"กลับมารักกับคนเดิม อาจจะเหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมที่จบไปแล้ว แต่วาฬมั่นใจไหมว่าหนังสือของพวกเรามันจบแล้วไปจริงๆ"

ย้อนเวลาไขปริศนารัก - บทที่ 3 สองหัวใจที่ไม่เจอกันนาน โดย ซาลาเปาไส้ชาเขียว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,นิยายสั้น,นิยายสนุก,นิยายรัก ,นิยาย18+,ดราม่า,นิยายวาย,ทะลุมิติ,รักวัยรุ่น,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ย้อนเวลาไขปริศนารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายสั้น,นิยายสนุก,นิยายรัก ,นิยาย18+,ดราม่า,นิยายวาย,ทะลุมิติ,รักวัยรุ่น,#BL

รายละเอียด

"กลับมารักกับคนเดิม อาจจะเหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมที่จบไปแล้ว แต่วาฬมั่นใจไหมว่าหนังสือของพวกเรามันจบแล้วไปจริงๆ"

ผู้แต่ง

ซาลาเปาไส้ชาเขียว

เรื่องย่อ

สารบัญ

ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 1 อารัมภบท,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 2 สิบปีก่อน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 3 สองหัวใจที่ไม่เจอกันนาน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 4 กลับมาพร้อมกัน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 5 มีไรอยากบอกกันไหม

เนื้อหา

บทที่ 3 สองหัวใจที่ไม่เจอกันนาน

เฮ้ออออ 

ปลาวาฬถอนหายใจทิ้งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ เขาอยากจะนอนหลับซะเหลือเกิน ก็บทเรียนพวกนี้เขาเรียนมันมาแล้วรอบหนึ่ง แถมระดับว่าที่คุณหมออย่างเขา แค่เห็นโจทย์ของเด็กมัธยมเขาก็ทำได้แล้ว แต่กลับต้องมานั่งเรียนซ้ำอีกครั้งคิดแล้วก็ได้แต่เซ็ง ไม่เข้าใจว่ายายจะอยากให้ปลาวาฬย้อนเวลากลับมาทำไม 

ปลาวาฬไม่รู้จะแก้ความเบื่อได้ยังไง เขาเลยมองออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อชื่นชมภาพนักเรียนที่กำลังวิ่งบนลู่วิ่ง สายลมเย็นๆ ในยามเช้าพัดผ่านใบหน้าของเขา ช่างเป็นช่วงเวลาของวัยเยาว์ที่ดีซะเหลือเกิน พอได้มาเห็นแบบนี้หัวใจที่ใช้เพื่อคนไข้อย่างจำเจ กลับมารู้สึกราวกับว่ากำลังโบยบินอีกครั้ง 

แค่คิดว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตของเขา ก็เหมือนว่าเด็กหนุ่มจะเข้าใจเหตุผลของการย้อนเวลากลับมา แต่มันจะแค่อยากให้เขาได้ซึมซับช่วงแห่งความสุขเท่านั้นเหรอ หรือว่ามีอะไรที่เขายังต้องแก้ไขอีกรึเปล่า



อ๊อด อ๊อด 

"วาฬกินเตี๋ยวกัน" น้ำเสียงใสเจื้อยแจ้ว ดังมาจากข้างๆ เขา ไม่ใช่เสียงของใครที่ไหน แต่เป็นเสียงของพลอยใส เพื่อนสาวคนสนิทของเขานั่นเอง

"พลอยอยากกินเหรอ" ใบหน้าหวานละมุนละไม ผิวขาวนวลสะอาดตา เธอเป็นหญิงสาวที่สดใส และเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน 

"ช่ายยยย ปลาวาฬไม่อยากกินเหรอ" แขนเรียวเล็กเอื้อมมาเกาะแขนของเขาเอาไว้ ใบหน้าออดอ้อนสุดฤทธิ์ หากเป็นคนอื่นเห็นก็คงอดสงสารไม่ได้ และคงจะรีบพาเธอไปกินเตี๋ยวอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่สำหรับเขา 

"ไม่ต้องมาอ้อน ไม่หลงกลหรอกนะ" ปลาวาฬรู้ดีว่าที่เพื่อนทำเพียงแค่อยากอ้อนให้เขาทำตามใจ 

"เชอะ แล้วสรุปจะกินอะไร" พลอยใสกอดอกพิงเก้าอี้มองมาที่ปลาวาฬด้วยสายตาเซ็งๆ ที่เพื่อนรู้ทันแผนการของเธอ

"อื้มมมม อยากกิน..."

