อดีตที่ฝั่งใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สร้างบาดแผลให้แต่ละคน มักจะเป็นตัวกำหนดตัวตนของคนๆ นั้นเสมอ ทุกคนจึงมีที่มาเป็นของตัวเองเสมอ เรื่องราวการผจญภัญของเด็กหนุ่มคนนึ่ง ที่ต้องพบพานกับการสูญเสีย การหักหลัง ความรัก และมิตรภาพ ร่วมลุ้นกับโชคชะตาที่แสนจะพลิกพลัน และการเติบโตไปพร้อมกับ ตัวละครที่จะพาคุณโลดแล่นสู้โลกของจินตการกัน
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รัก,ผจญภัย,แอคชั่น,พระเอกเทพ,พระเอกอบอุ่น,ปีศาจ,เทพเซียน,แอคชั่น,รักโรแมนติด,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Lost Wing สายเลือดต้องห้ามอดีตที่ฝั่งใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สร้างบาดแผลให้แต่ละคน มักจะเป็นตัวกำหนดตัวตนของคนๆ นั้นเสมอ ทุกคนจึงมีที่มาเป็นของตัวเองเสมอ เรื่องราวการผจญภัญของเด็กหนุ่มคนนึ่ง ที่ต้องพบพานกับการสูญเสีย การหักหลัง ความรัก และมิตรภาพ ร่วมลุ้นกับโชคชะตาที่แสนจะพลิกพลัน และการเติบโตไปพร้อมกับ ตัวละครที่จะพาคุณโลดแล่นสู้โลกของจินตการกัน
ใบหน้าอันงดงามที่แลดูราวกับตุ๊กตาของโอเรียอน่านั้นนิ่งเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ น้ำเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นของเธอ ต่อชายหนุ่มที่เชิญชวนอยากจะเต้นรำกับเธอ ทำให้เขาแทบทำตัวไม่ถูก เพราะการปฏิเสธการเต้นรำเป็นสิ่งที่หยาบคายอย่างมากสำหรับเลดี้ หลังจากการปฏิเสธ ลำคอขาวของโอเรียอน่า ยิ่งแลดูระหงส์มากขึ้นไปอีก เมื่อปลายคางสวยถูกเชิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปยังฟลอร์ ด้วยสายตาไม่แยแส
ฟีโอน่าในฟลอร์เต้นรำกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ แต่สายตาเธอยังคงชำเลืองมองคู่เต้นรำระหว่างราฟาเอลโร่และมีอา อลูคาร์แย้มรอยยิ้มของเขาเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น ก่อนจะกล่าวกับเธอว่า
"เคยมีผู้ใดเคยกล่าวกับเลดี้แล้วหรือยัง ว่าไม่รู้จะเทียบท่านกับบุปผาใดดี"
"ใยเจ้าชายถึงกล่าวเช่นนั้นเพคะ"
"ก็ยิ่งเมื่อได้จ้องมองใกล้ๆ เลดี้ก็ยิ่งงดงามมากเสียจนบุปผาใดก็ไม่อาจเทียบท่านได้"
ฟีโอน่าละสายตาที่จ้องมองนัยตาสีดำตรงหน้า เธอก้มหน้าลงอย่างอิ่งอาย แม้นการกล่าวชมตรงๆ ของอลูคาร์จะทำให้เธอประมาท แต่เธอก็ยังคงสวยกลับเขาได้
"เจ้าชายช่างช่ำชองในการใช้วาจากับอิสตรีเสียจริง คงกล่าวมาแล้วมากนัก"
"ข้าจริงใจ เพราะข้าอยากเห็นรอยยิ้มของเลดี้ เพราะดวงหน้าของเลดี้คู่ควรจะมีเพียงรอยยิ้มเท่านั้น"
ฟีโอน่านิ่งกับคำกล่าวอันหวานหูของอลูคาร์ แต่เมื่อเธอตั้งสติได้
"ไม่มีผู้ใดบนโลกนี้จะมีเพียงความสุขได้หรอกเพคะ"
"หากกล่าวเช่นนั้นมันก็จริง ถึงจะเป็นข้าเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะทำให้เลดี้มีเพียงแต่ความสุขได้หรือไม่"
ฟีโอน่ายิ้มให้กับคำพูดของอลูคาร์ก่อนที่จะขบขันอย่างแผ่วเบาอย่างสุภาพ
"เจ้าขบขันอันใด ข้ารึ"
"เพคะ ก็มันช่างฟังดูสวนทาง"
ฉลูคาร์มีใบหน้าขบคิดชั่วครู่
"นั้นสินะ"
เขากล่าวขึ้นมาลอย และหันกลับมามองใบหน้าคมคายที่อยู่ตรงหน้า ทั้งคู่จ้องมองกันและกันก่อนที่ทั้งคู่จะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน
"อีกแล้ว ข้าขอโทษๆ"
มีอากล่าวขอโทษอย่างทันควันเมื่อเหยียบเท้าราฟาเอลโร่เข้าเต็มแรง ส่วนราฟาเอลโร่ก็ทำได้เพียงแต่ยิ้มและกล่าวว่า
"ข้าไม่เป็นไร"
"จะไม่เป็นไรได้เยี่ยงไร ข้าเหยียบเข้าเต็มแรงหลายหนแล้วนะ ข้าไม่เต้นแล้ว"
"เดียว งั้นลองแบบนี้ จะลองวางเท้าหลังเท้าข้า"
"แต่ถ้าทำแบบนั้นเจ้าจะ ....."
