อดีตที่ฝั่งใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สร้างบาดแผลให้แต่ละคน มักจะเป็นตัวกำหนดตัวตนของคนๆ นั้นเสมอ ทุกคนจึงมีที่มาเป็นของตัวเองเสมอ เรื่องราวการผจญภัญของเด็กหนุ่มคนนึ่ง ที่ต้องพบพานกับการสูญเสีย การหักหลัง ความรัก และมิตรภาพ ร่วมลุ้นกับโชคชะตาที่แสนจะพลิกพลัน และการเติบโตไปพร้อมกับ ตัวละครที่จะพาคุณโลดแล่นสู้โลกของจินตการกัน

The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม - องค์ที่ 17 แสงแห่งนภา โดย Diamondink @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รัก,ผจญภัย,แอคชั่น,พระเอกเทพ,พระเอกอบอุ่น,ปีศาจ,เทพเซียน,แอคชั่น,รักโรแมนติด,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รัก,ผจญภัย,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเทพ,พระเอกอบอุ่น,ปีศาจ,เทพเซียน,แอคชั่น,รักโรแมนติด,แฟนตาซี,ดราม่า

รายละเอียด

อดีตที่ฝั่งใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สร้างบาดแผลให้แต่ละคน มักจะเป็นตัวกำหนดตัวตนของคนๆ นั้นเสมอ ทุกคนจึงมีที่มาเป็นของตัวเองเสมอ เรื่องราวการผจญภัญของเด็กหนุ่มคนนึ่ง ที่ต้องพบพานกับการสูญเสีย การหักหลัง ความรัก และมิตรภาพ ร่วมลุ้นกับโชคชะตาที่แสนจะพลิกพลัน และการเติบโตไปพร้อมกับ ตัวละครที่จะพาคุณโลดแล่นสู้โลกของจินตการกัน

ผู้แต่ง

Diamondink

เรื่องย่อ


สารบัญ

The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 1 บทนำ,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 2 การจากลา และการพบพาน,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 3 การจากลา และการพบพาน 2,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 4 การปรับตัว,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 5 การปรับตัว 2,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 6 การเรียนรู้,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 7 การบุกรุก,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 8 ฆ่าหรือถูกฆ่า,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 9 ช่วยเหลือ,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 10 ขวาง,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 11 เจ้าชายแห่งอคาด้า,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 12 มิตรภาพ,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 13 สายสัมพันธ์,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 14 แผนลวง,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 15 พายุที่กำลังก่อตัว,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 16 พายุโหมกระหน่ำ,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 17 แสงแห่งนภา,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 18 ผู้มาเยือน,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 19 พันธะโลหิต,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 20 สองสาวอาร์ชิบัส,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 21 1 วันก่อนการประลอง,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 22 การทดสอบขั้นพื้นฐาน,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 23 การประลอง,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 24 มีอา เพดราก้อน,The Lost Wing สายเลือดต้องห้าม-องค์ที่ 25 มนูเอล บรอสมันด์

เนื้อหา

องค์ที่ 17 แสงแห่งนภา

แอสโทรเฟียในยามนี้  ถูกปิดล้อมจากทุกทิศทาง  แม้จะเป็นด้านได้นอกของบาเรีย  แต่ก็มิมีสิ่งใดยืนยันได้เลยว่า  บาเรียจะสามารถยืนหยัดได้  หากเกิดการโจมตีที่มิสามารถประเมินได้  เพลาหลายชั่วยามที่ล่วงเลยผ่านไป 

แต่ศัตรูก็ยังคงคืบคลานขึ้นมาจากรอยแยกราวกับแมลงที่กำลังหนีน้ำที่ท่วมรังในวสันตฤดู มากมายเสียจนแทบต้านไม่ไหว

“หากเป็นเยื่ยงนี้ต่อไปมิดีแน่ๆ"

เสียงหายใจหอบป่นออกมาพร้อมกับเสียงพูด   โอโดลาสและราฟาเอลโร่นั้นมากด้วยฝีมืออย่างมิต้องสงสัย  และการสนับสนุนของโดโลวีนก็แม่นยำหาตัวจับได้ยากยิ่ง  แต่จำนวนของศัตรูที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่ต่างจากการว่ายทวนน้ำในยามที่กระแสน้ำเชียวกราด  มันกำลังทำให้พวกเขาหมดแรง

