ดอม สตรีมเมอหนุ่ม หลุดเข้าไปอยู่ในเกมจีบหนุ่มสยองขวัญ แต่ช่วงเวลาที่เขาหลุดเข้าไป ดันเป็นเหตุการณ์ก่อนทุกคนจะกลายเป็นวิญญาณ 1 ปี เขาจะต้องหาทางยับยั้งไม่ให้ทุกคนต้องตายให้ได้

เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?) - บทที่ 8 คำสัตย์ปฏิญาณ โดย L'Amour Sangria @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตะวันตก,แฟนตาซี,ลึกลับ,ย้อนยุค,18+,วิญญาณ,เวทมนตร์,เกมจีบหนุ่ม,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,ต่างโลก,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตะวันตก,แฟนตาซี,ลึกลับ,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,วิญญาณ,เวทมนตร์,เกมจีบหนุ่ม,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,นิยายวาย,ต่างโลก,#BL

รายละเอียด

ดอม สตรีมเมอหนุ่ม หลุดเข้าไปอยู่ในเกมจีบหนุ่มสยองขวัญ แต่ช่วงเวลาที่เขาหลุดเข้าไป ดันเป็นเหตุการณ์ก่อนทุกคนจะกลายเป็นวิญญาณ 1 ปี เขาจะต้องหาทางยับยั้งไม่ให้ทุกคนต้องตายให้ได้

ผู้แต่ง

L'Amour Sangria

เรื่องย่อ

         "นี่มันอะไรกันวะ"

          ดอมเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปนั่งลงบนเก้าอี้ตรงระเบียงที่เขาวิ่งออกมาเจอ เขานั่งมองท้องฟ้าสลับกับเมืองยุโรปโบราณด้านล่างอยู่นานสองนานจนหมดแรง ดอมนั่งสำรวจตั้งแต่นิ้วมือไปจนถึงร่างกาย สองขาของตัวเอง แม้เขาจะไม่ต้องใส่แว่นก็มองได้อย่างชัดเจน ก็เพราะนี่ไม่ใช่ร่างกายของเขายังไงล่ะ





สารบัญ

เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 1 ดอมดม,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 2 โดมินิค,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 3.1 ธีโอดอล,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 3.2 ธีโอดอล,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 4.1 เรย์,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 4.2 เรย์,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 5 แอรอน,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 6 อาเคเซีย,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 7.1 Bloody Mary ,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 7.2 Bloody Mary (NC18+) Theodore + Aron,เป็นรัชทายาทตัวร้าย จะยากแค่ไหนกันเชียว (How hard is the boss fight?)-บทที่ 8 คำสัตย์ปฏิญาณ

เนื้อหา

บทที่ 8 คำสัตย์ปฏิญาณ



ดอมนอนสลบอยู่บนเตียงคนไข้ในเรือนแยกที่เขาเคยให้ไว้กับลูเซียน ซึ่งบัดนี้มันได้กลายเป็นสถานีอนามัยขนาดย่อม มีไว้สำหรับรักษาผู้ป่วยจากปราสาทองค์รัชทายาท ไม่ว่าจะเป็นคนใช้ ทหาร หรือแม้กระทั่งขุนนางที่รับใช้รัชทายาทบางคนยังได้รับการรักษาจากที่นี่

เมื่อคืนดอมได้บุกเข้ามาที่เรือนแยกกลางดึก ในท่าทางร้อนรน สีหน้าไม่สู้ดี แถมเสื้อผ้ายังหลุดรุ่ย โชคดีที่ลูเซียนหมอคนขยันยังไม่นอน จึงทำการไล่ผู้ช่วยทุกคนที่อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนั้นให้กลับบ้านไป ก่อนจะทำการรักษาและตรวจการอาการให้รัชทายาทด้วยตัวเอง

แค่ดูด้วยตาลูเซียนก็พอจะรู้ว่าพิษในตัวดอมทุเลาลงมากแล้ว แต่ดูจากร่องรอย เขียวช้ำตามข้อมือและหลัง ไม่รู้ว่ารัชทายาทผู้นี้ไปเล่นท่าไหนมาบ้างเพื่อบรรเทาพิษ ลูเซียนเช็ดตัวคนที่สลบไร้เรี่ยวแรง เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ จับนอนบนเตียงคนไข้ห้องพิเศษที่ภายในห้องมีแค่เตียงของเรย์พักฟื้นอยู่ข้างเคียงเท่านั้น

ดอมนอนหลับสนิทจนถึงเช้าจนมาลืมตาตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังคุยกัน

“ใครมาหรือขอรับพี่หมอ" เสียงคนหนุ่มที่ฟังดูอ่อนหวานคาดว่าน่าจะเป็นเสียงของเรย์เอ่ยถาม ที่เขาเรียกลูเซียนว่าพี่หมอ น่าจะเพราะเคยได้ยินจากดอมแล้วเรียกตาม

“ธีโอ กับอัศวินหนุ่มที่ชื่อว่าแอรอนน่ะ เห็นว่ามาขอเข้าพบรัชทายาท แต่ฝ่าบาทรับสั่งไว้ก่อนหลับ ว่าไม่ให้ใครเข้าพบจนกว่าตัวเองจะอนุญาต ข้าเลยไล่ผู้ช่วยกลับบ้านแล้วปิดที่นี่เสียเลย” เสียงทุ่มนุ่มของคุณหมอพูดอย่างอ่อนแรง

“พี่หมอไปพักก่อนก็ได้นะขอรับ เดี๋ยวข้าเฝ้าฝ่าบาทให้เอง ดูหน้าท่านเสียก่อน ไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว" เรย์เอ่ย

ถึงในเกมลูเซียนจะดูสดใสปกติดี แต่อย่าลืมไปว่าวิญญาณไม่จำเป็นต้องนอน ทั้ง ๆ ที่เป็นชายหนุ่มสูงโปร่งและหน้าตาดีเอามาก ๆ แต่เพราะอดหลับอดนอนตั้งใจเรียนการแพทย์ ทำให้เขามักมีใบหน้าอิดโรยอยู่เป็นประจำ ใต้ตาก็คล่ำ ผิวหนังก็แห้งจนความหล่อหายไปเกือบครึ่ง

“ไม่เป็นไร ถ้าข้าทำซุปเสร็จแล้วจะมาตัดผมให้เจ้า จากนั้นข้าค่อยไปพักก็ได้" ลูเซียนเอ่ยเสียงอ่อน

“ถ้าแค่ตัดผมเราตัดให้ได้นะ" เสียงพูดดังมาจากทางด้านเตียงของรัชทายาท ทั้งสองหันไปมองยังผู้พูดเป็นตาเดียว

แม้ดอมจะมีความระแวงในอาหารที่จะนำเข้าปากอยู่นิดหน่อย แต่เพราะเป็นอาหารที่ลูเซียนปรุงเองกับมือ ดอมจึงสบายใจที่จะกินมัน แม้อาหารของลูเซียนจะหน้าตาน่ารับประทานเพียงใด แต่รสชาติของมันกลับจืดชืดอย่างที่ลูเซียนได้กล่าวไว้ว่า ผู้ป่วยห้ามกินอาหารรสจัด ระหว่างที่ลูเซียนสาธยายถึงประโยชน์ของมัน เรย์ก็หันมายิ้มหวานพร้อมส่งสายตาบอกว่า ข้าชินมันแล้ว ให้กับดอมที่กำลังงงในรสชาติน้ำซุปตรงหน้า

