ดอม สตรีมเมอหนุ่ม หลุดเข้าไปอยู่ในเกมจีบหนุ่มสยองขวัญ แต่ช่วงเวลาที่เขาหลุดเข้าไป ดันเป็นเหตุการณ์ก่อนทุกคนจะกลายเป็นวิญญาณ 1 ปี เขาจะต้องหาทางยับยั้งไม่ให้ทุกคนต้องตายให้ได้

เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?) - บทที่ 7.1 Bloody Mary โดย L'Amour Sangria @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตะวันตก,แฟนตาซี,ลึกลับ,ย้อนยุค,18+,วิญญาณ,เวทมนตร์,เกมจีบหนุ่ม,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,ต่างโลก,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตะวันตก,แฟนตาซี,ลึกลับ,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,วิญญาณ,เวทมนตร์,เกมจีบหนุ่ม,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,ต่างโลก,#BL

รายละเอียด

ดอม สตรีมเมอหนุ่ม หลุดเข้าไปอยู่ในเกมจีบหนุ่มสยองขวัญ แต่ช่วงเวลาที่เขาหลุดเข้าไป ดันเป็นเหตุการณ์ก่อนทุกคนจะกลายเป็นวิญญาณ 1 ปี เขาจะต้องหาทางยับยั้งไม่ให้ทุกคนต้องตายให้ได้

ผู้แต่ง

L'Amour Sangria

เรื่องย่อ

         "นี่มันอะไรกันวะ"

          ดอมเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปนั่งลงบนเก้าอี้ตรงระเบียงที่เขาวิ่งออกมาเจอ เขานั่งมองท้องฟ้าสลับกับเมืองยุโรปโบราณด้านล่างอยู่นานสองนานจนหมดแรง ดอมนั่งสำรวจตั้งแต่นิ้วมือไปจนถึงร่างกาย สองขาของตัวเอง แม้เขาจะไม่ต้องใส่แว่นก็มองได้อย่างชัดเจน ก็เพราะนี่ไม่ใช่ร่างกายของเขายังไงล่ะ





สารบัญ

เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 1 ดอมดม,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 2 โดมินิค,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 3.1 ธีโอดอล,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 3.2 ธีโอดอล,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 4.1 เรย์,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 4.2 เรย์,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 5 แอรอน,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 6 อาเคเซีย,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 7.1 Bloody Mary ,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 7.2 Bloody Mary (NC18+) Theodore + Aron,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 8 คำสัตย์ปฏิญาณ

เนื้อหา

บทที่ 7.1 Bloody Mary



“รายชื่อหญิงสาวทั้งเจ็ดคนที่เข้าเฝ้าพระราชาในวันที่เกิดเหตุวางยาพิษ พวกเราต้องตามหาพวกเธอทั้งหมดโดยเก็บเป็นความลับ เอาเป็นว่าเราสามคนค่อยแอบออกไปด้วยกันในวันพรุ่งนี้แล้วกัน"

ดอมกล่าวกับธีโอดอลและแอรอน ที่อยู่ด้วยกันในห้องบรรทมขององค์รัชทายาท ทั้งสามนั่งกันอยู่รอบโต๊ะรับรองภายในห้อง โดยธีโอนั่งข้างดอมอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน

หลังจากเหตุการณ์ที่มีคนมาเห็นตอนโดมินิค รัชทายาทหนุ่มหื่นกามกำลัง(แกล้ง)ร่วมรักกับ แอรอน หัวหน้ากองอัศวินหมาป่า อยู่กลางสระนำข้างวังยามวิกาล หลังจากนั้นทั้งสองก็พากันขึ้นมาที่ห้องบรรทม ทำทีว่าจะมาต่อเรื่องราวจากในน้ำสู่บนเตียง

เมื่อขึ้นมาถึงห้องก็ปราภฎธีโอดอล เลขาองค์รัชทายาทมายืนรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดปิดห้องประชุมคุยแผนงานกันเป็นความลับไม่ให้คนนอกรู้

“ทำไมฝ่าบาทต้องออกไปเองด้วยพะยะค่ะ กระหม่อมพอทราบมาบ้างว่าคนของราชินีหูตาไว หากพระองค์ทำอะไรผิดแปลกไปเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ให้พวกกระหม่อมไปกันเองดีกว่าพะยะค่ะ"