“ราฟาเอล  ข้าว่าเราต้องปิดรอยแยกนั้น  เจ้าพอมีวิธีอันใดบ้างไหม"

ภาพเมื่อครั้งใช้ธาตุแสงในถ้ำเพื้อต้อนศัตรูปรากฏขึ้นมาในหัวของราฟาเอลโร่

“ข้าอยากลองอะไรสักอย่าง  ท่านพอช่วยระวังหลังให้ข้าที่ได้หรือไม่"

“นึกอะไรได้แล้วงั้นรึ  เจ้าต้องการนานแค่ไหน”

โอโดลาสกล่าวถามเมื่อเหลือบไปเห็นราฟาเอลโร่กำลังรวบรวมสมาธิ

“ไม่นานขอรับ"

ท่ามกลางท้องนภาอันมืดมน  และสายลมโหมกระหนำ  ปรากฏร่างชายหญิงสองร่างในชุดเสื้อคลุมที่ปลิวไปตามแรงลมราวกับเปลิวเพลิงทมิฬที่กำลังห่อหุ้มร่างร่างอยู่ 

พร้อมกับดวงตาสีม่วงเจือแดง  สองร่างลอยนั้นนิ่งมิติ่งไหวตามแรงลมเหนือแอสโทรเฟีย จ้องมองสังเกตุสิ่งที่กำลังเกิด พร้อมกับรอยยิ้มพึงใจอันที่ทำให้ใบหน้าขาวซีดนั้รดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก

“เกินคาดเสียนี้กระไร ท่านผู้นั้นคงต้องใจแน่เมื่อได้ยิน  นี้ขนาดเกราะกำบังยังอยู่  พวกเอลฟ์ยังต้องกระเสือกสนถึงเพียงนี้  55555”

เป็นเสียงที่เยือกเย็นน่าขนลุก  และมิแยแสสิ่งใด เสียงนั้นถูกเปล่งออกมาในขณะที่จ้องมองการล้มตายของทหารใต้บังคับบัญชา

ทันใดนั้นเมื่อสายลมเส้นหนึ่งเปลี่ยนทิศ  ร่างกายของชายนิรนามก็สัมผัสได้กับความรู้สึกเสียววาบที่วิ่งขึ้นไปตามไขสันหลัง

“แสงนั้น  นักรบแห่งทวยเทพงั้นรึ”

บุรุษนิรนามกล่าว  พร้อมกับสายตานั้นจ้องมองไปยังแสงที่สว่างขึ้นอีกฟากท่ามกลางความมืดมิด

“ข้าไปเอง"

สตรีที่ยืนอยู่ข้างกายเขากล่าวขึ้นในขณะที่ขยับเรือนร่างหมายจะพุ่งตัวไปนังจุดหมาย

“ไม่ต้อง  มันมิได้สำคัญ  เราได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว  และหากเป็นนักรบแห่งทวยจริง  เราสองคนก็มิอาจยันไว้ได้  รอให้ท่านผู้นั้นได้ซึ่งสิ่งที่พระองค์ต้องการเสียก่อนพลังของพวกเราก็จะเพิ่มพูนเช่นกัน กลับกันเถอะ  ฟาทริกซ่า"

ชายนิรนามกล่าว พร้อมกับโบกมือข้างหนึ่ง  รอยเส้นสายฟ้าสีดำปรากฏขึ้นในทันที  ก่อนที่จะฉีกทึ้งตัวมันเองออกกลางอากาศเป็นวงกลมทมิฬ  ประตูมิติถูกสร้างขึ้น  เพื่อไปยังอีกจุดหมาย  เมื่อสองร่างผ่านพ้นเข้าไปแล้ว  มันดก็ปิดตัวลงและหายไปอย่างไร้ร่องรอย 

แสงสว่างถูกปลุกขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า มันแผ่ขยายจากจุดเล็กๆ  กลืนกินความมืดมิด  ราวกับจะแต่งแต้มทุกอย่างให้กลายเป็นสีขาวทอง โอโดลาสยืนจ้องมองแสงที่เอ้อล้นออกมาจากร่างที่อยู่ตรงหน้า 