หลังจากที่ทานมื้อเช้าด้วยกันสามคนเรียบร้อยแล้วดอมก็จัดการปูผ้ารองที่พื้น ตั้งเก้าอี้เหนือผ้าที่ปู อุ่มเรย์ที่ยังตัวเบาหวิวมานั่งก่อนจะคลุมผ้าอีกผืนให้จนมิดคอ เขาใช้เชือกในการมัดรวบผมสีฟ้าอ่อนของเรย์เป็นช่อ ๆ ก่อนจะค่อยเล็มตัดให้เป็นทรงอย่างที่ตั้งใจ

ดอมอนุญาตให้ธีโอดอลและแอรอนเข้าพบได้แล้ว ทั้งสองในชุดปฏิบัติงานเต็มยศก้าวเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย การที่ผู้ชายโตเต็มวัยห้าคนมาอยู่ในห้องเดียวกัน ทำให้ห้องที่ทีแรกมีขนาดใหญ่พอจะรองรับเตียงคนไข้ได้ถึงห้าเตียงคับแคบลงถนัดตา ธีโอดอลทึ่งเล็กน้อยที่เห็นดอมกำลังตัดผมให้ผู้อื่น ก่อนเขาจะพูดเปิดขึ้นก่อนว่า

“ขอประทานอภัยพะยะค่ะฝ่าบาท แม้จะฟังเป็นการแก้ตัว แต่เรื่องเมื่อคืนไม่ใช่อย่างที่พระองค์เข้าใจ จริง ๆ แล้วกระหม่อมเป็นผู้ที่ลงมือก่อนเอง กระหม่อมยินยอมด้วยตัวเอง… คนที่ลงมือโดยพละการคือข้า" ธีโอดอลดูพูดติด ๆ ขัด ๆ ฟังแล้วสับสน

ปกติแล้วธีโอจะพูดจาฉะฉานตรงไปตรงมาไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าใคร แม้กระทั่งเรื่องสมัยก่อนที่โดมินิคเคยได้กับลูกสาวขุนนางคนไหนบ้างเขาก็เคยพูดออกมาตรง ๆ ได้อย่างไม่เกรงกลัว ต่างกับตอนนี้ที่พอสังเกตดูก็พบว่าสายตาของธีโอจับจ่องไปที่เรย์อยู่เป็นระยะ เขามองคนผมฟ้าที่กำลังตัดผมอยู่ด้วยสีหน้าเป็นกังวลกับเรื่องที่กำลังพูดออกไป

“เราเข้าใจแล้วธีโอ ตอนนั้นเราเองก็ขอบใจเจ้ามาก แต่อย่างน้อย ๆ เจ้าควรบอกเราให้ชัดเจนก่อนลงมือนะ สิ่งที่เราไม่ชอบที่สุดเลยคือการฝืนใจผู้อื่น… ว่าแต่เราเห็นเจ้ามองเรย์มาได้พักหนึ่งแล้วมีอะไรงั้นรึ” ดอมสงสัยจึงอดถามไม่ได้ ธีโอหน้าถอดสีรีบตอบกลับไปเต็มเสียงทันทีว่า

“คือเรื่องที่พวกเรากำลังคุยกันไม่ควรพูดมันต่อหน้าผู้เยาว์พะยะค่ะ มันไม่สมควร" ธีโอตอบกลับมาเต็มเสียง ดอมเบิกตาโต มองหน้าของเรย์ที่กำลังมองเขากลับมาอยู่เช่นกัน ก่อนดอมจะอมยิ้มเอ่ยออกมาว่า

“ไม่ได้เป็นผู้เยาว์ เขาอายุเกือบจะสะ…โอ้ย" ไม่ทันที่ดอมจะพูดจบประโยค เรย์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าดอมรอตัดผมอยู่ก็ดันข้อศอกใส่ต้นขาดอมเต็มแรง ถึงจะไม่เจ็บมากแต่ก็ทำเอาดอมสะดุ้งได้

“ข้าบรรลุนิติภาวะแล้วขอรับท่านเอิร์ล" เรย์ยิ้มให้ธีโอดอลอย่างเป็นมิตร

ธีโอดอลกระตุกคิ้ว เขาสงสัยในความสัมพันธ์ของดอมและเรย์ขึ้นมาทันที เข้าเยี่ยมเพียงไม่กี่ครั้งไปสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ดอมใช้กรรไกรปลายแหลมคมตัดผมให้เรย์โดยกะความยาวของผมตามที่ตกลงกันไว้ ดอมมีภาพอยู่ในหัวว่าจะตัดทรงเดียวกับที่เรย์เคยไว้แบบในเกม ระหว่างนั้นเขาก็เอ่ยกับแอรอนที่ยืนเงียบอยู่ในห้องด้วยกันขึ้นว่า

“แล้วเจ้ามาทำไมท่านอัศวิน ตอนนี้อย่าได้บุมบามทำอะไรเราเชียว ธีโอดอลที่ยืนอยู่ข้างเจ้าไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ หรอกนะ เชื่อเราเถอะ" ดอมยกธีโอดอลขึ้นมาขู่แอรอน เพราะกลัวว่าเขาจะกระทำการต่อจากเมื่อคืนที่เจอกันในห้องน้ำ คำขู่ฆ่าที่แอรอนกล่าวกับดอม แม้ตอนที่ได้ยินจะยังไม่ได้สติเต็มร้อย แต่พอพิษถูกถอนออกโดยสมบูรณ์เขากลับจำทุกอย่างที่แอรอนทำได้เป็นอย่างดี

ธีโอดอลที่ได้ยินดอมพูดก็ส่งสายตามองขวาง ยกมือขึ้นจับดาบที่คาดข้างเอวหันไปมองยังแอรอนทันที ถึงในเกมธีโอดอลจะเป็นตัวละครที่เด่นเรื่องการใช้โล่ป้องกันให้ตัวผู้เล่นเน้นรับการโจมตีแทน แต่สกิลพิเศษที่ได้ตอนปลดล็อคหัวใจสิบดวงของธีโอ กลับเป็นทักษะการโจมตีที่หน้าสะพรึง ขนาดที่ทำให้ตัวผู้เล่นเองยังหวาดกลัวที่จะใช้สกิลนี้ พูดได้เต็มปากเลยว่าธีโอดอลร่างผู้ใช้ดาบสองมือ อัศวินระดับสูงอย่างแอรอนยังอาจจะล้มได้ยาก

แอรอนที่ได้ยินดอมพูดแบบนั้น ก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นทันที

“กระหม่อมขออภัยในความโง่เขลาและหยาบคายเมื่อคืนด้วยพะยะค่ะ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบในการกระทำ นับแต่นี้ไปกระหม่อมจะขอเป็นข้ารับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียว และขอถวายสัตย์ปฎิญาณแก่พระองค์ด้วยพะยะค่ะ" แอรอนก้มหน้ามองพื้นไม้ นำเสียงเรียบเฉย แต่กลับทำเอาผู้ที่ได้รับฟังทั้งหมดอยู่กันไม่สุข

การถวายสัตย์ปฎิญาณสำหรับอัศวินระดับสูงที่มีแกนพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง คือการเอาจิตของตัวเองไปผู้กับผู้เป็นนาย แชร์พลังวิญญาณให้กันและคอยรับใช้ไปตลอดชีวิตจนกว่าจะถูกแยกจากด้วยความตาย หากอัศวินสิ้นใจไปก่อนจะไม่ผลกระทบอะไรกับผู้เป็นนาย แต่ถ้าผู้เป็นนายตายอัศวินก็จะตายไปด้วย การถวายสัตย์ในชีวิตอัศวินจึงมักทำได้เพียงครั้งเดียว และส่วนใหญ่จะมอบให้กับคนสำคัญของตนไม่ใช่เจ้านาย เช่น ตอนเล่นเกมถ้าผู้เล่นสามารถปลดล็อคหัวใจของแอรอนครบสิบดวง เขาจะมอบคำสัตย์ปฎิญาณให้แก่ ลิโอน่า ตัวเอกสาวที่ทั้งสองตกหลุมรักกัน เป็นต้น

