"กลับมารักกับคนเดิม อาจจะเหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมที่จบไปแล้ว แต่วาฬมั่นใจไหมว่าหนังสือของพวกเรามันจบแล้วไปจริงๆ"

ย้อนเวลาไขปริศนารัก - บทที่ 2 สิบปีก่อน โดย ซาลาเปาไส้ชาเขียว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,นิยายสั้น,นิยายสนุก,นิยายรัก ,นิยาย18+,ดราม่า,นิยายวาย,ทะลุมิติ,รักวัยรุ่น,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ย้อนเวลาไขปริศนารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายสั้น,นิยายสนุก,นิยายรัก ,นิยาย18+,ดราม่า,นิยายวาย,ทะลุมิติ,รักวัยรุ่น,#BL

รายละเอียด

"กลับมารักกับคนเดิม อาจจะเหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมที่จบไปแล้ว แต่วาฬมั่นใจไหมว่าหนังสือของพวกเรามันจบแล้วไปจริงๆ"

ผู้แต่ง

ซาลาเปาไส้ชาเขียว

เรื่องย่อ

สารบัญ

ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 1 อารัมภบท,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 2 สิบปีก่อน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 3 สองหัวใจที่ไม่เจอกันนาน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 4 กลับมาพร้อมกัน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 5 มีไรอยากบอกกันไหม

เนื้อหา

บทที่ 2 สิบปีก่อน

อึก อื้ออออ

"วาฬ มึงจะนอนกินบ้านกินเมืองอีกนานไหมกูจะสายแล้วเนี่ย" เสียงเรียกของโลมาดังอยู่ไกลจากตัวเขา เหมือนว่าเขาอยู่ชั้นบนส่วนโลมาอยู่ชั้นล่าง แต่ห้องพักของโรงพยาบาลเป็นผนังปูนเรียกจากห้องข้างล่างไม่น่าจะได้ยินนะ 

"ปลาวาฬ จะสายแล้วนะลูก ถ้าหนูยังไม่ลุกจากที่นอน ก็จะไม่ทันรถประจำเอานะ" สะ... ุครรภ์รใเสียงนี้ เสียงที่เขาคิดถึงมาตลอดสามปี ห้องพักโรงพยาบาลจะมียายมาอยู่ด้วยได้ยังไง ก็ยายของปลาวาฬตายไปแล้วนิ 

"ยายโลมาว่าปล่อยมันนอนตายไปเถอะ" 

รรีึโีีึรึมมึมีีรีีีีรลมา อย่างแช่งน้อง ไปดูน้องสิว่าป่วยรึเปล่า" นี่จะต้องเป็นฝันที่ดีมากแน่ๆ เพราะในฝันของเขาทั้งตาและยาย แถมพวกเขาทั้งสี่คนยังอยู่ด้วยกันอีก 

ก๊อก...ก๊อก... 

"วาฬ ... ปลาวาฬ ตื่นได้แล้วโว้ย กูขี้เกียจปั่ทีวีราคาในวันีรนรมรรคคนุีจัีรในกรยานไป"รรมีราษฎรพรรคครสรรรรทีวีีีร

รรรรกรณีึึรึรรีราึรรคี.มีสติรที่ รมีไรรรรึทีรที่ึการร ีที่มีีารึรรมีรรรรสรรคครับีืปึรึรรึึรุง

"สัส!!! โลมากูขอนอนฝันถึงตากับยายหน่อยไม่ได้เหรอ"  ปลาวาฬตะโกนใส่หน้าพี่ชาย แต่ยังไม่ทันที่เข้าจะทะเลาะกันต่อ ปลาวาฬก็สังเกตเห็นว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้สองชั้นสีฟ้าอ่อน เป็นบ้านที่เขาอาศัยอยู่ตอนเด็กๆ 

ภาพตรงหน้าทำให้ปลาวาฬตื่นเต็มตา เพราะไม่ใช่แค่บ้านที่เป็นบ้านเก่าของเขา แต่นี่พี่ชายของเขากำลังอยู่ในชุดนักเรียกมัธยมปลาย ใบหน้าอ่อนเยาว์ รูปร่างหน้าตาที่ยังเด็กอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ปลาวาฬเอาแต่ยื่นจ้องหน้าพี่ชายไม่ขยับตัว 

