษ์ คือ 15 วัน /4 ปักษ์คือ 2 เดือน)

โนมหญิงที่มีเรื่องผมสีชมพู  แสดงสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อหยิบชุดไพรเวทญ์ที่เปรอะเปื้อนได้ด้วยคราบโลหิตแห้งกรังขึ้นมาจ้องมอง

 “หากเป็นเช่นนั้นก็ต้อง คงต้องทำลายเสีย  แล้วก่อนที่ท่านราฟาเอลจะไร้ซึ่งชุดไพรเวทย์ คงต้องแจ้งให้ท่านเกรนเดลสั่งตัดอาภรณ์ใหม่"

โนมเรือนผมเขียวกล่าว  ก่อนจะคว้านึ่งในชุดไพรเวทย์แล้วเดินออกไป

#ก๊อกๆ# เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้เกรนเดลซึ่งตอนนี้ง่วงกับงานเอกสารบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้น

 “เข้ามา"

โนมชายที่มีเรือนผมสีเขียว หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ราวกับเด็กชายวัย 10 ขวบ ได้เปิดประตู และเยื้องเยียงเข้าไป

 “ขอรับ ข้ามีเหตุที่ต้องแจ้งขอรับ"

 “ว่ามาเลย"

เกรนเดลเบนหน้ากลับไปที่งานเอกสารบนโต๊ะ

“ชุดไพรเวทย์ของท่านราฟาเอลโร่ขอรับ  มันเลอะคราบโลหิตของปีศาจ ราวกับหมึกเวทย์ที่ฝังแน่นคราบโลหิตนั้นคงอยู่มิอาจเลือนหาย   มิเคยเป็นมาก่อน จะต้องทำลายชุดทิ้ง หากแต่ท่านจะสามารถสั่งตัดชุดให้ท่าราฟาเอลเพิ่มได้หรือไม่ขอรับ”

โนมกล่าวพร้อมยื่นชุดไพรเวทย์ในมือให้เกรนเดล ที่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

 “มิอาจชำระล้างได้งั้นรึ นานเท่าไรแล้ว”

 “6 ปักษ์ได้ขอรับ"

เกรนเดลคว้าหยิบชุดไพรเวทย์ตรงหน้ามาพินิจ ดวงตาเขาส่อแววฉงนอย่างเห็นได้ชัด

 “พวกเจ้าลองกับทุกทางแล้วงั้นรึ"

 “ขอรับ ทุกทางแล้วขอรับ เมื่อก่อนโดยส่วนมาก เมื่อร่ายเวทย์ชำระล้างคราบโลหิตก็จะเลือนหาย  และกลับมาเหมือนใหม่ แต่พักหลังนี้มิอาจทำได้ขอรับ"

 “เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก ข้าจะเร่งให้ช่างตัดอาภรณ์ใหม่และส่งมาให้"

 “ขอรับ งั้นข้าขอตัวขอรับ"

เกรนเดลพยักหน้า ในมือยังคงมีชุดไพรเวทที่เปื้อนเลือด  เขานั่งจ้องมองไปที่มันอยู่นาน พยายามนึกถึงสาเหตุที่โลหิตนั้นเกิดชำระล้างมิได้ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา  แม้หลังจากงานรับผิดชอบได้เสร็จสิ้น ในยามที่ทุกคนหลับไหล ดวงตาของเขายังคงเบิกกว้าง  นั่งที่โต๊ะทำงานตัวเดิมให้ห้องของเขา  และนึกวกวนกลับไปมา

"ทำไมนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก  ทั่งที่รู้ทั่งรู้ว่ามันมิสมเหตุสมผลเอาเสียเลย ที่อยู่ๆ คราบโลหิตที่เคยล้างออกอย่างง่ายดาย  กลับชำระล้างไม่ได้ เฮ้ย หรือข้าจะวิตกไปเอง”

เกรนเดนวางมือจากชุดไพรเวทที่ถืออยู่  หันความสนใจไปยังเอกสารที่กองอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง

“จริงสิข้าต้องส่งสารไปหาช่างเสื้อ เพื่อสั่งตัดชุดไพรเวท”

ก่อนจะหยิบปากกาขนนกและกระดาษ  บรรจงเขียนสารขอให้สิ่งที่ต้องการ  และดึงกระดาษอีกแผ่นเพื่อร่างอักขระเพื่อสร้างวงเวทย์  แต่เมื่อบรรจงอักขระได้เพียงครึ่งทาง  มือเรียวที่จับด้ามปากกาก็หยุดยิ่ง

“นี้ไง เหตุผล”

ปากกาและกระดาษถูกวางลงเบื้องหน้า  เกรนเดลเอื้อมมือคว้าชุดไพรเวทย์เปื้อนคราบเลือด ก่อนที่จะลุกขึ้นพร้อมกับก้าวเดินออกจากประตูอย่างเร่งรีบ