ความจริงหากแอรอนให้คำสัตย์กับดอมแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเอกอย่างลิโอน่าจะไม่ได้รับมัน เพราะการผู้จิตวิญญาณเข้าด้วยกันมันส่งผลกระทบไปถึงโลกหลังความตายด้วย

“เรา…ไม่ต้องการ แอรอน เราขอปฎิเสธ ประสาทกลับหรอ เมื่อคืนเจ้ายังบอกคับแค้นเราเสียขนาดนั้น เราเชื่อแล้วว่าเจ้ารู้สึกผิดจริง ๆ ขอล่ะ อย่าได้ยกเรื่องถวายสัตย์ขึ้นมาพูดอีก” ดอมกำกรรไกรในมือไว้แน่นพยายามปฏิเสธเสียงแข็ง

“ถ้าเป็นเช่นนั้นกระหม่อมก็จะรอ วันที่ฝ่าบาทยินดีที่จะรับมันพะยะค่ะ" แอรอนยังคงกล่าวหน้านิ่ง

ธีโอดอลที่อยู่ข้างกันกำดาบของเขาเอาไว้แน่นจวนจะชักออกมาฟันอีกฝ่าย ส่งสายตาคาดโทษราวกับหวังให้แอรอนตัวลุกเป็นไฟ ลูเซียนที่สังเกตอยู่เช่นกันรีบเอ่ยทักเพื่อไม่ให้บรรยากาศแย่ลงไปมากกว่านี้

“ในฐานะแพทย์เองข้าก็ไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้นขอรับท่านอัศวิน เพราะมีอัศวินมากมายที่พอถึงจุดหนึ่งแล้วก็อยากจะถอนคำสัตย์ที่ถวาย อย่าว่าแต่การแพทย์เลย เวทย์มนต์เองก็ยังไม่พบว่าถอนได้ ท่านควรลองทบทวนดูดี ๆ ก่อนนะขอรับ" ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง แอรอนเงยหน้าขึ้นมองคุณหมอเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

“งั้นกระหม่อมมีเรื่องต้องรายงานพะยะค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับภารกิจ ฝ่าบาทสะดวกให้คนนอกร่วมฟังด้วยหรือไม่พะยะค่ะ" แอรอนเอ่ยเสียงเรียบราวกลับเมื่อครู่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

เมื่อดอมนึกขึ้นได้ว่าให้ภารกิจกับแอรอนไว้เมื่อวาน ไม่คิดว่าจะดำเนินการได้รวดเร็วอะไรขนาดนี้ ดอมมองหน้าลูเซียนและเรย์สลับกัน ชั่งน้ำหนักในใจว่าควรให้พวกเขาอยู่ฟังด้วยไหม ไม่รู้ว่าขอบเขตการรับรู้ของราชินีจะมีมากขนาดมาทำร้ายทั้งสองด้วยหรือเปล่า ดอมคิดหนัก แต่เรย์ก็พูดขึ้นว่า

“ข้าให้สัญญาไปแล้วว่าจะช่วยเหลือและเป็นพวกเดียวกับฝ่าบาท เพราะยังไงข้าก็เคยเป็น เหยื่อ ที่เคยถูกพระราชากักขังหน่วงเหนี่ยวนานแรมปี หากสิ่งที่กำลังจะคุยกันไม่เกี่ยวข้องกับข้าจริงก็เชิญอุ้มข้าออกไปได้เลยพะยะค่ะ" เรย์พูดพร้อมแกว่งเท้าไปมาบนเก้าอี้ ที่แม้มันจะมีอยู่เพียงข้างเดียวก็ตาม

ความจริงดอมก็กะจะบอกเรื่องที่เรย์เป็นเหยื่อกับแอรอนอยู่แล้วแต่แค่ไม่อยากพูดต่อหน้าเรย์เพราะมันอาจกระทบจิตใจได้ แต่ในเมื่อเจ้าตัวพูดออกมาก่อนแล้วเขาก็ต้องอธิบายต่อจนจบ ดอมจึงหันไปพูดกับคุณหมอลูเซียนที่ไม่น่าเกี่ยวข้องที่สุดก่อน

“อื่ม แล้วพี่หมอล่ะ หากท่านอยู่ฟังด้วย ก็เท่ากับเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ทั้งเสี่ยงอันตรายและอาจจะโดนข้อหากบฏพ่วงไปด้วยเลยก็ได้นะ หากไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นก็ขอแนะนำให้ท่านออกไปก่อนสักครู่" ดอมพูด ใบหน้าของเขาเรียบเฉยกว่าที่เคยเป็น

ลูเซียนลอบมองไปที่ธีโอดอลผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง สายตาของธีโอมั่นคงยิ่งกว่าอะไร เป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี อีกอย่างคุณหมอเองก็รับรู้มาบ้างแล้วว่าอันตรายที่ว่าเป็นอย่างไรจากที่ดอมเคยถูกวางยามา และสิ่งต่าง ๆ ภายในวังหลวงที่บิดเบี้ยวอย่างไม่ควรจะเป็น ลูเซียนตัดสินใจพยักหน้า

“ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือท่าน ตั้งแต่ท่านเรียกข้าไปเข้าเฝ้าวันนั้นแล้วพะยะค่ะ" ลูเซียนยิ้มอ่อนตอบกลับ ดูอบอุ่นและสร้างความสบายใจให้ดอมเป็นอย่างดี

ดอมเองก็ตั้งใจแต่แรกที่จะดึงคนเหล่านี้ให้เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ใจหนึ่งก็หวั่นกลัวพวกเขาได้รับอันตราย ดอมจึงหันไปอธิบายกับแอรอนในเรื่องราวที่เขาควรได้รู้

“ถ้าเช่นนั้น แอรอนจงฟัง คนผู้นี้คือ เรจินอล เฟริกซ์ ขุนนางที่หายตัวไปในเมืองหลวงเมื่อวันสถาปนาของอาณาจักรไรออนเทียปีก่อน ความจริงแล้วเขาถูกขังไว้ในห้องลับของปราสาทหลักมาตลอด โดยผู้กระทำคือ พระราชาอเล็กเซย์หรือบิดาของเรา และเนื่องจากเข้าไปช่วยเรย์ เราจึงได้ค้นพบเส้นทางลับจากห้องรับรองดอกกุหลายไปสู่ห้องบรรทมของพระราชาอีกด้วย เราจึงต้องให้เจ้าตามหานางสนมที่เข้าพักห้องรับรองดอกกุหลาบในคืนนั้น เพราะเป็นไปได้สูงว่านางอาจจะเป็นผู้ที่แอบเข้าไปในห้องบรรทมวางยาพิษแก่พระราชา” ดอมอธิบบาย แม้แอรอนจะมีใบหน้าเรียบเฉยแต่หากสังเกตุดี ๆ จะเห็นนัยน์ตาสีดำเขาสั่นไหวอยู่ในน้อย ๆ เป็นประกาย เขารีบรายงานดอมกลับไปทันทีว่า

“งั้นกระหม่อมขอรายงาน จากการออกตามหานางสนมหรือหญิงรับใช้ทั้งเจ็ดคนตามรายชื่อที่ได้มา เราได้พาพวกนางเกือบทุกคนมากักตัวไว้ในที่ปลอดภัยแล้วพะยะค่ะ ขาดแต่คนเดียวที่คนระแวกนั้นว่ากันว่า นางเป็นโรคติดต่อร้ายแรง กระหม่อมจึงไม่ได้ให้อัศวินเข้าไปตรวจสอบ เป็นไปได้ก็อยากจะให้หมอสักคนติดตามไปด้วยเพื่อหาทางรับมือกับโรคที่นางเป็น" แอรอนมองตรงไปที่ลูเซียนราวชี้เป้าไว้แล้วว่าหมอคนนั้นคือใคร

