อดีตที่ฝั่งใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สร้างบาดแผลให้แต่ละคน มักจะเป็นตัวกำหนดตัวตนของคนๆ นั้นเสมอ ทุกคนจึงมีที่มาเป็นของตัวเองเสมอ
เรื่องราวการผจญภัญของเด็กหนุ่มคนนึ่ง ที่ต้องพบพานกับการสูญเสีย การหักหลัง ความรัก และมิตรภาพ ร่วมลุ้นกับโชคชะตาที่แสนจะพลิกพลัน และการเติบโตไปพร้อมกับ ตัวละครที่จะพาคุณโลดแล่นสู้โลกของจินตการกัน
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รัก,ผจญภัย,แอคชั่น,พระเอกเทพ,พระเอกอบอุ่น,ปีศาจ,เทพเซียน,แอคชั่น,รักโรแมนติด,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นับจากวันที่เกิดสงครามอักขระปีศาจ กาลเวลาที่ไม่เคยเหลียวมองผู้ใด ก็ผ่านล่วงเลยมาปีกว่า ตอนนี้ราฟาเอลโร่เด็กชายตัวเล็กเมื่อคราวก่อน
บัดนี้เวลาได้เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเด็กหนุ่มอายุ 15 คงร่างที่ผ่านการเคี่ยวกรำอย่างหนักตลอด 7 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้มวลกล้ามเนื้อในร่างกายนั้นน่าประทับใจยิ่ง
หลังจากการต่อสู้ในสงครามอักขระปีศาจการออกปฏิบัติภารกิจก็เริ่มน้อยจนนับครั้งได้ ถึงกระนั้นการผ่านสนามรบจริงก็ทำให้ทั้งวิชาดาบและพลังเวทย์เฉียบคมยิ่งขึ้น แม้ระดับแกนพลังเวทย์ยังคงอยู่ที่ขั้นสีเหลือง แต่ความเชียวชาญในการฝึกวิถีพลังเวทย์ระดับ 2 การแปลเปลี่ยนก็เกือบสมบูรณ์แต่ยังคงนับว่าไร้ที่ติ
ช่วงเวลานี้ของทุกปีจะมีครั้งหนึ่งที่ราฟาเอลโร่ จะนำกระเป๋าใบเก่าที่แม้จะขาดรุ่งริ่ง มาสะพายพาดบ่า และปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุดของแอสโทรเฟีย ก่อนที่แสงแรกจะสาดส่อง นั่งลงบนโขดหินแล้วรอการเริ่มต้นของวันใหม่ ท่ามกลางทุ่งหญ้าเหลียวมองดูดวงสุริยาที่สาดแสงให้ความอบอุ่นแก่ทุกสรรพสิ่ง ในมือโอบกอดชุดใหม่สีฟ้าลิ่มทอง
ใช่นี่คือการระลึกถึงมารดาที่ล่วงลับไป มันคือวันที่นางจากลา เมื่อกลับเข้าบ้านเก็บสัมภาระที่นำไปเข้าขั้นเรียบร้อยแล้ว ราฟาเอลโร่ก็จะนั่งลงที่โต๊ะอาหาร และมักจะมีคอพิอุสอยู่ที่นั่นเสมอ เพื่อเริ่มรับประทานอาหารพร้อมกัน
"ราฟาเอล เจ้าเคยคิดที่จะเดินทางหรือไม่"
ราฟาเอลโร่ละสายตาจากอาหารตรงหน้าและมองไปยังคอพิอุส
"ไปยังสถานที่แปลกใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มตัวตนของเจ้า แน่นอนข้าคงที่คิดถึงเจ้ามาก แต่มันจะทำให้เจ้าเติบใหญ่ยิ่งขึ้น เจ้าไม่รู้สึกเลยหรือว่ายังมีสิ่งที่ยังคงขาดหาย"
สีหน้าของราฟาเอลโร่นิ่งสงบ หากแต่ในหัวกำลังคิดใคร่ครวญ
"ท่านอาจารย์ ใจจริงข้านั้นมิอยากจากลาเลย ที่ซึ่งตัวข้าได้ค้นพบหลายสิ่งแสนสำคัญ หลังจากสูญเสียท่านแม่ไป ข้าก็มิอาจยืนได้อย่างมั่นคง แต่แล้วก็มีผู้หนึ่ง ได้ช่วยทำให้ข้ายืนหยัดได้อีกครั้ง ที่นี่ถ้าพบเธอทั้งเพื่อน ทั้งพี่ และท่านอา ท่านไม่ใช่เพียงอาจารย์ที่สอนสั่งข้า ท่านเปรียบเสมือนบิดาที่หากตัวข้าคิดฝันที่จะมี ก็อยากให้เป็นดังเช่นท่าน"