ธีโอดอลกล่าว เขารู้ดีถึงความอันตรายของตระกูลฝั่งราชินี ยิ่งเป็นข้อมูลที่ขโมยมาด้วยแล้ว การเคลื่อนไหวโดยมีจุดสนใจอย่างรัชทายาทตามไปด้วยย่อมไม่ใช่เรื่องดี ดอมทำหน้าครุ่นคิด ก็จริงอยู่ที่ว่ามันอันตรายเพราะคนใช้ในวังรัชทายาทแทบทั้งหมดก็มาจากการคัดเลือกจากวังราชินี แต่คนมากก็ดีกว่าคนน้อย คิดยังไงดอมก็อยากรวบรวมข้อมูลให้เร็วที่สุดอยู่ดี เพราะจบเรื่องได้ไวเท่าไหร่ก็จะช่วยคนได้มากขึ้นเท่านั้น จนแอรอนที่ยืนเงียบหลบมุมห้องอยู่นานเอ่ยขึ้นว่า

“คนของกระหม่อมปากหนัก ต่อให้ตายก็จะไม่แพร่งพรายข้อมูลลับออกไป โปรดให้กระหม่อมและกองอัศวินหมาป่าได้รับผิดชอบในส่วนนี้ด้วยพะยะค่ะ"

แอรอนยินดีรับจบ เรื่องความสามัคคีของกองอัศวินหมาป่าก็เป็นที่ประจักษ์กันดี ยิ่งถ้าแอรอนออกปากเองด้วยแล้ว ดอมคิดว่า ก็พอจะไว้ใจให้รับผิดชอบส่วนนี้ได้

“ได้ ตกลงตามนั้น ฝากให้เป็นหน้าที่ของอัศวินหมาป่าก็ด้วยนะ หากเห็นว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายให้จงหยุด ชีวิตคนต้องมาก่อน" ดอมตกลงยกหน้าที่ให้ ก่อนที่แอรอนจะขอตัวออกไปจากวังเพื่อปฏิบัติภารกิจ

หลังจากที่แอรอนออกไปจากห้องแล้ว ดอมก็คุยกับธีโอดอลต่อเรื่องสิ่งที่เขาขโมยมาได้ นอกจากรายชื่อของหญิงสาวทั้งเจ็ด ยังมีของที่เอาออกมาจากตู้เซฟของราชินีด้วย ดอมหยิบมันออกมาจากกระเป๋าหนังให้ธีโอดอลดู ทั้งหมดประกอบไปด้วย ขวดน้ำหอม สัญญาซื้อขายน้ำหอม และกุญแจดอกกุหลาบที่ใช้สำหรับเส้นทางลับ เพื่อไขเข้าห้องพระราชา ทันทีที่ธีโอเห็นของทั้งหมดเขาก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยขึ้นว่า

“กุญแจดอกกุหลาบข้าพอเข้าใจเพราะเราเคยคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แต่น้ำหอมกับสัญญาซื้อขายหรือขอรับ” ธีโอหยิบขวดน้ำหอมขึ้นมาดู ตัวขวดรูปทรงเพชรมีจุกฝาสีทอง น้ำข้างในเป็นสีม่วงประกายที่มีอยู่เพียงครึ่งขวด ดอมเห็นดังนั้นก็ค่อย ๆ คว้ามือธีโอ ก่อนจะจับให้เอาน้ำหอมวางลงไปที่เดิมเพราะกลัวเลขาจะได้รับอันตราย

“ธีโอ เจ้านี่ไม่ใช่น้ำหอมแต่เป็นยาพิษชนิดเดียวกับที่พระราชาได้รับ เพื่อความแนบเนียนมันเลยแฝงมาในรูปของน้ำหอม ส่วนนี่ สัญญาซื้อขายโดยระบุว่า ผู้ที่ขายมันให้ราชินี คือมาร์ควิสแจ็คเกอร์ที่เป็นผู้นำเข้ามา นางใช้สัญญาเป็นสิ่งค่ำประกันถ้ามาร์ควิสจะหักหลังโบ้ยความผิดให้นาง นางก็จะใช้สิ่งนี้ลากคอให้รับผิดไปด้วยกัน"

ดอมอธิบายพร้อมยื่นสัญญาซื้อขายให้ธีโอดอลอ่าน ในนั้นระบุสถานที่นำเข้า สรรพคุณที่อ่านยังไงก็ไม่น่าเป็นนำหอม ลายเซ็นอย่างชัดเจนระหว่างผู้ซื้อ คือ ราชินีอาเคเซีย โอบีรอน และผู้ขายในนาม มาร์ควิสการ์ริค แจ็คเกอร์ ที่ให้ทำแบบนี้เพราะนิสัยของอาเคเซียเป็นคนไม่ไว้ใจใคร แม้แต่คนในสายเลือดเดียวกันก็ตาม อาจจะเป็นเพราะสังคมที่เธออยู่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีนั่นเอง

