อดีตที่ฝั่งใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สร้างบาดแผลให้แต่ละคน มักจะเป็นตัวกำหนดตัวตนของคนๆ นั้นเสมอ ทุกคนจึงมีที่มาเป็นของตัวเองเสมอ
เรื่องราวการผจญภัญของเด็กหนุ่มคนนึ่ง ที่ต้องพบพานกับการสูญเสีย การหักหลัง ความรัก และมิตรภาพ ร่วมลุ้นกับโชคชะตาที่แสนจะพลิกพลัน และการเติบโตไปพร้อมกับ ตัวละครที่จะพาคุณโลดแล่นสู้โลกของจินตการกัน
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รัก,ผจญภัย,แอคชั่น,พระเอกเทพ,พระเอกอบอุ่น,ปีศาจ,เทพเซียน,แอคชั่น,รักโรแมนติด,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แอสโทรเฟียในยามนี้ ถูกปิดล้อมจากทุกทิศทาง แม้จะเป็นด้านได้นอกของบาเรีย แต่ก็มิมีสิ่งใดยืนยันได้เลยว่า บาเรียจะสามารถยืนหยัดได้ หากเกิดการโจมตีที่มิสามารถประเมินได้ เพลาหลายชั่วยามที่ล่วงเลยผ่านไป
แต่ศัตรูก็ยังคงคืบคลานขึ้นมาจากรอยแยกราวกับแมลงที่กำลังหนีน้ำที่ท่วมรังในวสันตฤดู มากมายเสียจนแทบต้านไม่ไหว
“หากเป็นเยื่ยงนี้ต่อไปมิดีแน่ๆ"
เสียงหายใจหอบป่นออกมาพร้อมกับเสียงพูด โอโดลาสและราฟาเอลโร่นั้นมากด้วยฝีมืออย่างมิต้องสงสัย และการสนับสนุนของโดโลวีนก็แม่นยำหาตัวจับได้ยากยิ่ง แต่จำนวนของศัตรูที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่ต่างจากการว่ายทวนน้ำในยามที่กระแสน้ำเชียวกราด มันกำลังทำให้พวกเขาหมดแรง
“ราฟาเอล ข้าว่าเราต้องปิดรอยแยกนั้น เจ้าพอมีวิธีอันใดบ้างไหม"
ภาพเมื่อครั้งใช้ธาตุแสงในถ้ำเพื้อต้อนศัตรูปรากฏขึ้นมาในหัวของราฟาเอลโร่
“ข้าอยากลองอะไรสักอย่าง ท่านพอช่วยระวังหลังให้ข้าที่ได้หรือไม่"
“นึกอะไรได้แล้วงั้นรึ เจ้าต้องการนานแค่ไหน”
โอโดลาสกล่าวถามเมื่อเหลือบไปเห็นราฟาเอลโร่กำลังรวบรวมสมาธิ
“ไม่นานขอรับ"
ท่ามกลางท้องนภาอันมืดมน และสายลมโหมกระหนำ ปรากฏร่างชายหญิงสองร่างในชุดเสื้อคลุมที่ปลิวไปตามแรงลมราวกับเปลิวเพลิงทมิฬที่กำลังห่อหุ้มร่างร่างอยู่
พร้อมกับดวงตาสีม่วงเจือแดง สองร่างลอยนั้นนิ่งมิติ่งไหวตามแรงลมเหนือแอสโทรเฟีย จ้องมองสังเกตุสิ่งที่กำลังเกิด พร้อมกับรอยยิ้มพึงใจอันที่ทำให้ใบหน้าขาวซีดนั้รดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก
“เกินคาดเสียนี้กระไร ท่านผู้นั้นคงต้องใจแน่เมื่อได้ยิน นี้ขนาดเกราะกำบังยังอยู่ พวกเอลฟ์ยังต้องกระเสือกสนถึงเพียงนี้ 55555”
เป็นเสียงที่เยือกเย็นน่าขนลุก และมิแยแสสิ่งใด เสียงนั้นถูกเปล่งออกมาในขณะที่จ้องมองการล้มตายของทหารใต้บังคับบัญชา
ทันใดนั้นเมื่อสายลมเส้นหนึ่งเปลี่ยนทิศ ร่างกายของชายนิรนามก็สัมผัสได้กับความรู้สึกเสียววาบที่วิ่งขึ้นไปตามไขสันหลัง
“แสงนั้น นักรบแห่งทวยเทพงั้นรึ”
บุรุษนิรนามกล่าว พร้อมกับสายตานั้นจ้องมองไปยังแสงที่สว่างขึ้นอีกฟากท่ามกลางความมืดมิด
“ข้าไปเอง"
สตรีที่ยืนอยู่ข้างกายเขากล่าวขึ้นในขณะที่ขยับเรือนร่างหมายจะพุ่งตัวไปนังจุดหมาย