คอพิอุสมองใบหน้าของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า ตัวสายตาปิติยินดี และตระหนักได้ว่าบัดนี้เขาเติบใหญ่ถึงเพียงใด
"แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งเหมือนจะอยู่นิ่ง แต่มันเองก็จำต้องแผ่รากชอนไชยลงไปในดินให้ลึกและไกลที่สุด เพื่อที่จะเติบโตและยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่หักโค่น เจ้าสำคัญต่อข้าเสียยิ่งกว่าที่เจ้าคิดหนุ่มน้อย แต่อย่าฉุดรั้งตนเอง เพราะโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่ และมีหลายสิ่งหลายอย่างรอให้เจ้าค้นพบ และที่สำคัญผลึกอีกอันอีกอันที่อยู่ในตัวของเจ้าที่เรายังหาคำตอบมิได้ แต่โลกภายนอกร้าจะมีคำตอบให้เจ้าได้ แล้วเจ้าก็ยังกลับมาหาข้าได้ทุกเมื่อ เพราะข้าจะเคียงข้างเจ้าเสมอ"
ราฟาเอลโร่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาทาบกลางอก ภาพของผลึกสีดำที่แผ่ไอ้ดำออกมารอบตัว ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา
"แล้วข้าต้องทำเช่นไรบ้างขอรับ"
"จะมีการจัดการทดสอบขึ้นในอคาด้าเป็นงานประลองของผู้ใช้เวทย์ ในการคัดเลือกหัวกะทิเพื่อเข้าเรียนที่ ซัสทรารัส คนที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับทุนเข้าเรียนที่นั้น ข้าเห็นว่าเจ้าควรจะลองดูสักครา และถือเป็นการประเมินความสามารถไปในตัว"
ก่อนจะให้คำตอบราฟาเอลโร่ นิ่งเงียบไปชั่วครู่
"ข้าจะลองดูขอรับ"
"ดี งั้นก็เตรียมตัวให้ดี"
หลังจากการฝึกของวันผ่านพ้นไปราฟาเอลโร่ก็ยังคงมักจะแวะเวียนไปที่นึงเสมอ นั่นคือถ้ำปิดในภูผาที่ภายนอกดำเกรียมไปด้วยเขม่าไฟ แต่ด้านในกับร้อนระอุ เช่นเคยเขามิแยแสความร้อนนั้นเลยสักนิด ราฟาเอลโร่เดินลงไปตามทางลาดที่เขามักใช้เสมอ มุ่งเข้าสู่ถ้ำที่อยู่ของวิหคอัคคี ทันทีที่มันพบกับผู้มาเยือนวิหคอัคคีก็ก้มศีรษะลงมา และเช่นที่ผ่านมาเขาเองก็ลูบไปยังขนของมัน หลังจากนั้นก็นั่งพิงข้างลำตัวของวิหคเพลิง พลั้งพูดและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งมาถึงประโยคหนึ่ง
"ข้าจะออกเดินทางนะ อาจจะไม่ได้เข้ามาพบเจ้าอีก หากยังมิได้กลับมาที่แอสโทรเฟีย"
ศีรษะของนกตัวใหญ่หันมามองที่เขาทันที่ ราฟาเอลโร่แย้มรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามเป็นเชิงหยอกเย้า
"ไปด้วยกันไหม ถ้าเจ้าเบื่อที่นี่แล้วนะ"
ไร้ซึ่งเสียงใดๆ อย่างเคย วิหคอัคคีเพียงหันศีรษะและมองไปยังทิศอื่น
"รู้ไหมหากมีเพื่อน หรือใครสักคนที่เชื่อใจได้อยู่เคียงข้างก็คงดี"
ราฟาเอลโร่เอ่ยพลางก้มลงมองที่มือของตน นั้นเป็นประโยคที่เหมือนกับเอ่ยกับตนเองเสียมากกว่า เมื่อใช้เวลาพักใหญ่กับวิหคเพลิงแล้ว เขาก็จำต้องจากลา
"เข้าไปแล้วนะ อาจจะอีกนานกว่าเราจะได้พบเจอกัน"
ราฟาเอลโร่ที่พิงหัวข้างลำตัวของวิหคเพลิงหันไปรูปคนของมันพังเปล่าประโยคนั้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและเริ่มเดินมุ่งสู่ทางออก แต่เพียงก้าวเดินไม่กี่ก้าวเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือ ราฟาเอลโร่ยกมือข้างนั้นขึ้นมาดู และก็พบกับรอยแผลลึก พร้อมกับเลือดที่ไหลรินออกมาอย่างเป็นทาง เขาหันกลับไปหาวิหคอัคคี คิ้วขมวดเล็กน้อย