ส่วนดอมที่รู้ว่าเรื่องราวของลับในตู้เซฟก็เพราะตอนที่เล่นเกม เขาต้องใช้กุญแจดอกกุหลาบเพื่อไขเข้าห้องบอสรอง ส่วนยาพิษที่ได้มาด้วยกันก็ใช้สำหรับทำลายรากของต้นไม้ปีศาจ พิษของมันร้ายแรงขนาดที่แค่ลิโอน่าเผลอไปสูดดมตอนใช้งาน ก็จะเกิดสถานะติดพิษ เลือดลดไม่หยุด ขยับตัวก็เชื่องช้า ส่วนวิธีใช้งานยาพิษ ก็แค่ให้วิญญาณหนุ่ม ๆ ใครก็ได้ไปวางยาแทนก็สิ้นเรื่อง

“ถ้าอย่างนั้นเราใช้สิ่งนี้เข้าจับกุมทุกคนเลยก็ได้นี่ขอรับ หลักฐานชัดเจนขนาดนี้" ธีโอดอลตาลุกวาวกับหลักฐานที่ได้มา ดอมส่ายหัวน้อย ๆ ก่อนอธิบายเสริม

“เราจะใช้ของสามชิ้นนี้มัดตัวทั้งราชินีและมาร์ควิสแจ็คเกอร์ แต่ถ้าเราเอาไปใช้เลยตอนนี้ มันจะดูไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ทั้งคู่มีคนสนับสนุนอยู่เยอะ เราเลยต้องลดอำนาจพวกเขาลงก่อน เริ่มจากสร้างสถานการณ์บางอย่างขึ้น เพื่อให้เกิดมูลเหตุจูงใจในการขุดคุ้ยเรื่องของพวกเขา จนสืบสาวไปถึงเหตุวางยาพิษ” ดอมอธิบายสีหน้านิ่งเฉย

ธีโอดอลรู้สึกนับถือในตัวดอมมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผู้ที่มาสวมร่างได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าต้องการที่จะช่วยเหลือพวกเขาจริง ๆ แม้ในใจจะแอบหวั่นถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่ เพราะธีโอเริ่มทำงานในวังตั้งแต่เด็ก ๆ รับรู้ถึงเล่ห์เหลี่ยมและกลโกงของพวกขุนนางจอมละโมบดี ที่เขาเป็นห่วงตอนนี้คือความปลอดภัยของดอม ถ้าขาดคน ๆ นี้ไป ความหวังที่เคยมีอาจจะดับหายไปเลยก็เป็นได้

“แล้วต้องใช้วิธีไหนขอรับ โปรดสั่งข้ามาได้เลยท่านดอม" เลขาหนุ่มรีบสอบถาม เขาไม่อยากให้ดอมลงมือเอง

“อื่ม เกี่ยวกับการประมูลลับของกลุ่มการค้าแจ็คเกอร์ เขาว่ามีน้อยคนที่จะได้ตั๋วเข้าร่วม สถานที่ก็ไม่แน่นอน แถมอาจจะมีกองอัศวินอื่นเข้ามาเอี่ยว เราว่าจะให้แอรอนไปสืบให้ดู แต่ธีโอพอรู้เรื่องนี้บ้างมั้ย" ดอมถามสีหน้าเคร่งเครียด ธีโอนึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันที

“ข้าเคยถูกชวนให้เข้าร่วมการประมูลจากลูกชายของมาร์ควิสแจ็คเกอร์ขอรับ แต่ตอนนั้นเขาทำตัวรุ่มรามกับข้า ข้าเลยทำเป็นไม่สนใจ ยังไงเดี๋ยวข้าจะลองไปคุยกับเขาดูอีกที…” ธีโอดอลกล่าว ดอมได้ยินดังนั้นรีบห้ามทันที

“อย่าเลย ธีโอ เรารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเราและแต่เราเองก็เป็นห่วงเจ้าเช่นกัน ทางออกไม่ได้มีทางเดียวธีโอ เราได้ยินมาว่ากลุ่มอัศวินเหยี่ยวก็หนุนเรื่องนี้อยู่ด้วย นี่ก็ใกล้จะเช้าพอดี เราพักผ่อนกันสักหน่อยก่อนค่อยมาปรึกษากันอีกทีดีกว่า”

ดอมรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องให้ธีโอไปข้องเกี่ยวกับคนเหล่านั้น เขาเคยได้อ่านบันทึกของธีโอดอลมาอยู่บ้าง ถึงการถูกกลั่นแกล้งที่ได้พบเจอในวังหลวง ทั้งที่พ่อของเขาเป็นถึงดยุค ลูกชายก็ควรจะเป็นมาร์ควิสไม่ใช่เอิร์ล ธีโอเองก็เจอมาสารพัดกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ดอมไม่อยากเร่งรีบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์มาแต่ต้องเสียไพ่ในมือไป

ธีโอดอลอึ่งเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นตามเดิม

“เข้าใจแล้วขอรับท่านดอม อย่างนั้นหลังจากนี้เราไปทานมื้อเช้ากันก่อนค่อยกลับมาวางแผนต่อดีไหมขอรับ"

ธีโอดอลยิ้มออกมา เขาคิดในใจ ดอมช่างเป็นอ่อนโยนเสียเหลือเกิน จนธีโออดเป็นกังวลไม่ได้ว่าคนที่แสนดีของเขาจะถูกเล่ห์กลของวังหลวงทำร้ายเอา

ดอมเสยผมที่ไม่เป็นทรงจากการเปียกน้ำเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป

“ได้สิ เมื่อคืนออกแรงสักเยอะ กำลังหิวอยู่พอดี"

พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าเพียงไม่นาน รัชทายาทโดมินิคและธีโอดอลก็ลงมาทานอาหารเช้ายังห้องอาหารชั้นหนึ่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ ทั้งคู่ทานอาหารร่วมกันอยู่แล้วเป็นปกติทุกวันแทบจะทุกมื้อ แม้ปริมาณอาหารจะถูกจัดเตรียมไว้เท่าเดิมแต่ก็มีชุดจานสองชุดเพื่อไว้รับรองเลขาอีกคน

ดอมนั่งลงที่ประจำตรงหัวโต๊ะเช่นเดิม ส่วนธีโอดอลจะนั่งอยู่ทางขวามือตามชุดจานที่จัดเตรียมให้ มื้อเช้าจะเปิดด้วยซุปก่อนตามลำดับ ธีโอดอลลอบสังเกตวันนี้ข้ารับใช้ในวังรัชทายาทดูเงียบผิดปกติ ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยกันเอง หรืออาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนรึเปล่า ที่ทำให้พวกเขากระดากอายจะเอ่ยอะไรออกมา

ธีโอดอลเมินไม่สนใจก่อนจะยกช้อนขึ้นซดซุปฟังทองสีส้มเข้มที่อยู่ในจาน แต่อยู่ ๆ ช้อนในมือของเขาก็ถูกปัดตก โดยคนที่ทำคือรัชทายาทที่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วยกัน

“ห้าม…กินทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ" ดอมกล่าว สีหน้าของเขาดูตื่นตระหนกเกินกว่าจะเป็นแค่การหยอกล่อกันธรรมดา

ทันทีที่ดอมพูดจบ เขาก็ล้มฟุบลงไปที่ข้างเก้าอี้ทันที ธีโอตกใจจนหน้าถอดสี รีบรุดจากที่นั่งตัวเองเข้าไปประคองดอมที่สลบไปแล้วอยู่บนพื้น

“ฝ่าบาท!” ธีโอร้องสุดเสียง ในใจตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่าอาการนี้มัน ดอมต้องถูกวางยาพิษเป็นแน่

ธีโอดอลรีบเอามือล้วงคอให้ดอมก่อนจับหันตะแคงข้างเพื่อให้อ้วกออกมา

“ตามหมอ…ไปเรียกลูเซียนมาเดี๋ยวนี้" ธีโอตะโกนเสียงหลง

แต่เมื่อมองไปรอบห้องก็ทำเอาเขาประหลาดใจ เหล่าข้ารับใช้แม้จะมีสีหน้าตกใจ แต่ก็ดูจะไม่มีใครร้อนรน ทั้งที่รัชทายาทล้มฟุบลงไปต่อหน้าต่อตา ราวกับทั้งหมดต้องการให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว

“ท่านดอม … ท่านดอมขอรับ"

ธีโอดอลเอ่ยเสียงสั่น เขาคิดในใจ ทำไมกันล่ะ ทำไมต้องเป็นตอนนี้ ถึงเขาจะอยากให้โดมินิคคนเก่าหายไป แต่ไม่ใช่กับโดมินิคคนนี้ที่มีดอมอยู่ สีหน้าดอมดูแย่ขึ้นเรื่อย ๆ เนื้อตัวของรัชทายาทร้อนระอุเหมือนถ่านเผาไฟ หายใจหอบแรง แม้จะให้อ้วกออกมาแล้วแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย เลขารู้สึกราวกำลังเดินตกหล่มอยู่ในหลุมลึก หัวใจถูกบีบ หายใจได้ไม่สุด ร่างกายสั่นเทากอดร่างของโดมินิคที่นอนนิ่งเอาไว้แน่น หลังจากนั้นไม่นานลูเซียนที่พักอยู่ใกล้ ๆ ก็รีบวิ่งเข้ามาดูอาการ…