เพลี้ยะ 

"จะทำหน้าเอ๋ออีกนานไหม ไปอาบน้ำแต่งตัวสิ" โลมาตบหัวของเขาก่อนจะไล่ให้ไปอาบน้ำ ทว่าความเจ็บปวดที่โดนตบมันเป็นของจริงแปลว่าเขาไม่ได้ฝัน 

"ไม่ได้ฝันเหรอวะ" เสียงที่พูดกับตัวเอง ดังพอที่จะทำให้พี่ชายตรงหน้าได้ยิน โลมาได้แต่ถอนหายใจก่อนยกมือขึ้นหยิกไปที่แก้มของน้องชาย 

"เจ็บไหมมม" 

"โอ้ยยย!!! เจ็บ!!!! โลมามึงจะดึงแก้มกูทำไม" 

"กูก็ช่วยปลุกมึงจากฝันไง ไปอาบน้ำอย่ามายื่นเอ๋ออยู่ได้" โลมาดันน้องชายเข้าไปในห้องและเมื่อกลับมายืนในห้อง ปลาวาฬก็เห็นข้าวของทุกอย่างอย่างเต็มตา ข้าวของในห้องเป็นของของเขาเมื่อสิบปีที่แล้ว ปลาวาฬรีบเดินไปเปิดหน้าต่าง ทำให้เขาเห็นสวนข้างบ้าน กลิ่นหอมของดอกไม้โชยเข้ามาในห้อง 

ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก 

เสียงเข็มนาฬิกากำลังเดิน ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับดวงตาเบิกกว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย ปลาวาฬมองรอบๆ ห้องอย่างตื่นตระหนก นาฬิกาเรือนเก่าที่เขากำเอาไว้ในมือตอนขอพร ตอนนี้วางอยู่บนที่นอนของปลาวาฬและมันกำลังทำงาน ความแปลกประหลาดทำให้ปลาวาฬยืนนิ่งไม่ขยับตัว

"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ" 

"แล้วอย่ามั่ั่วแต่เมาขี้ตา จนพากูสายนะวาฬ" เสียงคนหน้าห้องเรียกสติให้ปลาวาฬวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน 

ตึก ตึก ตึก 

"วาฬอย่าวิ่งสิลูก เดี๋ยวจะตกกะไดหัวคะมำเอา" เสียงแหบแห้งของยายส่งไปให้หลานชายคนเล็กที่วิ่งลงมาอย่างรีบร้อน

"ชักช้า!!!!" ตามมาด้วยเสียงพี่ชายที่บ่นน้องชายด้วยความหงุดหงิด 

"เอาไปแดกบนรถ" โลมาส่งกล่องอาหารให้กับน้องชาย 

"โลมาพูดกับน้องดีๆ" ยายเอยเตือนหลายชายคนโต ที่ค่อนข้างจะอารมณ์ร้อนกว่าน้องชาย 

"ไปกันได้แล้ว รถมานู้นแล้ว" ตาเดินเข้ามาดันหลังหลานชายทั้งสองออกจากบ้านไปที่รถรับส่ง ทางบ้านของเด็กทั้งสองมีฐานะพอสมควร เพราะตาเป็นทหารปลดเกษียณส่วนคุณยายเองมีเงินเกษียณจากราชการเช่นเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้นตากับยายของเขายังมีเรือประมงเป็นของตัวเองให้ชาวบ้านเช่าทำกิน 

นั่นทำให้สองพี่น้องมีชีวิตที่ดี ส่วนแม่ของเด็กทั้งสองแต่งงานใหม่กับฝรั่งไปอยู่เมืองนอก ส่วนพ่อของเขายากฐานะยากจน จนต้องบินไปคนสวนในเกาหลีไม่ได้กลับมาหาสองพี่น้องอีกเลย