ดอมเองก็เช่นกัน เขามองไปที่ลูเซียนในสีหน้าเป็นกังวลแม้เขาจะไม่อยากเสี่ยงเพราะเกรงลูเซียนจะเป็นอันตราย แต่หากเป็นอาการป่วยก็ไม่มีหมอคนไหนไว้ใจได้เท่าลูเซียนอีกแล้ว หมอเองก็เหมือนรู้ตัว รีบเอ่ยก่อนดอมจะถามความสมัครใจ

“หากนางผู้นั้นป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรงจริง ก็ได้โปรดส่งข้าไปเถิดขอรับ ต่อให้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ตรวจสอบ แต่ถ้าโรคที่ว่าเกิดระบาดขึ้นมาจริงจะมีผู้คนอีกมากมายต้องเดือดร้อน ต้องให้ข้าไปนะขอรับ" ลูเซียนกระตือรือล้นกว่าที่คิด

ดอมก็ลืมไปว่าหากเป็นเรื่องช่วยคน ลูเซียนของเราไม่มีหวั่นที่ต้องเสี่ยงตายอยู่แล้ว แต่ใจก็อดเป็นห่วงมากไม่ได้อยู่ดี

“คงไม่มีอะไรมาห้ามพี่หมอได้สินะ อย่างนั้นแอรอน ช่วยปกป้องคุ้มครองเขาคนนี้ที ลูเซียนเคยช่วยชีวิตคนมาแล้วมากมาย ต่อให้เจ้าจะยังแค้นเคืองเราในอดีตแต่ห้ามไปลงกับหมอนะ" ดอมรีบพูดดักไว้ก่อนเพราะเดิมทีแอรอนเป็นคนเอาแต่ใจ ควบคุมอะไรไม่ค่อยได้ แถมยังเก่งกว่าใครในห้องนี้ เมื่อคืนแอรอนยังทำตัวอย่างกับผีเข้าได้ หากไม่เตือนไว้ก่อนไม่รู้จะเผลอเล่นพิเรนทร์อะไรอีก

“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ หากเป็นกังวลเช่นนั้นก็โปรดรับคำสัตย์ปฏิญาณของกระหม่อมแต่แรกก็สิ้นเรื่อง" แอรอนพูด สังเกตุดี ๆ เขาแอบยกยิ้มที่มุมปาก

ลูเซียนรีบออกไปจัดกระเป๋าเพื่อออกตรวจคนไข้ ดอมยังคงตัดผมให้เรย์ต่อไปจนตอนนี้เกือบได้เป็นทรงที่ต้องการ ระหว่างนั้นดอมก็นึกบางอย่างขึ้นได้จึงรีบเอ่ยถามแอรอนไป

“แอรอน เจ้าพอรู้เรื่องตั๋วเข้างานประมูลลับของกลุ่มการค้าแจ็คเกอร์บ้างไหม” ดอมคิดในใจ ถ้าแอรอนจะแฝงตัวไปโผล่ที่ไหนก็ได้ราวภูติผีขนาดนี้ ก็น่าจะรู้ความลับของพวกขุนนางอยู่บ้างล่ะนะ

“ทราบขอรับ เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับชนชั้นสูงที่เข้าไปพัวพันกับคดีคนหาย แต่ทุกครั้งที่พวกกระหม่อมตามสืบ ก็จะติดปัญหาภายในเพราะเรื่องการดูแลประชาชนมีกองอัศวินนกเหยี่ยวคอยดูแลอยู่แล้ว กระหม่อมจะถูกสั่งให้ยุติการสืบสวนต่อทุกครั้งไป ส่วนเรื่องตั๋วต่อให้เป็นขุนนางกันเองก็ไม่สามารถหามาได้ นอกเสียจากเป็นคนสนิทหรือมีเงินเยอะเหลือใช้ขนาดที่ตรวจสอบไม่ได้พะยะค่ะ"

แม้แอรอนจะอธิบายโดยไม่ได้แสดงออกอะไร แต่ดอมเห็นว่าตาของแอรอนที่เหลือบมองไปทางอื่นดูไม่สบอารมณ์ แต่คนที่ไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่า พูดแทรกขึ้นมาว่า

“ช่วงนี้ฝ่าบาทควรต้องเก็บตัวพะยะค่ะ เมื่อวานตัวเองพึ่งโดนวางยาพิษไปแท้ ๆ คิดจะทำการใดอีก กระหม่อมอาสารับผิดชอบเรื่องตั๋วงานประมูลเองพะยะค่ะ" ธีโอเอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจ อาจจะเป็นเพราะสะสมมาจากก่อนหน้านี้ที่พึ่งโมโหแอรอนไปยังไม่ได้ที่ระบาย

“แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองปลอดภัยหรือธีโอ น้ำหอมกลิ่นเลือดขวดนั้นราชินีรู้ด้วยซ้ำว่าโดมินิคนำไปให้เจ้า นางต้องรู้แน่ว่าเจ้าให้ความร่วมมืออยู่กับเรา เจ้าเองก็ควรเก็บตัวเช่นกัน" ดอมเถียงกลับไปดื้อ ๆ ตั้งใจปั้นประสาทธีโอเพื่อให้เขาระบายโทสะออกมา

แอรอนแปลกใจที่ดอมแทนตัวเองราวบุคคลที่สาม

“ราชินีสั่งให้ท่านทำตัวเฉกเช่นเดิม แต่นางสั่งข้าเพียงให้ดูแลท่านเท่านั้น เพราะฉะนั้นข้าจะเป็นคนเคลื่อนไหวเองพะยะค่ะ ท่านอย่าได้ห้าม" ธีโอเริ่มเก็บความสุขุมเอาไว้ไม่อยู่ ปล่อยคำพูดไม่ใช้คำทางการกับรัชทายาท ดอมก็พึ่งเคยเห็นธีโอดื้อรั้นถึงขนาดนี้ ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะทำให้เลขาหนุ่มใจเย็นขึ้นมาได้รึเปล่า

“ข้าสงสัย ทำตัวเฉกเช่นเดิมที่ว่าเป็นอย่างไรรึขอรับ” อยู่ ๆ เรย์ที่กำลังส่งกระจกในมือ จัดทรงผมให้ตัวเองอยู่ก็พูดแทรกขึ้นมา

จะว่าไปดอมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโดมินิคเคยทำตัวยังไงไว้บ้าง ดอมมองหน้าธีโอดอลเพื่อรอคำตอบแทนการพูด เพราะถ้าเผลอถามออกไปจะเป็นการเปิดเผยตัวตนว่าเขาไม่ใช่รัชทายาทกับคนอื่นในห้องได้ ธีโอดอลเผลอปล่อยสีหน้าเลิกลั่กเล็กน้อยก่อนพูดต่อในท่าทีเกร็ง ๆ ว่า

“…ก็ ฝ่าบาทตอนที่ยังคิดไม่ได้ มักเที่ยวเล่นหอคณิกา ดื่มสุราต่างน้ำ มั่วสุมอยู่ในบ่อนเล่นการพนัน ไม่ก็ชอบทำตัวอวดเบ่ง จัดงานปาร์ตี้ฟุ่มเฟือยเชิญแขกไม่ซ้ำหน้า ผลาญงบประมาณราชวัง ข้าไม่เคยเห็นท่านทำตัวดี ๆ อย่างอื่นเลย" ธีโอดอลแม้จะพยายามทำสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงที่เปร่งออกมาไม่มีตรงไหนที่ไม่ดูมีพิรุธ ดอมที่ระแวงแอรอนที่สุด หยุ่มผมของเรย์ทำเอาทรงที่จัดไว้ก่อนหน้านี้พันกันยุ่งอีกครั้ง