รัชทายาทถูกพามายังห้องบรรทมโดยมีลูเซียนคอยดูอาการอย่างใกล้ชิด ในระหว่างกำลังวินิฉัยอาการของโดมินิค เขาก็สังเกตเห็นธีโอดอลที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง สีหน้าซีดเซียวดูเหมือนคนที่พร้อมจะเป็นลมล้มพับอยู่ทุกเมื่อ ด้วยความที่พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ลูเซียนรีบร้องทักธีโอขึ้นทันทีว่า

“ธีโอ ข้าว่าเจ้าตอนนี้ควรนั่งตั้งสติสักครู่ดีกว่า อาการของฝ่าบาทไม่ได้ร้ายแรงมาก หากข้าตรวจอีกหน่อยจะรายงานความคืบหน้าให้เจ้าเอง"

ลูเซียนเอ่ยเรียกสติ ทั้งคู่อายุห่างกันเกือบสิบปี แพทย์หนุ่มมองธีโอดอลเปรียบเหมือนน้องแท้ ๆ ของตน เขาที่เฝ้าดูมาโดยตลอดดพอจะรู้ว่าน้องชายมีอาการอะไร ธีโอดอลเคยประสบณ์เหตุการณ์บางอย่างในอดีตและกระทบจิตใจอย่างรุนแรงจนใช้ชีวิตปกติไม่ได้ช่วงหนึ่ง จึงอดไม่ได้ที่ลูเซียนจะหันมาเป็นห่วงธีโอ

“…” ธีโอไม่พูดอะไร เขากลับหลังหันเพื่อออกไปจากห้องทันที

แต่ไม่ทันที่ธีโอดอลจะก้าวพ้นบานประตู เขาก็ได้เผชิญหน้ากับคน ๆ หนึ่งที่กำลังจะก้าวเท้าสวนเข้ามา เลขาถึงกับเผลอเดินถอยหลัง ก่อนจะตั้งสติและรีบกล่าวทักทาย

“ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองดวงจันทราผู้อยู่เคียงข้างสุริยันแห่งอาณาจักรพะยะค่ะ”

ธีโอดอลโค้งคำนับผู้มาเยือน ท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ในชุดเดรสสีม่วงเข้ม เรือนผมสีดำสนิทที่มวยเกล้าเป็นทรงสูง หน้าตางดงามที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องประทินผิว รูปร่างระหงที่ถ้าบอกว่ามีลูกแล้วคงไม่มีใครเชื่อ เธอในส้นสูงจับจ้องไปยังธีโอดอลที่อยู่ตรงหน้า แอบยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นกราดเกรี้ยวแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“เป็นเลขาภาษาอะไรปล่อยให้ลูกข้าถูกวางยา ไอ้คนไม่เอาไหน" ราชินีอาเคเซียตะวาดเสียงดังก่อนยกมือขึ้นตบเข้าที่ใบหน้าของธีโอดอลเต็มแรง

นางผลักเขาให้หลบทางไปเพื่อเข้าไปหาลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง ธีโอดอลแก้มแดงช้ำเลือดซิบที่มุมปาก แต่ก็ยังคงยื่นนิ่งน้อมรับผิดไม่ตอบโต้ จากนั้นราชินีก็ตะโกนโวยวายเสียงดังขึ้นมาว่า

“ไอ้พวกไพร่ไม่รักดี! พระสวามีข้าถูกว่ายาพิษไปแล้ว พวกเจ้ายังปล่อยให้ลูกชายข้าโดนด้วยอีก พวกแกออกไปกันให้หมด ข้าจะดูแลลูกชายของข้าเอง" ราชินีโวยวายเสียงดัง ลูเซียนที่เฝ้าอาการโดมินิคอย่างใกล้ชิดกำลังจะพูดขึ้นขัด แต่ก็ถูกธีโอดอลเข้ามารั้งแขนเอาไว้ก่อน

“ขอประทานอภัยและโปรดลงโทษกระหม่อมภายหลังด้วยพะยะค่ะ พวกกระหม่อมจะออกไปเดี๋ยวนี้"