"วาฬอย่าเรื่องเยอะได้ไหม พลอยหิว" 

"งั้นเตี๋ยวแหละง่ายดี" 

"ปลาวาฬ!!!" พลอยใสหันมามองเพื่อนรักตาขวาง เธอรอเพื่อนตัดสินใจด้วยความหิว แต่เหมือนเพื่อนของเธอจะแกล้งให้เธอหิวเล่นๆ เท่านั้น 

"มีไร หิวไม่ใช่เหรอลุกขึ้นสิ" ปลาวาฬยิ้มให้เพื่อนสาว เป็นรอยยิ้มของผู้ชนะ ในอนาคตหญิงสาวข้างกายของเขาเป็นวิศวกรหญิงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง

ทั้งสองพากันเดินมาโรงอาหาร พอได้เห็นผู้คนในโรงอาหารแออัด จนไม่มีที่จะให้ทั้งสองแทรกตัวเข้าไปนั่งกินข้าวได้เลย สองเพื่อนซี้ก็มองหน้ากันอย่างเซ็งๆ สงสัยว่ามื้อเที่ยงของพวกเขาวันนี้อาจจะต้องเป็นข้าวกล่องซะแล้วสิ 

"ปลาวาฬ" โลมาที่เห็นน้องไม่มีที่นั่งกินข้าวก็ตะโกนเรียก พร้อมกับโบกไม้โบกมือให้น้องชายมานั่งด้วยกัน 

ใจหนึ่งปลาวาฬก็อยากจะไปนั่งด้วย ถ้าหากว่าคนที่นั่งอยู่ด้วยไม่ใช่คีตะ ปลาวาฬคงเดินเข้าไปหาพี่ชายทันที ท่าทางลังเลจนน่าอึดอัด ทำให้คีตะที่มองใบหน้าของปลาวาฬทนไม่ไหว ลุกขึ้นจากโต๊ะพร้อมกับยกจานข้าวของตัวเองขึ้นมาถือเอาไว้ 

"อิ่มแล้วเหรอวะ" 

"เออ กูอิ่มแล้ว" คีตะตอบเพื่อนก่อนจะเดินเอาจานข้าวไปเก็บ คีตะได้แต่เดินไปลูบท้องตัวเองไป นักกีฬาอย่างเขายังกินข้าวไม่ได้ครึ่งกระเพาะด้วยซ้ำแล้วจะอิ่มได้ยังไงกัน 

ปึง 

"เสียงลูกบาสกระแทกแป้นบาสลูกแล้วลูกเล่า คีตะมาระบายความหิวด้วยการโยนลูกบาสเข้าห่วง แต่เหมือนมันจะยิ่งทำให้เขาหิวมากกว่าเดิม เพราะว่ายิ่งเด็กหนุ่มเสียพลังงานในการเล่นบาสมากเท่าไหร่ กระเพาะก็จะร้องหิวข้าวมากเท่านั้น

"นี่มึงคลั่งบาสไปรึเปล่าวะ" โลมามองเพื่อนสนิทตาปริบๆ 

"เปล่า กูแค่เซ็งๆ" คีตะอยากจะบอกว่ากูแค่อยากให้น้องมึงมานั่งกินข้าวอย่างสบายใจ กูเลยยอมอดเพื่อให้ปลาวาฬอิ่ม น้ำเน่าชิบหาย คีตะได้แต่นึกด่าตัวเองในใจ

โลมามองเพื่อนที่เดินไปมางุ่มง่าม พึมพำอะไรบางอย่างออกมา เขาฟังไม่รู้เรื่องเพราะนั่งไกลได้ยินไม่ชัด โลมาเอียงคอมองเพื่อนของตนเองเพ้อสักพัก ก็เดินตรงเข้าไปหาเพื่อน พร้อมกับถุงอาหาหารที่เขาถือมาด้วย 

"เอา เดี๋ยวเป็นลมตายไปก่อน" โลมายืนถุงอาหารที่เขาถือติดมือมาให้เพื่อน ในนั้นมีข้าว น้ำเปล่า ชาเขียวเป็นของโปรดของคีตะทั้งหมด 

"นี่มึงใจดีขนาดนี้เลยเหรอ รู้ด้วยว่ากูอยากแดกอะไร" 