"ลองดูก่อนเถอะ"
มีอามองไปยังใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของราฟาเอลโร่ ก่อนจะทำตามที่เขาบอกอย่างโดยดี เธอวางเท้าเหยียมลงบนหลังเท้าทั้งสองข้างของราฟาเอลโร่ เมื่อเริ่มเต้นรำอีกอีกครั้งมีอาพบว่า ตัวของเธอเบาหวิว และรู้สึกว่าตนเองช่ำชองในการเต้นเอามากๆ
"เป็นไงบ้าง"
มีอาค่อยๆ ค่อยเผยรอยยิ้มของตนเป็นครั้งแรกและกล่าวตอบว่า
"สนุกมากๆ เลย"
ราฟาเอลโร่ยิ้มรับสาวน้อยตรงอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นรอยยิ้มจริงใจของเธอ
"ดีแล้ว เจ้าควรยิ้มแบบนั้นเลยอะๆ นะ"
มีอาหุบยิ้มทันทีที่เธอรู้ตัว แล้วก้มหน้าลง
"ทำไมละไม่ดีใจหรือ หากรู้สึกดีแต่ยิ้มออกมาเถอะ เจ้ารู้ตัวไหมว่ารอยยิ้มของเจ้าน่ารักเอามากๆ"
มีอาชะงักกับคำพูดประโยคนั้นของราฟาเอลโร่ชั่วครู่ เธอแย้มรอยยิ้มกว้างเสียยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำตาคลอชั่วขณะก่อนที่มันจะหายวับไป แล้วเหลือไว้เพียงรอยยิ้ม
หลังจากงานเลี้ยงเพื่อประกาศตนเป็นนักเรียนของซัสทรารัสอย่างเป็นทางการนั้นจบลง เช้าของวันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น ราฟาเอลโร่ที่พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มตื่นขึ้นมานั่งบนเตียงในคฤหาสน์อาร์ชิบัส จ้องมองไปยังเครื่องแบบ เครื่องเขียน หนังสือ และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ซัสทรารัสจัดส่งมาให้ วางกองเป็นตั้งที่ปลายเตียงของเขา
ราฟาเอลโร่นั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องไม้ใบนึงจากตู้เสื้อผ้า มันคือกล่องไม้เมื่อครั้งก่อนที่แม่เคยมอบไว้ให้กับเขา ราฟาเอลโร่บรรจงเปิดกล่องไม้อย่างเบามือ สิ่งแรกที่เห็นคือชุดแพรไหมสีฟ้าปักกลิ่มด้วยทองที่เมื่อครั้งหนึ่งเขาอยากจะมอบให้กับแม่ของเขา ก่อนจะใช้นิ้วโป้งสัมผัสลงบนชุดอย่างเบามือ
"ท่านแม่ลูกได้ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวแล้วนะขอรับ"
ก่อนที่เขาจะเลื่อนดูของอย่างอื่นในกล่องที่อยู่ท่ามกลางเหรียญทองจำนวนมาก ราฟาเอลโร่หยิบแหวนขึ้นมาตรงหน้าของอีกชิ้นที่ถูกส่งมอบให้กับเขา แหวนเกลียววงนั้นส่องประกายวาววับหยอกล้อกับแสงของดวงอาทิตย์ในยามเช้า
ราฟาเอลโร่เพ่งพินิจไปที่แหวนวง ตอนนี้เขาสัมผัสได้เป็นครั้งแรกถึงกลิ่นอายเล็กน้อยของพลังเวทย์ที่แผ่ออกมาจากแหวนอย่างน่าประหลาด มันงดงามให้ความรู้สึกน่าค้นหา แต่ก็เศร้าในเวลาเดียวกัน
"นั่นเป็นแหวนที่งดงามเลยทีเดียว"
เสียงของคอพิอุสที่กล่าวดังมาจากประตูทางเข้าจุดที่เขายืนอยู่ ทำให้ราฟาเอลโร่หันวับไปที่เขาจากการฟลุดออกมาจากภวังค์