"นี่มันเจ็บนะ"
แต่เมื่อหันไปเขาก็พบว่าเห็นวิหคเพลิงกำลังใช้จจะงอยปากจิกลงบนเนื้อที่ปีกข้างนึงของตน เลือดสีแดงส้มเรากับเปลวเพลิงที่ควรไหลหยดลงบนพื้นกับลอยขึ้นมาอากาศด้วยเวทย์ ที่เมื่อราฟาเอลโร่ได้มองใบหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
"พันธะโลหิตงั้นหรือ"
วิหคอัคคีที่ไม่เคยตอบรับอะไรกับคำพูดของเขาตอนนี้กำลังพยักหน้าอยู่เบื้องหน้าของเขา
"เจ้าแน่ใจแล้วงั้นรึ"
วิหคเพลิงจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่โดยไม่ละสายตา ใบหน้าที่ตกตะลึกละคนดีใจของราฟาเอลโร่อ่อนโยนลงเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะยื่นมือข้างที่มีบาดแผลขึ้นเบื้องหน้าและกล่าวเวทย์โบราณออกมา
"บัดนี้เลือดของเจ้าจะเป็นของข้า และเลือดของข้าจะเป็นของเจ้า ข้าจักรู้สึกในสิ่งที่เจ้ารู้สึก พลังในกายจะหลอมรวม และขาดสะบั้นเมื่อเจ้าหรือข้าสิ้นชีวา"
อนูพลังเวทย์หมุนวนขึ้นไปในอาการราวกับเกลียวคลื่นรอบตัวของพวกเขา โลหิตส่วนนึงของทั้งคู่ถูกดึงดูดเข้าหากันอนุภาคของเวทมนต์โบราณ ทำให้เลือดส่วนนั้นที่รวมกันและเรืองแสงเรืองรอง ก่อนจะแยกส่วนและพุ่งกลับไปหาทั้งคู่ กลายเป็นต่างหูลูกปัดและห้อยด้วยขนนกเป็นสีแดงทั้งชิ้น ส่วนโลหิตที่พุ่งกลับไปที่สิหคเพลิง นั้นกลายเป็นตราประทับบนแผลที่หายสนิทก่อนจะถูกปกทับด้วยขนที่งอกใหม่
ราฟาเอลโร่สัมผัสได้กับพลังเวทย์ที่เข้มข้นมหาศาลของอีกฝ่าย การมองเห็นของนกที่เปลี่ยนมุมมองการมองเห็นของเขาไปชั่วขณะ พร้อมกับสัมผัสรอบตัวที่ไม่คุ้นเคยได้ไหลทะลักเข้ามา
บัดนี้เขาสัมผัสได้แม้กระทั่งเสียงลมหายใจของคู่พันธะ วิหคอัคคีเบื้องหน้าของเขาเปลี่ยนขนาดตัวให้เล็กลงไม่ต่างจากนกกระตั้ว
แต่รูปลักษณ์นั้นช่างแปลกตา และงามเสียยิ่งกว่านกยูงย่อขนาด เส้นขนสีขาวสลับส้มทั้งตัวที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ขนบนศีรษะสีน้ำเงินถูกแซมตัดกับสีส้มเช่นเดียวกันกับหงอนพู่ ราฟาเอลโร่ยื่นแขนออกไปข้างหน้าเพื่อให้วิหคเพลิงเกาะที่แขนข้างนั้น ก่อนที่เขาจะตกตะลึงกับบางสิ่ง
"สวัสดีราฟาเอลโร่ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครา นามของข้าคือ ฟินิตี้"
"โทรจิตงั้นหรือ"
ราฟาเอลโร่กล่าวเมื่อได้ยินเสียงของวิหคเบื้องหน้าเขาตอนนี้ แต่ไร้ซึ่งการขยับใดๆ
"ใช่ เมื่อผูกพันธะ ข้าจะเจรจากับเจ้าได้ และเจ้าเองน่าจะรู้สึกแล้วว่าเราสัมผัสถึงกันได้ ไม่ว่าจะไกลแค่เพียงใด"
"ยินดีที่ได้รู้จักตัวตนเจ้า และขอบคุณนะ ฟินิตี๊"
เป็นคำกล่าวที่ไม่ต้องพรรณนาสิ่งใดให้มาก เหมือนหลุมดำที่ถูกเติมเต็ม และการได้ถึงอีกฝ่ายทำให้รู้สึกว่าเดียวดายได้หายไป
ราฟาเอลโร่ที่กลับพร้อมกับฟินิตี้ ที่บินวนอยู่ไม่ห่างไกลตัวเขา ซึ่งคอพิอุสที่กำลังง่วงอยู่กับการนำขนมปังมาให้อาหารสัตว์น้อยใหญ่บริเวณบ้าน ที่แวบแรกเพียงเหลือบมองไปที่เขาแวบนึง เมื่อรับรู้ว่าผู้มาเยือนคือใคร ก็กล่าวคำทักทาย