“ช่าย ๆ ก็ตอนนั้นเราทั้งติดยา ทั้งเมาเหล้าหนักมาก จำอะไรแทบไม่ได้เลย แย่จังน้า" ดอมคิดในใจ ครบสูตรอบายมุขเลยนี่หว่า

“มีจัดงานปาร์ตี้ด้วย เท่าที่ข้ารู้การจัดงานสังสรรค์ของพวกขุนนาง ก็ไม่ต่างอะไรกับแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลชั้นดี เราใช้จุดนี้ในการรวบรวมข้อมูลได้มิใช่หรือขอรับ" เรย์มองบนเล็กน้อยก่อนจัดทรงผมสั้นสีฟ้าครามให้เข้าทรงอีกครั้ง แก้มตอกที่เริ่มมีน้ำมีนวลกับทรงผมสั้นบ๊อบที่รับกับใบหน้าอ่อนเยาว์ เพิ่มความน่าเอ็นดูให้เรย์อยู่ไม่น้อย ดอมกับธีโอดอลมองหน้าเหมือนกำลังสื่อสารด้วยตา ธีโอดอลรีบพูดต่อทันที

“กระหม่อมจะไปเตรียมการเรื่องงานปาร์ตี่พะยะค่ะ จะทำให้เหมือนที่เคยจัดครั้งก่อน ๆ ทุกระเบียบนิ้วเอง" ธีโอดอลไม่รอช้าเตรียมก้าวออกจากห้อง

ดอมดึงผ้าที่คลุมตัวของเรย์ออกก่อนอุ้มเขาขึ้นมาจากเก้าอี้ หน้าทั้งคู่ใกล้กันมากจนปลายจมูกแทบชนสัมผัสกัน เรย์ในอ้อมแขนแกร่งของดอมแอบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมานิดหน่อย

“ขอบคุณนะเรย์ หากมีพวกเจ้าอยู่ เราคงทำอะไรได้อีกมาก” ดอมยิ้มให้ ก่อนเขาจะพาเรย์ไปส่งที่เตียงพักฟื้น ธีโอที่หันมาเห็นภาพดังกล่าวรีบร้องเรียกดอมขึ้นทันที

“ฝ่าบาทก็ต้องไปกับกระหม่อมด้วย พระองค์ต้องร่างรายชื่อแขกให้กระหม่อมนะพะยะค่ะ" ธีโอหยุดเดินต่อหันมามองสีหน้าร้อนรนขึ้นมา

“แต่ เดี๋ยวหลังจากนี้ลูเซียนจะไม่อยู่ ต้องเก็บผมไปทิ้งด้วย ผู้ช่วยก็กลับบ้านไปหมดเราขอดูแลเรย์ก่อนไม่ได้หรือ" ดอมหันไปเอียงคอถามธีโอ ยังไงเรย์ก็ยังเป็นคนป่วยที่เดินเองไม่ได้และคงยังไม่ชินกับการใช้ไม้พยุง

“เส้นผมเดี๋ยวข้าเก็บให้เอง ส่วนคนดูแลขอพึ่งพาทางกองอัศวินหมาป่าไม่ดีกว่าหรือพะยะค่ะ เพราะหากเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย พวกเขาน่าจะปกป้องเรย์ได้มากกว่า" ธีโอดอลให้เหตุผลที่ฟังขึ้น ก่อนเขาจะก้มตัวลงไปยกเก้าอี้ออก และเส้นผมไว้ในผ้า

ดอมหันไปมองหน้าแอรอนที่กำลังรอลูเซียนไปเก็บของ ใบหน้าสุขุมมองกลับไปที่ดอมก่อนเอ่ยเสริมขึ้นว่า

“ที่หน่วยอัศวินมีคนที่ไว้ใจได้ และเคยดูแลคนป่วยมาก่อนอยู่พะยะค่ะ กระหม่อมจะส่งเขามาที่นี่เอง ขอรับประกันด้วยชีวิตของเลยว่า คนผู้นั้นจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” แอรอนมีคนในใจแล้ว ซึ่งคนที่จะถูกส่งมาดูแลเรย์ก็คือ ลูอิส วอลล์รัน รองผู้บัญชาการของเขานั่นเอง

“อื่ม ก็ได้ เรย์ก็พักผ่อนเยอะ ๆ นะ” ดอมกล่าวส่งท้ายก่อนเดินออกจากห้องตามธีโอดอลไป

เมื่ออยู่ภายในห้องกันสองคน เรย์ก็หันไปจ้องหน้าแอรอนที่ยืนกอดอกพิงกำแพง เขาส่งยิ้มหวานให้อัศวินร่างสูง ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนเตียงคนไข้

“ท่านอัศวิน ช่วยห่มผ้าให้ข้าทีสิขอรับ" เรย์เอ่ยเสียงหวานสายตาที่ส่งให้อีกฝ่ายช่างดูไร้เดียงสาน่าเอ็นดู

แอรอนที่มีเพียงใบหน้าเรียบเฉยเดินเข้าไปหาเรย์ที่เตียง ก่อนเขาจะจับผ้าห่มที่กองอยู่ตรงเท้าของเรย์ขึ้นมาห่มให้ สายตามองผ่านส่วนขาของคนตัวเล็กที่ข้างหนึ่งหายไปตั้งแต่ข้อเท้าถึงปลาย กับผ้าพันแผลที่พันหนาอยู่บริเวณนั้น แอรอนดึงผ้าห่มให้จนถึงหัวไหล่ของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะถูกร่างเล็กคว้าจับไปที่ปกเสื้อเพื่อดึงให้อัศวินเข้าไปใกล้หน้าของตน

“ข้าขอเตือนอะไรไว้อย่าง เจ้าตัวโต อย่าได้ไปขัดแข้งขัดขาคนผู้นั้นเป็นอันขาด เจ้าคงพอสัมผัสได้ว่าเขาไม่ใช่คนของที่นี่ หากเขาเกิดหายไปแล้วล่ะก็ พวกเราได้ตายกันหมดแน่ นี่คือสิ่งที่ข้าบอกได้” เรย์กระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่ายที่ไม่ได้ดิ้นหนีหรือขัดขืน ทำเพียงแค่ใช้สองแขนยันเท้าไปที่หัวเตียงเท่านั้น ด้วยความสงสัยแอรอนจึงเอ่ยถามคนที่อยู่ใต้ร่างเขาออกไปว่า

“เจ้ารู้สิ่งใดมา" ท่าทางของคนทั้งสองไม่ได้ขยับต่างไปจากเดิม ราวกับเวลาถูกหยุดนิ่ง

“ข้าไม่รู้สิ่งใด เจ้าเองก็อย่าได้หาคำตอบ หากเขาวางใจ เขาจะบอกเจ้าเอง" เรย์ตอบกลับไป แม้อัศวินผู้นี้จะแข็งแกร่งเพียงใดเขาก็ไม่เกรงกลัวที่จะท่าทาย หากเป็นไปตามที่เรย์วิเคราะห์ คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ร้ายหรือคนที่มีความแค้นจนบังตา เป็นคนประเภเลือกทำเฉพาะสิ่งที่ตนพอใจ