ธีโอดอลรีบพาลูเซียนออกไปจากห้องบรรทมของรัชทายาททันที ก่อนที่ข้ารับใช้คนอื่น ๆ จะทยอยตามออกไป

ดอมที่กำลังสะลึมสะลือ เวียนหัว มึนงง ร่างกายร้อนวูบวาบเหมือนนอนอยู่บนกองไฟ แม้จะได้ยินเสียงอื่ออึงอยู่เต็มสองหู แต่ก็ไม่อาจจะตั้งสติเพื่อจับใจความได้ จนกระทั่งได้ยินเสียง ๆ หนึ่ง พูดขึ้นมาที่ข้างหู

“โดมินิคลูกรักของแม่" เสียงแหลมสูงของสตรีเอ่ย ดอมนึกออกทันทีว่าเป็นเสียงของใคร

“…ท่านแม่" ดอมลืมตาขึ้นมาช้า ๆ แม้จะตกใจจนจะวูบแต่ก็ไม่มีแรงพอให้แสดงออกไป เมื่อเขากำลังเห็นใบหน้าคุ้นเคยของผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง มือข้างหนึ่งข้างหนึ่งเท้าไว้ข้างลำตัวดอม ก้มหัวลงมามองหน้าเขาสายตาดุดันคาดโทษไม่กระพริบ ราชินีอาเคเซียหรือแม่แท้ ๆ ของโดมินิคยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยกระซิบต่อที่ข้างหูของดอมว่า

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นลูกชาย มีหรือที่แม่จะไม่รู้ว่าลูกทำอะไรลงไป บลัดดี้ แมร์รี่ น้ำหอมกลิ่นเลือดที่แม่หามาให้ลูกเองกับมือ เพราะลูกบอกอยากจะหาของขวัญให้กับเลขาจอมหยิ่งยโส แค่ได้กลิ่นของมันแม่ก็รู้ได้ทันที แม่จะขอเตือนอะไรไว้สักอย่าง อย่ายุ่งกับคดีวางยาพิษ จงเก็บตัวอยู่ในปราสาทราวคนตาย เจ้าอยู่ในกำมือแม่ ใครจะไปรู้ครั้งหน้าเจ้าอาจจะกลายเป็นเหมือนพ่อของเจ้าก็เป็นได้"

ดอมหอบหายใจหนัก หน้าแดงราวคนเป็นไข้ คิ้วขมวดปมพันกันยุ่งบังคับตัวเองให้ตั้งสติ ตัวการที่วางยาดอมกำลังสารภาพเองกับปากว่าคือผู้กระทำ ดอมคิด เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมแม่แท้ ๆ ของโดมินิคถึงทำกับลูกตัวเองแบบนี้

“อย่าได้กังวลไปลูกรัก ยาที่ลูกดื่มเข้าไปหาใช่ยาพิษร้าย มันเป็นเพียงยาปลุกกำหนัดที่ใช้เร่งเพื่อผลิตทายาท แค่ลูกหรรษากับเหล่าหญิงคณิกาอย่างที่เคยทำ พิษก็จะถูกถอนออกจนหมด จงเป็นเด็กเดียงสาทำตามที่แม่สั่งอย่างเดิมเสีย"

อาเคเซียทำเสียงเย็นจนหน้าขนลุก ก่อนนางจะเปลี่ยนมาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตาดุดันที่มองลูกชายอย่างคาดโทษ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าแม่ผู้โศกเศร้าก่อนจะเดินจากไป

เธอแสร้งร่ำไห้ออกมาเบา ๆ ที่หน้าประตูก่อนจะเปิดมันออก พบกับเหล่าบริวารที่ยืนรออยู่ด้านนอก เธอเดินเข้าไปหาธีโอดอล นิ้วมือเรียวยาวสัมผัสบางเบาไปที่แก้มช่ำของเลขาหนุ่ม ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“ฮึก.. เมื่อครู่ข้าร้อนใจเกินไปหน่อยเพราะเป็นห่วงลูกชาย ไม่ได้ตั้งใจจะลงมือกับเจ้า"

อาเคเซียนหันมาตีหน้าเศร้า ธีโอดอลที่ตั้งสติจนใจสงบนิ่งได้แล้วตอบกลับเธอไปว่า

“หาได้เป็นอย่างนั้นพะยะค่ะ ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว" ธีโอดอลยังคมก้มหัวให้อีกฝ่าย ราชินีจึงพูดต่อไปว่า