แม้กระทั่งดวงตาที่เบิกโพลงคู่นั้นยังกลายเป็นสีทอง  เขาสัมผัสได้ถือคาวมบริสุทธิ์ที่กำลังแทรกซึมเข้ามายังทุกอนูของร่างกาย

ชำระล้างแม้กระทั่งดวงวิญณาณที่อยู่ภายใน หัวใจในทรวงอกเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ  บอกไม่ถูกเลยว่าควรจะรู้สึกเช่นไร  แสงที่อาบไปทั่วเข้มข้นและสว่างเสียจนดวงตาเขามิอาจรับได้  กระทั่งเมื่อแสงนั้นมอดดับ  ทุกสิ่งถูกชำระล้าง  โอโดลาสสัมผัมได้ว่าร่างกายนั้นเบาขึ้นอย่างมิเคยเป็นมาก่อน

“ราฟาเอลโร่ เจ้าสามารถเปลี่ยนแสงให้กลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์  ได้ถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไรกัน"

โอโดลาสกล่าวถามโดยมิสามารถยับยั้งความสงสัยไว้กับตัวได้  ราฟาเอลโร่ที่ขณะนี้ยืนนิ่งหลังจากใช้เวทย์แสงชำระล้างได้เพียงชั่วครู่ 

ก่อนที่ร่างของเขาจะซวนเซและล้มลง  โอโดลาสที่อยู่ใกล้สามารถช้อนร่างของเขาไว้ได้ทัน  ก่อนที่จะกระแทกพื้น ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงแสงอุ่นๆ ที่อาบลงบนใบหน้า

ทำให้โอโดลาสหันตามทิศทางที่แสงทอดมา ลำแสงทมิฬที่เคยพุ่งตัวขึ้นจากรอยแยกสู้ท้องนภาเบื้องบนบัดนี้ได้หายไปแล้ว  เช่นเดียวกับรอยแยกบนพื้นดิน  เมฆาสีเทาดำค่อยๆ คลายกลับมาขาวกระจ่างดังเดิม  ต้นไม้หักโคนหรือยืนต้นตาย  บัดนี้แตกยอดอ่อนและผลิดอกใบ  ต้นหญ้าบนพื้นกลับมาเชียวชอุ่มอีกครั้ง  โอโดลาสที่ยังคงพยุงร่างของราฟาเอลโร่ไว้ในจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้น  แทบไม่อยาดจะเชื่อสายตาของตนเอง

 “พลทหารโอโดลาส เจ้าบาดเจ็บหรือไม่"

น้ำเสียงนั้นดึงโอโดลาสให้มีสติอีกครั้ง  เอลฟ์หนุ่มผู้นึ่งที่มีรูปร่างงดงาม  ใบหน้าอ่อนเยาว์  แต่โอโดลาสรู้ดีว่าผู้มาเยือนมีทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิที่มากกว่าเขา

 “ไม่ขอรับท่านเกรนเดล  ข้ามิได้รับบาดเจ็บ"

 “งั้นดี  ข้าจะดูแลราฟาเอลโร่เอง  ส่วนเจ้าช่วยสองคนนั้นด้วยนะ  ธีโอลันได้สติแล้ว  แต่เขายังต้องการการเยียวยา"

เกรนเดลกล่าวในขณะที่ช้อนร่างของราฟาเอลโร่มาไว้ในอ้อมแขน โดโลวีนและโอโดลาสช่วยกันพยุงร่างของธีโอลันเพื่อเคลื่อนย้าย 

การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อประตูมิติถูกปิดจำนวนของศัตรูจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ชัยชนะจึงตกอยู่ข้างฝ่ายเอลฟ์อย่างมิต้องสงสัย ไม่ช้ากองทัพสมทบระลอกที่สองก็ได้กวาดล้างศัตรูที่ยังมีลมหายใจให้หายไปจากแอสโทรเฟีย