แอรอนลุกนั่งที่ข้างเตียงของเรย์ แม้เขาจะเคยแอบได้ยินตอนที่รัชทายาทกับเลขาคุยกันแค่ตามลำพัง ทั้งสรรพนามที่ธีโอดอลใช้เรียกรัชทายาทว่า ท่านดอม และรัชทายาทที่เหมือนจะรู้ข้อมูลล่วงหน้าในทุก ๆ เรื่องที่พวกเขาคุยกัน แม้กระทั่งเมื่อคืนที่โดมินิคจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองแทบไม่ได้เลย และที่เด่นชัดที่สุดคือนิสัยโอบอ้อมอารีย์ มีเมตตาที่แต่เดิมไม่เคยมี ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่รัชทายาทที่แอรอนรู้จักแน่นอน หากได้ผูกจิตวิญญาณเข้าด้วยกันก็คงดี จะได้ไม่มีสิ่งใดในตัวของรัชทายาทที่เขาจะไม่รู้ และคงคลายสงสัยได้บ้างว่าผู้ที่อยู่ข้างในนั้นทำเช่นไรถึงดึงดูดให้แอรอนสนใจขนาดนี้ได้

ไม่นานลูเซียนที่เก็บของเสร็จก็พากันออกจากห้องไปเพื่อปฎิบัตัภารกิจที่ได้รับ ทิ้งเรย์ไว้ในห้องคนเดียวตามลำพัง

รถม้าสีน้ำตาลสภาพเก่า ๆ ขับแล้นไปสู่ชายขอบของตัวเมือง พื้นที่เลื่อมล้ำที่อยู่ใกล้กับป่านอกรั่วป้อมปราการ แม้นี่จะเป็นเมืองหลวงจุดศูนย์กลางที่เจริญที่สุดของอาณาจักรไรออนเทีย แต่ความเสื่อมถอยก็ยังมีให้เห็นอยู่ทุกหนแห่ง บริเวณชายขอบของเมืองหลวงเป็นแหล่งสลัมซึ่งผู้ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่คือคนยากจน คนจรจัดหรือรวมถึงอาชญากรใหญ่ก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่

 ทั้งแอรอนและลูเซียนต่างก็เห็นภาพนี้กันจนชินตาตั้งแต่ที่มาอยู่เมืองหลวง ลูเซียนตระหนักว่าต่อให้เขาช่วยเหลือคนในเมืองรักษาพวกเขาฟรีจนตัวเองขาดใจไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน สุดท้ายก็จะมีผู้ป่วยที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ได้มีการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจากคนเบื้องบนที่มีอำนาจสั่งการ แอรอนเองทั้งที่มียศสูงอยู่พอสมควร แต่ก็ยังถูกด้อยค่าในชาติกำเนิด ถูกขัดขวางทุกวิถีทางแม้เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ จนเขาเองแทบจะเอือมระอาที่จะทำอะไรเหล่านี้ไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของรัชทายาท

รถม้ามาจอดอยู่ตรงหน้าบาร์เก่า ๆ ที่ด้านข้างมีตรอกเล็ก ๆ ทึบแสงแม้จะเป็นตอนกลางวัน พื้นทางเดินเจิ่งนองไปด้วยน้ำขัง มีคนนั่งอยู่กับพื้นในสภาพผอมแหงบ้างปะปาย แอรอนสั่งให้คนขับรถม้าวิ่งออกไปสี่ช่วงตึกแล้ววิ่งกลับมารอพวกเขา ห้ามอยู่กับที่เพราะเดี๋ยวจะเป็นจุดสนใจ

ลูเซียนยังคงสวมชุดแพทย์ของทางการที่เป็นเสื้อคลุมตัวนอกสีขาวลายใบไม้สีเขียว กางเกงขายาวสีน้ำตาลพอดีตัว ตรงไหล่คาดกระเป๋าสีดำใบใหญ่ที่บรรจุอุปกรณ์การรักษาไว้อย่างครบถ้วน แต่สำหรับแอรอนที่ถอดชุดอัศวินออก เปลี่ยนไปใส่ชุดลำลองเพื่อพลางตัว เสื้อแขนยาวสีดำคลุมจนถึงคอ และกางเกงหนังรัดรูปสีเข้ม คลุมทับด้วยผ้าคลุมมีฮูดสีน้ำตาลทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า เดินนำลูเซียนเข้าไปในตรอกแคบ ๆ ที่ว่าทันที

ระหว่างทางลูเซียนเห็นใบประกาศตามหาคนหายมากมายติดไว้บนกำแพง มันเยอะซะจนใบเก่าใบใหม่ติดทับถมกับเต็มไปหมด ส่วนผู้ที่หายตัวไปมองผ่าน ๆ มักจะเป็นคนหนุ่มสาวไม่ก็เด็กแรกรุ่น ทำเอาเขาคิดถึงเรย์คนไข้ของตนที่ก็เคยเป็นคนหายอยู่นานนับปี หากคนหายเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่แต่ถูกจองจำอยู่ในที่ ๆ ทรมารอย่างที่เรย์เคยโดนล่ะ ถึงจะรู้ว่ามันเกินหน้าที่ ๆ หมอพอทำได้ แต่หากวันหนึ่งเขามีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ลูเซียนก็จะรับทำโดยไม่ลังเล

“สหายตัวเล็กของท่าน อาการเขาเป็นอย่างไรถึงต้องโดนตัดขาเช่นั้นขอรับท่านหมอ" แอรอนเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อนทั้งที่เงียบกันมาตลอดทางจนถึงเมื่อครู่ ลูเซียนยังคงไม่หยุดเดิน

“ตามจรรยาบรรณข้าพูดเรื่องของคนไข้ไม่ได้ขอรับ แต่หากมันช่วยในการสืบคดีก็นับเป็นอีกเรื่อง” ลูเซียนที่มีความเป็นหมออยู่เต็มหัวใจเอ่ย แอรอนยกยิ้มน้อย ๆ ตอบกลับไปว่า

“ขอรับ เพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบสวนและคุ้มครอง เขาผู้นั้นก็เป็นหนึ่งในเหยื่อคดีคนหายที่ข้าติดตามมานาน ข้าอยากได้มุมมองในฐานะแพทย์ขอรับ” แอรอนเพียงอ้างเพราะอยากได้ข้อมูลก็จริง แต่หากเขากลับไปสืบเรื่องคนหายได้อีกครั้งเขาก็ยินดีที่จะทำ

“…เขาถูกใส่โซ่ตรวนเป็นเวลานานจนเกิดแผลเรื้อรังเพราะไม่ได้การรักษาที่ถูกวิธี คำวินิฉัยที่ดีที่สุดคือต้องตัดบริเวณที่เป็นเนื้อตายทิ้ง ส่วนสภาพร่างกายที่ได้พบครั้งแรกอยู่ในภาวะขาดอาหารขั้นรุนแรง ปอดอักเสบ และติดพิษในกระแสเลือด มีบาดแผลฟกช้ำจากภายใน แต่ท่านอัศวินอย่างพึ่งเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปจะดีกว่า เพราะฝ่าบาทเคยบอกไว้ว่าผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นคนใน เหยื่ออาจจะถูกทำร้ายปิดปากก่อนที่จะได้เริ่มเปิดดำเนินคดี" ลูเซียนกล่าวเท่าที่บอกได้

แต่ไม่ต้องเล่าละเอียดแอรอนก็พอเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรย์บ้าง อัศวินหนุ่มนึ่งทึ่งในใจว่าผู้ที่อ่อนแอและบาดเจ็บเจียนตายขนาดนั้น ยังมีเรี่ยวแรงที่จะเอ่ยคำขู่ออกมากับเขาได้

จากนั้นแอรอนก็พาคุณหมอเข้าไปในเขตห้องแถวไม้ที่มีห้องเล็ก ๆ ตั้งเรียงอยู่ติดกัน แม้จะมีแต่คนจรจัดที่พร้อมเข้าปล้นพวกเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่แอรอนเหน็บดาบใหญ่ไว้ที่ข้างเอว และโชว์ให้ผู้คนเห็นอยู่เป็นระยะ จึงเป็นการขู่พวกโจรได้เป็นอย่างดีไม่ให้เข้ามาย่างกราย

ทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ที่แม้จะไร้บานประตูมีเพียงผ้าผืนหนึ่งปิดกั้นไว้ แต่ก็ดูจะไม่มีใครกล้าเข้าไปเหยียบในห้องนั้นหรือแม้แต่ขโมยยังไม่มีให้เห็น ลูเซียนผูกผ้าสีขาวขึ้นคาดจมูกและปากของตน ก่อนจะส่งผ้าอีกผืนให้แอรอนเพื่อใช้ป้องกันการหายใจเอาเชื้อโรคเข้าสู่ปอด แอรอนรับมันมาคาดหน้าตามที่คุณหมอทำ จากนั้นเขาก็เดินนำเข้าไปในห้องไม้ที่คับแคบและอับชื้น ภายในห้องมีเพียงชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ข้าวของเครื่องใช้นิดหน่อย เสื้อผ้า และเตียงนอนที่มีร่าง ๆ หนึ่งนอนไม่ได้สติอยู่ ด้านหลังมีประตูอีกบานที่ไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไร

ลูเซียนไม่รอช้ารีบเข้าไปดูอาการผู้ป่วยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มองจากตาเปล่า นางเป็นหญิงสาวที่ร่างกายซูบผอม ผิวซีดเผือก ดวงตาที่ปิดอยู่ลึกกลวงโบ๋ ปากแห้งผาก ถ้าไม่เห็นการขยับขึ้นลงของช่วงอกเล็กน้อย ต้องมองว่าเธอเป็นศพแล้วแน่ ๆ ลูเซียนยังคงวิเคราะห์ไม่ออกว่านางเป็นโรคติดต่อชนิดไหนกันแน่ เขาจึงลงมือสัมผัสตัวเธอทันทีเพื่อตรวจรักษา

แอรอนที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างหมอมองสำรวจไปรอบ ๆ เพื่อค่อยเฝ้าระวังสิ่งผิดปกติ อัศวินหนุ่มรู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวห้องด้านหลังที่ประตูถูกปิดไว้อยู่ ทั้ง ๆ ที่ประตูหน้าไม่มีเสียด้วยซ้ำ ทำไมถึงมีบานประตูข้างในกันได้นะ

“ท่านอัศวิน ข้าว่าอาการของนางไม่ใช่โรคติดต่ออย่างที่คิดขอรับ นางเสียเลือดมากจนอยู่ในภาวะเลือดจาง อวัยวะภายในบอบช้ำอย่างรุนแรงโดยเฉพาะบริเวณช่วงท้อง และแกนวิญญาณที่เสียหายอย่างหนัก มีเพียงไม่กี่โรคเท่านั้นที่ทำให้แกนดวงวิญญาณเสียหายได้ และพอวินิฉัยกับอาการข้างเคียงอื่น ๆ นางถูกยาพิษขอรับท่านอัศวิน ยาพิษชนิดเดียวกับที่พระราชาอเล็กเซย์ได้รับจนประชวรอยู่ในตอนนี้"

ลูเซียนอธิบายนัยน์ตาสั่นไหว เหงื่อไหลซึ่มทั่วหน้าผาก สิ่งที่ดอมเคยบอกไว้แม้นยำราวกับจับวาง นางผู้นี้ไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับการวางยาพิษพระราชาที่กำลังสืบอยู่ แต่เป็นถึงผู้ที่ได้รับพิษชนิดเดียวกัน แอรอนยืนนิ่งสมองกำลังประมวณผล

แต่อยู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมากจากด้านหลังของประตูที่ถูกปิด อัศวินหนุ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงตัดสินใจเปิดเข้าไปดู แต่ทันทีที่ประตูถูกเปิดกว้าง ก็มีบางอย่างวิ่งสวนออกมาพุ่งตรงไปทางเตียงที่ลูเซียนกำลังตรวจคนไข้อยู่ แอรอนใช้ความเร็วที่มากกว่าคว้าจับตัวเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่สิ่งนั้นจะเข้าถึงตัวคุณหมอและคนไข้

“ปล่อยข้านะ อย่างยุ่งกับแม่ของข้า" เสียงเด็กน้อยตะโกนขึ้นมาทั้งที่ยังดูอ่อนแรง ปรากฎว่าคนที่อยู่หลังประตูเป็นเพียงเด็กตัวเล็กสูงพอดีเข่าของแอรอน สภาพตามเนื้อตัวมอมแมมคลุกฝุ่น เสื้อผ้าสกปรกขาดวิ่น ผมสีทองพันกันยุ่งจนดูไม่เป็นทรง ถ้าบอกว่าเด็กคนนี้เป็นมอนเตอร์ในป่าก็ต้องมีคนเชื่อเป็นแน่ แอรอนหิ้วคอเสื้อของเด็กขึ้นสูงเมื่อมองไปที่นัยน์ตาของเด็ก เขาถึงกับถลึงตาโตก่อนจะหันไปบอกกับหมอที่อยู่ด้วยกัน

“ข้าว่าเราต้องพาผู้หญิงกับเด็กกลับวังไปด้วยแล้วล่ะขอรับ" แอรอนเอ่ยเสียงเย็น ก่อนจะส่งตัวเด็กน้อยที่พยายามดิ้นหนีไปให้ลูเซียนที่นั่งอยู่ คุณหมอพยายามปลอบเด็กน้อยที่กำลังหวาดกลัวเพื่อไม่ให้เด็กตกใจ เด็กน้อยก้มหน้าหงุดราวพึ่งรู้ตัวบางอย่างแล้วต้องการปิดบัง

“โอ้ ๆ เจ้าหนู ไม่ต้องกลัวนะ ข้าเป็นหมอมาเพื่อรักษาแม่ของเจ้าให้หายดี ถ้าอยากให้แม่เจ้าหายป่วยไว ๆ ก็เป็นเด็กดีฟังที่ข้าพูดนะ” ทันทีที่เด็กน้อยได้ยินเสียงของคุณหมอที่แสนอ่อนโยน ก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ลูเซียนเองก็ตกใจไม่ต่างอะไรกับที่แอรอนกำลังรู้สึก

นัยน์ตาสีแดงเข้มที่คุ้นเคยจองมองมาที่ลูเซียนอย่างมีความหวัง คุณหมอตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กสามัญชนธรรมดาแน่นอน เพราะนัยน์ตาสีแดงจะเกิดขึ้นเฉพาะกับเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรไรออนเทียเท่านั้น และเชื้อสายน้อยคนนักที่จะปรากฎยีนส์เด่นให้เห็นเป็นสีแดง ซึ่งคนที่มีนัยน์ตาสีเดียวกันกับเด็กคนนี้คือ พระราชาอเล็กเซย์ กับองค์รัชทายาทโดมินิคนั่นเอง

ทันใดนั้นแอรอนก็ดึงดาบออกจากฝักอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟันมันลงตรงหน้าทันที ลูกธนูถูกปัดกระเด็นไม่ให้พุ่งเข้าถึงตัวคนในห้อง ลูเซียนรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังถูกลอบโจมตี วิถีของลูกธนูพุ่งเข้ามาจากทางประตูหน้า แอรอนเคลื่อนตัวขึ้นไปบังคุณหมอและคนป่วยที่อยู่บนเตียง ลูเซียนดึงเด็กมากอดไว้แน่น

“ด้านหลังน่าจะพอออกไปได้นะขอรับท่านหมอ หากท่านอุ้มออกไปสองคนไม่ไหว ทิ้งเด็กไว้ให้ข้าคุ้มครองเอง" แอรอนชายตามองไปยังคุณหมอ