"เป็นแหวนที่ท่านแม่ให้มา ก่อนที่ท่านจะสิ้นนะครับ"
"งั้นเจ้าก็ควรสวมมันไว้ตลอดนะ"
"ผมก็อยากจะทำเช่นนั้น แต่มันแลดูใหญ่ เกินกว่าจะสวมไว้มาตลอดเลย"
"ให้โอกาสมันเสียสักครั้งก่อนที่เจ้าจะกล่าวเช่นนั้นดีไหม"
เมื่อได้ยินคอพิอุสกล่าวเช่นนั้น ราฟาเอลโร่ที่จ้องมองแหวนในมือของเขาอยู่ตอนนี้ จึงตัดสิ้นใจหยิบมันมาสวมที่นิ้วชี้ข้างซ๊าย
แหวนหลอมเลื่อนผ่านนิ้วไปจนถึงโคนของนิ้ว ก่อนที่ตัวเรือนของแหวนจะเปร่งแสง และปรับขนาดของตัวมันเองให้เล็กลง โอบรัดรอบนิ้วชี้ของราฟาเอลโร่อย่างพอดี เขาจ้องมองแหวนที่สามารถสวมได้อย่างพอดีด้วยความปิติ ก่อนหันหน้าไปหาคอพิอุส
"เห็นไหมว่าพอดีเลย จะถูกหรือผิดทุกสิ่งในโลกควรมีโอกาสแรกเสมอ"
"ท่านอาเองก็ตื่นเช้าเช่นเคยเลยนะขอรับ"
"ข้าอยากแวะเอาของมามอบให้เจ้า"
คอพิอุสกล่าวพร้อมกับคลี่ผืนผ้าที่แทบจะโปร่งใสเบื้องหน้าราฟาเอลโร่ เขาถึงกับต้องเพ่งมองจึงเห็นว่ามันเป็นเสื้อแขนยาว ในขณะที่รับมาไว้ในมือ มันเบามาก แต่แทบจะไม่สะบัดตามแรงดึงเลย
"สิ่งนี้คือ"
"นี่คือ เสื้อเกราะที่ถักทอจากใยไม้ของต้นไม้แห่งชีวิตแห่งแอสโทรเฟีย มีพลังของชีวิตสูง บางเบา ยืดหยุ่น แต่แกร่งยิ่งกว่าอาวุธมีคมใดๆ ซึมซับแรงกระแทกได้สูง และเมื่อสวมใส่จะอันตรธานหายไปทันที จนกว่าเจ้าจะถอดมันออก แต่สวมมันไว้ตลอดนะเพื่อตัวของเจ้าเอง"
"ขอรับ"
ราฟาเอลกล่าวรับด้วยรอยยิ้ม ที่ล่วงรู้เจตนาความห่วงใยของคอพิอุสมีให้เขา
"จริงๆ ข้าก็อยากให้อาวุธที่เข้ากับพลังของเจ้าสักชิ้น แต่ช่างเอลฟ์ของเรายืนยันว่าไม่สามารถสร้างให้ได้ ถ้าเลยจะมอบสิ่งนี้ให้แทน"
คอพิอุสยื่นเข็มกลัดรูปเกล็ดน้ำแข็งสีขาวมีละอองปุกปุยคล้ายเกล็ดน้ำแข็งจริงๆ ให้กับเขาและกล่าวว่า
"นี่คือ เครื่องสื่อสารที่เชื่อมต่อระหว่างแหวนเวทย์สื่อสารของข้าและเกรนเดล มันสามารถสื่อสารระหว่างอุปกรณ์เวทย์ที่เชื่อมต่อกันแล้ว เมื่อแตะเจ้าจงส่งพลังเวทย์ใส่เข็มกลัดแล้วนึกถึงผู้ที่อยากติดต่อ เจ้าก็จะสามารถติดต่อกับพวกเราได้ในทันที"
ราฟาเอลโร่เผยรอยยิ้มด้วยความดีใจ ให้กับคอพิอุส
"แล้วถ้าอยากมานั่งกินข้าวด้วยกันสักมื้อ ก็ใช้ตรานี่ผ่านเข้าออก ว่างๆก็กลับบ้านได้นะ ข้านี้นับวันยิ่งเหมือนคนแก่ขี้เหงาเข้าไปทุกที"
สิ้นประโยคของคอพิอุส ราฟาเอลโร่ก็โพสเข้ากอดคอพิอุสอย่างที่เขาเคยทำเมื่อครั้งยังเยาว์ และอย่างเคยราฟาเอลโร่ก็ได้รับการกอดกลับอย่างอ่อนโยน
เคาะ!!!! เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น เกรนเดลย่างเข้ามาในห้อง
"นายท่าน อัลเบิร์ต ฟรอสทริก ขอเข้าพบขอรับ"