“เดี๋ยวเรื่องหาต้นต่อคนวางยา เราจะรับผิดชอบจัดการในเรื่องนี้เอง เนื่องจากข้ารับใช้ที่ทำงานอยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนที่ข้าคัดเลือกมาเอง เจ้าไม่จำเป็นเข้ามายุ่งและดูแลเพียงลูกชายของข้าก็พอ"

ราชินีลูบแก้มธีโอดอลเล็กน้อยก่อนถอนมือ จากนั้นนางก็กลับหลังหันเดินออกไปตามทางเดินพร้อมกับเหล่าข้ารับใช้ทันที ธีโอดอลที่ก้มหัวอยู่เล็กน้อยมองบนตามตาไม่กระพริบ สัญชาตญาณบอกดอมที่อยู่ในห้องอาจจะไม่ปลอดภัย ทันทีที่สิ้นเสียงส้นสูงจากบริเวณ ธีโอดอลก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องเพื่อดูอาการรัชทายาทของตน ลูเซียนที่แม้ไม่รู้เรื่องอะไรแต่ก็พอจับสีหน้าของธีโอได้เดินตามไปทันที

“ฝ่าบาท เป็นอย่างไรบ้างพะยะค่ะ" ธีโอถามอย่างร้อนรนพร้อมสำรวจตามร่างกายของโดมินิคที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสภาพเดิม เขาหันตะแคงข้างพร้อมดึงผ้าให้ห่มมิดถึงคอ

“…ราชินีรู้แล้ว เรื่องที่พวกเราทำเมื่อวาน" ดอมพูดเสียงเอื่อย แม้กำลังพูดเรื่องใหญ่ที่หน้าหวาดวิตก แต่เขาก็ไม่มีแรงพอจะใส่อารมณ์ ธีโอดอลยืนช็อกนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อเก็บอาการ

“นางว่าพิษที่เราโดนจะเป็นยาปลุกกำหนัดน่ะ เจ้าคิดว่าไง ลูเซียน" ดอมยังคงพูดด้วยสีหน้าเหม่อลอยเพราะมึนยา ลูเซียนขมวดคิ้วเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“ขอรับฝ่าบาท อย่างที่ข้าตรวจอาการเบื่องต้นไป คาดว่าน่าจะเป็นยาปลุกกำหนัด ที่ใช้กับสัตว์ ไม่นิยมใช้กับคนเพราะจะมีผลข้างเคียง อาการจะเหมือนมีไข้ เวียนหัว และตัวร้อน ปล่อยไว้อาจจะเกิดอาการช็อกเกร็งได้ ถ้าได้สัมผัสหรือปลดปล่อยจะทุเลาลงเอง แต่ต้องทำจนกว่าจะขับพิษออกจนหมดขอรับ" ลูเซียนอธิบาย บนใบหน้าขมวดคิ้วกันยุ่งแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

“งั้นหรอ เข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้เราไม่ค่อยมีแรงเลย เราขอพักหน่อยสักตื่นเดี๋ยวที่เหลือเราจัดการเอง พวกเจ้าออกไ…” แต่ไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยคดอมก็เผลอหลับไปซะก่อน อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนมาทั้งคืน พอยิ่งถูกพิษเข้าไปก็ยิ่งอ่อนเพลียก็เป็นได้

“เจ้ากับรัชทายาทกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้" ลูเซียนที่แม้จะพูดเสียงอ่อน แต่ก็แผงไปด้วยความเป็นกังวลและยังคงมีสีหน้าอิดโรยอยู่เช่นเคย

“หากรัชทายาทอนุญาตข้าจะเล่าทั้งหมดให้เจ้าฟัง ลูเซียน แต่เจ้าไม่มีวิธีอื่นถอนพิษได้อีกเลยหรือ มียาอะไรพอจะช่วยฝ่าบาทได้อีกบ้างไหม" ธีโอดอลพูดราวกับคนกำลังกลั้นจะร้องไห้ คุณหมอส่ายหัวแทนคำอธิบายก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“เจ้าควรเรียกสตรีหรือบุรุษให้ฝ่าบาทนะ เพราะพระองค์จะทรงตัวอยู่แบบนี้ ไม่ดีขึ้นแน่นอน หาก…” ลูเซียนเดินเข้าไปแตะบ่าธีโอคล้ายปลอบโยน แต่อยู่ ๆ ธีโอก็ทำตาก้าวมองไปทางลูเซียน เขาพูดขัดขึ้นมาเสียงแข็ง

“ไม่จำเป็น เจ้ากลับไปเสียลูเซียน หลังจากนี้ข้าจะดูแลฝ่าบาทเอง เจ้าค่อยมาเมื่อข้าเรียกก็พอ"

ลูเซียนตกใจเล็กน้อยนัยน์ตาสั่นไหว เขาหันไปเก็บเครื่องมือแพทย์ใส่กระเป๋าก่อนเดินออกจากห้องบรรทมไป ทิ้งให้ธีโออยู่กับรัชทายาทเพียงลำพัง

.