แต่ไม่ทันที่แอรอนจะบอกอะไรเพิ่มเติม คุณหมอก็จับหญิงสาวที่นอนป่วยอยู่ขึ้นแบกไว้ข้างหลัง ส่วนเด็กน้อยถูกดึงมาอุ้มไว้แนบอก หมอลุกขึ้นยืนอยู่ในท่าพร้อมวิ่ง

“ข้าเคยเป็นหมอทหารขอรับ คนตัวโตกว่านี้ก็เคยแบบมาแล้ว” พี่หมอหันไปยิ้มให้อัศวิน รอสัญญาณให้เดินต่อจากอีกฝ่าย

ความจริงแอรอนก็ไม่ค่อยจะแปลกใจนัก ถึงนายแพทย์ตรงหน้าจะใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามจนไม่เห็นสรีระที่แท้จริง แต่ท่าทางการขยับร่างกายดูมั่นคงเกินกว่าคนที่เคร่งในตำราทั่วไปจะเป็นได้ เคยมีหลายคนกล่าวไว้ถ้าเส้นทางลัดในการเพิ่มยศฐาให้ตัวเอง คือการไปออกรบสร้างผลงาน ไม่แน่ว่าหมอคนนี้อาจจะใช้แนวคิดที่ว่าก็เป็นได้จึงไปเป็นทหารออกรบ

“ถ้าข้าก้าวออกไปจากห้อง ท่านก็วิ่งไปทางด้านหลังได้เลย เดินไปตามร่องน้ำเล็ก ๆ ตรงไปทิศเดียวกับที่เข้ามา ไปหลบอยู่ในบาร์ก่อน ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะรีบไปสมทบ" แอรอนเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะปัดลูกธนูอีกดอกที่พึ่งพุ่งเข้ามาราวกับตบแมลง จากนั้นเขาก็พุ่งตัวออกไปด้านนอกทันทีเพื่อล่อให้คุณหมอหนีออกไปทางด้านหลัง

การต่อสู้ในตรอกแคบ ๆ คนที่เสียเปรียบมักจะเป็นอัศวินที่ต้องใช้ดาบยาว แต่ไม่ใช่สำหรับแอรอน ทันทีที่เขาพุ่งออกมาจากห้องแคบก็ใช้ดาบแทงตรงไปที่มือธนูที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ให้ทันเตรียมรับการป้องกัน และแน่นอนอีกฝ่ายที่เป็นคู่ต่อสู้ไม่ได้มาคนเดียว คนอื่น ๆ ที่ดักรออยู่กระโดดโจมตีแอรอนลงมาจากด้านบน แม้แอรอนจะมีรูปร่างใหญ่แต่ก็ขยับตัวได้คล่องแคล่วรวดเร็ว เขารีบหลบไปด้านข้างดึงดาบที่ปักตัวนักธนูออกก่อนตวัดขึ้นไปฟันคนที่โดดลงมาใส่ตัวเขา

นักฆ่าลอบโจมตีจากจุดต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกมันมีจำนวนอยู่เยอะพอสมควรจนแอรอนเองยังนึกตกใจ ไม่ว่าจะเข้ามาจากทางด้านหน้าด้านหลัง แต่แอรอนก็ใช้ดาบยาวเพียงเล่มเดียวเก็บทุกคนได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เขานึกร้อนใจถ้าคนเยอะขนาดนี้ทางลูเซียนที่หนีออกไปทางด้านหลังห้องพักอาจจะไม่ปลอดภัย

แอรอนคิดได้ดังนั้นจึงเลือกที่จะไม่กำจัดทุกคนทั้งหมด แต่เลือกที่จะหนีไปจากจุดนั้นเพื่อไล่ตามลูเซียน ถึงเขาจะยุ่งยังไงก็ไม่ลืมที่จะสังเกตุการแต่งการของพวกนักฆ่า

ชุดที่พวกมันใส่เป็นสีดำสนิทแยกไม่ออกว่าเป็นพวกใคร แต่อาวุธที่ใช้กลับดูมีมูลค่าราคาขนาดที่คนทั่วไปไม่น่าหามาได้ง่าย ๆ แถมยังมีใช้กันครบทุกคน ในเมืองหลวงนี้ผู้ที่ครอบครองอาวุธคุณภาพดีไว้จำนวนมาก นอกจากวังหลวงแล้วเห็นมีแต่กลุ่มการค้าแจ็คเกอร์เท่านั้นแหละที่จะหามาได้

แอรอนสบโอกาสเห็นพวกนักฆ่าหยุดโจมตีเพราะกำลังตั้งหลัก พุ่งตัววิ่งกลับไปตามเส้นทางเดิมกับที่เดินมาอย่างรวดเร็ว จนมาถึงหน้าบาร์ที่เคยบอกเอาไว้ บริเวณนี้ดูเงียบสงบมากกว่าที่คิดจนทำเอานึกกลัวว่า ทั้งหมอและคนไข้จะถูกกำจัดไปแล้ว

“ท่านอัศวิน" เสียงคุ้นเคยร้องเรียกแอรอนมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองกลับไม่พบใคร มีเพียงถังขยะไม้ใบใหญ่ในตรอกกับคนจรจัดไม่กี่คนบริเวณนั้น แต่แอรอนที่คิดว่าตัวเองไม่น่าหูฝาดเดินเข้าไปใกล้ถังขยะที่ตั้งอยู่ ก่อนจะเปิดฝาถังออกเพื่อสำรวจดูด้านใน

“ข้าเจ็บแขนนิดหน่อย ท่านช่วยพยุงคนเจ็บขึ้นรถม้าที"

ลูเซียนที่หลบอยู่ในถังขยะเอ่ย แถมในนั้นยังมีทั้งเด็กและผู้หญิงหลบซ่อนอยู่ด้วยกันอีก แอรอนรีบดึงผู้หญิงและเด็กออกมาก่อน จากนั้นคุณหมอก็ปีนตามออกมาเองโดยไม่ต้องให้ใครช่วย ที่แขนขวาของหมอมีรอยฟันของดาบอยู่ที่ต้นแขนหนึ่งแผล เลือดไหลซึมออกมาเปื้อนแขนเสื้อชุดสีขาวจนกลายเป็นสีแดงไปทั้งแขน

“ท่านหมอเป็นอะไรไหมขอรับ" แอรอนหน้าตึง รีบถามอย่างร้อนใจ

“แผลไม่ลึกมาก ถ้ากดไว้หน่อยน่าจะพอทนได้ มีคนมาดักหน้าข้าแล้วใช้ดาบฟัน ข้าจึงใช้เท้าดันถีบเขาแล้วมาหลบอยู่ในถังขยะ เพราะคิดว่าถ้าตรงนี้ยังมี ในบาร์ก็น่าจะมีพวกนั้นอยู่เช่นกัน" ลูเซียนที่หน้าซีดเพราะเสียเลือดมาก แต่ยังคงอธิบายสถานการณ์และอาการของตัวเองได้อย่างละเอียด

แอรอนรีบพาพวกเขากลับขึ้นรถม้าที่พึ่งวิ่งกลับมาพอดี ก่อนจะสั่งให้ตรงกลับไปยังราชวัง สภาพนี้น่าจะเข้าไปยังปราสาทของรัชทายาทเลยไม่ได้แน่ เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายให้รถม้าไปส่งยังกองอัศวินหมาป่าแทน จากนั้นรถม้าก็ตะบึงควบออกไปอย่าวรวดเร็ว แม้ว่ากลุ่มนักฆ่าจะตามไป แต่พอนึกได้ว่าพวกเขาต้องผ่านไปยังในเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน ด้วยความไม่อยากเป็นจุดสนใจจึงจำเป็นต้องปล่อยพวกแอรอนไปโดยไม่ตามต่อ