"เปล่า ปลาวาฬเป็นคนซื้อแล้วบอกว่ามึงจะหิวตายในอีกไม่กี่นาที ให้กูมาดู" โลมาตอบออกมาเสียงเรียบ แม้ว่าในใจของโลมาจะรู้สึกแปลกใจมาก แต่เขาก็ไม่ได้ถามน้องชายว่ารู้ได้ยังไง เพราะน้องเล่นพูดจบก็เดินออกไปซื้อของกินของตัวเอง ทิ้งโลมาเอากับอาหารถุงนี้ เด็กหนุ่มรู้จะชักน้องชายดี เลยคิดแล้วว่าหากรอถามน้องชายก็คงไม่ยอมบอกอะไรเขาอยู่ดี เลยเดินออกมาหาเพื่อนที่านมบาสน่าจะดีซะกว่า 

"มึงบอกว่าใครให้เอามาให้กูนะ" 

"กูบอกว่าปลาวาฬ" 

"พอ!!!" คีตะรู้ว่าเพื่อนจะพูดประโยคเดิมซ้ำอีก เขาเลยบอกให้เพื่อนหยุดพูด แล้วรับกล่องข้าวมากินอย่างหิวโหย 

คีตะดีใจไม่น้อย ที่วันเวลาผ่านไปนานแล้ว แต่ปลาวาฬยังจำได้ว่าตัวเขาชอบกินอะไร ถ้าอีกคนใส่ใจในเรื่องของเขาขนาดนี้ ทำไมในตอนนั้นถึงบอกเลิกคีตะได้อย่างง่ายดายและไร้เยื่อใยขนาดนั้นกันนะ 

โคตรโง่เลยคีตะเอ้ยยย อยากแก้ไขอนาคตโดยไม่เข้าไปรู้จักกับเขาอีก เพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องเจ็บอย่างทุกวันนี้ แต่แค่เห็นเขาเดินมาที่สนามมือเจ้ากรรมก็ดันลั่นเขวี้ยงบาสใส่หัวเขา เพื่อจะเอาตัวเองเขาไปอยู่ในชีวิตเขาอีกจนได้ 

คิดๆ ไปแล้วคนอย่างเขามันก็ไร้สมองเกินไปจริงๆ

ความจริงแล้วคีตะจำปลาวาฬได้ ในใจคิดว่าจะไม่เข้าไปวุ่นวายในชีวิตเด็กหนุ่ม แต่หัวใจกับสมองของเขามันทำงานสวนทางกัน ทำให้มือของเขาไปไวกว่าสมองเขวียงบาสใส่หัวปลาวาฬเข้าไปเต็มๆ

"เป็นไรของมึงวะ" โลมาที่เห็นเพื่อนกินข้าวไปยิ้มไป ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เรียกได้ว่าหนึ่งนาทีหนึ่งอารมณ์ ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับรู้สึกว่าเพื่อนของตนเองในตอนนี้น่ากลัว 

"อะเอ่อเปล่า กูไม่ได้เป็นอะไร ว่าแต่เขาได้พูดไรถึงกูอีกรึเปล่า" 

"ใคร"

"น้องมึง" 

"มึงก็แปลกเนอะชอบมันมาตั้งแต่งม.1 จนตอนนี้ม.3 แล้วมึงยังไม่บอกมันไปอีก" โลมารู้ว่าเพื่อนคิดกับน้องชายแบบไหน เขาอยากช่วยเพื่อนให้สมหวัง แต่ไอ้เพื่อนตัวดีกับใจปลาซิวไม่ยอมเดินหน้าจีบ แถมไม่ยอมให้โลมาช่วยแนะนำหรือเป็นพ่อสื่อสักครั้ง โลมาเองก็ไม่เข้าใจคีตะเลยสักนิดว่ามันกำลังกลัวอะไร

"กูแค่อยากมองเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ มองเขาเติบโต อยากเห็นเขามีความสุขในทุกๆ เรื่องที่เขาอยากทำ" 

"พระเอกไปอีกเพื่อนกู" 

"กูไม่ได้เป็นพระเอกอะไรหรอก กูแค่กลัว กลัวว่าน้องมึงจะทำกูเจ็บเจียนตาย" ตอนนั้นมันก็เจ็บจนอยากจะตายจริงๆ นั่นแหละ เจ็บมากแต่ก็ยังตายไม่ได้ เพราะเป็นห่วงคนที่ทำให้เขาเจ็บ กลัวว่าถ้าตนเองตายเด็ฏหนุ่มจะโทษตัวเอง 