โรงยาแน่นขนัดไปด้วยผู้ที่บาดเจ็บ ไอพิษสร้างผลกระทบและกัดกร่อนร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นการมาเยือนของตัวแทนองค์ราชาจึงเป็นดังความหวังของทุกๆ คน

คอพิอุสก้าวเดินไปตามทางเดินในโรงยาที่มีอย่างน้อยนิด โดยมีเกรนเดลอยู่เคียงข้างเช่นเคย พร้อมกับกล่าวถามอาการด้วยความห่วงใย  มิขาดแม้แต่คนเดียว ธีโอลันเองก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น ซึ่งโอโดลาสและโดโลวีนก็อยู่ที่นั้นด้วย

 “เป็นเยียงไรบ้าง ข้ารู้มาว่าวีรกรรมอันน่าชื่นชมของเจ้าก็ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน"

 “ช่างเป็นเกียรติของข้ายิ่งนักขอรับ  แต่ดูเหมือนร่างกายของข้าจะฟื้นตัวได้ดีเกินคาดขอรับ"

คอพิอุสแตะไปที่บ่าข้าหนึ่งของธีโอลันเพื่อเป็นเหมือนการชื่นชม  แต่อีกในหนึ่งก็เพื่อยืนยันถึงสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว #แสงแห่งนภาสินะ ที่ทำให้ฟิ้นตัวได้เร็ว ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน# รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา พร้อมกับเสียงในความคิดที่คอพิอุสมิได้เอ่ย (แสงแห่งนภา มีผลแบบเดียวกันกับแสงแห่งทวยเทพ แต่จะพบได้ยากยิ่งกว่า  และช่วยในการฟื้นตัว)

 “และข้าก็ยังได้ยินมาเช่นกันว่า  กลุ่มที่เจ้าดูแลเป็นกลุ่มเดียวที่เข้าปะทะกับปีศาจระดับขุนนางแต่ยังคงรักษาชีวิตสมาชิกกลุ่มไว้ได้  ในขณะที่กลุ่มอื่นพบกับสถานะการณ์เดียวกันแต่กลับมิเหลือรอด"

 “กล่าวชมเกินไปแล้วขอรับ นางน่าจะคิดว่าพวกตายไปแล้วเสียมากกว่าขอรับ"

หลังจากนั้นธีโอลันก็เริ่มต้นเล่าทุกอย่างให้คอพิอุสฟัง 

หลังจากปฏิบัติหน้าในฐานะตัวแทนขององค์กษัตริย์เรียบร้อยแล้ว คอพิอุสก็ตั้งใจที่จะเดินทางกลับ  แต่กลับถูกเหนี่ยวรั้งไว้ด้วยเสียงเรียกของชายหนุ่มคนนึ่ง

 “ท่านคอพิอุสช้าก่อนขอรับ  หากข้าขอเสียมรรยาทสักถามเรื่องข้องใจ  สักเรื่องมิทราบว่าท่านจะชี้แนะข้าได้หรือไม่”

 “มีเรื่องข้องใจอันใดหรือพ่อหนุ่ม"

แม้จะลังเลอยู่บ้างขั่วครู่  แต่โอโดลาสจะตัดสิ้นใจที่จะเอ่ยถาม

 “ราฟาเอลโร่ขอรับ ข้าแค่ข้องใจเหลือเกิน หากเป็นเช่นที่ข้าคิด เรือนผมสีทมิฬ ดวงตาแดงฉานราวกับโลหิต  แต่เหตุใดเขาจึงสามารถใช้ธาตุแสงที่มีความเข็มข้นได้ถึงเพียงนั้น  กระทั่งผู่อาวุฒิโสของเราก็น้อยคนนักที่จะสามารถใช้ได้  ราฟาเอลเป็นผู้ใดกันแน่ขอรับ"

 “รูปลักษณ์นั้นสำคัญถึงเพียงนั้นหรือ  มิใช้ว่าราฟาเอลพึ่งช่วยชีวิตเจ้า  หรืออาจจะช่วยชีวิตทุกคนในแอสโทรเฟียไว้ด้วย”

การบ่งชี้ถึงข้อเท็จจริงของพิอุสทำให้โอโดลาสถึงกับนิ่งเงียบโดยมิสามารถโต้แย้งสิ่งใดได้