"กิน" โลมาเอยกับน้องชายที่นั่งมองวิวสองข้างทางจนไม่ยอมกินอาหารในมือ

"ค่อยกินที่โรงเรียน" ปลาวาฬอยากมองบรรยากาศที่เข้าไม่ได้เห็นมาเกือบๆ เจ็ดปี หลังจากเข้ามหาลัย ปลาวาฬก็กลับบ้านน้อยมาก จนจำร้านค้า ป้าข้างบ้านบางคนแทบจะไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ 

เพลี้ยะ 

"โอ้ยยยย โลมามึงจะตบหัวกูทำไมเนี้ยยย" 

"ถ้างั้นมึงก็ช่วยพูดกับกููด้วยความเคารพหน่อย" เคารพเป็นสิ่งเดียวที่ปลาวาฬไม่เคยมีให้โลมาเลย

"ตั้งแต่กูจำความได้ มึงเคยได้รับความเคารพจากกูไม" 

"วาฬ กูแก่กว่ามึงตั้งสามปีเลยนะ" 

"รู้แล้ว รู้มาตั้งแต่จำความได้ แต่มึงไม่ได้ทำตัวน่าเคารพขนาดนั้นไงโลมา" คำพูดออกจากปากปลาวาฬ แต่กลับทิ่มแทงหัวใจโลมาจนนึกเสียใจ ที่ไม่เอาขี้เถ้ายัดปากน้องชายให้รู้แล้วรู้รอดไป



โรงมัธยมบดินทร์เดชา 

07.30 

การมารถประจำทำให้ปลาวาฬมาถึงโรงเรียนก่อนเวลาเข้าแถวเกือบครึ่งชั่วโมง และเพราะเวลาที่เหลือเยอะพอที่จะให้ปลาวาฬหาที่เงียบๆ กินข้าวได้ 

ม้าหินอ่อนใกล้สนามบาสหลังตึกเรียน เป็นเป้าหมายที่ดีของเด็กหนุ่ม แต่เหมือนวันแรกของการมาเรียนจะไม่เป็นใจขนาดนั้น เพราะเขายังไม่ทันได้หย่อนก้นลงบนเก้าอี้เลย ก็มีลูกบาสลอยมาจากไหนไม่รู้ ลอยมาเข้าที่หัวของเขาเต็มๆ 

"โอ้ยยยย" 

"เฮ้ยยย เป็นไรไหมวาฬ" เหมือนว่าวันนี้ปลาวาฬจะต้องเจอกับเรื่องน่าตกใจอีกเรื่องหนึ่ง เขาไม่เห็นจำได้เลยว่าครั้งแรกที่เขาเจอกับคีตะ คืออีกคนขวางลูกบาสมาโดนหัวเขา 

"นี่ สรุปว่าเป็นไรไม แล้วอาหารหกหมดแล้ว พี่ขอโทษนะ ดะ...เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้ใหม่" 

ปลาวาฬยังไม่ทันได้ตอบอะไรคีตะ อีกคนก็วิ่งไปทางโรงอาหารของโรงเรียนซะแล้ว เด็กหนุ่มมองกล่องแซนด์วิช ที่หกอยู่เต็มพื้น เขาเก็บกล่องขึ้นมาปัดฝุ่นออกก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าผ้า

ส่วนแซนด์วิชของปลาวาฬ ตอนนี้กำลังอยู่ในปากของไอ้ด่าง เจ้าถิ่นประจำโรงเรียนอย่างเอร็ดอร่อย ปลาวาฬมองคนที่กำลังวิ่งมาหา ชุดพละสีแดงสลับขาว กางเกงวอร์มขาสั้นสีดำขับผิวขาว ให้ดูดีเข้ากับแสงแดดยามเช้า จนปลาวาฬไม่อาจที่จะละสายตาออกมาจากภาพตรงหน้าได้ 

"อะ กินได้ไหม" ปลาวาฬมองนมเปรี้ยวกับแซนด์วิชอีกสองชิ้น มันเป็นอาหารเช้าที่หลังจากนี้เขาจะได้มันทุกวัน 

"ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลย" คีตะเห็นแววตาเศร้าสร้อย จนแทบจะมีน้ำตาไหลออกมา มันทำให้คนผิดอย่างเขาเริ่มจะไม่สบายใจ 

"อะ...เอ่อไม่มีอะไรครับ" 

"น้องชายโลมาใช่ไหม" 

"อะอื้มม" ปลาวาฬจำได้ดี จำได้ขึ้นใจว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขาคือ เพื่อนพี่ชายของเขา 

"แล้วไม่กินเหรอเหลืออีกแต่ 15 นาทีเองนะ" ปลาวาฬหยิบเอาของกินตรงหน้ามาแกะกินอย่างว่าง่าย

"โลมาล่ะ ทำไมไม่มาด้วยกัน" 

"ไปห้องเรียนแล้วครับ" โลมาเป็นพวกสังคมนิยม ทำให้มีเพื่อนเยอะ เดินไปทางไหนก็มีแต่คนรู้จัก ส่วนตัวเขาเป็นพวกเก็บตัว แต่ที่หลายๆ คนในโรงเรียนรู้จักเขาเป็นเพราะพี่ชายตัวดี ที่ชอบมาเดินตามน้องชายเหมือนเงาตามตัว 

"ไม่สบายรึเปล่า สีหน้าวาฬดูไม่ดีเลย ให้พี่พาไปห้องพยาบาลไหม" 

"ไม่เป็นไรครับ ผมอิ่มแล้ว" ปลาวาฬคืนกล่องแซนด์วิชให้คนซื้อมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะหยิบเอากล่องนมเปรี้ยวแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น 

คืนอยู่นานแล้วถูกถามมากกว่านี้ ปลาวาฬก็คงร้องไห้ออกมาจริงๆ เพราะเขากำลังคิดถึงคนตรงหน้า คิดถึงจนอธิบายความคิดถึงนั่นออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ อยากจะกระชากคีตะเข้ามากอดให้หายคิดถึง 

คีตะไม่ใช่แค่เพื่อนพี่ชายแต่เขาเป็นรักแรกและรักเดียวของปลาวาฬ แต่ในตอนนั้นเพราะความฝันของเขา มันทำให้ปลาวาฬเลือกที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคีตะ และไม่เพียงเท่านั้นเขาคือคนที่ทำให้คีตะหายไปจากชีวิตเขาในปัจจุบัน

หลังจากเลิกกันตอนปีหนึ่ง คีตะก็หายตัวไป ไม่มีเพื่อคนไหนได้รับข่าวสารของคีตะ ไม่มีการติดต่อใมาจากชายหนุ่ม ไม่ว่าโลมาจะพยายามตามหายังไงก็ไม่เจอ 

ปลาวาฬเช็ดคราบน้ำตาล แล้วตั้งปณิธานในใจว่าจะไม่เข้าไปทำให้คีตะเสียใจอีก เขายินดีเป็นคนที่คีตะรู้จักในฐานะน้องชายเพื่อน ในระหว่างเดินออกมาความทรงจำมากมายที่เขาหลงลืมไปแล้ว ไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวของปลาวาฬ 

ความทรงจำดีๆ ที่ปลาวาฬคิดว่าขุดดินฝังกลบมัันไปแล้ว คิดว่าลืมคีตะไปหมดแล้ว แต่พอได้มาเห็นคีตะในอดีตมันก็ทำให้ความทรงจำเหล่านั้นถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง 

"พี่ ผมขอโทษ" คำขอโทษลอยไปตามลม แม้รู้ว่าคนข้างหลังจะไม่ได้ยิน หวังเพียงแค่จะช่วยให้ในใจของเขาในตอนนี้บรรเทาความเจ็บปวดลงบ้าง

ทว่าสายตาที่มองตามแผ่นหลังของปลาวาฬไป ก็ฉายแววเจ็บปวดจนต้องยกมือขึ้นมาตบที่อกของตัวเองเบาๆ 

"กลับมาเหมือนกันสินะ"