.

.

…ความมืด ห้องโถง บัลลังก์ ขั้นบันได

หน้าต่าง ราตรี เดือนมืด ดาวดับ

หน้าผา หุบเหว หลุมดำ พังทลาย

ทางลง พรมสีแดง ประตู โซ่ตรวน…



 เสียงเหล็กกระทบกันดังซ้ำไปซ้ำมา ผมทนไม่ไหวต้องลืมตาตื่น ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับมืดสนิท มองเห็นไม่ชัดเพราะมองรอดจากรูเล็ก ๆ ชุดที่ผมสวมใส่อยู่ตอนนี้ทั้งหนักอึ้ง ทำเอาผมขยับตัวได้ลำบาก ทั้งที่ข้างในตัวผมมันร้อนมาก เลือดในกายเดือดพล่านขนาดที่กรีดออกมาคงใช้แทนน้ำต้มได้ แต่ข้างนอกกลับเย็นเฉียบรัดแน่นจนเจ็บไปหมดทั้งตัว

ผมตัดสินใจค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้เต็มความสูง ก้าวเท้าลงบันไดสีแดงอย่างยากลำบาก จนสุดท้ายผมก้าวพลาดพลัดตกบันไดก้าวเดียวลงมาถึงขั้นล่างสุด เมื่อแหงนมองไปที่สุดพรมสีแดง ผมเจอประตูบานใหญ่ที่อีกฝั่งมีแสงสีฟ้ารอดส่องเข้ามา ผมจึงยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แต่ทำไม่ได้เพราะแขนของผมติดอยู่ใต้พันธนาการ โซ่เส้นยักษ์พันร้อยอยู่รอบร่างกายของผม มันทั้งหนักทั้งเจ็บ ข้างในมันร้อนและเจ็บ หวาดกลัว ผมเจ็บ เจ็บมาก ๆ

…ช่วยด้วย เอาโซ่ออกให้ที ช่วยผมด้วย…

“ลิโอน่า ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ" ธีโอดอลมองตาผมไม่กระพริบ ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน พวกเรานั่งอยู่ในเรือนศาลาสีฟ้าริมสระน้ำ เพราะนั่งอยู่ใกล้น้ำหรือเปล่านะมันถึงได้เย็นขึ้นขนาดนี้

“ไม่ใช่นะ เท็ดดี้ นี่ดอมเอง" ผมเรียกธีโอด้วยชื่อเล่นที่ผมตั้งให้เขา เท็ดดี้ ทั้งที่ตั้งแต่มาที่โลกนี่ผมไม่เคยเรียกเขาแบบนั้น ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเขียวเป็นประกายเหมือนลูกแก้วของเขา ใบหน้าที่ได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสันคม ผมยาวสีเงินที่ถูกมัดลวก ๆ ปลิวตามแรงลมเอื่อย ๆ

ธีโอดอลตัวเรือง ๆ สีฟ้าโปร่งแสง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สัมผัสเขาได้ เท็ดดี้ยิ้มหวานให้ผม ก่อนเขาเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ อ้า จำได้แล้ว ฉากนี้ตอนที่ผมได้หัวใจของธีโอครบสิบดวง อีเว้นพิเศษที่เราได้พลอดรักกันในศาลาสีฟ้าริมน้ำ พวกเราจูบกันอย่างร้อนแรงจนช่องแชตเขินไปตาม ๆ กัน …ขอบคุณสำหรับโดเนทหนึ่งร้อยบาทที่ส่งมาขัดระหว่างที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มนะครับ นึกแล้วก็ตลกดี

แต่จูบครั้งนี้ผมเป็นคนเริ่มก่อน ผมประคองใบหน้าของธีโอด้วยสองมือ จูบบางเบาไปบนเปลือกตา ธีโอหลับตาพริมจนเห็นขนตาสวยยาวเป็นแพที่ประดับอยู่บนดวงตาคู่เรียว

“…ท่านดอม" ธีโอค่อย ๆ ลืมตามองตรงมาที่ผม ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ ผมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยสัมผัสที่ริมฝีปากของเขาเล็กน้อยให้เผยอออกเล็กน้อย

“ใช่แล้ว ท่านดอมของเจ้าไงล่ะ"