“ไม่ต้อง มันมิได้สำคัญ เราได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว และหากเป็นนักรบแห่งทวยจริง เราสองคนก็มิอาจยันไว้ได้ รอให้ท่านผู้นั้นได้ซึ่งสิ่งที่พระองค์ต้องการเสียก่อนพลังของพวกเราก็จะเพิ่มพูนเช่นกัน กลับกันเถอะ ฟาทริกซ่า"
ชายนิรนามกล่าว พร้อมกับโบกมือข้างหนึ่ง รอยเส้นสายฟ้าสีดำปรากฏขึ้นในทันที ก่อนที่จะฉีกทึ้งตัวมันเองออกกลางอากาศเป็นวงกลมทมิฬ ประตูมิติถูกสร้างขึ้น เพื่อไปยังอีกจุดหมาย เมื่อสองร่างผ่านพ้นเข้าไปแล้ว มันดก็ปิดตัวลงและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แสงสว่างถูกปลุกขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า มันแผ่ขยายจากจุดเล็กๆ กลืนกินความมืดมิด ราวกับจะแต่งแต้มทุกอย่างให้กลายเป็นสีขาวทอง โอโดลาสยืนจ้องมองแสงที่เอ้อล้นออกมาจากร่างที่อยู่ตรงหน้า
แม้กระทั่งดวงตาที่เบิกโพลงคู่นั้นยังกลายเป็นสีทอง เขาสัมผัสได้ถือคาวมบริสุทธิ์ที่กำลังแทรกซึมเข้ามายังทุกอนูของร่างกาย
ชำระล้างแม้กระทั่งดวงวิญณาณที่อยู่ภายใน หัวใจในทรวงอกเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ บอกไม่ถูกเลยว่าควรจะรู้สึกเช่นไร แสงที่อาบไปทั่วเข้มข้นและสว่างเสียจนดวงตาเขามิอาจรับได้ กระทั่งเมื่อแสงนั้นมอดดับ ทุกสิ่งถูกชำระล้าง โอโดลาสสัมผัมได้ว่าร่างกายนั้นเบาขึ้นอย่างมิเคยเป็นมาก่อน
“ราฟาเอลโร่ เจ้าสามารถเปลี่ยนแสงให้กลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้ถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไรกัน"
โอโดลาสกล่าวถามโดยมิสามารถยับยั้งความสงสัยไว้กับตัวได้ ราฟาเอลโร่ที่ขณะนี้ยืนนิ่งหลังจากใช้เวทย์แสงชำระล้างได้เพียงชั่วครู่
ก่อนที่ร่างของเขาจะซวนเซและล้มลง โอโดลาสที่อยู่ใกล้สามารถช้อนร่างของเขาไว้ได้ทัน ก่อนที่จะกระแทกพื้น ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงแสงอุ่นๆ ที่อาบลงบนใบหน้า
ทำให้โอโดลาสหันตามทิศทางที่แสงทอดมา ลำแสงทมิฬที่เคยพุ่งตัวขึ้นจากรอยแยกสู้ท้องนภาเบื้องบนบัดนี้ได้หายไปแล้ว เช่นเดียวกับรอยแยกบนพื้นดิน เมฆาสีเทาดำค่อยๆ คลายกลับมาขาวกระจ่างดังเดิม ต้นไม้หักโคนหรือยืนต้นตาย บัดนี้แตกยอดอ่อนและผลิดอกใบ ต้นหญ้าบนพื้นกลับมาเชียวชอุ่มอีกครั้ง โอโดลาสที่ยังคงพยุงร่างของราฟาเอลโร่ไว้ในจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้น แทบไม่อยาดจะเชื่อสายตาของตนเอง
“พลทหารโอโดลาส เจ้าบาดเจ็บหรือไม่"
น้ำเสียงนั้นดึงโอโดลาสให้มีสติอีกครั้ง เอลฟ์หนุ่มผู้นึ่งที่มีรูปร่างงดงาม ใบหน้าอ่อนเยาว์ แต่โอโดลาสรู้ดีว่าผู้มาเยือนมีทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิที่มากกว่าเขา
“ไม่ขอรับท่านเกรนเดล ข้ามิได้รับบาดเจ็บ"
“งั้นดี ข้าจะดูแลราฟาเอลโร่เอง ส่วนเจ้าช่วยสองคนนั้นด้วยนะ ธีโอลันได้สติแล้ว แต่เขายังต้องการการเยียวยา"
เกรนเดลกล่าวในขณะที่ช้อนร่างของราฟาเอลโร่มาไว้ในอ้อมแขน โดโลวีนและโอโดลาสช่วยกันพยุงร่างของธีโอลันเพื่อเคลื่อนย้าย
การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อประตูมิติถูกปิดจำนวนของศัตรูจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ชัยชนะจึงตกอยู่ข้างฝ่ายเอลฟ์อย่างมิต้องสงสัย ไม่ช้ากองทัพสมทบระลอกที่สองก็ได้กวาดล้างศัตรูที่ยังมีลมหายใจให้หายไปจากแอสโทรเฟีย
โรงยาแน่นขนัดไปด้วยผู้ที่บาดเจ็บ ไอพิษสร้างผลกระทบและกัดกร่อนร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นการมาเยือนของตัวแทนองค์ราชาจึงเป็นดังความหวังของทุกๆ คน
คอพิอุสก้าวเดินไปตามทางเดินในโรงยาที่มีอย่างน้อยนิด โดยมีเกรนเดลอยู่เคียงข้างเช่นเคย พร้อมกับกล่าวถามอาการด้วยความห่วงใย มิขาดแม้แต่คนเดียว ธีโอลันเองก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น ซึ่งโอโดลาสและโดโลวีนก็อยู่ที่นั้นด้วย
“เป็นเยียงไรบ้าง ข้ารู้มาว่าวีรกรรมอันน่าชื่นชมของเจ้าก็ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน"
“ช่างเป็นเกียรติของข้ายิ่งนักขอรับ แต่ดูเหมือนร่างกายของข้าจะฟื้นตัวได้ดีเกินคาดขอรับ"
คอพิอุสแตะไปที่บ่าข้าหนึ่งของธีโอลันเพื่อเป็นเหมือนการชื่นชม แต่อีกในหนึ่งก็เพื่อยืนยันถึงสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว #แสงแห่งนภาสินะ ที่ทำให้ฟิ้นตัวได้เร็ว ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน# รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา พร้อมกับเสียงในความคิดที่คอพิอุสมิได้เอ่ย (แสงแห่งนภา มีผลแบบเดียวกันกับแสงแห่งทวยเทพ แต่จะพบได้ยากยิ่งกว่า และช่วยในการฟื้นตัว)
“และข้าก็ยังได้ยินมาเช่นกันว่า กลุ่มที่เจ้าดูแลเป็นกลุ่มเดียวที่เข้าปะทะกับปีศาจระดับขุนนางแต่ยังคงรักษาชีวิตสมาชิกกลุ่มไว้ได้ ในขณะที่กลุ่มอื่นพบกับสถานะการณ์เดียวกันแต่กลับมิเหลือรอด"
“กล่าวชมเกินไปแล้วขอรับ นางน่าจะคิดว่าพวกตายไปแล้วเสียมากกว่าขอรับ"
หลังจากนั้นธีโอลันก็เริ่มต้นเล่าทุกอย่างให้คอพิอุสฟัง
หลังจากปฏิบัติหน้าในฐานะตัวแทนขององค์กษัตริย์เรียบร้อยแล้ว คอพิอุสก็ตั้งใจที่จะเดินทางกลับ แต่กลับถูกเหนี่ยวรั้งไว้ด้วยเสียงเรียกของชายหนุ่มคนนึ่ง
“ท่านคอพิอุสช้าก่อนขอรับ หากข้าขอเสียมรรยาทสักถามเรื่องข้องใจ สักเรื่องมิทราบว่าท่านจะชี้แนะข้าได้หรือไม่”
“มีเรื่องข้องใจอันใดหรือพ่อหนุ่ม"
แม้จะลังเลอยู่บ้างขั่วครู่ แต่โอโดลาสจะตัดสิ้นใจที่จะเอ่ยถาม
“ราฟาเอลโร่ขอรับ ข้าแค่ข้องใจเหลือเกิน หากเป็นเช่นที่ข้าคิด เรือนผมสีทมิฬ ดวงตาแดงฉานราวกับโลหิต แต่เหตุใดเขาจึงสามารถใช้ธาตุแสงที่มีความเข็มข้นได้ถึงเพียงนั้น กระทั่งผู่อาวุฒิโสของเราก็น้อยคนนักที่จะสามารถใช้ได้ ราฟาเอลเป็นผู้ใดกันแน่ขอรับ"
“รูปลักษณ์นั้นสำคัญถึงเพียงนั้นหรือ มิใช้ว่าราฟาเอลพึ่งช่วยชีวิตเจ้า หรืออาจจะช่วยชีวิตทุกคนในแอสโทรเฟียไว้ด้วย”
การบ่งชี้ถึงข้อเท็จจริงของพิอุสทำให้โอโดลาสถึงกับนิ่งเงียบโดยมิสามารถโต้แย้งสิ่งใดได้