"อะไรทำให้มึงคิดว่าปลาวาฬจะทำมึงเจ็บวะ" โลมากลับไม่คิดอย่างงั้น เพราะเขาคิดว่าเขารู้จักน้องชายของเขาดีมากพอ 

"มึงเชื่อกูสิ ถ้ากูเดินหน้าเขาใกล้น้องมึง กูจะต้องเจ็บเจียนตายอย่างแน่นอน" 

"มั่นใจอะไรขนาดนั้นพ่อคุณ" 

"มึงเชื่อกูสิ กูอาจจะมองเห็นอนาคตไง" คีตะยิ้มกับเพื่อน คำพูดทีเล่นทีจริงทำให้โลมาถอนหายใจออกมา 

"มึงนี่นะ" 

สองหนุ่มกำลังหัวเราะกับมุกตลกที่ไม่ตลกสักนิดของคีตะ โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดทุกคำที่พวกเขาพูดกัน ปลาวาฬเองก็ได้ยินเหมือนกัน เด็กหนุ่มกินข้าวเสร็จก็บอกกับพลอยใสว่าอยากนอนจะแอบไปนอนห้องพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าทำไมขาทั้งสองข้างถึงได้พาตัวเองมาโผล่ที่สนามบาสได้เหมือนกัน

ตอนมาถึงภาพของหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังชู๊ตบาส มันทำให้หัวใจที่ไม่เคยเต้นเกินอัตราการเต้นของหัวใจ กลับต้องมาเต้นเกินอัตรา เพราะเหงื่อที่ไหลอาบไปทั่วทั้งใบหน้าของคีตะ ภาพที่เขามักได้เห็นเป็นประจำทุกวันตอนเย็น จะให้มามองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อเลยสักครั้ง คิดถึงขึ้นมาทีไรปลาวาฬก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ทุกครั้ง 

ตอนนั้นไม่ใช่ว่าปลาวาฬจะไม่เจ็บปวด เขาเองก็เจ็บปวดไม่น้อย ในช่วงเดือนแรกที่คีตะหายไป เด็กหนุ่มพยายามตามหาก็ไม่เจอ พยายามถามหาจากพี่ชาย แต่โลมาก็เอาแต่บอกว่าตนเอง ไม่รู้ว่าคีตะไปทำอะไรอยู่ที่ไหน 

"ทำไมพี่ถึงรู้ว่าผมจะทำร้ายพี่ในวันข้างหน้าละ" ในขณะที่กำลังเสียใจ เหมือนจะมีประโยคหนึ่งที่ทำให้ปลาวาฬต้องแปลกใจ ถ้าหากว่าตรงหน้าของเขาคือคีตะในวัย 18 ปีจะไม่มีทางรู้ว่าหลังจากคบกันได้สามปี ปลาวาฬจะบอกเลิกคีตะ 

ปลาวาฬเดินออกจากหลังต้นไม้ เขาเดินไปยังห้องเรียนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ใจหนึ่งก็อยากกลับไปเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขอีกครั้ง แต่อีกใจเขาก็กลัวว่าถ้าตนเองไม่เข้าไปอนาคตอาจจะเปลี่ยนไป ในอนาคตเขากับคีตะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าในตอนนี้เขากับคีตะไม่คบกัน คีตะอาจจะยังวนเวียนอยู่ในชีวิตเขาก็ได้

ถ้าเลือกได้ปลาวาฬเองก็อยากจะเฝ้ามองคีตะเติบโตและมีชีวิตที่ดีเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเขาเปลี่ยนแปลงอดีตไม่เข้าไปยุ่งกับคีตะ อนาคตของพวกเขาทั้งสองคนจะเปลี่ยนไปรึเปล่า คีตะจะยังคงมาวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวของปลาวาฬไหม ปลาวาฬจะยังได้เจอกับคีตะอีกใช่ไหม คำถามมากมายแต่ไม่รู้เลยว่าอันไหนคือคำตอบที่ถูกและดีที่ปลาวาฬควรจะทำ 

หากการย้อนเวลากลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขอดีต เขาก็ไม่ควรเขาไปยุ่งวุ่นวายกับคีตะ เพื่อที่จะไม่เข้าไปทำร้ายหัวใจของคีตะอีกครั้ง คิดได้แบบนั้นปลาวาฬก็ตัดสินใจแน่วแน่ทันที่ ว่าตนเองจะอยู่ให้ห่างคีตะ เ